กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 28-12-2016, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กัลยาณมิตร ท่านบอกว่าประกอบไปด้วย

๑. ปิโย เป็นผู้น่ารัก น่าชิดใกล้ ไม่อย่างนั้นแล้วใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ไปสอบถาม
๒. ครุ มีความหนักแน่น คือ กำลังใจหนักแน่น ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย
๓. ภาวนีโย เป็นผู้ชักชวนไปในทางที่เจริญ คือทำให้ กาย วาจา ใจ ของเราดีขึ้น
๔. วัตตา เป็นผู้รู้จักใช้คำพูด
๕. วจนักขโม
เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำได้ ใครจะว่าอะไรจะช่าง จะงี่เง่าเต้าทึงขนาดไหนท่านก็รับได้หมด
๖. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา เป็นผู้สามารถอธิบายหัวข้อธรรมที่ลึกซึ้งได้

ข้อสุดท้ายที่สำคัญ คือ ๗.โน จัฏฐาเน นิโยชะเย ไม่ชักนำไปในทางเสื่อมเสีย เช่น เขาปฏิบัติธรรมอยู่ดี ๆ ก็พาไปเข้าสำนักทรง เป็นต้น

ดังนั้น...ครูบาอาจารย์จัดเป็นกัลยาณมิตรชั้นยอด แต่ไม่ใช่กัลยาณมิตรแบบวัดธรรมกาย แบบนั้นท่านชวนบริจาคอย่างเดียว ถ้าไม่บริจาคก็ตื๊อไม่เลิก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-01-2017 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 28-12-2016, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วสี คือ ความชำนาญ เกิดจากการฝึกฝน วสีมีอะไร ? มีความชำนาญในการเข้าฌาน มีความชำนาญในการออกฌาน มีความชำนาญในการกำหนดไปตามลำดับฌาน มีความชำนาญในการเข้าออกสลับฌาน มีความชำนาญในการทรงฌานตามเวลา ทำกันได้ครบไหมนี่ ?

วุฎฐานวสี ชำนาญในการออก เข้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องชำนาญในการออกด้วย อยู่ที่วัดท่าขนุนอาตมาก็พยายามฝึกพระฝึกโยม ฝึกเท่าไรก็ไม่ค่อยจะได้เรื่อง เพราะส่วนใหญ่จะติดแหง็ก ถ้าสังเกตจะเห็นว่าที่วัดท่าขนุนจะเจริญกรรมฐานก่อน แล้วก็ทำวัตรเลย ส่วนใหญ่คลายกำลังใจออกมาไม่ได้ หรือออกมาได้ก็กลับเข้าไปใหม่ นั่งแข็งทื่อ ปล่อยให้พระ ๒-๓ รูปนั่งสวดมนต์ไป ที่เหลือก็สบาย นั่งเงียบ คลายไม่ออก ฝึกแล้วฝึกอีกก็คลายไม่ออก

ยิ่งท่านอาจารย์เตชะยิ่งแล้วใหญ่ พวกกลับกุฏิกันหมดแล้ว ท่านยังนั่งทื่ออยู่คนเดียว ท่านอาจารย์เตชะชำนาญในการเข้า คือมีสมาปัชชนวสี แต่ขาดวุฎฐานวสี เนื่องจากมีคำว่า "ฐานะ" ตามหลัง พออ่านติดกันกลายเป็น "นวสี" คนที่อ่านไม่เข้าใจจะกลายเป็นป่าช้า ๙ ไปอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 20:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 28-12-2016, 20:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องความกลัวนี้ว่ากันไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราพิจารณาไม่ตลอดก็จะกลัวอยู่นั่นแหละ กลัวไม่เลิก อาตมาพิจารณาอยู่เป็นปี ๆ ว่าความกลัวมาจากไหน ตามดูอยู่เป็นปี ๆ ในที่สุดก็สรุปได้ว่ากลัวตาย กลัวตายแล้วเราไปคิดล่วงหน้าก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ถ้าหยุดคิดได้ก็จะเลิกกลัวไปเอง

ไปนั่งกรรมฐานในป่าช้า พอดึก ๆ หน่อย ๔-๕ ทุ่ม งูก็ออกหากิน เสียงเลื้อยมาตามใบไม้แกรก ๆ ฟังดูก็รู้ว่าตัวประมาณนิ้วชี้เท่านั้นแหละ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก ก็นั่งภาวนาต่อไป แวบเดียวเท่านั้นเอง ใจบอกว่า "ถึงตัวเท่านิ้วชี้ แต่ถ้ามีพิษก็กัดเราตายเหมือนกันนะ" ความรู้สึกเริ่มหลอกตัวเอง รู้สึกว่างูตัวนั้นใหญ่ขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง แล้วก็คิดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ "จะใหญ่กว่าที่เราคิดอีกนิดหนึ่งกระมัง ?" จากที่ใหญ่เท่านิ้วชี้นิ้วโป้ง ตอนนี้ชักใหญ่เท่าถ่านไฟฉายแล้ว กลัวมากขึ้นไปเรื่อย ๆ

ท้ายสุดยังไม่ทันจะเห็นงูเลย รู้สึกว่าน่าจะโตสักเสาเรือน..! ท้ายสุดก็ให้รู้เรื่องกันไปเลยวะ เปิดกลดออกไปส่องไฟดู โธ่เอ๋ย...งูปล้องฉนวน ตัวขาว ๆ ดำ ๆ เป็นท่อน ๆ ตัวใหญ่กว่านิ้วก้อยนิดเดียว ยาวสักศอกกว่า ๆ เอง ก็เลยมาตามดูว่า ตกลงว่าเรากลัวอะไร สรุปได้ว่ากลัวตาย กลัวงู งูกัดเรา...ตาย

กลัวผี ผีมาบีบคอเรา...ตาย กลัวเสือ เสือกัดเรา...ตาย สรุปแล้วก็ลงตรงตายหมด แม้กระทั่งกลัวจิ้งจกตุ๊กแกก็ลงตรงตายหมด น่าขยะแขยง...เดี๋ยวขาดใจตาย กูจะบ้า...หลอกกันได้ขนาดนั้น ตามดูอยู่เป็นปี ๆ กว่าที่จะหายกลัวได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 20:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 28-12-2016, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ตอนที่หายกลัวนี้ไม่ค่อยดี ทำอะไรไม่ค่อยมีใครช่วย เพราะคนอื่นเขายังกลัวกันอยู่ เมื่อไม่นานมานี้หลวงพ่อเมียะ เจ้าอาวาสวัดสะพานลาว (พระครูกาญจนพิสุทธิคุณ) มรณภาพ เพื่อนพระไม่กล้าทำอะไร อาตมาไปโกนหนวดโกนเครา เปลี่ยนผ้าให้เสร็จสรรพ เอาใส่โลง คนอื่นเขากล้าทำที่ไหน กลัวผีจะตาย

สมัยศพหลวงปู่สายก็เหมือนกัน อาตมาไปเปลี่ยนผ้าถวายท่าน ใส่โลงแก้วให้ท่าน ตอนนั้นท่านสมเด็จยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่ ปีแรกก็ไม่เจอหน้า ปีสองก็ไม่เจอหน้า ปีสามทนไม่ไหวถามแม่ชีชื่นว่า "ตกลงว่ามีเจ้าอาวาสอยู่หรือเปล่านี่ ?" แม่ชีชื่นบอก "อย่าไปถาม...เขากลัว" ขนาดหลวงปู่มรณภาพแล้วไม่เน่า รู้ ๆ อยู่ว่าความดีของท่านขนาดไหน ดันไปกลัวซะอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-12-2016 เมื่อ 22:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 28-12-2016, 20:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยที่อยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน พอท่านมรณภาพ อาตมาก็เปลี่ยนผ้าครองให้ท่าน แล้วก็นอนอยู่หน้าเตียง กลางคืนนอน ๆ อยู่สะดุ้งตื่น เขามาเปิดไฟ พอไฟสว่างอาตมาก็สะดุ้งตื่น เปิดทำไมวะ ? ก็ลุกมาปิดไฟนอนต่อ กำลังหลับเขามาเปิดอีกแล้ว สรุปว่าเขากลัวผี เขาก็เลยเปิดไฟ เห็นกุฏิหลวงปู่มืด คนนอนอยู่ในกุฏิแท้ ๆ ไม่กลัว คนอยู่นอกกุฏิเสือกกลัว ไม่รู้จะว่าอย่างไรกับเขาดี คนจะกลัวเสียอย่าง

ถ้าหากว่าใครยังกลัวอยู่ ให้พยายามพิจารณาดูว่าตกลงว่าเรากลัวอะไรแน่ ? ถ้ารู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมถึงกลัว แล้วกลัวอะไร ต่อไปก็จะไม่กลัว
สาเหตุที่แท้จริงคือเราไปนึกคิดปรุงแต่ง ถ้าหยุดความคิดได้ก็ไม่กลัว สาเหตุของความกลัวที่แท้จริงก็คือกลัวตาย ถ้าเลิกกลัวตายได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร

หลวงปู่คูณ วัดป่าภูทอง ท่านเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าน้องชายท่านบวช พระเราเวลาบวชต้องรักษาผ้าครอง เวลาจะไปไหนก็ต้องติดผ้าไปครบไตร มีสบง จีวร สังฆาฏิ เวลาค่ำน้องชายของท่านก็แต่งมาครบชุด ที่ไหนได้...มาขออาศัยนอนด้วย เพราะท่านกลัวผี ...(หัวเราะ)..."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-12-2016 เมื่อ 13:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 28-12-2016, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้ว่าใจเรากลับกลอกมาก ตอนเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็อยากพ้นทุกข์ อยากจะไปพระนิพพาน พอหายเข้าหน่อยเดียวก็ลืมแล้ว เพราะฉะนั้น...ไม่ควรหาย ควรที่จะเป็นนาน ๆ ไม่เชื่อกลับไปสังเกตตัวเองได้เลย ป่วยขึ้นมาทุกข์ขึ้นมาอยากจะไปพระนิพพานเดี๋ยวนี้เลย ยังไม่ทันจะลุกจากเตียงคนป่วยเลย อาการดีขึ้นมาหน่อยเดียว ดันลืมพระนิพพานแล้ว สมควรตายจริง ๆ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 20:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 30-12-2016, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีพระจากวัดดาวดึงส์มาหา พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดดาวดึงส์ที่ผมรู้จักก็มีหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ กับหลวงอามหาเวก หลวงอามหาเวกเป็นน้องชายของหลวงพ่อฤๅษีฯ ตอนแรกท่านก็บวชปฏิบัติตามหลวงพ่อฤๅษีฯ อยู่ แต่ด้วยความที่บารมีต่างกัน การปฏิบัติไม่ได้ก้าวหน้ารวดเร็วเหมือนกับหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็เลยขอไปเรียนบาลีและเรียนเทศน์ที่วัดดาวดึงส์

ตอนนั้นหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่สอนการเทศน์ สุดยอดปฏิภาณเลย ลูกศิษย์ลูกหานักเทศน์เป็นร้อย ๆ แล้วท้ายสุดหลวงอาก็เลยอยู่วัดดาวดึงส์จนมรณภาพ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 30-12-2016, 20:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยู่รับสังฆทานที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายหรือคะ ?
ตอบ : ถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของบ้านวิริยบารมี เดี๋ยวปีใหม่ก็ไปบ้านเติมบุญที่บางรักใหญ่ ต้องวิ่งไล่ตามกันอีก

เมื่อเช้าอาตมาเพิ่งไปบวงสรวงเปิดบ้านใหม่ ยกศาลเจ้าที่ใหม่ ไปอยู่ใหม่ต้องทำใหม่ แบบเดียวกับการเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าอาวาสใหม่ต้องบวงสรวงบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางกันใหม่ ทำความตกลงกันใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วท่านก็สงเคราะห์แต่คนเก่า พอคนเก่าไปท่านไม่สงเคราะห์อีกเราก็แย่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 30-12-2016, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อกวยปลุกเสกในลักษณะของคาถาอาคม ทราบว่าทางสายของเถรวาทไม่ให้ใช้วิชาของพวกนี้ ?
ตอบ : มาจากสายไหนก็เหมือนกัน ถ้าเราถือพระธรรมวินัยบริสุทธิ์ก็สงเคราะห์โยมได้ยาก เพราะว่ากำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ท่านที่ต้องการสิ่งยึดเกาะเหมือนอย่างกับเด็กหัดเดิน ต้องอาศัยสิ่งยึดเกาะก่อนยังมีอยู่มาก โบราณาจารย์ท่านฉลาด จึงสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ขึ้นมาให้เขาได้ยึดได้เกาะ เป็นการพาคนเข้าถึงธรรมอีกด้านหนึ่ง

พูดง่าย ๆ คือเบื้องต้นเอาคนเข้าวัดให้ได้ก่อน หลังจากนั้นพอเขาปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา ไปมาก
เข้า ก็จะก้าวขึ้นสู่ภูมิจิตภูมิธรรมที่สูงขึ้น ตอนนั้นก็จะต้องการในส่วนของธรรมะไปเอง เป็นกลวิธีในการดึงคนเข้าวัด ถ้าเราไปถือตามแบบที่คุณว่า ป่านนี้พระพุทธศาสนาขาดช่วงไปแล้ว เพราะว่าคนที่รับธรรมะบริสุทธิ์โดยตรงได้มีแค่ไม่กี่คน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 30-12-2016, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องดวงชง แก้ชง มีผลจริงไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราเชื่อก็มีผล ถ้าหากกำลังใจเราเข้มแข็ง ก็ไม่มีผล

ถาม : เมื่อครู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ได้ผลไหมคะ ?
ตอบ :
ก็ได้อยู่ ทำบุญถวายสังฆทานอะไร อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรไป เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่รู้ไม่กังวลก็ไม่มีผลต่อเรา แต่ส่วนใหญ่เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ถ้าใจเราคิดว่าดีทุกอย่างก็ดีหมด คราวนี้พอใจเราไปคิดว่าไม่ดี ๆ กลายเป็นแช่งตัวเอง ก็ไม่ดีไปอีก เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้เอาแค่พอสมควร อะไรที่ไม่เกินวิสัยทำได้ก็ทำไป อะไรที่เกินวิสัย ก็ให้ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 30-12-2016, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมนั่งลงถวายสังฆทานแล้วลุกไม่ขึ้น "ภาราหะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนักยิ่งหนอ ภาระหาโร จะ ปุคคะโล ก็หนักด้วยกันทั้งนั้นแหละ พวกเราโชคดีที่ได้เห็น พอเห็นชัดก็ไม่อยากได้ พอไม่อยากได้ก็จะไปพระนิพพานง่ายกว่า ส่วนใหญ่ถ้าอยากได้ใคร่ดี ก็ละไม่ได้ แกะไม่ออกหรอก ติดแหง็กอยู่แค่นั้นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 30-12-2016, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเจริญกรรมฐานจะมีพวกเล่นคุณไสยมาลอง ?
ตอบ : มีมากเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าพระรูปไหนประกาศเข้ากรรมฐาน ๗ วัน ๑๕ วัน หรือว่าเข้านิโรธกรรมจะโดนเป็นประจำ

ถาม : ทำไมเขาถึงทำครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาสามารถเล่นงานพระได้ถือว่าเก่งกว่า เขาอยากลอง ยุคหลัง ๆ อย่างครูบาเหนือชัย ครูบาวิฑูรย์ เขาก็เอาพระอาจารย์เล็กไปเป็นตัวประกัน อย่างไรก็กันให้เขาได้แน่ เล่นจับอาตมาเป็นตัวประกันเลย

ถาม : ถ้าเจริญเมตตากรรมฐานจะป้องกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าเราแผ่เมตตาได้ถึงที่สุด สิ่งที่เขาคิดร้ายก็จะสลายไปเอง เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก คิดง่าย ๆ ว่าถ้าเรายังไม่ดีพอก็ยังโดน ถ้าดีพอก็ไม่โดนหรอก

ถาม : บางท่านบอกว่าเทวดามีมิจฉาทิฐิมาลอง ?
ตอบ : พวกเทวดาถ้าจะว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ท่านก็เป็นมิจฉาทิฐิเกือบทั้งหมด ถ้าตราบใดยังเข้าไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน ก็ยังถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ เพียงแต่ว่าหลายท่านมาในลักษณะต้องการที่จะสอนเรา อย่างเช่นว่าเวลาฉุกเฉินเราเกาะความดีได้ไหม ? ถ้าถึงเวลามีเหตุมีอะไรขึ้นมาเราเกาะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ไหม ? จริง ๆ แล้วท่านมีคุณกับเราเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าถ้าท่านไม่ลองเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองปฏิบัติไปถึงระดับไหน แล้วดันไปว่าท่านเป็นมิจฉาทิฐิเสียอีก

ถาม : ถ้าเจริญเมตตาแล้ว เวลามีเรื่องเราไปแจ้งความนี่ ถือว่ายังเป็นสักกายทิฐิ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าให้อภัยเขาได้ทุกอย่างก็จบ ถ้ายังให้อภัยไม่ได้ก็แจ้งความเสียหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-12-2016 เมื่อ 10:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 30-12-2016, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระท่านแผ่เมตตาแล้ว แต่ยังเห็นว่ามีพวกมิจฉาทิฐิมาเยอะ หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่าพระท่านยังไม่เมตตาจริง ถ้าพระท่านเมตตาจริงโลกนี้จะไม่มีศัตรู ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์อยู่ภพในภูมิไหนก็ตาม ก็เห็นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหมด นอกจากไม่เป็นศัตรูกับใครแล้ว ก็ยังไม่ตำหนิใคร เพราะฉะนั้น...จึงไม่มีใครเป็นมิจฉาทิฐิหรือไม่เป็นมิจฉาทิฐิ สำหรับในความรู้สึกของท่านก็คือ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด ยิ่งเป็นมิจฉาทิฐิยิ่งน่าสงสาร ยิ่งต้องสงเคราะห์เขาให้มาก

ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่า อยู่ในลักษณะของมารดลใจ เขาดลใจให้เราคิดว่า ในเมื่อเราทำสิ่งนี้แล้วถึงเกิดขึ้น เพื่อให้เราเลิกทำความดี

ถาม : ไม่แน่ใจว่าจะเจริญเมตตาดีไหม ?
ตอบ : ก็แปลว่าเขาทำงานได้ผล ส่วนเราก็แพ้ไปตามระเบียบ ให้สังเกตว่าเราตั้งใจที่จะละกิเลสตัวไหน ตัวนั้นจะมาลอง นั่นคือลีลาของเขาเลย เขาจะมาว่าเอ็งแน่แค่ไหน จะละตัวไหนเขาก็ลองด้วยตัวนั้นแหละ

ถาม : ถ้าเป็นพวกกสิณเขาจะมาลองอย่างไร ?
ตอบ : เดี๋ยวก็รู้เอง ถ้าหากเป็นวรรณะกสิณตั้งใจตัดความโกรธ เขาก็มาแหย่ให้โกรธ เพราะอำนาจของวรรณะกสิณข่มความโกรธได้

ถาม : ถ้าเป็นกสิณธาตุ ?
ตอบ : ถ้ากสิณธาตุ ตั้งใจจะเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ของร่างกาย เขาก็แหย่ให้ป่วยบ้างอะไรบ้าง ส่วนเราก็คิดว่าที่แท้เพราะว่าเรามาปฏิบัติอย่างนี้เราถึงเป็น เราก็จะเลิกปฏิบัติธรรม เขากวนจะตายไป พยายามที่จะดลจิตดลใจให้เราคิดผิด พูดผิด ทำผิดอยู่เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 30-12-2016, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีวิธีการหลบเขาไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี นอกจากเห็นว่าเขาไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีที่สุด ก็คือทดสอบเราอยู่ทุกวินาทีที่เผลอ เราก็ไหว้เขาเป็นครูไปเลย หมดเรื่องหมดราว ถึงเวลาก็ อาจาริโย เม ภันเต โหหิ...!

กำลังใจของเรา ถ้ายังไม่ถึงก็จะมีศัตรู มีคู่แค้น มีมาร แต่ถ้ากำลังใจถึงแล้วไม่มี...มีแต่ครู ถ้าหากว่าไม่มีเขาเราก็ไม่รู้ว่ากำลังใจของเราอยู่ในระดับไหน ถ้าไม่มีการทดสอบของเขา เราก้าวข้ามพ้นไม่ได้ เราก็ยังคงจ่อมจมอยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้น...จริง ๆ แล้วมารก็คือครู ไม่ใช่ศัตรูของเรา

พอก้าวพ้นไปแล้วจะรู้สึกว่าโลกนี้พลิกกลับ สิ่งที่ไม่ดีในความรู้สึกคนอื่น ก็กลายเป็นสิ่งที่ดีของเราทั้งหมด แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราดิ้นรนอยากหนีนักหนา ท้ายที่สุดกลายเป็นสิ่งที่มีค่าประมาณไม่ได้ เราลอง
มานึกดูว่า คนเราเกิดมาชีวิตหนึ่งตั้งแต่เกิดยันตาย ใช้เงิน ๑ ล้านบาทพอไหม ? ตีเสียว่าล้านหนึ่ง แล้วเราเกิดกี่ชาติ ? พระพุทธเจ้าอย่างน้อย ๆ ก็ ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เกิดจนนับชาติไม่ถ้วน เป็นเงินล้านที่นับไม่ได้

ต้องลงทุนขนาดนั้นถึงจะเห็นทุกข์ แล้วตอนนี้ทุกข์มาอยู่ตรงหน้าของเราแล้ว ของมีค่าขนาดนี้ซื้อหาอย่างไรก็ไม่ได้ มาปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า แทนที่เราจะไปดิ้นรนหลีกหนี ก็มีแต่จะวิ่งใส่เท่านั้น เพราะฉะนั้น...การปฏิบัติธรรม ถ้าทำ ๆ ไปเขาถึงบอกว่าเพี้ยน ไม่เหมือนชาวบ้านเขา อะไรที่ไม่ดีเราจะเห็นว่าดีไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 01-01-2017, 19:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่ท่านขึ้นเครื่องที่ต่างประเทศ มื้อเพลฉันตามเวลาของไทย หรือเวลาของเขาครับ ?
ตอบ : ฉันตามเวลาของเขา แต่ช่วงที่กลับมาจากอังกฤษ ขึ้นเครื่องประมาณ ๑๑ โมงของเขา พอขึ้นเครื่องแล้วเลยเวลา จึงไม่ได้ฉัน ปรากฏว่ามาถึงฝั่งของเรา ๑๑ โมงเมืองไทย เขาค่อยมาประเคนอาหารให้ โอ้โฮ...ไส้แขวนเลย ไม่ใช่ ๒๔ ชั่วโมง แต่เกิน ๒๔ ชั่วโมง เพราะไม่ใช่ ๑๑ โมงของเขา แต่เป็น ๑๑ โมงของเรา เวลาที่ต่างกัน ๕ ชั่วโมงต้องบวกเข้าไป แล้วอาตมาก็ไม่รู้ว่า จริง ๆ เราสามารถเรียกร้องก่อนเวลาได้ ก็มัวแต่ไปรอมื้ออาหารอยู่นั่นแหละ มารู้เอาตอนลงจากเครื่องไม่มีประโยชน์แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 01-01-2017, 19:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อปีที่แล้วตอนเดินบิณฑบาตเช้ามืด ไปเหยียบตะขาบเข้า พอเหยียบปุ๊บตะขาบก็พลิกกอดใต้ตีน แล้วก็กัดตรงช่องลมพอดี คือกัดระหว่างง่ามนิ้วพอดี อาตมาสลัดกระเด็นไป แล้วก็เดินบิณฑบาตไปเรื่อย ปรากฏว่าเท้าบวมขึ้น ๆ แล้วกล้ามเนื้อไม่ทำงาน เพิ่งจะรู้ว่าพิษตะขาบเป็นพิษประเภททำให้กล้ามเนื้อไม่ทำงาน เหยื่อจะได้ไม่หนีไปไหน เวลาเดินไปรู้สึกเหมือนกับลากก้อนหินไปก้อนหนึ่ง ไม่ใช่ขาเรา เพราะแข็งทื่อไปหมด

เดินกลับมาถึงหอฉัน ขาบวมเบ้อเร่อเลย แต่บวมอยู่แค่ฝ่าเท้า เพราะว่าขึ้นผ่านข้อเท้าไม่ได้ มียันต์เกราะเพชรกันอยู่ โอ้โฮ...ถ้าบวมขนาดนั้นแล้วขึ้นได้ ไข่ดันคงบวมไม่ต้องเดินเลย หลังจากนั้นมาประมาณอาทิตย์หนึ่ง หนังเท้าลอกเป็นแผ่น ๆ เหมือนอย่างกับโดนไฟลวก แสดงว่าพิษตะขาบร้อนมากเลย ทำเอาหนังเท้าลอกเป็นแผ่น ๆ เลย

ต้องบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรม ปกติสว่างแล้วพวกนี้ก็กลับรังกันหมด ตัวนี้ดันมาเดินเอ้อระเหยให้เหยียบ แล้วกัดตรงไหนไม่กัด ดันไปกัดเอาประตูลมพอดี เป็นช่องที่พิษจะวิ่งเข้าร่างกายได้เร็วที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 01-01-2017, 19:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก่อนหน้านั้นไหม้ดำไปทั้งขา แล้วก็หนังลอกออกเป็นแผ่น ๆ ลองไปเจอตัวที่ยาววากว่า ๆ กัดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? ก็คงไหม้ไปทั้งตัว

บางทีเวลาเจอเหตุฉุกเฉินแบบนั้นก็เป็นห่วงพระอื่น ๆ ว่ากำลังใจท่านทำไม่ได้อย่างนี้ ถ้าเป็นเองก็คงโอดโอยแล้วให้คนหามไปโรงพยาบาลให้ยุ่งไปหมด แต่อาตมาเดินบิณฑบาตไปจนจบ เห็นชัดเลยว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เพราะว่าบังคับไม่ได้ เหมือนกับลากก้อนหินไปด้วยก้อนหนึ่ง กล้ามเนื้อตายหมด ไม่ทำงาน กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตไปเลย

แต่ตะขาบกับงูนี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ ถ้างูเจอตะขาบจะหนีสุดชีวิตเลย เพราะถ้างูโดนตะขาบกัดจะตายทุกตัว เข้าป่าเข้าดงถ้ากลัวงูก็พกตะขาบไป เอาใส่กระบอกใส่ขวดอะไรไว้ก็ได้ สมัยนี้ขวดน้ำพลาสติกขวดเล็ก ๆ หน่อยเจาะรูให้ตะขาบหายใจได้ ถึงเวลานอนก็วางไว้ใกล้ ๆ ตัวเอง งูมาได้กลิ่นตะขาบก็เปิดแน่บ แล้วหาอะไรให้ตะขาบกินบ้างนะ แต่ตะขาบกินสัตว์เล็ก เราหาให้กินก็คงจะสร้างเวรสร้างกรรมมากขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-01-2017 เมื่อ 18:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 01-01-2017, 19:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในพม่าที่เขาฝึกทำปรอทอยู่ที่ไหนครับ ? (สนทนากับพระ)
ตอบ : ที่ผมไป คือ พะอาง คนไทยเรียกผาอ่าง ส่วนใหญ่เป็นฤๅษีที่อยู่ในป่า ลองไปถาม ๆ เขาดู แต่เครื่องมือหุงปรอทซื้อในตลาดพะอางได้ เขาทำกันเป็นอาชีพเลย ผมก็ไปเรียนอยู่เป็นปีเหมือนกัน มีโอกาสไปศึกษาไว้ก็ดี เป็นวิชาความรู้ติดตัวเรา แต่ให้ระวังไว้นิดหนึ่ง ปรอทถ้าทำขั้นแรกสำเร็จจะเป็นมหาเสน่ห์ ที่ไปกับผม ๕ รูป สาวเอาไปกินหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 01-01-2017, 19:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนสำเร็จปรอทเยอะไหมครับ ?
ตอบ : มีเยอะแยะไป ทางฝั่งไทยและฝั่งพม่าเขาก็ยังร่ำเรียนกันเป็นปกติ แต่ทางด้านพม่าที่เขาทำสำเร็จเลยมีอยู่หลายรูป คำว่าสำเร็จคือทำเป็นทอง ทำเป็นแก้วได้ อย่างหลวงปู่นารทะคนไปหาวันหนึ่งเป็นพันเป็นหมื่น ท่านแจกทองคำให้คนละ ๒ เม็ดถั่วเขียว เอาไปขายกินได้เลย ผมไปถึงท่านกอบให้เป็นกำ "ไม่ต้องหรอกครับหลวงปู่ ผมขอแค่ ๒ เม็ดเท่ากับคนอื่น" แค่เอามาดูเป็นหลักฐานว่ามีคนทำได้จริง ๆ

ถาม : เวลานานไปทองไม่เปลี่ยนรูปเป็นอย่างอื่นหรือครับ ?
ตอบ : เป็นแล้วเป็นเลย ที่แน่ ๆ ก็คือถ้าเอาไปทำพวกตะกั่วก็จะเป็นทองไปอีก ลองไปศึกษาดูก็ได้

อยู่ทางด้านโน้นเขาต้องการสำเร็จปรอท แล้วเหาะเหินเดินอากาศได้ ทำเป็นแก้วแล้วอมใส่ปากก็เหาะได้ พวกนี้พอสำเร็จแล้วเขาก็จะทำเป็นทองแผ่น จารึกชื่อนามสกุลตัวเอง วันเดือนปีที่สำเร็จ เอาไปติดถวายพระเจดีย์ มักจะเอาไปติดบนยอดที่ไม่มีใครปีนได้ เพราะว่าเหาะได้

ทางด้านพม่าพวกพระ พวกฤๅษีที่มีฤทธิ์มีอภิญญา ส่วนใหญ่เขาจะแสดงให้เห็น ๆ เลย มีหลายรายที่เป็นพระ แต่ติดด้วยศีลพระห้ามไว้ เขาก็เลยสึกเป็นตาฤๅษีแล้วก็เหาะกันเล่น เพราะถ้าเป็นพระทำไม่ได้

ถาม : เมืองไทยที่เหาะได้มีไหมครับ ?
ตอบ : ที่เมืองไทยเห็นมีท่านที่ทำได้หลายคน แต่ยังไม่ถึงขนาดทำเป็นแก้ว ที่ทองผาภูมิก็มีอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-01-2017 เมื่อ 18:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 01-01-2017, 19:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมคนเหล่านี้ไม่ฝึกวิชาอภิญญาไปเลย ?
ตอบ : นี่ก็คือการฝึกของเขา ทางพม่าก็จะมีสำเร็จยันต์ สำเร็จประคำ สำเร็จปรอท ถ้าสำเร็จยันต์ก็ประเภทนั่งเขียนยันต์ไปด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือทรงอารมณ์เขียนยันต์ไปด้วย จนกระทั่งสำเร็จขึ้นมาเอง หรือไม่ก็สำเร็จประคำ นั่งนับประคำขาดกันนับครั้งไม่ถ้วน อย่างหลวงพ่ออุตตมะเป็นตัวอย่างในการสำเร็จประคำ พวกสำเร็จปรอทก็ภาวนาหุงปรอทของท่านไป ก็คือการฝึกอภิญญาแบบของท่าน

ถาม : ทำไมท่านไม่ฝึกอภิญญาโดยเริ่มจากกสิณ ?
ตอบ : ท่านรู้แต่วิธีแบบนั้น ต้องบอกว่าสายใครสายมัน ฝ่ายนั้นเขาฝึกกันมาด้วยวิธีอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 20:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว