กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-09-2017, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะจับการกระทบของลมฐานเดียว ๓ ฐาน ๗ ฐาน หรือว่ารู้ตลอดกองลมก็ได้ ส่วนคำภาวนาจะใช้อะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ จะขอกล่าวถึงการที่เรามาปฏิบัติธรรมกันว่า การปฏิบัติธรรมนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสร้างสติให้เกิดแก่เรา เมื่อมีสติแล้วก็ต้องมีสมาธิรองรับด้วย

การสร้างสตินั้นก็คือ สติที่ไปในกาย ได้แก่ ลมหายใจเข้าออกอย่างหนึ่ง การพิจารณาร่างกายอย่างหนึ่ง ลมหายใจเข้าออกนั้นเป็นทั้งสมถกรรมฐาน คือการทำให้จิตใจของเราสงบระงับจาก รัก โลภ โกรธ หลง

ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาเป็น เห็นความเกิดดับของลมหายใจเป็นปกติ อย่างเช่นว่า หายใจเข้า...พอสุดก็ดับไปแล้ว หายใจออก...พอสุดก็ดับไปแล้ว มีความไม่เที่ยงเป็นปกติเช่นนี้ แม้แต่การที่ต้องทนหายใจอยู่ก็เป็นความทุกข์ ถ้าเราเห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ เพราะความไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ของลมหายใจเข้าออก ก็จะเป็นวิปัสสนากรรมฐาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2017 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-09-2017, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนการที่เรามีสติไปในกาย คือ พิจารณาเห็นร่างกายของเราว่า ไม่ใช่แท่งทึบ ประกอบไปด้วยอวัยวะภายใน ภายนอก น้อยใหญ่ ที่เรียกว่าอาการ ๓๒ ซึ่งเป็นทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานเช่นกัน

ในส่วนของสมถกรรมฐานก็คือ การที่เรากำหนดคำภาวนาว่า เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ เป็นต้น แต่ถ้าเราพินิจพิจารณาว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทั้งหลายเหล่านี้ มีความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ไม่ชำระสะสางแค่วันสองวันเราก็ทนไม่ได้

มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ ผมก็หงอก ก็ขาว ก็หลุดร่วงไปได้ ขนในร่างกายก็หงอก ก็ขาว ก็หลุดร่วงไปได้ เล็บของเราก็งอกยาวออกมาเรื่อย ๆ ฟันของเราก็หลุดก็ร่วง หนังของเราก็เหี่ยวก็ย่นลงไปได้ทุกวัน ถ้าหากว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งแปรปรวน แล้วเราไปยึดถือมั่นหมายว่าต้องไม่เปลี่ยนแปลง เราก็มีแต่ความทุกข์ใจ เพราะว่าไม่มีอะไรที่เราจะบังคับบัญชาได้ เรียกว่า อนัตตา ถ้าหากว่าในส่วนนี้จัดเป็นวิปัสสนาญาณ

สมถกรรมฐานสร้างสติสมาธิให้เกิดขึ้น เมื่อมีสติรู้เท่าทัน ราคะ โทสะ โมหะ ก็ไม่เกิดขึ้นกับเรา หรือว่าถึงเกิดขึ้น ก็อาศัยอำนาจของสมาธิ ระงับยับยั้งเอาไว้ได้ ถ้าลักษณะเบื้องต้นเช่นนี้ ก็แปลว่าเราเองนั้นพยายามปิดหนทางสู่อบายภูมิ หรือว่าพยายามระงับหนทางไปสู่อบายภูมิของเรา เพราะว่าราคะ คือความรักหรือโลภนั้น ถ้าไม่มีสิ่งอื่นมาแทรกมาปน ก็จะทำให้เราเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย ถ้าโทสะนั้นพาเราลงไปเป็นสัตว์นรกเลย ส่วนของโมหะนั้นพาไปสู่เดรัจฉานภูมิ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2017 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-09-2017, 17:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเรายังไม่สามารถที่จะระงับยับยั้งได้อย่างแน่นอน ก็จำเป็นที่จะต้องเลี้ยวไปหาอารมณ์พระอริยเจ้า ก็คืออารมณ์ของพระโสดาบัน ที่ปิดอบายภูมิได้อย่างแน่นอน เราต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

มีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง แล้วยังต้องมีปัญญาประกอบ คือ เห็นว่าร่างกายนี้ก้าวเข้าไปหาความเสื่อม ก้าวเข้าไปหาความตายอยู่ตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่าเกิดมาแล้วต้องตายเป็นแน่แท้ แต่ถ้าตายแล้วการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยง เต็มไปด้วยความทุกข์ หาอะไรที่เราบังคับบัญชาให้เที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้สักอย่างนั้น จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการความหลุดพ้นจากกองทุกข์ คือพระนิพพานเท่านั้น

ถ้าสามารถกำหนดใจของเรา ให้ยกขึ้นสู่อารมณ์เช่นนี้ได้อย่างเที่ยงแท้มั่นคง ท่านก็จะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันที่ปิดอบายภูมิ ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็ทนทุกข์ยากแค่ ๗ ครั้งหรือ ๗ ชาติเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็จะก้าวล่วงจากความทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

เพราะฉะนั้น...ทุกท่านเมื่อพินิจพิจารณามาถึงจุดนี้ ให้ประคับประคองรักษาอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออก ก็ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกไป ถ้าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป

อย่าไปดิ้นรนให้พ้นจากสภาพนั้น และอย่าอยากให้เข้าถึงสภาพนั้น เรามีหน้าที่กำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ส่วนอื่นปล่อยให้เป็นไปตามสภาวธรรม ให้ทุกคนรักษาอารมณ์ใจเช่นนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2017 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว