กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-01-2020, 08:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,017 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๓

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ สำหรับวันนี้อยากจะบอกกับทุกคนว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องเข้าใจว่า เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ในเมื่อเป้าหมายสูงสุดของเราเป็นเช่นนี้ เรื่องรกรุงรังอื่น ๆ บางทีก็จำเป็นต้องวางลงบ้าง ถ้าเป้าหมายไม่ชัดเจน เราก็จะโดนดึงให้เขวได้ง่าย อย่างเช่นในสมัยพุทธกาล นางวิสาขามหาอุบาสิกา สอบถามอุบาสิกาทั้งหลายที่มารักษาอุโบสถศีล ว่ารักษาไปเพื่อมุ่งหวังอะไร ?

บรรดาสาวน้อยก็บอกว่ามุ่งหวังให้แต่งงานกับบุรุษที่มีตระกูลเสมอกัน บรรดาสาวที่แต่งงานแล้วก็มุ่งหวังให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง บรรดาที่มีลูกมีหลานก็ต้องการมุ่งหวังให้ลูกหลานของตนเองมีฐานะร่ำรวย ได้แต่งงานไปในครอบครัวที่ดี เป็นต้น เราจะเห็นว่าจุดมุ่งหมายของแต่ละคนนั้น เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายการรักษาศีล ๘ ที่แท้จริงหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 28-01-2020 เมื่อ 12:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-01-2020, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,017 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะว่าการรักษาศีล ๘ ที่แท้จริงนั้น ก็คือเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ได้ละเอียดประณีต ช่วยให้เข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราถ้าไม่กำหนดเป้าหมายเอาไว้ให้ชัดเจน เราก็อาจจะเลี้ยวผิด หลงทางหรือว่าเนิ่นช้า ดังนั้น..ในการปฏิบัติของเราเมื่อตั้งเป้าไว้แล้ว จุดมุ่งหมายแรกที่ต้องยึดหัวหาดให้ได้ คือความเป็นพระโสดาบัน

คราวนี้ความเป็นพระโสดาบันที่เราจะเข้าถึงได้นั้น หลักการใหญ่ ๆ ก็คือเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักษาศีลสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล และข้อสุดท้าย มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าตายลงไปแล้วเราขอไปพระนิพพานอย่างเดียว นี่คือหลักใหญ่ ๆ เลย

แต่สิ่งที่จะปฏิบัติให้หลักทั้งหลายเหล่านี้มั่นคงนั้น ก็คือการที่เราระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ก่อนนอนทบทวนอยู่เสมอว่า เราได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหกหลอกลวง หรือเสพสุรายาเสพติดบ้างหรือไม่ ถ้าหากว่าข้อไหนบกพร่อง ให้ตั้งใจว่าเราจะรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป หลังจากนั้นก็นอนลงภาวนา ให้หลับไปกับการภาวนาของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2020 เมื่อ 09:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-01-2020, 08:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,017 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อตื่นนอนขึ้นมามีสติระลึกถึงพระ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วก็มาทบทวนศีลของเรา ว่าวันนี้เราจะระมัดระวังไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหกหลอกลวง ไม่ดื่มสุราเมรัย เมื่อตั้งใจมั่นคงดีแล้ว เราค่อยไปทำกิจวัตรประจำวันของเรา

ถ้าเรามีการทบทวนอย่างนี้อยู่เสมอ ๆ เมื่อถึงเวลากำลังใจของเราจะค่อย ๆ ทรงตัว เพราะความระมัดระวังในสีลานุสติช่วยสร้างสมาธิให้เกิด เนื่องจากว่าถ้าสมาธิไม่เกิด การระวังของเราก็จะไม่รอบคอบ จะมีการเผลอละเมิดศีลจนได้ แต่เราก็อย่าปล่อยให้สมาธิเกิดเพราะการระมัดระวังรักษาศีลอย่างเดียว ให้เราภาวนาอาศัยอานาปานสติหรือลมหายใจเข้าออก สร้างสมาธิของเราให้มั่นคงไปด้วย

ถ้าหากว่าสมาธิของท่านสามารถมั่นคงทรงตัวถึงระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ความเป็นพระโสดาบันจึงจะเข้าถึงท่านได้ เพราะว่ามีกำลังในการตัดกิเลสเบื้องต้น ก็คือทำให้เราสามารถหักห้ามใจตนเองไม่ให้ละเมิดศีล มีสติรู้ระมัดระวัง ไม่ล่วงเกินในคุณพระรัตนตรัย มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ตายแล้วเราขอไปพระนิพพาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2020 เมื่อ 11:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-01-2020, 08:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,017 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ เราสามารถยึดหัวหาดเอาไว้ได้ ชีวิตของเราก็จะไม่มีวันตกต่ำอีก มีแต่เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะว่าเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าระดับต้น คำว่า อริยะ แปลว่า ผู้เจริญ คือเจริญขึ้นโดยส่วนเดียว ไม่มีวันตกต่ำ ไม่ว่าจะทำความชั่วในอดีตมาขนาดไหน ถ้าไม่ใช่อนันตริยกรรม อำนาจความเป็นพระอริยเจ้าจะปิดอบายภูมิ เราไม่ต้องเกิดในนรก ไม่ต้องเกิดเป็นเปรต ไม่ต้องเกิดเป็นอสุรกาย ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นมนุษย์ก็ได้อยู่ในขอบเขตของพุทธศาสนา ได้สร้าง ทาน ศีล ภาวนา เพื่อสนับสนุนตนเองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องตระหนักให้ดี กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำของเราเอาไว้ทุกวัน ให้สภาพจิตเคยชินกับความดี เมื่อสภาพจิตเคยชินกับความดี มีความดีเพิ่มมากขึ้นก็จะดึงดูดแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาหาเรา ชีวิตของเราก็จะมีความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมไปโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น อาศัยช่วงปีใหม่ ๒๕๖๓ พวกเราทั้งหลายพึงประพฤติปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของตนให้อยู่ในกรอบของทาน ของศีล ของภาวนา โดยมีความเป็นพระโสดาบันและพระนิพพานเป็นที่ไปของเรา

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2020 เมื่อ 11:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว