กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-06-2019, 19:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒

ขอให้ญาติโยมทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้เฉพาะหน้า คืออยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาของเรา ไหลเข้าไปจนสุด หายใจออก...ให้ความรู้สึกพร้อมกับลมหายใจและคำภาวนาของเรา ไหลออกมาจนสุด คำภาวนานั้นเราจะใช้อะไรก็ได้ ที่มีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือว่า ในการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ส่วนใหญ่แล้วเราทำเพราะอยาก คืออยากได้ใคร่ดี อยากมีอยากเป็น อยากเก่งกล้าสามารถเหมือนครูบาอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้

ความจริงตัวอยาก ถ้าเราควบคุมอยู่ในกรอบได้ จะเป็นเครื่องผลักดันที่ดีมาก แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วตัวอยากมักจะนำหน้า ไม่ได้อยู่ในกรอบ สภาพจิตของเราจึงกลายเป็นฟุ้งซ่าน ถ้าหากว่าสภาพจิตฟุ้งซ่าน ใจย่อมห่างจากสมาธิเป็นธรรมดา และบางท่านเคยฝึกปฏิบัติในสายอื่น ๆ มาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็บากหน้ามาเสี่ยงโชค ลองดูทางสายนี้บ้าง

อาตมาอยากจะปรับความเข้าใจกับทุกท่านเสียใหม่ว่า จริง ๆ แล้วธรรมะไม่มีสาย พระพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดว่านี่เป็นสายพุทโธ นี่เป็นสาย สัมมา อะระหัง นี่เป็นสายนามรูป นี่เป็นสายพองยุบ นี่เป็นสายเคลื่อนไหว นี่เป็นสายมโนมยิทธิ แต่ที่เกิดเป็นสายกันขึ้นมานั้น ก็เพราะว่าครูบาอาจารย์ต้นสายท่านมีความถนัด มีความชำนาญอย่างไร ท่านก็สอนแบบนั้น เมื่อมีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใสและปฏิบัติตามจนเกิดผลขึ้นมา ก็มีการยกย่องเชิดชูและปฏิบัติตามมากขึ้น ๆ จนกลายเป็นสายธรรมนั้น ๆ แต่จะว่าไปแล้วทั้งหมดก็คือสายของพระพุทธเจ้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2019 เมื่อ 21:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-06-2019, 19:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าท่านเปลี่ยนสายบากหน้าเข้ามา หวังจะประสบความสำเร็จในรูปแบบนี้ ความสำเร็จนั้นก็ยังมีองค์ประกอบหลายอย่างเช่น อย่างแรกคือทำดีทำถูก ก็ดังที่ได้กล่าวไปเมื่อครู่นี้ว่า ส่วนใหญ่แล้วเราทำเพราะอยาก ถ้าอย่างนี้แสดงว่าทำไม่ถูก เราอยากได้ แต่ตอนเริ่มปฏิบัติภาวนาต้องลืมความอยากนั้นเสีย อยู่กับลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว

องค์ประกอบต่อไปก็คือความพากเพียร ส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้สภาพสังคมและเทคโนโลยีนั้น ทำให้คนมีความอดทนน้อย ประมาณว่ากดปุ่ม ๓ นาทีอาหารต้องได้กิน กลายเป็นคนใจร้อนใจเร็ว รออะไรไม่ได้ ความเพียรก็พลอยลดน้อยถอยลง อะไรที่ปฏิบัติ ๓ วันแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น

เมื่อเป็นเช่นนั้น องค์ประกอบที่ ๓ ก็คือ ความที่ใจของเราปักมั่นแน่วแน่ไม่ท้อถอย ก็จะไม่เกิดขึ้น ก็แปลว่าห่างไกลความสำเร็จเข้าไปอีก องค์ประกอบสุดท้ายก็คือ เราต้องรู้จักทบทวนการปฏิบัติของเราว่า เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ตอนนี้ทำไปถึงไหน ? มีผลลัพธ์อย่างไร ? ห่างไกลจากเป้าหมายเท่าไร ? ยังตรงต่อจุดหมายปลายทางหรือเป้าประสงค์ของเราหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2019 เมื่อ 21:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-06-2019, 08:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าขาดองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ โอกาสของเราที่จะปฏิบัติธรรมแล้วก้าวหน้าประสบผลสำเร็จก็เป็นไปโดยยาก โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่เปลี่ยนสายกรรมฐานมา สภาพจิตของเรายังเคยชินกับการปฏิบัติแบบเก่า ๆ

เมื่อวานนี้ก็มีโยมท่านหนึ่งปฏิบัติสายเคลื่อนไหวตามแบบของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ซึ่งอาตมาก็เคยนำไปสอนพระนิสิตปฏิบัติธรรมของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่าน รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ให้คำชมเชยเป็นอย่างสูง เพราะว่าแก้เบื่อในการปฏิบัติได้ดีมาก

แต่โยมท่านนั้นบอกว่าปฏิบัติแล้วติด พอไม่เอาจิตตามดูความเคลื่อนไหวก็ฟุ้งซ่าน บังคับให้ภาวนาจับลมก็ไม่เอา อาตมาจึงได้กล่าวอยู่เสมอในการเริ่มกรรมฐานทุกครั้งว่า เคยปฏิบัติมาอย่างไร เคยใช้คำภาวนาอย่างไรให้ทำแบบเดิม เพราะว่าสภาพจิตของเราเคยชิน ยอมรับแล้ว ถ้าเปลี่ยนใหม่สภาพจิตยังไม่เคยชินกับของใหม่ ก็มักจะย้อนไปหาความเคยชินเก่า ๆ ก็จะทำให้เราหงุดหงิด ไม่ได้อย่างใจ เสียต่อผลการปฏิบัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2019 เมื่อ 21:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-06-2019, 08:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...จึงขอสรุปว่า ถ้าท่านทั้งหลายตั้งใจปฏิบัติธรรมแล้ว อันดับแรก...พยายามตัดความอยากออกจากใจให้ได้ เรามีหน้าที่ปฏิบัติ ผลจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ช่างมัน ข้อที่สอง...ศึกษาแนวทางของครูบาอาจารย์ให้ชัดเจน แม่นยำ จะได้ทำได้ถูกต้อง

ข้อที่สาม....ต้องพากเพียรชนิดมอบกายถวายชีวิต เรียกว่าถึงตายลงไปก็ยอม เพื่อแลกกับผลการปฏิบัติที่จะพึงมีพึงได้ ข้อต่อไป...กำลังใจของเราต้องปักมั่นแน่วแน่ต่อเป้าหมาย ไม่สำเร็จไม่เลิกเด็ดขาด และข้อสุดท้ายต้องหมั่นไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ ว่า เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ยังตรงต่อเป้าหมายหรือไม่ ? เหลือระยะทางใกล้ไกลเท่าใด ? แล้วก็แก้ไขไป

ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำตามองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้อย่างครบถ้วน ความก้าวหน้าในการปฏิบัติจนกระทั่งถึงเป้าหมายสูงสุด คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ก็จะพึงมีพึงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ตามวาสนาบารมีที่สั่งสมมา

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2019 เมื่อ 21:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว