กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-10-2019, 19:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ดังที่ได้กล่าวไว้ในช่วงสนทนาธรรมกับญาติโยมว่า พวกเราทั้งหลายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เน้นการทำบุญ ซึ่งการทำบุญก็คือทานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน หรือธรรมทานก็ตาม โดยเฉพาะช่วงนี้ก็คือถวายร่วมทำบุญกฐินวัดท่าขนุน และร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี

ถ้าถามว่ากฐินวัดท่าขนุนได้อานิสงส์อะไรบ้าง ? การถวายกฐินนั้นก็คือเราถวายผ้าเป็นทาน ถ้าหากว่าได้เกิดชาติใหม่เป็นผู้ชาย ถ้าได้รับการบวชโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกว่าบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา ก็จะมีจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ปรากฏขึ้นให้นุ่งห่มพร้อมสรรพ ถ้าไปเกิดเป็นผู้หญิงก็จะมีเครื่องประดับที่เรียกว่า มหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับที่งดงามอลังการมาก ราคาในสมัยพุทธกาลของเราคือ ๙ โกฏิ ถ้าเทียบกันตามมาตราส่วนปัจจุบันก็น่าจะประมาณ ๙๐ ล้านบาท

ในส่วนของการสร้างวิทยาลัยสงฆ์นั้น เป็นทั้งวิหารทานคือสร้างอาคาร เป็นทั้งธรรมทาน เพราะว่าเป็นอาคารสำหรับพระภิกษุสามเณรเล่าเรียนหนังสือ จึงเป็นวิหารทานและธรรมทานพิเศษ เพราะไม่ว่าพระภิกษุสามเณรใช้ในการเล่าเรียนกี่ครั้ง อานิสงส์ก็จะเกิดขึ้นแก่เราเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 04:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-10-2019, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า นี่เป็นแค่ทานเท่านั้น สิ่งที่ก่อให้เกิดบุญกุศลที่สูงกว่าทานยังมีการรักษาศีล ไม่ว่าจะศีล ๕ ศีล ๘ หรือกรรมบถ ๑๐ ก็ตาม ศีล ๕ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบัน กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับสกทาคามี ศีล ๘ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับอนาคามี ศีล ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับพระอรหันต์

ถามว่าพระท่านต้องมีศีล ๒๒๗ ข้อไม่ใช่หรือ ? ใช่...แต่ว่าศีลส่วนใหญ่นั้น พระพุทธเจ้าท่านสั่งห้ามไว้เพื่อเป็นการเอาใจชาวบ้าน เพราะชาวบ้านไปคิดว่าถ้าพระทำอย่งนั้นแล้วผิด ในเมื่อชาวบ้านมีความคิดความเชื่ออย่างนั้น ถ้าพระไปทำเข้า เขาก็จะตำหนิติเตียนและจะเกิดโทษกับตัวเขาเองได้

ถามว่าแล้วศีล ๑๐ แค่นั้นทำให้เข้าถึงพระอริยเจ้าในระดับพระอรหันต์ได้หรือ ? ก็ต้องดูสามเณรต่าง ๆ ในสมัยพุทธกาล สามเณรถือศีล ๑๐ ข้อ ทำไมเป็นพระอรหันต์กันมากมาย ?

การรักษาศีลนั้นมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเป็นร้อยเท่า ดังนั้น ถ้าการให้ทานมีผลเป็นร้อย การรักษาศีลคูณร้อยก็มีผลเป็นหมื่น แต่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการภาวนา คือการที่เรามาปฏิบัติสมาธิกันอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นการควบคุมกาย วาจา และใจของเรา ให้สงบระงับ ไม่กระทำสิ่งอันเป็นเหตุที่ก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง มหากุศลใหญ่จึงเกิดขึ้น และมีผลสูงกว่าการรักษาศีลเป็นร้อยเท่า

ก็แปลว่าการรักษาศีล ถ้าเปรียบกับทานแล้วมีผลเป็นหมื่น การเจริญภาวนาถ้าเปรียบกับทานแล้วก็มีผลเป็นล้าน แต่เราก็มักจะไปเน้นการให้ทาน โดยที่ลืมไปว่าถ้าเราต้องการอานิสงส์กันจริง ๆ แล้ว การรักษาศีลหรือการภาวนา มีอานิสงส์มากกว่ามหาศาล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 04:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-11-2019, 01:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็เตือนไว้ว่า ควรจะทำให้ครบทุกอย่าง เพราะว่าทานมีผลทำให้เกิดมาร่ำรวย ศีลมีผลทำให้เกิดมามีรูปสวย มีจิตใจดีงาม ภาวนาทำให้เกิดมามีปัญญาฉลาดมาก ถ้าเรามีทรัพย์ มีความร่ำรวย แต่ไม่มีความฉลาด ทรัพย์สินก็อาจจะสูญหาย..เสียหายไปได้ แต่ถ้าหากว่าเราเกิดมาร่ำรวย แต่หน้าตาไม่เอาไหน แถมยังไม่มีปัญญาอีก คุณสมบัติของเราย่อมมีข้อด้อยใหญ่หลวงปรากฏขึ้น

หรือว่าเราเกิดมาฉลาดแต่ไม่มีสตางค์ และซ้ำยังหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อีกต่างหาก ก็คงไม่มีใครอยากจะคบหาด้วย ครูบาอาจารย์ท่านถึงได้ตักเตือนว่า
ถ้ายังต้องการอานิสงส์อยู่ ให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไปด้วยกัน เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เมื่ออานิสงส์นั้นส่งผล เราจะได้มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

จึงเตือนท่านทั้งหลายที่ส่วนใหญ่แล้วทำบุญเพื่อหวังให้เกิดสิ่งดีงามขึ้นในชีวิต การทำบุญเป็นเพียงทานเท่านั้น ต่อให้เป็นวิหารทานหรือธรรมทานก็ยังจัดอยู่ในระดับของทาน ถ้าเราหวังผลการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างแท้จริง ก็ให้รักษาศีลและเจริญภาวนาควบคู่ไปด้วย จึงจะบังเกิดผลตามที่เราต้องการ

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2019 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว