กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-04-2024, 19:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,505
ได้ให้อนุโมทนา: 216,706
ได้รับอนุโมทนา 742,929 ครั้ง ใน 36,193 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-04-2024, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,173 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันเทศบาล ซึ่งไม่มีใครค่อยจะจดจำกัน นอกจากบรรดาเจ้าหน้าที่เทศบาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร ซึ่งจะมีการทำบุญตามปกติของเขา แต่ว่าปีนี้ท่านนายกปาล์ม (นายศราวุธ ศรีทันดร) รับหน้าที่จึงมีการเปลี่ยนแปลง ก็คือจากที่เจริญพระพุทธมนต์ รับถวายภัตตาหาร ก็กลายเป็นการใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งแทน

กระผม/อาตมภาพก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าจบลงได้เร็ว และมีผู้มาร่วมงานกันมาก ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าเป็นการเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารสังฆทาน ก็มักจะมีแต่เจ้าหน้าที่เทศบาล หรือว่าหัวหน้าส่วนราชการที่มาร่วมงาน ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็ไม่รู้ว่าจะแทรกเข้ามามุมไหน ? เมื่อเปิดให้มีการทำบุญใส่บาตร ชาวบ้านเขาก็มาร่วมได้ ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนที่มีแนวโน้มดีขึ้น แล้วก็ใกล้ชิดกับชาวบ้านมากขึ้น

คราวนี้ในเรื่องของทางโลกนั้น ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะความเจริญต่าง ๆ ทางเทคโนโลยี ปัจจุบันนี้มีแอพพลิเคชั่นพิเศษ คือ ChatGPT ที่จะให้เราทำการทำงานทุกอย่างได้โดยการสั่งให้ AI ทำหน้าที่นั้น ๆ แม้กระทั่งการวาดรูป เขียนบทความ เล่นดนตรี เป็นเรื่องที่ใครสนใจก็ไปศึกษาเพิ่มเติมเอา เนื่องเพราะว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้น ใช้การได้ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้น ตามวันและเวลาที่เปลี่ยนไป

สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจ้างโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ไปสอนการใช้คอมพิวเตอร์ให้กับพระสงฆ์วัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพเองติดเวรดูแลหน้าห้องของท่าน ถ้าไม่ช่วงเช้า ๖ ชั่วโมง ก็ช่วงบ่าย ๖ ชั่วโมง จึงไม่มีเวลาที่จะไปเรียน แต่ว่าเมื่อท่านอาจารย์สมปอง (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ สุธมฺมสนฺตจิตฺโต) ไปเรียนมา ท่านจึงนำมาสอนต่อ โดยบอกว่าต้องทำแบบนี้ ๆ อยู่ประมาณ ๑๐ กว่านาทีแล้วท่านก็ไป ที่เหลือปล่อยให้กระผม/อาตมภาพคลำเอาเอง..!

สมัยนั้นเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบของเวิร์ดจุฬา หน้าจอจะเป็นตัวหนังสือสีเขียวเรืองแสง เราต้องเอาโปรแกรมใส่เข้าไป โหลดเข้าไปก่อน แล้วถึงเรียกออกมาใช้งานได้ หลังจากออกจากวัดท่าซุงมา ก็ไม่ได้ใช้งานอีกเลย ถ้าท่านทั้งหลายได้อ่านบันทึกอดีตที่ผ่านพ้นทั้ง ๘๐ เรื่อง ขอให้รู้ว่านั่นเกิดจากเวิร์ดจุฬาล้วน ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2024 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-04-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,173 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อออกทำหน้าที่ต่าง ๆ ทางด้านทองผาภูมิ จนกระทั่งปี ๒๕๔๘ ทางคณะสงฆ์สั่งให้ไปเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ บอกว่า "เป็นเจ้าคณะตำบลแล้ว ต้องมีความรู้ในการบริหารคณะสงฆ์ให้เป็นระบบมากกว่านี้"

เมื่อไปเรียน ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกว่า ต้องมีโน้ตบุ๊กส่วนตัว ก็คือคอมพิวเตอร์ติดตัวที่เรียกว่าแล็ปท็อป ไม่ใช่ PC ที่เป็นเครื่องสำนักงาน ตอนซื้อมากระผม/อาตมภาพก็ยังงง ๆ อยู่ว่า เราทิ้งมา ๑๑ - ๑๒ ปีแล้ว น่าจะตามระบบไม่ทัน แต่ปรากฏว่าเมื่อใช้ดู ระบบใหม่ ๆ เก่งมาก เราทำอะไรผิด เขาบอก แล้วแถมยังบอกอีกด้วยว่าจะทำอย่างไรถึงจะถูก กลายเป็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยิ่งไปก็ยิ่งใช้งานง่ายขึ้น

แต่คราวนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า เทคโนโลยีนั้นเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของเราให้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แต่อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่อย่างนั้นท่านจะกลายเป็นหนึ่งใน "สังคมก้มหน้า" ไม่ต้องทำมาหากินอะไร วัน ๆ ก็จ้องแต่จอโทรศัพท์

ความเจริญเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ แต่ต้องวางลำดับให้เขาเป็นเครื่องหนุนเสริมการทำงานของเราให้สะดวกขึ้น ให้คล่องตัวขึ้น อย่าให้มาเป็นเจ้านาย ที่เราจะต้องคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา ห่างจากไลน์และเฟซบุ๊กไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นชีวิตนี้ก็ถือว่าไร้ความหมาย เพราะว่าไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น

โดยเฉพาะนักปฏิบัติธรรม สิ่งที่เราปฏิบัติก็คือสมาธิภาวนา ที่เป็นกำลังในการตัดกิเลสที่สำคัญมาก เพราะว่าสมถกรรมฐาน เหมือนการเพาะกำลังให้เรามีความแข็งแรงมาก ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน เป็นเครื่องมือที่มีความแหลมคม ถ้าเรามีแต่กำลัง ไม่มีเครื่องมือ ก็ตัดฟันอะไรไม่ได้ มีแต่เครื่องมือ แต่ไม่มีกำลัง ก็ยกเครื่องมือไม่ขึ้น ใช้งานไม่ได้อีก จึงเป็นเรื่องที่เราต้องทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป

เพราะว่าสมถภาวนากับวิปัสสนาภาวนา เหมือนคนที่โดนล่ามเท้าเอาไว้ ต้องก้าวเดินทีละข้างจึงจะเกิดความก้าวหน้า ก้าวเดินเฉพาะข้างใดข้างหนึ่ง ก็ไปได้แค่สุดก้าว แล้วก็โดนกระตุกกลับ หาความก้าวหน้าไม่ได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2024 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-04-2024, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,173 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราต้องใช้ทั้งกำลังสมาธิและปัญญาในการตัดกิเลส แล้วท่านทั้งหลายนั่งภาวนาครึ่งชั่วโมง จากนั้นไปส่องเฟซฯ สัก ๑ ชั่วโมง ไปเขี่ยไลน์อีก ๑ ชั่วโมง ก็ขาดทุนย่อยยับ เพราะว่ากำลังสมาธิที่เราได้ โดนใช้หมดไปแล้ว

แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ของเรา ถ้าสกัดกั้นไม่เป็น ไปให้ความสนใจเมื่อไร กำลังสมาธิของเราก็จะรั่วไปทันที จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่บางท่านปฏิบัติธรรมมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วหาความก้าวหน้าไม่ได้ เพราะว่าทำได้แล้วก็ใช้งานหมด ทำได้แล้วก็ปล่อยให้รั่วหมด ซ้ำยังไม่รู้อีกด้วยว่า ตัวเองทำแล้วทำไมไม่มีผล ? หาข้อบกพร่องของตัวเองไม่เจอ..!

การสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน ที่เป็นกิจวัตรประจำของนักบวช เป็นเครื่องสั่งสมสมาธิที่ดีที่สุด แต่หลายท่านก็ไม่สนใจที่จะทำ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่เราจะชนะกิเลสจึงมีน้อยมาก มีแต่จะโดนกิเลสกระหน่ำตี ได้รับความทุกข์ยากอยู่ทุกวัน พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ที่คอยบอกคอยกล่าว แต่ฟังแล้วก็กลายเป็น "ลมผ่านหู" ไม่ได้คิดที่จะเอาไปใช้ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นเลย

ความเพียรไม่พอ ความอดทนไม่พอ ปัญญาไม่มี อย่าไปหวังว่าจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม เพราะว่าความพากเพียรนั้นต้องอยู่ในระดับที่ "ฝนทั่งให้เป็นเข็ม" เราลองนึกว่าแท่งเหล็กใหญ่โตมหึมา เราต้องขยันถึงขนาดฝนให้เป็นเข็มเย็บผ้าได้ ต้องใช้ความเพียรพยายามขนาดไหน ?!

ความอดทนอดกลั้นต่อความยากลำบาก ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะต้องมีถึงระดับแลกกันด้วยชีวิต ก็คือถ้าทำไม่ได้ให้ตายไปเลย ถ้าลักษณะอย่างนั้น เราถึงจะใช้ความอดทนเพียงพอในการที่จะต่อสู้กับกิเลสได้ แล้วก็ยังต้องมีปัญญา รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว เวลาไหนที่ควรจะเร่งรีบ เวลาไหนที่ควรจะประคองอารมณ์ไว้ รอกำลังรอบใหม่ของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2024 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 25-04-2024, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,173 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ละอย่างนั้นเป็น "ปัจจัตตัง" คือของเฉพาะตนทั้งนั้น ครูบาอาจารย์มีหน้าที่บอกกล่าว ส่วนจะทำให้เกิดผลหรือไม่ อยู่ที่ตัวเราเอง

แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่างหนึ่ง อักขาตาโร ตถาคตา แม้ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น อีกอย่างหนึ่ง อย่าไปหวังความมักง่าย อย่างเช่นว่าเชื่อมจิตแล้วจะกลายเป็นพระโสดาบัน..! ถ้าทำอย่างนั้นได้ พระพุทธเจ้าพาพวกเราไปนิพพานกันหมดแล้ว

มีบาลียืนยันไว้อย่างชัดเจนว่า สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน นาญโญ อัญญัง วิโสธเย บุคคลหนึ่งจะทำอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่

ในเมื่อเป็นเช่นนี้อย่าไปหวังทางลัด มรรค ๘ ที่ย่อเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางตรงอยู่แล้ว ทางตรงเป็นทางที่สั้นที่สุด ทางลัดไม่ว่าจะอ้อมไปทางไหน ก็เพิ่มระยะทางทั้งสิ้น อย่าเสียเวลาไปหาทางลัด ถ้าหลงทางจะลำบากไปอีกหลายชาติ เดินทางตรงใน ศีล สมาธิ ปัญญา เพียงแต่ทำให้จริงจัง ทำอย่างเอาชีวิตเข้าแลก แล้วท่านจะประสบความสำเร็จเองอย่างที่หวังเอาไว้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2024 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว