กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-08-2015, 10:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ จะขอกล่าวต่อจากวันก่อนในเรื่องของการทรงฌาน เรื่องของฌานสมาบัติทุกระดับ เราจะทิ้งอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออกไม่ได้ เมื่อลมหายใจเข้าออกของเราเริ่มทรงตัว สมาธิจะแนบแน่นขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งผ่านปีติ ผ่านสุข เข้าสู่เอกัคตารมณ์ เราก็จะทรงปฐมฌานเอาไว้ได้ดังที่ได้กล่าวไปเมื่อวาน

ถ้าเราตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราต่อไป เราจะรู้สึกว่าเสียงต่าง ๆ รอบข้างของเราเบาลง บางทีลมหายใจก็เบาลง ใครที่ความรู้สึกหยาบหน่อยก็จะรู้สึกว่าลมหายใจหายไปด้วย คำภาวนาหายไปด้วย ถ้าเป็นอาการอย่างนี้แสดงว่าท่านกำลังก้าวเข้าสู่ฌานที่ ๒

ถ้าเราไม่ยินดียินร้าย กำหนดรู้อาการนั้นเอาไว้ ไม่ดิ้นรนให้กลับไปในสภาพเดิม และไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ ทำกำลังใจเบา ๆ สบาย ๆ เหมือนกับเป็นคนดู ตามดูตามรู้อาการของตนไป ก็จะเกิดอาการขึ้นกับทางร่างกาย คือบางคนถ้าความรู้สึกละเอียดก็จะรู้สึกว่าบริเวณปาก จมูกหรือคาง เย็นเป็นวงกลมเข้ามา แล้วความเย็นนั้นก็ขยายกว้างออกไป ๆ จนรู้สึกเหมือนกับร่างกายนี้โดนสาปให้กลายเป็นหิน หรือบางคนจะรู้สึกเหมือนโดนเชือกมัดตั้งแต่ศีรษะจนสุดปลายเท้า แข็งตึงไปทั้งร่าง ถ้ามาจนถึงช่วงนี้ลมหายใจเราอาจจะจับไม่ได้แล้ว คำภาวนาไม่มีแล้ว อย่ากลัวที่เป็นเช่นนั้น และอย่าอยากให้เป็นเช่นนั้น ตามดูตามรู้ว่าสภาพร่างกายของเราตอนนี้เป็นอย่างนี้ สภาพจิตใจของเราตอนนี้เป็นอย่างนี้ ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้แปลว่าท่านก้าวเข้าสู่อาการของฌานที่ ๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-08-2015 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-08-2015, 10:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเรายังวางกำลังใจถูก ความรู้สึกก็จะรวบรัดเข้ามาจนกระทั่งเหลือความสว่างจ้าอยู่บริเวณตรงหน้าของเรา หรืออยู่ในอกของเรา เป็นดวงสว่างไสวเยือกเย็นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ตอนนี้อาการภายนอกต่าง ๆ เรารับรู้ไม่ได้ หูก็ไม่รับรู้ในเสียง กายสัมผัสก็ไม่มีความรู้สึก เพราะสภาพจิตไปจดจ่อแน่วแน่อยู่กับสภาพการณ์ปัจจุบันตรงหน้า ถ้าท่านมาถึงจุดนี้แปลว่าท่านเข้าถึงฌาน ๔ แล้ว

การที่เราจะเข้าฌานนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ถ้าวางกำลังใจถูกแค่ไม่กี่นาทีก็เข้าถึงได้ แต่ที่สำคัญก็คือเมื่อเข้าถึงแล้วทำอย่างไรที่เราจะทำให้เกิดความคล่องตัวชนิดที่ตั้งเวลาได้ นึกจะเข้าเมื่อไรก็ได้ นึกจะออกเมื่อไรก็ได้ สามารถสลับกำลังใจของเราในระหว่างฌานได้

ถ้าสามารถทำได้คล่องตัวเช่นนี้ พอเราไปจับการภาวนาใหม่อาจจะแปลกใจคิดว่ากำลังของเราถอยหลัง เพราะว่าตอนนี้สามารถรู้สึกได้ ลมหายใจที่ว่าไม่มีความจริงก็มีอยู่ เป็นลมที่ละเอียดและอ่อนจางมาก เหมือนอย่างกับใยแมงมุมใส ๆ บาง ๆ อยู่เส้นเดียววิ่งอยู่ระหว่างจมูกกับท้อง ถ้าหากว่าเส้นนี้ขาดลงแปลว่าตาย แต่ว่าด้วยความที่สภาพจิตละเอียดทำให้เรารู้สึกว่าใหญ่เป็นต้นเสาเลย มาถึงตอนนี้สภาพจิตจะกำหนดการภาวนาเองโดยอัตโนมัติ

บางท่านถ้าทำมาถึงอาจจะคิดว่าตนเองได้แค่ปฐมฌานเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเป็นกำลังของฌาน ๔ แต่เนื่องจากว่ามีความคล่องตัวมาก สภาพจิตละเอียดมาก ทำให้เกิดอาการที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์จับไม่ได้ อย่างเช่นว่าชีพจรไม่เต้น ลมหายใจไม่มี แต่สภาพความละเอียดของจิตเราทำให้รู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยังมีอยู่ แต่แผ่วจางจนเครื่องมือจับไม่ได้เท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2015 เมื่อ 10:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-08-2015, 16:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจึงควรที่จะซักซ้อมการเข้าออกในแต่ละระดับฌานให้มีความคล่องตัว คิดจะเข้าเมื่อไรก็เข้าได้ คิดจะออกเมื่อไรก็ออกได้ คิดจะเข้าฌานใดก็ได้ ถ้าสามารถทำดังนี้ได้ เราก็จะมีกำลังเพียงพอที่จะใช้ในการตัดละกิเลสต่าง ๆ

ก็ให้มาใช้ปัญญาในการพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเรานั้น มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ สักแต่ว่าเป็นรูปเป็นนาม สักแต่ว่าเป็นธาตุ ๔ ที่ประกอบกันขึ้นมาชั่วคราว ให้เราได้อาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมเท่านั้น ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราเห็นชัดอย่างนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกาย ถอนจิตออกมาจากความยินดีในร่างกายของตน ถอนจิตจากการยินดีในร่างกายของผู้อื่น เราก็สามารถที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2015 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว