กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-09-2023, 17:13
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,658 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-09-2023, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ความจริงแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องไปตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบที่จังหวัดชลบุรี แต่เนื่องจากว่าทางองค์การคุณธรรมมหาชนได้มอบรางวัลคุณธรรมอะวอร์ดของปี ๒๕๖๕ ให้กับกระผม/อาตมภาพ จึงต้องเดินทางไปรับรางวัลที่หอศิลป์แห่งชาติ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยแทน

ซึ่งในเรื่องของรางวัลนั้น เป็นรางวัลของปี ๒๕๖๕ แต่ว่ามาตัดสินเพื่อรับรางวัลกันในปี ๒๕๖๖ ก็คือนำเอาผลงานในปี ๒๕๖๕ ทั้งปีมานำเสนอ ถ้าคณะกรรมการเห็นสมควร ก็จะได้รับรางวัลคุณธรรมอะวอร์ดของปี ๒๕๖๕ ไป แต่ว่ามาแจกกันภายในปี ๒๕๖๖ นี้

ความจริงแล้ว ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้ส่งชื่อกระผม/อาตมภาพเข้ารับรางวัลครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี ๒๕๖๔ แต่ว่าไม่ผ่านเข้ารอบ เนื่องเพราะว่าทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นคนทำรายงานให้เอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นแล้วว่าไม่ตรงประเด็น เพราะว่าไปรวบเอาผลงานทุกประเภทมารวมกัน ทำให้ไม่ชัดเจนว่าผลงานเด่นในด้านใดกันแน่

ดังนั้น..เมื่อทางนางสาวสุภาภรณ์ เจริญศิริโสภาคย์ ผู้อำนวยการกลุ่มกิจการพิเศษ ได้บอกให้กระผม/อาตมภาพส่งชื่อเข้าชิงอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ผลงานของปี ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพจึงขอทำประวัติด้วยตนเอง เนื่องเพราะมั่นใจว่าตนเองตีโจทย์แตกมากกว่า เมื่อทำส่งไปจึงผ่านเข้ารอบ ได้รับรางวัลในฐานะบุคคลผู้มีจิตสาธารณะ แล้วก็มารับรางวัลกันในวันนี้

เมื่อเดินทางไปถึงหอศิลป์แห่งชาติ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ ก็ได้พบกับคนรู้จักก็คือ ท่านเจ้าคุณพระโกศัยเจติยารักษ์, ดร. (วิชาญ กิตฺติปญฺโญ ป.ธ.๓) รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮ ซึ่งท่านก็มารับรางวัลเช่นกัน แล้วก็ยังมีบรรดา FC ซึ่งเป็นทั้งพระภิกษุสามเณรและฆราวาส แห่กันมาขอถ่ายรูปด้วยเป็นการใหญ่ จึงทำให้ไม่รู้สึกว่าเหงา ต่อให้มาคนเดียวก็ตาม เนื่องเพราะว่ามีคนรู้จักมากมายไปหมด

เมื่อถึงเวลาทางด้านองค์กรคุณธรรมได้ถวายภัตตาหารเพล กระผม/อาตมภาพตักเข้าปากแล้วก็นึกว่า "เวรกรรมละกู..!" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถั่วฝักยาวผัดพริกหมู รสชาติหวานเหมือนกับขนม..! กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรสชาติอาหารของบ้านเราถึงได้เพี้ยนไปไกลจนขนาดนั้น

ในระยะหลังแล้ว ส่วนมากอาหารจะหนักไปทางรสหวานเสียหมด แม้กระทั่งน้ำพริกก็หวาน หรือแม้กระทั่งแกงส้มก็หวาน..! ถ้าลองว่าแกงส้มยังหวานก็แปลว่าอนาถแล้ว เนื่องเพราะคำว่า "ส้ม" แปลว่า เปรี้ยว ในเมื่อแกงส้มกลายเป็นแกงหวาน ก็ไม่ต้องไปคิดถึงว่าอย่างอื่นจะหวานหรือไม่ ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-09-2023, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาหารไทย กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าที่ออกรสหวานมีเพียงพวกแกงบวนแกงบอนเท่านั้น อาหารอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในลักษณะเปรี้ยว เค็ม เผ็ด แล้วแต่ว่าเป็นอาหารชนิดไหน แล้วรสไหนจะขึ้นนำ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราทั้งหลายก็ไปอ้างว่าเป็นตำรับชาววัง ทำให้อาหารมีรสหวาน กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ตำรับชาววังอาหารก็ไม่ได้หวาน

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอาหารไทยของเรานั้น มีของหวานตามมาทีหลัง หลายบ้านก็จัดเป็นสำรับของหวานอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการไปเลย อาหารจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีรสหวาน และรสหวานนี่แหละที่เป็นสาเหตุให้คนไทยเป็นเบาหวานกันขึ้นมาจำนวนมากมายมหาศาล..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคนไทยเราบริโภคน้ำตาลมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ซึ่งในประเทศอื่น ๆ นั้น บริโภคน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ๔ - ๖ ช้อนชาต่อวัน แต่ว่าคนไทยของเราบริโภคน้ำตาลอยู่ในระดับ ๘ - ๑๒ ช้อนชาต่อวัน มีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานตายได้ง่ายมาก..!

หลังจากฉันเพลแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็ไปเดินดูบรรดานิทรรศการและข้าวของการงานต่าง ๆ ที่เขานำมาแสดง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นชุมชนคุณธรรมที่มีผลงานเด่น ๆ แต่ว่าผลงานนั้นไม่ได้แยกประเภท อย่างเช่นว่าเป็นการฝีมือ เป็นอาหาร เหล่านี้เป็นต้น จึงทำให้ซุ้มต่าง ๆ มีอาการอยู่ในลักษณะจัดแสดงแล้วไม่ได้อารมณ์ต่อเนื่อง เพราะว่าดูซุ้มผ้าทออยู่ดี ๆ ก็โผล่ไปเจอซุ้มอาหารปักษ์ใต้ จากซุ้มอาหารปักษ์ใต้โผล่มาอีกหน่อย กลายเป็นผลงานจากกระดาษสา เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้น..ถ้าหากว่าคราวหน้ามีการจัดงาน ควรที่จะขอให้บรรดาผู้ที่มาออกร้าน นำสินค้าที่มีในลักษณะที่ต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่างน้อย ๆ สัก ๓ ร้าน ๕ ร้าน แล้วค่อยเปลี่ยนไปก็ยังดี ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะออกอาการอย่างที่เห็น ก็คือเดินดูมากำลังได้อารมณ์ ก็มาสะดุดโครมเบ้อเร่อ..! เพราะว่าเนื้อหาเปลี่ยนไปอย่างชนิดที่ต่อกันไม่ติด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-09-2023, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยจากการชมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปเป็นสักขีพยานในการประกาศข้อตกลง ของสมัชชาคุณธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งมีข้อตกลงอยู่ ๖ ด้าน จำได้แค่ข้อสองข้อเท่านั้น อยู่ในประมาณที่ว่า "ให้คนดีมีที่ยืนในสังคม"

กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ "น้ำตาจิไหล..!" การทำความดี ถ้าต้องการที่ยืนในสังคม เราจะทำได้ไม่ทน ทำได้ไม่นาน เพราะว่าเป็นการทำดีด้วยความอยากดี แต่ถ้าหากว่าเราทำดีเพราะเราอยากทำ ก็จะทำให้เราทำได้ทน ทำได้นาน ไม่ได้สนใจว่าสังคมจะอยู่ในลักษณะอย่างไร เขาจะยินดีสนับสนุน หรือว่าจะช่วยกระทืบซ้ำ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำของเราไป เป็นต้น

แล้วก็เป็นการแสดงในลักษณะเชิดชูรางวัลขององค์การคุณธรรมมหาชน จากนั้นก็เป็นการมอบรางวัลคุณธรรมอะวอร์ด ประจำปี ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพรับแล้วก็หลงไปอยู่บริเวณซึ่งเขาจะมอบค่ารถกลับให้ เพราะว่าโดนเจ้าหน้าที่ต้อนไป โดยที่ไม่รู้ว่าน้องกุ๊ก (นายธีรพงษ์ ลิ้มติ้ว) นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งติดตามมาเพื่อช่วยประสานงาน ได้จัดการเบิกให้เสร็จสรรพแล้ว จึงหลงไปเสียเวลาอยู่พักใหญ่

แต่ก็เป็นการดี เพราะว่าออกมาก็เจอท่านเจ้าคุณพระภาวนาธรรมาภิราม วิ. (พงษ์สวัสดิ์ กิตฺติญาโณ) จากวัดสามัคคีธรรม จังหวัดพังงา ท่านเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) หน (ใต้) เมื่อคืนในการประชุมออนไลน์ก็ยังเจอกันอยู่ ไม่นึกว่าท่านเจ้าคุณก็จะเดินทางมารับรางวัลด้วยตนเอง จึงได้มีโอกาสถ่ายรูปร่วมกัน

ก่อนที่กระผม/อาตมภาพจะบอกกับท่านเจ้าคุณพระโกศัยเจติยารักษ์, ดร. ว่า "ขออนุญาตเดินทางกลับก่อน" ท่านเจ้าคุณยังทักท้วงว่า "รอทุกคนรับรางวัลพร้อมแล้ว เรามาถ่ายรูปหมู่ของระหว่างพระด้วยกันสักชุดหนึ่ง" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ได้ครับ เพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ แถมยังเป็นวันที่ ๑ อีกด้วย ถ้าหากว่าช้าเมื่อไร กระผม/อาตมภาพก็คงต้องติดอยู่บนถนนหลายชั่วโมง กว่าที่จะหลุดออกไปจากกรุงเทพฯ ได้"

ว่าแล้วก็กราบลาทุกท่าน ออกเดินทางมา โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งสำนักวัฒนธรรมส่วนกลาง และสำนักวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีตามมาส่งถึงรถ อาศัย "พี่กู" ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะหลอกต้มเราเมื่อไร เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพจำได้ว่าตรงนั้นต้องเลี้ยวซ้าย แต่ "พี่กู" บอกให้เลี้ยวขวาเฉยเลย เมื่อเราดื้อเลี้ยวซ้ายไป ถึงได้เปลี่ยนแผนที่ตามมา เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-09-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางทีเรื่องของเทคโนโลยีก็เชื่อถือไม่ได้ ถ้าหากว่าอยู่ในสถานที่ซึ่งเป็นตรอกซอกซอยมาก ๆ ต้องอาศัย "พี่กู" นำทางให้ก็พอได้ แต่เราก็ควรที่จะมีความจำเกี่ยวกับเส้นทางเอาไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะเป็นอย่างบางคนที่ขับรถลงห้วยลงคลองเพราะเชื่อตามที่ "พี่กู" บอก ซึ่งคนทั้งหลายเหล่านั้น กระผม/อาตมภาพเห็นว่าค่อนข้างจะปัญญานิ่มไปหน่อย เห็นอยู่ว่าเป็นคลองแล้วยังอุตส่าห์ขับรถลงไป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเหลืออย่างไรดี..!?

โดยเฉพาะทุกวันนี้ ความเชื่อในเทคโนโลยีนั้น ทำให้ความจำของคนเสื่อมทรามไปมาก ถ้าหากกล่าวถึงประเทศเพื่อนบ้านในเอเซียของเรา คือเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันนี้คนเกาหลีใต้ ถ้าเราไปถามทาง เขาจะบอกว่าไม่รู้ ให้กดดูจากกูเกิ้ลแม็พไปเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทุกคนใช้กูเกิ้ลแม็พในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า การนั่งรถเมล์ การนั่งรถไฟ การใช้รถยนต์ส่วนตัว

ในเมื่อใช้ต่อเนื่องกันมาหลาย ๆ ปี ทำให้ทุกคนไม่มีความจำเกี่ยวกับเส้นทางอยู่ในหัว เวลาเราไปถามทาง เขาจึงไม่สามารถที่จะบอกได้ นอกจากให้เราถามจากกูเกิ้ลแม็พประการเดียว ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ กูเกิ้ลแม็พรวนขึ้นมาเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็คงได้หลงตายชักไปเท่านั้นเอง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือว่าในสถานที่ซึ่งมีตรอกซอกซอยมาก ๆ

กระผม/อาตมภาพเองเถียงกับกูเกิ้ลแม็พมาตั้งแต่ต้นแล้ว สมัยที่เริ่มใช้ใหม่ ๆ เขาจะให้ลัดเข้าไปในดงอ้อย ซึ่งเป็นทางสำหรับรถอ้อยวิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือทางดินปนลูกรัง แล้วในเมื่อเรารู้ว่าทางใหญ่ ๆ ๔ เลนอยู่ตรงหน้าก็ไปถึงเหมือนกัน แล้วเรื่องอะไรจะไปเชื่อเอ็ง..! ว่าแล้วก็วิ่งตรงไปเลย แล้วก็โดนกูเกิ้ลแม็พต่อว่าเสียด้วย ว่า "ไม่เชื่อกันแล้วถามทำไม ?"

แต่บังเอิญว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้ปัญญาอ่อน อะไรที่ตัวเองมั่นใจก็ไปตามทางของตน จึงขอเตือนบรรดาท่านที่ใช้เทคโนโลยีมาก ๆ โปรดระมัดระวังเอาไว้ด้วย ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะโดน "พี่กู" พาไปขายเมื่อไร ถ้าเราพลาดขึ้นมา ก็คงจะมีแต่คนหัวเราะ ไม่ได้มีสักคนที่จะ "พุทโธ" สงสารเราเลย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2023 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว