กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-01-2016, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,969 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๙

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ วันนี้ทางชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งการสวดพระคาถาต่าง ๆ หรือการสวดมนต์ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ใหญ่ทั้งสิ้น อันดับแรก การสวดมนต์หรือพระคาถาต่าง ๆ เราต้องได้สมาธิ ถ้าไม่ได้สมาธิก็จะสวดผิด เพราะถ้าเราเผลอสติไปคิดเรื่องอื่น หรือถ้าสมาธิยังไม่ทรงตัวดี ก็อาจจะนับจำนวนผิดได้ เป็นต้น

อันดับที่สอง ถ้าท่านใช้การสวดนั้นเป็นคำภาวนาควบไปกับลมหายใจเข้าออก ซึ่งจะเป็นคำภาวนาที่ค่อนข้างยาวอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหา เราสามารถที่จะสร้างฌานสมาบัติขึ้นจากการสวดมนต์หรือการสวดพระคาถาต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะท่านที่สวดเป็นระยะเวลานาน ๆ ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง สามารถทรงฌานทรงสมาบัติได้ง่าย หรือท่านจะสวดเฉพาะเช้าและเย็น ถึงเวลาแล้วใจประหวัดถึงว่าเราจะต้องสวดมนต์ เราจะต้องไหว้พระ ดังนี้เป็นต้น ก็แปลว่าจิตเรามีความเคยชิน เริ่มทรงอยู่ในสภาพของฌานเช่นกัน

ลำดับต่อไป เราสามารถสร้างทิพจักขุญาณขึ้นจากการสวดมนต์ หรือสวดพระคาถาต่าง ๆ ได้ โดยการที่เราตั้งใจนึกถึงตัวหนังสือที่เป็นคำสวดขึ้นมาทีละคำ ทีละประโยค ขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเรา แต่เราจำเป็นต้องสวดมนต์หรือพระคาถานั้น ๆ ให้คล่องตัวเสียก่อน เมื่อถึงเวลานึกจะได้ไม่ลำบาก ไม่ติดขัด ถ้าเราซักซ้อมทำอยู่เสมอ ๆ จะเห็นเหมือนอย่างกับเราเปิดหนังสือดู นั่นก็คือการเห็นในลักษณะของทิพจักขุญาณ เราก็แค่เอาไปปรับใช้งาน ขอเห็นผี เห็นเทวดา เห็นนางฟ้า เห็นนรก เห็นสวรรค์ ก็เห็นในลักษณะเดียวกัน ก็คือไม่ได้เห็นด้วยสายตา แต่เป็นการเห็นด้วยทิพจักขุญาณ เป็นการเห็นในห้วงนึก ถ้าท่านเห็นอักขระตัวอักษรได้ชัดเจนเท่าไร ท่านก็จะเห็นผีเห็นเทวดา เห็นนรกสวรรค์ได้ชัดเจนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2016 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-01-2016, 12:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,969 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไป ถ้าท่านสามารถสร้างมโนมยิทธิให้เกิดขึ้นกับตนเองได้ ก็ให้ยกจิตขึ้นไปสวดมนต์หรือสวดพระคาถาถวายพระบนพระนิพพาน สภาพจิตของเราถ้ายังมีงานให้ทำอยู่ ก็จะไม่เคลื่อนไม่คลายจากสภาพของพระนิพพาน ทำให้เราสามารถเกาะพระนิพพานได้นานขึ้น ไม่เช่นนั้นด้วยความละเอียดของพระนิพพาน กับความหยาบสภาพจิตของเราซึ่งเข้ากันได้ยาก บางทีไม่ทันที่จะคิด เราก็หลุดตกลงมาข้างล่างเสียแล้ว

ดังนั้น การที่เรายกจิตขึ้นไปสวดมนต์หรือสวดพระคาถาถวายพระท่านข้างบนนั้น จิตมีสภาพจำว่างานยังไม่หมด ในเมื่องานยังไม่หมด ยังสวดมนต์หรือสวดพระคาถาไม่จบครบตามที่ต้องการ สภาพจิตก็จะไม่เคลื่อนไม่คลายออกมา ทำให้เรามีความเคยชินสามารถเกาะอยู่กับพระนิพพานได้นานมากขึ้น ต่อไปสภาพที่เคยชินกับความสะอาด สว่างผ่องใสที่ปราศจากกิเลสของพระนิพพาน ถ้าทรงใจของเราอยู่ได้นาน ๆ เราก็สามารถที่จะเข้าถึงความหมดกิเลสโดยอัตโนมัติ ในลักษณะของเจโตวิมุตติ ก็คือใช้สมาธิ ใช้สมาบัติในการข่มกิเลส แต่เราไม่ต้องใช้กำลังมากในการข่มกิเลส เพราะเรายกจิตไปอยู่ที่พระนิพพานเลยทีเดียว

ลำดับสุดท้ายในการสวดมนต์หรือสวดพระคาถานั้น ส่วนที่จะก่อเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลก็คือ ถ้าเราสามารถแปลได้ บทสวดมนต์ทั้งหลายก็คือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง เราก็นำเอาพระธรรมนั้นมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา จนกระทั่งเกิดผลขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเราสำเร็จสัมฤทธิ์ผลในหัวข้อธรรมต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น โดยเฉพาะในส่วนที่ทุกท่านปรารถนาก็คือ สามารถก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2016 เมื่อ 13:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-01-2016, 12:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,969 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...จะเห็นได้ว่า การจัดสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ของชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ที่ส่วนมากท่านได้เข้ามาร่วมงานนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ก่อประโยชน์ใหญ่อย่างยิ่งในส่วนของการภาวนา การภาวนานั้นจัดอยู่ในส่วนของปัญญา เนื่องเพราะว่าขั้นต้นของการปฏิบัติของเราคือศีล ขั้นกลางคือสมาธิ ขั้นสุดท้ายคือปัญญา การสวดมนต์ภาวนาเป็นทั้งขั้นกลางและขั้นปลาย ถ้าเราสามารถปรับใช้เป็น ก็จะเกิดประโยชน์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในเบื้องต้น

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2016 เมื่อ 13:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว