กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-10-2023, 19:11
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,658 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-10-2023, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ถ้าเป็นฝรั่งก็ขวัญหนีดีฝ่อ เพราะว่าวันศุกร์ ๑๓ เป็นวันที่เขาถือว่าโชคร้ายที่สุด เนื่องจากว่าเป็นวันที่พระเยซูสิ้นพระชนม์

แต่คราวนี้ของเรากลับเป็นวันมหามงคลวันหนึ่ง ก็คือวันนวมินทรมหาราช เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะเรียกกันว่า วันนวมินทรมหาราช

กระผม/อาตมภาพเอง พยายามรักษากำลังใจอยู่กับการภาวนาให้ได้ ๙ ชั่วโมง เพื่อสะสม "เสบียงบุญ" อย่างหนึ่ง แล้วก็ถวายเป็นพระราชกุศลอีกอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครอยู่ในกลุ่มไลน์วัดท่าขนุน หรือว่ากลุ่มไลน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับวัดท่าขนุน จะสงสัยว่าวันนี้หลวงพ่อเล็กของขึ้น เดี๋ยวก็ส่งมา ๑ ชั่วโมง เดี๋ยวก็ส่งมา ๑ ชั่วโมง ก็คือวันนี้กระผม/อาตมภาพตั้งใจที่จะปฏิบัติภาวนาให้ได้อย่างน้อย ๙ ชั่วโมง ส่วนที่เกินถือว่าเป็นกำไร

วันนี้เป็นวันที่ ๑๓ ของเดือน ซึ่งโดยปกติแล้ว ทางวัดท่าขนุนของเราจะมีการสวดพระพุทธมนต์ถวายหลวงปู่สาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ แต่ว่าปีนี้ มีคำสั่งให้ทุกวัดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงต้องรวบทั้ง ๒ งานมารวมกันเป็นงานเดียวกัน

ฝนฟ้าก็ไม่ค่อยจะอำนวย ต้องบอกว่าตกกันอย่างชนิด "
กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์" ถ้าลักษณะนี้โบราณเขาบอกว่า "ฝนสั่งฟ้า" ก็คือใกล้จะลาจากแล้ว จึงทิ้งท้ายให้มากหน่อย เพราะว่าเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว

เช้า ๆ ช่วงนี้ทองผาภูมิมีทะเลหมอกมากมายมหาศาล แทบจะท่วมเมือง ใครที่อยากจะชมทะเลหมอกระยะนี้ ถ้าไม่กลัวฝน จะได้เห็นทุกวัน แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวก็ไม่แน่ ฤดูหนาวทะเลหมอกจะปรากฏโดยสองสาเหตุ สาเหตุแรกคือมีความกดอากาศสูง ที่เป็นความหนาวมากระทบ ก็จะเกิดทะเลหมอกขึ้น หรือว่าถ้ากำลังหนาวอยู่ แล้วมีอากาศร้อนมากระทบ ก็จะเกิดทะเลหมอกเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2023 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-10-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของฟ้าฝน ต้องบอกว่าธรรมชาติเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าเกินพอดี จนเกิดเป็นอุทกภัยต่าง ๆ ก็ค่อนข้างจะอันตราย บ้านเราที่ผ่านมาก็ช่วงลำปาง ปัจจุบันนี้มาถึงตาก น้ำก็เริ่มมีท่วมแล้ว อยุธยา ซึ่งปกติแล้วเป็นทุ่งรองรับน้ำหลาก ช่วยป้องกันเมืองหลวงในสมัยนั้นมาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้น้ำก็เริ่มท่วมแล้ว

คนโบราณของเราอยู่กับธรรมชาติแบบคล้อยตามกัน ไม่ไปขวางธรรมชาติ เพราะฉะนั้น..เรื่องของน้ำหลากกลายเป็นเรื่องที่คนโบราณเขารอ เพราะว่าถ้าน้ำหลากมา ถึงเวลาข้าวกล้าได้น้ำ ได้ "โอชะ" คือปุ๋ยที่มากับน้ำหลาก ทำให้งอกงามเป็นพิเศษ แล้วบรรดาสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่เป็นอาหารก็มากับน้ำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ชอบแบบไหน ก็หากินแบบนั้น

แต่ว่าปัจจุบันปลาหลายชนิดที่กระผม/อาตมภาพเคยพบเห็นสมัยเด็ก ๆ สมัยนี้ไม่ค่อยได้พบแล้ว อย่างเช่นว่าปลาสังขะวาด ปลาหนวดพราหมณ์ ปลาเสือตอ หรือแม้กระทั่งปลาใหญ่อย่างปลายี่สกหรือปลากะโห้ ซึ่งโตได้เป็นร้อย ๆ กิโลกรัม ก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว

หรืออย่างปลากราย สมัยเด็ก ๆ เขาจับมาได้แต่ละตัวยาวเป็นวา อย่าลืมว่าวาคือสองเมตร..! แล้วที่กระผม/อาตมภาพเบื่อที่สุดก็คือ ผู้ใหญ่จะให้ตำเนื้อปลากราย เพื่อที่จะเอามาทำลูกชิ้น ตำกันจนแขนโตไปข้างหนึ่ง..! ถ้าถามว่าต้องตำขนาดไหนถึงจะใช้ได้ ? ผู้ใหญ่เขาบอกว่า "ปั้นก้อนแล้วขว้างใส่ข้างฝา ถ้าติดหนับอยู่ก็ใช้ได้..!" เป็นวิธีการที่โหดร้ายมาก หรือว่าปลาค้าว ซึ่งเป็นตระกูลของปลาเนื้ออ่อน ลักษณะใกล้เคียงกับปลากราย ตัวใหญ่มาก ยาวเป็นวาเหมือนกัน สมัยนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็น

แล้วปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ปลาออ" ก็คือฝูงปลาแห่กันมาพร้อม ๆ กันแน่นไปทั้งแม่น้ำ เพื่อที่จะไปหาที่วางไข่ ถ้าบ้านไหนต้องการ ก็เอาเข่งไปตักเอา เพราะว่ามาแน่นไปทั้งแม่น้ำเลย แล้วเสียงปลาร้อง ถ้าใครเคยได้ยินทีหนึ่งจะจำได้ติดใจ พวกเราไม่เคยได้ยินเสียงปลาร้อง จึงไม่รู้ว่าปลาร้องได้เหมือนกัน

โดยเฉพาะสมัยนั้น เขารอปลาสร้อยมา ถ้ามากันทีหนึ่งเต็มแม่น้ำ ผู้ใหญ่ก็จะใช้เครื่องมือหาปลาทุกชนิดที่มีอยู่ ระดมจับให้ได้มากที่สุด เพื่อเอามาหมักทำน้ำปลา สมัยนี้การหมักน้ำปลา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวิธีการเป็นอย่างไร แต่เห็นว่าส่วนใหญ่แล้วใช้กระดูกสัตว์ในการหมัก หรือไม่ก็เติมสี เติมกลิ่นลงไปในน้ำเกลือ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2023 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-10-2023, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่สมัยก่อนนี่เขาเลือก ไม่ใช่ปลาทั่ว ๆ ไปแล้วจะเอามาหมักน้ำปลา แต่เลือกว่าต้องปลาสร้อยเท่านั้น แล้วหมักปีนี้อย่างเร็วที่สุดต้องไปกินปีหน้า ก่อนหมักก็จะมีการเอาอ้อยควั่นมาผ่าสี่ วางรองก้นไหก้นโอ่งก่อนแล้วค่อยหมักน้ำปลา ถึงเวลาด้านหน้าปากไหที่เขาสานไม้ไผ่กันเอาไว้ ถ้าหากว่ามีแมลงวันวางไข่ หรือว่ามี "ขี้ขมวน" เกิดขึ้น เด็ก ๆ อย่างพวกเราก็จะโดนบังคับให้ไปทำความสะอาด

น้ำปลาที่หมักเองรสชาติจะอร่อยมาก โดยเฉพาะที่กรองมาใหม่ ๆ ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะไม่กินกัน เพราะว่าไม่รู้จักของดี เนื่องจากว่ากรองมาแล้วมักจะมีตะกอนอยู่ค่อนขวด นั่นคือเนื้อปลาที่เปื่อยยุ่ยแล้วทั้งหมด ราดข้าวลงไปก็กินกันชนิด "แหกหม้อแหกไห" แทบจะเอาข้าวลงไปเช็ดก้นหม้อก้นจานกันเลยทีเดียว..!

แต่คราวนี้ปรากฏการณ์ปลาออแบบนั้นก็มีอันตราย เพราะว่าพวกงูต่าง ๆ มักจะตามฝูงปลามา เพื่อที่จะหาอาหารกิน ก็คือกินปลานั่นแหละ..! ถ้าเจองูกินปลาธรรมดา หรือว่าเจองูงวงช้างก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไปเจอพวกงูเห่างูจงอางก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้..!

คราวนี้การที่โบราณอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เขาจะสร้างบ้านใต้ถุนสูง เพื่อรองรับหน้าน้ำ พอหน้าแล้งก็เอาเรือขึ้นคานไว้ พอใกล้หน้าน้ำ ก็เอาเรือลงจากคานมา ตอกหมัน ยาเรือ ทาน้ำมัน ไอ้พวกรากศัพท์แบบนี้ ถ้าใครไม่เข้าใจลองไปค้นดูว่าเขามีแปลไว้หรือเปล่า ?

หมันนี่เป็นเปลือกต้นหมัน เอามาทุบแล้วจะเป็นเส้น ๆ ลักษณะคล้ายกับเส้นด้าย เวลาเราสร้างเรือแล้ว จะมีรอยแตก รอยถ่าง ระหว่างแผ่นไม้ ก็เอาเส้นหมันนี่อุดลงไป ตอกอัดให้แน่น แล้วก็ยาด้วยชันผสมน้ำมัน

ดังนั้น.โบราณเขาถึงได้มีภาษิตว่า "ยาเรือยาแพ ยาด้านนอก ยาขันยาจอก ยาด้านใน" ก็คือยาเรือต้องยาด้านนอก ถึงเวลาแรงดันน้ำดันขึ้นมา ก็จะได้ไม่เข้าเรือ แต่ว่าพวกขันพวกจอกอะไรที่เราใช้ใส่น้ำ ต้องยาทางด้านใน ก็คือปิดรูรั่วให้หมด ดังนั้น..คำว่า "ยา" ในที่นี้ก็คือ "อุดรูรั่ว" พวกเราเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็คือร่างกายรั่ว ก็เลยต้องกินยา เอาเข้าไปอุดรูรั่ว จะได้หายป่วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2023 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-10-2023, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การอยู่รวมกับธรรมชาติแบบคล้อยตามกัน เป็นหลักปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เนื่องเพราะว่าเป็นทางสายกลาง ถ้าอยู่กับธรรมชาติแล้วไปฝืนธรรมชาติ ก็มักจะไม่รอด เพราะว่าพลังงานธรรมชาตินั้น เมื่อรวมตัวกันมาก ๆ เข้า มักจะเกินกำลังที่มนุษย์จะต้านไหว

พวกเราเห็นภาพอุทกภัยในประเทศต่าง ๆ ที่ออกข่าว บรรดารถต่าง ๆ ลอยตามน้ำไปเหมือนของเด็กเล่น บ้านเรือนทั้งหลังไม่ว่าจะกี่สิบชั้น ถึงเวลาโดนดันพังทลายลงน้ำไปหมด ฉะนั้น..ในส่วนของทางสายกลาง บรรพบุรุษของเรานำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันนานแล้ว เพียงแต่พวกเรายังหาทางสายกลางของตัวเองไม่เจอเท่านั้น

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ถ้าหากว่าใครมีประสบการณ์ในการใช้หลักธรรมแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน ต่อไปก็จะทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนคนที่ขาดประสบการณ์ตรงนี้ บางทีก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานแบบไหน แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ได้จะดีที่สุด เพราะว่าแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่สร้างความทุกข์ให้กับเราทั้งสิ้น

วิธีที่ดีก็คือพยายามสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งเข้าไว้ พอความทุกข์มากระทบ จะได้สะเทือนน้อยที่สุด แล้วใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ปกติธรรมดา เราเกิดมาแล้วต้องทุกข์แบบนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์แบบนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก การเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน

ถ้าหากว่าสามารถทำแบบนี้ได้ เราเองก็จะค่อย ๆ ถอนใจที่ยึดเกาะในร่างกาย หรือว่ายึดเกาะในโลกนี้ ขึ้นมาได้ทีละน้อย ถอนได้น้อยก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นต่ำ ถอนได้มากก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นสูง ถอนได้ทั้งหมด ก็หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน

สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2023 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว