กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-08-2009, 15:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยญาติโยมทุกท่านด้วย ที่ต้องเลื่อนวันรับสังฆทานช้าลงไป ๑ วัน เนื่องจากว่ามีงานประชุมพระนวกะประจำปี ๒๕๕๒ ของคณะสงฆ์ทองผาภูมิ ซึ่งเขากำหนดในวันที่ ๓๑ ที่ผ่านมาพอดี จึงต้องเลื่อนมารับสังฆทานในวันนี้ กลายเป็นว่าเดือนนี้รับสังฆทานวันเสาร์ที่ ๑ วันอาทิตย์ที่ ๒ และวันจันทร์ที่ ๓ สิงหาคม ถือว่าเป็นข้อผิดพลาด แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายคงจะให้อภัย เพราะว่าเป็นเรื่องจำเป็นจริง ๆ

งานคณะสงฆ์เป็นเรื่องของส่วนรวม แสดงออกซึ่งความสามัคคีกลมเกลียวในหมู่สงฆ์ด้วยกัน จำเป็นที่จะต้องไปร่วมงาน โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรา ในปีนี้มีพระบวชใหม่มากกว่า ๓๐ รูป อย่างไรเสียก็ต้องไปร่วมงาน

สำหรับวันนี้เมื่อญาติโยมทั้งหลายนั่งกรรมฐานแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้คือลมหายใจเข้าออก เพราะเป็นพื้นฐานใหญ่ ให้ทุกคนหายใจเข้าออกยาว ๆ สักสองสามครั้ง เพื่อระบายลมหายใจหยาบออกไปเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยกำหนดรู้ลมหายใจไปตามปกติ หายใจเข้ากำหนดรู้ตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกกำหนดรู้ตามลมหายใจออกมา เมื่อกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็ให้ตั้งใจแผ่เมตตาออกไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า ตั้งกำลังใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วทั้งโลก

ในวันนี้มีญาติโยมหลายท่านด้วยกันได้ถวายหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ที่กำลังระบาด การที่ญาติโยมทั้งหลายตื่นตัวในเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากว่าไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ นี้นอกจากจะระบาดได้ง่ายแล้ว ถ้าหากรักษาไม่ทัน โอกาสที่จะเสียชีวิตยังมีสูงอีกด้วย แต่ว่าความตื่นตัวอย่าให้เป็นความตื่นกลัว เพราะว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยทุกประเภท เกิดจากเศษของกรรมเก่าที่เราสร้างมาในชาติก่อน ๆ เมื่อถึงวาระที่ผลกรรมนั้นจะสนองในชาตินี้ ผลกรรมเหล่านั้นก็จะแสดงผลทันที ต่อให้ป้องกันขนาดไหนก็ตาม ถ้าวาระมาถึงจริง ๆ ท้ายสุดฝ่ายป้องกันก็ต้องพลาดจนได้ ฝ่ายที่ตามสนองอยู่ก็จะได้โอกาสแสดงผลของกรรมนั้น ๆ

ดังนั้น..การป้องกันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรที่จะกลัวจนเกินไป ถ้าหากรู้จัก "พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส" เราก็มาพิจารณาดูว่า ในเรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นธรรมดาของร่างกายนี้ เมื่อมีร่างกายขึ้นมา ถ้าหากเราบริหารดูแลมันไม่ดี ความเจ็บป่วยก็จะมาเยือนบ่อย โดยเฉพาะถ้าเศษกรรมเก่ามีมากแล้ว ก็ยิ่งเจ็บป่วยบ่อยกว่าคนอื่นเขา ขึ้นชื่อว่าร่างกายที่เต็มไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ เรายังมีความปรารถนาหรือไม่ ถ้าหากว่าเราต้องตายลงไปเพราะไข้หวัด ๒๐๐๙ นี้ เราพร้อมแล้วหรือไม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2009 เมื่อ 13:59
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-08-2009, 15:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายรู้จักพิจารณา เห็นธรรมดาว่าเกิดมาแล้วก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ และมีความตายเป็นที่สุดแห่งปกติเหมือนกัน ถ้าเห็นดังนั้นญาติโยมทั้งหลายก็จะมีใจที่สงบ ไม่แตกตื่น ไม่ตื่นกลัว ระมัดระวังป้องกันตามหน้าที่ของเราสุดความสามารถ ถ้าหากระมัดระวังแล้วยังเจ็บป่วยอยู่ ก็ถือว่าเป็นกฎของกรรม ถึงแม้จะเป็นกฎของกรรม ก็อย่าทิ้งไว้เฉย ๆ เราก็ต้องรีบเร่งไปหาหมอ เป็นหน้าที่ของหมอที่ต้องดูแลรักษาเรา ถ้ากรรมเก่าไม่ได้หนักมากนัก ก็จะรักษาหายได้ง่าย ถ้ากรรมเก่ามีมาก อาจจะถึงแก่ชีวิตไปเลย

ดังนั้น..ในเมื่อเราเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ โลกนี้มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อน เราไม่มีความปรารถนาที่จะเกิดมามีร่างกายนี้อีก เราไม่มีความปรารถนาที่จะเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้อีก ถ้าเช่นนั้นเราควรที่จะไปที่ไหน คำตอบก็จะได้ว่าเราควรจะไปพระนิพพาน เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

การจะไปนิพพานนั้นไปอย่างไร ? เราก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพในพระธรรมจริง ๆ เคารพในพระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ข้อต่อไปก็คือต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำการละเมิดในศีล ท้ายที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ธรรมดาของร่างกายนี้เป็นอย่างนั้น มันก้าวไปหาความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หายใจออก....ไม่หายใจเข้ามันก็ตาย หายใจเข้า....ไม่หายใจออกมันก็ตาย ความตายมีอยู่กับเราเป็นธรรมดา ในเมื่อมันจะตาย มันจะพังก็ช่างเถิด เราดูแลมันอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้ารักษาไว้ไม่ได้เราก็ส่งร่างกายคืนโลกนี้ไป เพราะว่าร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลกไม่ใช่สมบัติของเรา เรามาอาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมที่สร้างไว้ชั่วคราวเท่านั้น เราเอาจิตใจของเราเกาะพระนิพพานไว้ดีกว่า

เมื่อเป็นดังนี้เราก็กำหนดใจให้นึกถึงภาพพระ ให้สว่างไสวชัดเจนอยู่บนศีรษะของเรา หายใจเข้าให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจเข้าไปในร่างกาย หายใจออกให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจออกมา หายใจเข้าให้ภาพพระใหญ่ขึ้นสว่างขึ้น หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้นสว่างขึ้นก็ได้ หรือหายใจเข้าให้ภาพพระเล็กลง หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้นก็ได้ อยู่ที่ว่าเราชอบที่จะกระทำแบบไหน จากนั้นให้กำหนดความรู้สึกว่า พระพุทธเจ้านั้นพระองค์ท่านไม่ได้อยู่ที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน เมื่อเราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เมื่อเราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน

เมื่อเป็นดังนี้แล้วก็เอาจิตจดจ่ออยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่กับความสว่างไสว สะอาด สงบ เยือกเย็นนั้น อยู่กับพระนิพพานตรงหน้าของเรานั้น ถ้าหากยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ กำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ลมหายใจออกตามสภาพของมัน ถ้ายังภาวนาอยู่ก็ให้กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าหากว่าไม่มีคำภาวนาหรือว่าไม่มีลมหายใจก็ให้กำหนดรู้ว่ามันไม่มีคำภาวนา มันไม่มีลมหายใจ กำหนดตามดูตามรู้อยู่อย่างนี้ โดยตั้งใจว่าถ้ามันต้องตายลงไปตอนนี้ เราขอมาอยู่ที่นี่ที่เดียวคือพระนิพพาน เอาใจจดจ่อแน่วแน่ไว้อย่างนี้ จนกว่าจะหมดเวลาและได้ยินสัญญาณบอกว่าให้เลิกได้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กท้ายแถว : 08-08-2009 เมื่อ 18:10
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว