กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 27-03-2011, 13:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าจะขอสมบัติจากท่านท้าวมหาราช ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็ไปหาท่านสิ..!

ถาม : สงสัยต้องไปถ้ำมรกตค่ะ
ตอบ : ตอนนี้พระครูแสงจะรับอาสาโยมหรือตามโยมไปก็ไม่รู้ ไปที่ภูเขาทอง เขากำลังจินตนาการบรรเจิดว่าจะเช่าช้างของชาวบ้านขี่เข้าไป


ถาม : หลวงพี่แสงท่านรู้ทางหรือครับ ?
ตอบ : บอกท่านไปนานเนกาเลแล้ว มีโยมอยู่คนหนึ่ง เขาอยากได้ทองมาก อาตมาบอกว่าไปเอาได้เลย บอกทางให้เขาไป ปรากฏว่าพอไปแล้วต้องถอยกลับมาไม่เป็นขบวน เพราะว่าเจอทาก มีทากชนิดหนึ่งเรียกว่า ทากตอง อยู่บนต้นไม้ พอเราเดินผ่านก็จะพุ่งลงมาใส่

เจออย่างนั้นก็ถอยกลับมาไม่เป็นขบวนเลย ตามสำนวนของลิลิตตะเลงพ่ายว่า "หนีญะญ่าย พ่ายจะแจ" พอเขารวบรวมความกล้าได้อีก ก็จะไปใหม่ เขาคิดว่าในเมื่อไม่ได้หลวงพี่ไป ก็เอาหลวงน้องไปแล้วกัน หารู้ไม่หลวงน้องนั่นแหละเป็นสายล่อฟ้าเลย ไปที่ไหนจะต้องมีเรื่อง ถ้าไม่มีเรื่องกับคน ก็ต้องมีเรื่องกับผี คาดว่าไม่น่าจะรอดกลับมา..!

ตรงนั้นสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ผีและเทวดา แต่เป็นสัตว์ที่ไม่รู้จักอยู่ ๒ ตัว บอกไม่ถูกว่าเป็นตัวอะไร อาตมาไปนอนที่นั่น เอาจีวรคลุมโปงอยู่ข้าง ๆ กองไฟ พอดึก ๆ เขามา ความจริงอาตมานอนอยู่ข้างลำธาร เสียงน้ำในลำธารไหลน่าจะกลบเสียงอื่นหมด แต่เขามาแล้วทำให้เรารู้สึกตัวตื่น เพราะเวลาเขาเดินแผ่นดินจะสะเทือน น้ำหนักตัวเขามาก

พอมองลอดจีวรออกมาก็คือผ้าจีวรบาง พอที่จะมองผ่านผ้าไปได้ เห็นว่าเขายืน ๒ ขาอยู่ แต่ความสูงน่าจะถึง ๓-๔ เมตร ขอยืนยันว่าเป็นสัตว์แน่นอน เพราะติดต่อด้วยกำลังใจแล้วเขารับไม่ได้ แสดงว่าไม่ใช่พวกในเขตทิพย์ คราวนี้การที่เขายืน ๒ ขาเลยไม่รู้ว่าเป็นคน ? เป็นหมี ? หรือเป็นลิง ? เขาก็มาจิ้ม ๆ ชี้ ๆ ว่า ตัวเล็ก ๆ อะไรสองตัวมานอนเกะกะอะไรอยู่ตรงนี้ แล้วสักพักหนึ่งเขาก็เดินขึ้นไปทางภูเขาทอง

เกรงว่าถ้าไปเจอเจ้าสองตัวนี้ขึ้นมา เกิดเขาอารมณ์ร้ายแล้วเดี๋ยวจะซวย เพราะเรื่องผีเรื่องเทวดาเราเจรจากันได้ แต่กับสัตว์นั้นเจรจายาก โชคดีที่ว่าวันนั้นตั้งใจสร้างกำแพงกั้นเอาไว้ก่อน ใช้คาถาอิติปิโส ๘ ทิศ เสกหิน ๘ ก้อน โยนไป ๘ ทิศ แต่ต้องอธิษฐานว่า เมื่อได้อรุณแล้ว ขอให้เสื่อมอานุภาพ ไม่อย่างนั้นแล้ว เขตนั้นจะไม่มีใครสามารถเข้าออกได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-03-2011 เมื่อ 13:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 27-03-2011, 14:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ประวัติศาสตร์พม่ากับประวัติศาสตร์ไทย ตรงกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ค่อยตรงกัน อย่างทางพม่าเขาระบุว่า พระนเรศวรมหาราชโดนทางพม่าทำไสยศาสตร์ถึงแก่ความตาย คือทางพม่าเขาจะเชื่อเรื่องเคล็ดลางไสยศาสตร์มาก แต่ของไทยบอกว่าพระนเรศวรเป็นฝีลักษณะติดเชื้อเหมือนเป็นบาดทะยัก

แปลกตรงที่ว่า ประวัติศาสตร์อาจจะสูญหายไป ช่วงเสียกรุงครั้งที่ ๒ เลยไม่มีเนื้อหาที่ระบุชัดเจนว่า มีการอัญเชิญพระบรมศพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาที่เมืองไทย หรือว่าทำการปลงพระศพกันที่พม่า ? ก็เลยมีคนพยายามที่จะโยงประวัติศาสตร์

โดยเฉพาะที่เมืองหางนั้น มีพระเจดีย์องค์หนึ่งชื่อเจดีย์พระนเรศวร เขาเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิของท่าน ทีนี้เราลองมาคิดดูว่า ทหารไทยไปเป็นหมื่นเป็นแสน จะเอาศพเจ้านายคนเดียวกลับมาไม่ได้หรืออย่างไร ? ยิ่งเจ้านายที่เป็นศูนย์รวมจิตรวมใจของคนทั้งประเทศ เราลองคิดดูว่า ถ้าเป็นเราไปกันขนาดนั้นจะเผาศพเจ้านายที่ต่างประเทศหรือ ?

ถาม : ใครเป็นคนสร้างเจดีย์พระนเรศวร?
ตอบ : สมัยนั้นเวลาไปที่ไหน ส่วนใหญ่เขามักจะสร้างสิ่งที่ระลึกเอาไว้ แบบเดียวกับพระนางเจ้าจามเทวี ท่านไปถึงที่ไหนก็สร้างวัดไว้ตรงนั้น เดินทางจากลพบุรีกว่าจะถึงหริภุญชัย ก็สร้างวัดไว้เป็นร้อยวัด

ทางพม่าเขานิยมสร้างเจดีย์ ทหารไปกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก่ออิฐกันคนละก้อน ก็เสร็จแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-03-2011 เมื่อ 18:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 27-03-2011, 14:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่อัศจรรย์อย่างหนึ่ง คือ พระมหาธาตุมุเตา (มุเตา แปลว่าจมูกร้อน) พม่าเรียก ชุยมอดอ เป็นเจดีย์องค์เดียวในพม่า ที่มียอดฉัตรแบบไทย เพราะว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกยอดฉัตรถวายเอาไว้ตอนที่ไปตีหงสาวดี

ได้ถามทางด้านฝั่งพม่าเขาว่า ทำไมถึงไม่เปลี่ยนยอดฉัตรกลับไปเป็นแบบพม่า ? เพราะถ้าปล่อยเอาไว้ เท่ากับว่าเป็นการตอกย้ำว่าคนไทยเคยมายึดแผ่นดินนี้ และแสดงพระราชอำนาจไว้โดยการยกฉัตรเจดีย์เสียใหม่ ทางด้านพม่าเขาให้เหตุผลซึ่งค่อนข้างจะเป็นไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์

เขาบอกว่าสิ่งที่บุคคลซึ่งทรงกฤษฎาอภินิหารระดับนั้นได้ตั้งเอาไว้ ส่วนใหญ่ท่านจะอธิษฐานขอบางอย่างไว้ ถ้าอยู่ ๆ ไปรื้อ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดโทษอะไรบ้าง กลายเป็นว่า พระมหาธาตุมุเตาเป็นเจดีย์องค์เดียวที่ประกาศความเป็นไทยชัดที่สุด เพราะยอดฉัตรเป็นไทย และเป็นหนึ่งในสิบสองสถานที่สำคัญที่พม่าเขาจะต้องไปให้ได้ในชีวิต

ฉัตรแบบพม่าจะมีลักษณะเป็นคล้าย ๆ พระมงกุฏครอบลงมา แต่ฉัตรแบบไทยเป็นแบบร่มเป็นชั้น ๆ ลงมา


ฉัตรพม่า


ตอนนี้วัดหนองบัวที่สร้างไว้ ทหารเขาสกัดตัวหนังสือไทยออกหมด โดยเขาให้เหตุผลว่า เดี๋ยวจะเป็นข้ออ้างให้ทางรัฐบาลไทยมายึดพื้นที่ว่าเป็นเขตของคนไทย เขาฟุ้งซ่านได้ดีมากเลย..! ตกลงว่าตัวหนังสือที่เราอุตส่าห์ใช้ภาษาพม่าอยู่ด้านบน แล้วยอมให้ภาษาไทยอยู่ล่าง ปรากฏว่าเขาสกัดภาษาไทยทิ้งหมดแล้ว
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg ฉัตร.jpg (18.8 KB, 1035 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 27-03-2011, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



มีอยู่อย่างหนึ่งที่พม่าทำไว้ที่เชียงใหม่ เป็นความเชื่อถือของเขา คือ กาแล ลักษณะไม้กากะบาด เป็นไม้สะกดผีของพม่าเขา พอฝังศพเสร็จแล้วก็จะปักไม้กากบาดไขว้ไว้บนหลุมศพ

ถาม : ไม่ให้วิญญาณออกมาอาละวาดหรือครับ ?
ตอบ : ใช่..คราวนี้ที่พม่าบังคับให้คนทางเหนือใส่กาแลเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีบุญมาเกิด ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้ามีผู้มีบุญมาเกิด เดี๋ยวจะนำคนไปแข็งเมืองและยึดบ้านยึดเมืองคืนจากพม่าได้ ปัจจุบันนี้เราเห็นว่ากาแลเป็นของสวย ก็เลยทำกันใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วโบราณเขาถือว่าเป็นของอาถรรพ์

ถาม : พม่ามองว่ากาแลเป็นอาถรรพ์ ?
ตอบ : ไม่ใช่มองว่า แต่เป็นสิ่งที่เขาเจตนาเลย

ถาม : ถ้าเป็นอาถรรพ์ ตอนนี้จะยังส่งผลอยู่หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าสิ่งที่เขาเชื่อเป็นจริง ก็คงจะส่งผลแน่

ถาม : เห็นตำหนักของสมเด็จย่าก็มีกาแล
ตอบ : ที่เกาะพระฤๅษีมีเยอะแยะ

ถ้าตามความเชื่อของเขา จะเป็นการสะกดทุกอย่าง แต่จุดมุ่งหมายจริง ๆ คือป้องกันคนมีบุญมาเกิด ถามว่าป้องกันได้หรือไม่ ? ไม่ได้หรอก ภาคเหนือพระอรหันต์มีเพียบเลย
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 13062_full.jpg (18.5 KB, 1021 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 27-03-2011, 14:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการเมืองการปกครอง เราจะเห็นได้ว่า ระบอบต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับคน ต่อให้ระบอบดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าคนมีความดีไม่เพียงพอ ระบอบก็เละจนได้ พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้สรรเสริญเลยว่าระบอบการปกครองแบบไหนดี แต่พระองค์ท่านมอบหลักธรรมให้สำหรับแต่ละระบอบว่า ถ้าปกครองในลักษณะไหน ต้องใช้ธรรมอย่างไรไปกำกับถึงจะดี

ถ้าเป็นระบอบกษัตริย์ต้องมีทศพิศราชธรรม ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็ต้องมีจักรวรรดิวัตร ถ้าเป็นสามัคคีธรรมหรือสมัยนี้เรียกว่าประชาธิปไตย ต้องมีอปริหานิยธรรม เพราะฉะนั้น..ในการปกครองต่าง ๆ ถ้าขาดธรรมาธิปไตย ก็ไปไม่รอดสักราย แต่เราจะบอกว่าอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ไม่ดีได้ไหม ? ไม่ได้หรอก

อย่างสมัยรัชกาลที่ ๕ บ้านเมืองเราเจริญอย่างมาก นั่นเผด็จการเต็มขั้นเลยนะ อัตตาธิปไตยชัด ๆ แล้วโลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ หรือประชาธิปไตยอย่างในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? ก็แค่พวกมากลากไป ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นการปกครองแบบไหน ถ้าไม่มีหลักธรรมกำกับ ของดี ๆ ก็พาให้เละจนได้

พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกหรอกว่าระบอบการปกครองไหนดีล้วน ๆ ควรให้ปฏิบัติตาม เพราะรู้อยู่ว่าขึ้นอยู่กับคน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 27-03-2011, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำธุรกิจ เปิดมา ๔-๕ ปีแล้ว มีแต่ปัญหา ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า ? ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องตั้งศาล ? เห็นมีคนเคยบอกว่าเป็นที่สงฆ์ค่ะ
ตอบ : ถ้าเป็นที่สงฆ์แก้ง่ายจะตายไป จุดธูปเทียนบอกกล่าวเจ้าที่แถวนั้น ว่าแต่ละปีเราจะชำระหนี้สงฆ์ให้ เราก็เอาเงินใส่ซองสัก ๓๐๐ - ๕๐๐ บาท ถือว่าเป็นการเช่าที่สงฆ์ในปีนั้น เอาไปถวายพระ บอกพระท่านว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์

ถาม : เรื่องการตั้งศาลล่ะคะ ?
ตอบ : เรื่องการตั้งศาลสำคัญตรงทิศ เอาตัวสถานที่เป็นหลักให้ศาลอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ ศาลของเราอยู่ทิศไหน ?

ถาม : ทิศใต้
ตอบ : เป็นศาลอะไร ?

ถาม : ศาลพระพรหม
ตอบ : ศาลพระพรหมอยู่ทิศนั้นได้ แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวกับศาล

ถาม : แล้วต้องมีศาลพระภูมิทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยอีกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีพระพรหมแล้วจะมีพระภูมิไปทำซากอะไร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 27-03-2011, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากให้ช่วยอธิบายเรื่องที่หลวงพ่อบอกว่า อย่าคิดว่าเราดีกว่าเขา เลวกว่าเขา
ตอบ : ตรงตามนั้นเลย ยังจะต้องอธิบายอะไรอีก ?

ถาม : ควรคิดว่าอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : เลิกคิดเท่านั้นเอง เห็นว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใครจะดีใครจะเลวก็ตายเหมือนกันหมด ในเมื่อตายเหมือนกันทั้งหมด จะมีใครดีกว่าใครเลวกว่าเล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 28-03-2011, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ปี ๒๕๔๙ ทหารปฏิวัติและยึดอำนาจ มีโยมมาถามอาตมาว่า บ้านเมืองเราจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม ? อาตมาบอกว่า บ้านเราถ้าไม่ถึงปี ๒๕๕๖ แล้วดียาก

ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ แต่ปัจจุบันนี้ยืนยันได้แล้ว ถึงปี ๒๕๕๔ แล้วยังเอาดีไม่ได้เลย แต่ปี ๒๕๕๖ ก็ไม่ใช่ดีพรวดพราดขึ้นไปนะ ดีในลักษณะเข็นครกขึ้นภูเขา เข็นกันหลายปีทีเดียวกว่าจะดีจริง

ของบางอย่างบอกไป ก็เหมือนกับบ้าอยู่คนเดียว เพราะสถานการณ์ตอนนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูด ตอนนั้นประชาชนดีใจ สนับสนุนการปฏิวัติ ถึงขนาดเอาดอกไม้ไปไล่แจกทหาร คิดว่าบ้านเมืองน่าจะดีขึ้น

เรื่องลักษณะอย่างนี้เคยมีอยู่ ๒-๓ ครั้ง ครั้งหนึ่งก็คือ คุณบังเอิญ อ่องคล้าย ภรรยาของจ่าปัญญาที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ช่วงที่กิจการท่านดี ท่านก็ไล่กว้านซื้อที่ดิน ซื้อไปสามร้อยกว่าแปลง แปลงใหญ่ ๆ ขนาด ๓๐๐-๕๐๐ ไร่ ก็มี

พอปี ๒๕๔๐ เศรษฐกิจตก คุณบังเอิญก็มาถามว่า กว่าจะดีขึ้นอีกนานไหม ? เพราะตอนนี้เงินสดในมือไม่มีเลย อาตมาก็บอกไปว่า อย่างของคุณบังเอิญต้องอีกประมาณ ๘ ปี คุณบังเอิญจากไปด้วยความไม่เชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่น่าจะนานอย่างนั้น เพราะถ้าเขาสามารถขายที่ดินได้สักผืนเดียว เขาก็ยืนได้สบายแล้ว

หลังจากนั้น ๘ ปีผ่านไป คุณบังเอิญก็มาใหม่ มาขอขมาที่คราวนั้นไม่เชื่อ อาตมาบอกว่า สิ่งที่อาตมาพูดเป็นเรื่องที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว ไม่ต้องขอขมาก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 28-03-2011, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนอีกรายหนึ่งตายไปแล้ว เป็นผู้มีอิทธิพลขาใหญ่ของทองผาภูมิ ท่านลงทุนกู้เงินธนาคารมา ๗๐๐ ล้านบาท เพื่อสร้างเมืองใหม่ที่ทองผาภูมิ เนื่องจากหลักทรัพย์ของท่านพอค้ำประกัน ธนาคารจึงให้กู้

ท่านตั้งใจจะขยายตัวเมืองทองผาภูมิออกมา เพราะว่าตัวเมืองทองผาภูมินั้น บ้านมาก่อนถนน ที่ไหนก็ตามถ้าบ้านมาก่อนถนน จะขยายถนนไม่ได้ ที่ทางจะคับแคบ ทำอะไรก็ไม่สะดวก

ช่วงนั้นเศรษฐกิจรุ่งมาก เพราะเป็นช่วงปลายรัฐบาลน้าชาติ ทองผาภูมิสมัยนั้น ที่ไร่หนึ่งราคาถึง ๑ ล้านบาทก็ยังไม่ค่อยมีคนอยากจะขายเลย ปัจจุบันนี้ที่ไร่หนึ่งราคา ๓ - ๔ หมื่นบาทก็ขายได้แล้ว

ก่อนจะกู้เงิน ท่านมาถามอาตมาว่า จะทำกิจการอย่างนี้จะดีหรือไม่ ? อาตมาเตือนไปว่าอย่าทำเลย เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจะแย่ แต่เขาดูจากเหตุการณ์แล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะช่วงนั้นเศรษฐกิจรุ่งจริง ๆ ปั่นราคาที่ดินจนกระทั่งใครจับก็ได้กำไรเดี๋ยวนั้นเลย สรุปว่าท่านไม่เชื่อ ไปกู้เงินธนาคารมาทำ ทำไปได้แค่ประมาณสองปีเศษ โครงการยังไม่เสร็จเรียบร้อย เปิดให้จองยังไม่ทันจะเท่าไร เศรษฐกิจก็ตก

ท่านสบายใจมาก วัน ๆ มีแต่ธนาคารคอยไปประคับประคอง เจ็บไข้ได้ป่วยธนาคารก็ต้องไปช่วย หาหมอหายาไปให้ เพราะลูกค้าคนนี้ห้ามตายเป็นอันขาด..! จนถึงทุกวันนี้ ๑๕-๑๖ ปีผ่านไป โครงการของท่านยังขายได้ไม่ถึงครึ่งเลย

เพราะฉะนั้น..บางอย่างพูดไปก็ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากว่าค้านจากเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนั้น แต่วันนี้ที่พูดขึ้นมา เพื่อให้พวกเราทราบว่า บ้านเราสถานการณ์ยังจะอึมครึมและเลวร้ายไปอีกพักใหญ่ ส่วนพักใหญ่ของอาตมานานแค่ไหน ? บอกแล้วเดี๋ยวโยมจะเป็นลม เพราะฉะนั้น..อดทนอดกลั้น สู้ต่อไป โบราณบอกว่า ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ให้ดิ้นกันต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 28-03-2011, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"นึกถึงปลาที่ติดแห้งอยู่บนบก ก็ต้องตะเกียกตะกายไปเรื่อยแหละ พอหมดแรงก็นอนอ้าปากพะงาบ ๆ มีแรงก็ตะกายต่อ ตัวไหนดวงดีไปถึงแหล่งน้ำทันก็รอดไป ตัวไหนดวงไม่ดี ไปไม่ถึงแหล่งน้ำ ก็กลายเป็นอาหารของสัตว์ต่าง ๆ ไป

ความจริงเรื่องอย่างนี้ไม่สมควรที่จะบอก แต่ที่บอกให้รู้ก็เฉพาะในส่วนที่พอจะพูดได้ เผื่อพวกเราจะได้ทำใจล่วงหน้าไว้บ้าง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 28-03-2011, 11:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปหาหมอแล้ว หมอวินิจฉัยโรคไม่ได้ ทำอย่างไรจึงจะหายครับ ?
ตอบ : หาน้ำมันชาตรีของวัดท่าซุงมาดีกว่า อธิษฐานกินรักษาโรค ถ้าไม่เกินกฎของกรรมจะรักษาได้ทุกโรคจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 28-03-2011, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...ระหว่างทางเสียชีวิตลงกะทันหันค่ะ
ตอบ : ไม่กะทันหันหรอกจ้ะ เพียงแต่เราทำใจไม่ทันเท่านั้นเอง

มีนิทานเล่าว่า คนหัวหมอคนหนึ่ง ตายแล้วไปต่อว่าพระยายม ว่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้เอาชีวิตเขามา ไม่มีการตักเตือนกันล่วงหน้าก่อน ทำอย่างนี้ถือว่าผิดระเบียบ..!

พระยายายมบอกว่า "ข้าส่งจดหมายไปให้เอ็งตั้งหลายฉบับเป็นการเตือน เอ็งไม่ได้รับเลยหรือ ?"
"ไม่เคยได้รับเลย ท่านส่งไปจริงหรือ ?"

"ส่งไปจริง"
"ส่งไปแบบไหน ?"
"ครั้งแรกที่ข้าส่งไป คือให้เอ็งเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เอ็งไม่เคยรู้ตัวใช่ไหมว่าจะตาย ? ครั้งต่อไปก็ผมหงอก ครั้งต่อไปก็ฟันหัก ครั้งต่อไปหูก็เริ่มหนวก ทำไมเอ็งถึงไม่ฟังคำเตือนของข้าบ้างเลย ?"

สรุปว่าพระยายมท่านส่งจดหมายเตือนมาโดยตลอด เพียงแต่เราไม่พยายามรับรู้เอง เรื่องนี้เป็นนิทานนะจ๊ะ ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นนิทานอิงธรรมะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 28-03-2011, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เตือนโยมคนหนึ่งว่า "รู้จักคำว่า "อบายมุข" ไหม ? คำนี้ถ้าแปลตรง ๆ แปลว่า ปากทางแห่งความฉิบหาย เพราะฉะนั้น..ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดี อยากประสบความสำเร็จในชีวิตนี้ให้ทุ่มเททำงาน ไม่มีหรอกทางที่รวยง่าย ๆ ถ้ามีเขาก็รวยกันหมดแล้ว

เขาทำวิจัยแล้วพบว่า การพนันทุกประเภท เจ้ามือมีโอกาสชนะ ๙๘ เปอร์เซ็นต์ คนแทงมีโอกาสแค่ ๒ เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น..คนเล่นมีโอกาสหมดตัว โดยเฉพาะได้เงินมาง่าย ก็จ่ายง่ายไม่มีเหลือ โบราณเขาเรียกว่าเงินร้อน ในชีวิตอาตมายังไม่เคยเห็นใครรวยเพราะเรื่องนี้เลย

แต่มีกำลังใจอยู่ส่วนหนึ่งของนักเล่นการพนัน ถ้าปรับเปลี่ยนได้ จะเป็นนักปฏิบัติที่สุดยอดมากเลย สมัยอาตมายังวัยรุ่นอยู่ ทางบ้านมีรุ่นพี่คนหนึ่งนั่งตีป๊อกเด้งไม่ลุกไปกินอะไรเลย นั่นถือว่าระดับนิโรธสมาบัติเลยนะ..! ไม่กินไม่ถ่าย นั่งอยู่อย่างนั้นได้ทั้งวันทั้งคืน..!

อาตมาลองไปนั่งดูอยู่สามสี่ชั่วโมงเท่านั้น พอหลับตาเห็นแต่โพธิ์ดำ โพธิ์แดง ดอกจิก ข้าวหลามตัด บินให้ว่อนเลย แสดงว่าเพ่งเป็นกสิณแทน

แต่ถ้าเรื่องไฮโลต้องจ่าวิโรจน์ (จ.ส.อ.วิโรจน์ ย่านงูเหลือม) น่าจะเกษียณอายุไปแล้ว จ่าวิโรจน์นั่งกินเหล้าอยู่ใกล้ ๆ วงไฮโล เวลาเขาแทงกัน จ่าวิโรจน์ก็กินเหล้าไปฟังไป พอเขาเล่นไปได้สักพัก จ่าวิโรจน์ก็ขอเล่นบ้าง "น้อง ๆ ขอพี่ตาแทงตาเดียว พี่จะแทงอวดสาว"

พอเจ้ามือเขย่าลูกเต๋าเสร็จ จ่าวิโรจน์แทงคนเดียวสิบกว่าตัวถูกรวดเลย เขาเซียนขนาดนั้น ฟังเสียงรู้ว่าออกอะไรบ้าง นั่นระดับทิพจักขุญาณเลยนะ แต่เขามีสัจจะ เล่นแค่ตาเดียวก็เลิก ไม่อย่างนั้นมือระดับนั้นลงไปเล่นเจ้ามือหมดตูดแน่..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2011 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 28-03-2011, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราต้องเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดของอัจฉริยมนุษย์ อะไรที่ท่านบอกว่าไม่ดี ย่อมจะดีไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น..อบายมุข ก็แปลตรง ๆ แล้วว่า ปากทางแห่งความฉิบหาย

โบราณบอกว่า โจรปล้นสิบครั้ง ดีกว่าไฟไหม้ครั้งเดียว เพราะโจรปล้นข้าวของ แต่บ้านยังอยู่ ไฟไหม้สิบครั้ง สู้การพนันครั้งเดียวก็ไม่ได้ การพนันนี่ทั้งบ้านและที่ดินก็ไปหมด มีบางคนแม้กระทั่งเมียก็เอาไปเป็นสินพนัน..!"

ถาม : ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน
ตอบ : มีจริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นเวรกรรมที่ไปมีครอบครัวอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 28-03-2011, 16:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์ช่วงที่ฝึกกรรมฐาน จิตมารวมตัวกัน ผมพิจารณาถึงอุปกิเลส ๑๖ นรกสวรรค์อยู่ในใจเรา พอมารวมตัวก็เกิดใจสั่นหวั่นไหว มีเสียงอะไรโผล่ขึ้นมามากมายเหมือนเราใกล้จะตาย ทำให้เราอยากจะตะโกนออกมา
ตอบ : แล้วคุณไปพิจารณาอย่างนั้นทำซากอะไร..! มีประโยชน์อะไร ? แทนที่จะพิจารณาวิปัสสนาญาณ ดันไปดูเรื่องไม่เป็นเรื่อง

อาการที่ว่ามาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของขันธมาร เขาแค่อยากมาทดสอบว่าเราไม่กลัวตายจริงหรือเปล่า ?

ถาม : มีเสียงใครไม่รู้ว่าเป็นร้อยเป็นพัน ใจเราเต้นตุ๊บ ๆ
ตอบ : ตอนนั้นเรากลัวไหมเล่า ?

ถาม : ตอนนั้นก็กลัว แต่ก็สู้อยู่
ตอบ : แค่นั้นแหละ..เสร็จเขาไปแล้ว

ถาม : จะทำให้เราเป็นบ้าไหม ?
ตอบ : ถ้าสติมั่นคงอยู่ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าต่อไปถ้าจะพิจารณาอะไร ให้ดูเข้าหาไตรลักษณ์ อริยสัจ ๔ หรือไม่ก็วิปัสสนาญาณ ๙ ไม่ใช่ไปคิดเรื่องบ้า ๆ อื่น ๆ เรื่องพวกนั้นไม่มีประโยชน์์ที่จะไปคิด แค่เราไม่ทำก็จบแล้ว อุปกิเลส ๑๖ เราก็แค่เว้นไม่ทำ ยังจะต้องไปพิจารณาอะไร

ถาม : พอดีเรียนนักธรรมโท มีอุปกิเลส ๑๖ ผมเอามาอ่าน จึงลองพิจารณาดู
ตอบ : คุณไปพิจารณาของที่ทำแล้วไม่ได้อะไร ยังดีที่คุมสติได้ ไม่บ้าไปเสียก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 28-03-2011, 16:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยตั้งมั่น หวั่นไหวง่าย
ตอบ : กำลังในการภาวนายังไม่พอ แสดงว่าสมาธิยังไม่ทรงตัว ถ้าสมาธิทรงตัวอยู่ กำลังใจจะมั่นคง ไม่หวั่นไหวในเรื่องอะไรทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 28-03-2011, 17:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปซื้อบ้านแถวบางกะปิไว้ แต่พอตกกลางคืนจะเห็นเงา ประมาณเที่ยงคืน
ตอบ : จุดธูปบอกกล่าวเขาว่า ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ไม่ว่า เราทำบุญอะไรก็อนุญาตให้โมทนา แต่ขอให้ช่วยเฝ้าบ้านและดูแลรักษาความปลอดภัยให้ด้วย ขอเขาอย่างนี้
บ้านอย่างนั้นอย่าไปกลัว เมื่อเขามาในลักษณะอย่างนั้นได้ ถ้าเขาช่วยเราก็จะช่วยได้มากกว่าปกติ แต่ให้เราทำบุญและอุทิศให้เขาบ่อย ๆ

ถาม : แล้วเวลาอุทิศจะอุทิศอย่างไร ?
ตอบ : ตั้งใจว่าใครก็ตามที่เราเห็น ขอให้เขามาโมทนาบุญที่เราทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2011 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 29-03-2011, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะทำใจว่า ไปสวดมนต์ทำวัตรอยู่บนพระนิพพาน วิธีทำอารมณ์ให้ถูกต้องโดยไม่เป็นสักกายทิฏฐิต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเราไปนิพพานได้จริง ๆ จะเป็นการตัดกิเลสทุกอย่างหมดอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนที่เรากลับมา ให้จำเอาอารมณ์นั้นมาใช้งานด้วย

การที่เราขึ้นไปสวดมนต์ทำวัตรได้ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าทำถูก การอยู่ตรงที่ซึ่งไม่มีกิเลส ไม่มีความรัก โลภ โกรธ หลงไปนาน ๆ ถ้าเราจำอารมณ์นั้นมาซักซ้อมใช้งานได้บ่อย ๆ ต่อไปก็จะเป็นอารมณ์จริงของเรา ฉะนั้น..ให้พยายามซ้อมทุกวัน สร้างความคล่องตัวให้เกิดขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2019 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 29-03-2011, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีไหมครับ อารมณ์ที่เราไม่ได้ยกจิตขึ้นนิพพาน แต่อารมณ์เท่ากับอยู่บนพระนิพพาน ?
ตอบ : ทำถึงจริง ๆ อยู่ตรงไหนก็ใช่ ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นตรงไหนก็คือพระนิพพาน

ถาม : เป็นฌานกับอุปสมานุสติหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าถึงตอนนั้นไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ถ้าจะเป็นก็เป็นพระนิพพาน..!

ถาม : เป็นกรณีนิพพานแบบถาวร แล้วแบบชั่วคราวละครับ ?
ตอบ : ถ้ากรณีชั่วคราวก็เป็นส่วนหนึ่งของอุปสมานุสติ

ถาม : ทำไมถึงเป็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดละครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าชั่วคราว ถ้าเต็มระดับถึงจะเป็นอุปสมานุสติอย่างแท้จริง

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ถ้าไม่ถึงพระนิพพานก็จะไม่ปราศจากกิเลส เกาะเทวดาก็ยังรัก โลภ โกรธ หลงเต็ม ๆ เกาะพรหมก็ยังเป็นรูปราคะอยู่ ถ้ายังเกาะอยู่ก็ยังไม่ใช่ ถ้าใช่เขาต้องปล่อยกันจนเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2018 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 29-03-2011, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,196 ครั้ง ใน 34,047 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในอดีตมีการจัดงานศพของพระที่ใหญ่โตขนาดหลวงตาบัวหรือไม่ ?
ตอบ : ในอดีตน่าจะเป็นสมัยหลวงปู่มั่น ถัดมาก็หลวงปู่ฝั้น สมัยหลวงปู่ฝั้นในหลวงเสด็จเองเลย

ถาม : สมัยหลวงปู่ชอบก็งานใหญ่
ตอบ : งานใหญ่ก็จริง แต่ก็ไม่ดังขนาดนี้

ถาม : งานของหลวงตาบัวดังกว่างานหลวงพ่อวัดท่าซุง
ตอบ : ดังกว่าเยอะ

ถาม : งานหลวงพ่อไม่ดังเท่าไร
ตอบ :
ไม่ดังเท่าไรหรอก แค่หนังสือพิมพ์ลงข่าวให้เป็นเดือน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับไปตั้งกองหาข่าวในวัดเลย เขาลงพาดหัวให้สามวันและลงเนื้อหาข้างในอีก ๗ วัน

มติชนรายสัปดาห์ลงให้สองเล่ม เหตุที่ทำอย่างนั้นเพราะเป็นครั้งแรกที่มติชนขายหมดตลาด ไม่มีเหลือส่งกลับ ไม่มีการส่งคืนโรงพิมพ์ เขาแปลกใจ จึงส่งนักข่าวไปตั้งกองอยู่ที่วัด อาตมามีหน้าที่ดูแลพวกนี้จึงรู้ ต้องพาเขาไปสัมภาษณ์ท่านนั้นท่านนี้ ต้องพาเขาไปถ่ายรูปในกุฏิหลวงพ่อ แต่งานศพของหลวงพ่อท่านไม่ได้เผา จะเอาให้ดังเหมือนงานที่เผาจึงไม่ได้

ถาม : เดี๋ยวนี้เห็นมีร่างทรงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำด้วย
ตอบ : มีมาตั้งแต่สมัยก่อนท่านจะมรณภาพแล้ว ท่านบอกว่า "เล็กเว้ย..ข้ายังไม่ทันจะตายเลย มีสำนักทรงฤๅษีลิงดำไป ๖๐ กว่าสำนักแล้ว"

นึกถึงสญชัยปริพาชก พออุปติสสะมาณพและโกลิตะมาณพได้เป็นพระโสดาบัน เห็นว่าพระพุทธเจ้ามีความดีอย่างไร ก็ไปชวนสญชัยปริพาชกซึ่งเป็นอาจารย์ของตัวเอง ให้ไปหาพระพุทธเจ้าด้วยกัน สญชัยปริพาชกไม่ยอมไป ท่านย้อนถามกลับมาว่า "โลกนี้คนโง่หรือคนฉลาดมากกว่า ?"

อุปติสสะมาณพและโกลิตะมาณพตอบว่า "คนโง่ย่อมมากกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว" สญชัยปริพาชกจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นคนฉลาดอย่างพวกเธอจงไปหาพระสมณโคดม ส่วนคนโง่จะมาหาเราเอง" ฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็มีคนเชื่อและไปหาเขาอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 29-03-2011 เมื่อ 16:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว