กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 10-08-2015, 09:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราก็รู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กันทุกคน จะบรรลุวันนี้ไหม ? อาตมาจะได้อาศัยใบบุญบ้าง ญาติโยมบรรลุกันเยอะ ๆ อาตมาจะได้อาศัยเกาะหลังไปด้วย

ที่กล่าวมาเพื่อที่จะบอกกับพวกเราว่า การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการสั่งสมบารมีมาชาติแล้วชาติเล่า ทำกันมาจนนับชาติไม่ถ้วนแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาเริ่มทำ ถ้ามาเริ่มทำก็ไม่มีใครทำได้แบบนี้หรอก อาตมาขอยืนยัน เพราะว่าบารมีหรือกำลังใจไม่เข้มแข็งพอ เราจะสังเกตว่าบางท่านนั่งแบบทุกข์ทรมานมาก เมื่อไรจะหมดเวลาสักที ลืมตาแล้วลืมตาอีก ขยับแล้วขยับอีก แต่ว่าหลายท่านก็นั่งนิ่งเงียบไปเลย หลับหรือสมาธิทรงตัว ? น่าจะหลับนะ..โดยเฉพาะตอนช่วงบ่าย ๆ นี่น่าจะหลับกันดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2015 เมื่อ 10:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 12-08-2015, 11:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเมื่อเป็นเรื่องของบุคคลที่เป็นปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสุดยอดถึงสามารถทำได้ แปลว่าเราทั้งหลายเป็นบุคคลที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา แปลกแยกจากสังคม เขาไปเที่ยวกันจนกรุงเทพฯ ร้างเลย

เมื่อเช้าเขาส่งรูปมาให้ดู หมานอนอยู่บนถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้งอนุสาวรีย์ฯ มีรถอยู่ ๓ คัน นาน ๆ ที
หมาก็เลยไปนอนเต๊ะจุ๊ยอยู่กลางถนน เขาไปเที่ยวกันจนกรุงเทพฯ ร้าง แต่พวกเรามาปฏิบัติธรรม ในเมื่อเราแปลกแยกจากสังคมขนาดนี้ ใครเขาว่าบ้าก็ทน ๆ เอาเถอะ ยอมบ้ากับเขาชาติหนึ่ง ถ้าหลุดพ้นไปได้ก็เป็นอันว่าจบ ถ้าหลุดพ้นไม่ได้ เส้นทางของเราก็สั้นกว่าคนอื่นเขา

โบราณท่านบอกว่า “คนอื่นขี่ม้าอย่าไปอิจฉา เราขี่ลาดีกว่าคนเดินเท้าตั้งเยอะ” ม้าวิ่งเร็ว ขี่ลาได้แต่เดินก๊อก ๆ ไปเรื่อย ส่วนคนไม่มีอะไรจะขี่เลยไม่ว่า ยังไม่ได้เริ่มเดินทางอีกไม่รู้ตั้งเท่าไร เพราะฉะนั้น..ควรจะภูมิใจว่าเราเริ่มต้นมาไกลมากแล้ว นึกย้อนหลังไปสมัยก่อน ศีลสักสิกขาบทหนึ่งก็ไม่มี มาในสมัยนี้ของเราศีล ๕ ก็รักษาได้ อยู่ระหว่างปฏิบัติธรรมก็รักษาศีล ๘ ด้วย ความก้าวหน้ามีอยู่เห็น ๆ เพียงแต่ว่าบางทีเราตั้งเป้าไกลเกินไป จะเอามรรคผลจะเอาพระนิพพานเลย เมื่อยังไม่ถึงก็รู้สึกท้อใจทำไมไม่ได้สักที ไม่รู้ว่าเราเข้าใกล้ไปตั้งเท่าไรแล้ว

ต้องดูตัวอย่างชาวทิเบต เช้า ๆ ไปสวดมนต์ เดินทักษิณาวัตรรอบพระเจดีย์ ๑๐๘ รอบ ของเรารอบโบสถ์ ๑๐๘ รอบไหวไหม ? เขาทำอย่างนั้นกัน เดินสวดมนต์รอบพระเจดีย์ ๑๐๘ รอบ เสร็จแล้วก็ไปทำงาน เลิกงานตอนเย็นกลับมาเดินสวดอีก ๑๐๘ รอบ แล้วค่อยกลับบ้าน เดินไปมือหนึ่งหมุนกงล้อมนต์ไป หรือนับลูกประคำไป เขาว่านับลูกประคำเม็ดหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หมุนกงล้อมนต์รอบหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง ของเราเองก็ใช้วิธีนับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าออกคู่หนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หายใจเข้าออกสองคู่ก็ใกล้พระนิพพานไปสองก้าว ต้องทำให้ได้อย่างเขา"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2015 เมื่อ 18:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 12-08-2015, 11:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พม่า..เพื่อนบ้านเรือนเคียงของเรา ก่อนจะไปทำงานชาวบ้านก็เข้าวัด ทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิ อาตมาไปนั่งดู สาว ๆ แต่งตัวทันสมัยไปนั่งหลับตาภาวนาชักลูกประคำ อาตมาตั้งใจดูว่าเขาจะนั่งได้นานเท่าไร ปรากฏว่า ๒ ชั่วโมงผ่านไปแท็กซี่บอก “อาจารย์..เดี๋ยวไม่ได้ไปที่อื่นหรอก” อาตมาก็เลยต้องไปเอง จะดูว่าเขานั่งได้นานเท่าไร ๒ ชั่วโมงผ่านไปอาตมาต้องไปเอง สวดมนต์ทำวัตรเสร็จเขาก็ไปทำงาน เลิกงานก็เข้าวัด สวดมนต์ทำวัตรเสร็จค่อยกลับบ้าน

บ้านใครอยู่ไกลวัดใช้วิธีเปิดเทปเสียงสวดมนต์ โดยเฉพาะอภิธรรม ๗ บท เขาชอบกันจริง ๆ เดี๋ยวไว้มีโอกาสอาตมาจะทำวัตถุมงคลสักรุ่นหนึ่ง ใช้พระอภิธรรม ๗ บทนี่แหละ แต่เป็นบท “เหตุปัจจะโย” เขาเรียกว่า ๒๔ ปัจจ์ เพราะว่าลงท้ายด้วยคำว่าปัจจะโย ที่แปลว่าสาเหตุหรือปัจจัยทั้ง ๒๔ อย่างด้วยกัน ทางด้านพม่าเขาถือว่าช่วยคุ้มครองป้องกันได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งกลางวันกลางคืน ปัดให้ตลอด เดี๋ยวมีโอกาสแล้วจะทำดู

บ้านอยู่ไกลวัดเปิดเสียงสวดมนต์ทำวัตรในบ้าน ลูก ๆ ก่อนจะไปโรงเรียนมากราบแม่ แล้วไปกราบพ่อ ขอโอวาทว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เสร็จแล้วก็ไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนมากราบพ่อกราบแม่ แล้วค่อยไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลา ทำการบ้าน เสร็จแล้วก็มานั่งสวดมนต์ ไปโรงเรียนถึงเวลาสวดมนต์ก่อนแล้วค่อยร้องเพลงชาติ บ้านเราร้องเพลงชาติก่อนถึงสวดมนต์ แสดงว่าเรารักชาติมากกว่า ส่วนเขารักศาสนามากกว่า เด็กสวดมนต์ยาวมากเลย ถ้าเป็นบ้านเราก็ประมาณ อิติปิ โสฯ ๓ จบประมาณนั้น

อาตมาไปพม่าด้วยความตั้งใจว่าเรามาจากที่เจริญ ถ้ามีอะไรพอที่จะช่วยเหลือบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องพุทธศาสนาก็จะช่วย พอไปเจอบ้านเขาอับอายขายหน้าจนพูดไม่ออก บ้านเขาทุกคนต้องไปวัด หนังพม่าทุกเรื่อง พระเอกนางเอกถ้ารักกันต้องไปไหว้พระ ต้องมีฉากเข้าวัด ไม่มีนี่เขาไม่ดู บางเรื่องก็มักง่าย เดินเรื่องในวัดไป ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เดี๋ยว ๆ ก็เข้าวัด เขาไปวัดเหมือนบ้านเราไปเดินห้าง ส่วนบ้านเราเดินห้างดีกว่า ไม่ไปวัดกันหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2015 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 13-08-2015, 10:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บ้านเขาไปวัดเหมือนบ้านเราไปเดินห้าง ก็เลยอับอายขายหน้าจนไม่รู้ว่าจะสอนอะไรเขา ได้แต่เก็บกลับมาให้บ้านเรา ถึงเวลาก็บอกกล่าวบรรดาลูกศิษย์ลูกหาให้รู้ว่า ที่อื่นเขาจริงจังกว่าเราเยอะ บ้านเราใส่บาตร พระก็เมตตาบอก “โยมถอดรองเท้าใส่บาตรสิ” โยมถามว่า “จะดีหรือเจ้าคะ” อ้าว..ดีสิ ใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น โยมก็เลยถามอีกว่า “แล้วท่านจะรับข้างไหนดีคะ ?” โอ้พระเจ้า..!

ไปดูประเทศลาว ที่หลวงพระบาง เวลาเณรเดินมาร้อยกว่าสองร้อยรูป คนลาวคุกเข่าใส่บาตร ส่วนพวกเราเองถอดรองเท้ายังไม่ถอดเลย บอกให้ถอดรองเท้ายังถามว่าจะรับข้างไหน แต่คนลาวคุกเข่าใส่บาตร แล้วตกลงว่าเราจะสู้ใครได้ ? คนพม่านี่เดินเข้าประตูวัดก็ถอดรองเท้าแล้ว เดินถือไป ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็มีถุงให้ใบละ ๑๐ จั๊ต ใส่รองเท้าแล้วหิ้วไป อาตมาไปใหม่ ๆ ก็ เออ..พวกนี้ไม่มามือเปล่าเว้ย มีข้าวของมาถวายพระกันทุกคนเลย ถือมาคนละถุง ดูไปดูมา อ้าว..รองเท้านี่หว่า..! เขาถอดรองเท้าตั้งแต่ประตูวัด

ของเรานะหรือ ? เมื่องานถวายพระเพลิงสมเด็จพระพี่นางฯ ข้าราชการทั้งอำเภอใส่รองเท้าเข้าโบสถ์ เอาธรรมเนียมที่ไหนมา ? ถ้ารู้ตัวโปรดอย่าทำ เป็นการสร้างเวรสร้างกรรมให้ตัวเองแท้ ๆ เลย สภาพจิตหยาบขนาดนั้น ขนาดพระพุทธเจ้านั่งอยู่ยังใส่รองเท้าเดินย่ำโครม ๆ เข้าไปได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-08-2015 เมื่อ 18:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 13-08-2015, 10:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาไปเทศน์ที่โรงเรียนนาคประสิทธิ์ เป็นโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอสามพราน นักเรียนห้าพันกว่าคน พอนั่งลงก็บอกบรรดาครูบาอาจารย์กับนักเรียนว่า “ถ้าบอกอะไรแปลก ๆ สักอย่างหนึ่ง โปรดรับฟังและทำตามด้วยนะ ขอให้ถอดรองเท้าก่อน เพราะพระพุทธเจ้าห้ามพระเทศน์ให้คนใส่รองเท้าฟัง ถือว่าเขาไม่เคารพในธรรม” ทุกคนยอมถอดรองเท้าแต่โดยดี ก็แปลว่าสำคัญที่พระเราต้องนำ ต้องบอกให้เขารู้ ไม่ใช่ปล่อยให้ใส่รองเท้าเข้าโบสถ์

ขณะที่บ้านใกล้เรือนเคียงของเราไม่ใช่แค่ถอดรองเท้าใส่บาตร แต่คุกเข่าใส่บาตร ถอดรองเท้าตั้งแต่ปากทางเข้าวัด ของเขาเคร่งครัดกว่าเรามาก ส่วนคนไทยของเราไปถึงก็ใส่บาตรกันอีรุงตุงนังหมด พระในหลวงพระบางนี่เบื่อคนไทยสุด ๆ ใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า คนลาวเขาใส่แค่ข้าวเหนียว กับข้าวเขาใส่ปิ่นโตหิ้วไปส่งที่วัดทีหลัง ของเราเองมีทุกอย่างใส่ลงไป ชาเขียว น้ำเต้าหู้ กาแฟกระป๋อง เครื่องดื่มชูกำลัง มีอะไรใส่ไปตะบันราด คราวนี้พระเณรของเขาไม่เคย ถ้าเห็นถือของพะรุงพะรังมายืนค้ำหัวพระเณรนี่ มั่นใจได้เลยว่าคนไทย กลายเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว บ่นมากไปก็ไม่ดี ตั้งใจจะคุยเรื่องดี ๆ กลายเป็นนินทาคนไปได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2015 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 14-08-2015, 10:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการปฏิบัติ พอรู้วิธีแล้ว ของยากก็เป็นของง่าย ค่อย ๆ ทำไป ในส่วนที่จะบอกกับญาติโยม ก็คือ ถ้าเราค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กละน้อยโดยที่ไม่ทิ้ง สิ่งต่าง ๆ ที่เราจะพึงรู้พึงเห็นก็เป็นเรื่องปกติ แต่รู้เห็นแล้วมักจะเสียมากกว่าดี

ที่ว่าเห็นแล้วมักจะเสียมากกว่าดี ก็เพราะว่าเราไม่รู้หนักไม่รู้เบา บางอย่างรู้แล้วพูดไม่ได้เราก็พูด บางอย่างรู้เป็นร้อย พูดได้ไม่เกินสิบ เราก็ไปพูดจนเต็มร้อย ก็แปลว่ากำลังจะหาเรื่องเดือดร้อนเอง ถ้าใช้คำพูดของหนังจีนกำลังภายในก็บอกว่า "ท่านกำลังฝืนลิขิตฟ้า เปิดเผยความลับของสวรรค์"

ฉะนั้น..การรู้เห็นจึงเสียมากกว่า
ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไรก็ยิ่งโดนหลอกได้ง่าย เพราะจะมีการทดสอบ แล้วเขาไม่บอกด้วยว่าเป็นการสอบ ถึงเวลาก็มาเลย คราวนี้ทุกคนจะมีจุดอ่อนตรงที่ว่า “เพราะเราเห็น..เราจึงเชื่อ” คนอื่นพูดอะไรก็ไม่ฟัง เพราะเห็นด้วยตัวเอง จุดนี้แหละที่จะโดนหลอกง่ายที่สุด อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า เห็นเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตาย..เพราะเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นจริง ๆ ใช่ไหมว่าเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา ? ก็เห็นจริง แล้วเรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่ ตรงจุดนี้แหละที่เขาจะหลอกเราได้

ในเมื่อเราเห็น เราเชื่อ คนอื่นเตือนก็จะไม่ฟัง มักจะโดนลากให้หลงทางไปได้ง่าย ดังนั้น บางสำนักเขาถึงมีนิพพานขาว นิพพานดำยุ่งไปหมด เรื่องพวกนี้ถ้าไม่รู้จักยั้งใจตนเอง มีแต่อธิโมกขศรัทธา คือน้อมใจเชื่ออย่างเดียว ก็จะเกิดผลเสียแก่ตนเอง แล้วไปติดอยู่แค่ตรงนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2015 เมื่อ 11:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 14-08-2015, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลายท่านถามว่า ทำไมอาตมาไม่สอนมโนมยิทธิ ? อาตมาก็บอกไปตรง ๆ ว่า ที่ไม่สอนเพราะกลัวลูกศิษย์จะติดอยู่แค่นั้น เนื่องจากว่ามโนมยิทธินั้น จริง ๆ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องการให้ทุกคนรู้จักพระนิพพาน ไปพระนิพพานได้ แต่ปรากฏว่าพอได้มาแล้วมักจะไปใช้ผิด มักจะไปดูว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา แค่ดูอย่างเดียวแทนที่จะเข็ด ว่าทุกชาติเกิดมาก็มีแต่ความทุกข์อย่างนี้ กลับไม่เข็ด ดันไปฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่ แทนที่จะรอดจากวัฏสงสาร ก็กอดคอกันจมตายทั้งพรวน

อาตมาโง่มาก่อนมาก่อนหลายปี ก็เลยมาคิดว่าขนาดอาจารย์ยังโง่อย่างนี้ ถ้าลูกศิษย์เรียนต่อจะโง่กว่าขนาดไหน จึงตัดใจไม่สอนดีกว่า แต่ถ้าใครเรียนสายนี้มาโดยตรงแล้วติดขัดตรงไหน ให้มาสอบถามได้ จะชี้แจงแถลงไขให้ฟังได้ทุกอย่าง คาดว่าในปัจจุบันนี้เรื่องมโนมยิทธิ อาตมาท้าชนได้ทุกรายในประเทศไทย เพราะตอนสมัยอยู่วัดท่าซุงเป็นกระบี่มือวางอันดับหนึ่ง มีการซักซ้อมอยู่ตลอดเวลา ตอนบิณฑบาตก็ซ้อมดูว่า วันนี้ใครจะใส่บาตรเป็นคนแรก ผู้หญิงหรือผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีอะไร มาเป็นคณะหรือมาเดี่ยว

สมัยที่ฝึกใหม่ ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ไปนั่งข้างถนน ถ้าอยากรู้ให้ไปถามเจ๊นี้ (สุมาลี ตรีเลิศพานิช) นั่นเขาอยู่เป็นกองเชียร์ ถึงเวลาไปนั่งข้างถนน เสียงรถวิ่งมาให้กำหนดใจถามว่ารถสีอะไร ถ้าตอบถูกให้จำอารมณ์นั้นไว้ ถ้าตอบผิดไม่ต้องจำ ถ้าตอบถูกบ่อยเข้า ๆ สัก ๘ ใน ๑๐ คัน เราจะจำได้ว่าวางอารมณ์ใจอย่างไรจึงถูก ก็ให้เพิ่มรายละเอียดว่ารถมาสีอะไร คนนั่งมากี่คน ถ้าถูกสัก ๘ ใน ๑๐ ก็เพิ่มอีกว่า รถมาสีอะไร คนนั่งมากี่คน ผู้หญิงเท่าไร ผู้ชายเท่าไร แล้วต่อไปก็ใส่เสื้อผ้าสีอะไรบ้าง พริบตาเดียวเราจะรู้ครบถ้วนแต่อธิบายนานมาก เพราะรายละเอียดเราจะรู้ครบ รู้มากจริง ๆ

ท้ายสุดกระทั่งหมายเลขทะเบียนอะไรก็บอกได้ แล้วโปรดทราบ อย่าให้มีกองเชียร์อย่างอาตมา เพราะว่าพอตอบถูกจะมีเสียงเฮแล้วก็ปรบมือชอบใจกัน ถ้าสมาธิไม่ดีก็พังหมด ในเมื่อฝึกมาลักษณะอย่างนี้ เลยทำให้แม่นในเรื่องของมโนมยิทธิ แต่ที่ต้องเลิกไปเพราะว่าโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งห้าม ท่านห้ามอยู่ ๒ เรื่องคือ ห้ามให้หวย เพราะว่าไปเผลอให้เขาถูกกันหลายงวด

แล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือคนตายแล้วไปไหน ท่านว่าอย่าบอก..เพราะว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี ในมหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำดีในปัจจุบันไม่แน่ว่าจะไปดี บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไปไม่ดีแน่นอน บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปชั่ว บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ไปดีแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2015 เมื่อ 11:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 14-08-2015, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้เราดูแต่ปัจจุบันว่าเขาทำชั่วมาตลอด แต่อดีตเขาเคยทำดีไว้อย่างมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร พอถึงเวลาความดีมาสนองก็ไปรับผลความดีก่อน คนก็จะเห็นผิดเป็นชอบ เหมือนกับขี้เมาที่ไปนอนอยู่ใต้ธรรมาสน์ หลับไม่รู้เรื่องมาตื่นเอาตอนพระเทศน์ว่า “การฆ่าสัตว์ก็ดี การลักทรัพย์ก็ดี การประพฤติผิดในกามก็ดี การดื่มสุราเมรัยก็ดี” เจ้านั่นยกมือสาธุแล้วไปเลย ก็ได้ยินว่าดีทุกอย่าง พระท่านยังไม่ทันจะสรุปเลยว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะพาให้ตกนรก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2015 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 15-08-2015, 07:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องพวกนี้ก็เลยทำให้อาตมาเห็นโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะว่าคนเรามักจะหักห้ามใจไม่เป็น ในเมื่อหักห้ามใจไม่เป็น ถึงเวลารู้ก็มักจะทุ่มเทเชื่อ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะเพื่อนสหธรรมิกรายหนึ่ง รู้แล้วทุ่มใจเชื่อเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถึงขนาดอาตมาต้องจับไปส่งเข้าโรงพยาบาลเลย แต่โรงพยาบาลก็เอาไม่อยู่

เนื่องจากว่าสมัยที่อยู่วัด ถ้าไม่ใช่อาตมาแล้วไม่มีใครจับเขาได้ เขาหนีเข้าไปขังตัวเองอยู่ในโบสถ์ ญาติพังประตูเข้าไป เขาเดินทะลุข้างฝาออกไปเฉยเลย แล้วญาติจะทะลุกำแพงตามไปได้อย่างไร ? อาตมาจับตัวได้เรียบร้อย พอส่ง
ไปถึงมือหมอ กำชับอย่างดีเลย “หมอ..ระวังสุดชีวิตเลยนะ เผลอเมื่อไรเขาจะหนีทันที” หมอบอกว่า “ผมยังไม่เคยเจอคนไข้ที่ไหนเขาเก่งกว่าผมเลยครับ” อีกครึ่งชั่วโมงโทรมา “อาจารย์ครับ..เขาหนีไปแล้วครับ” ประตู ๔-๕ ชั้นไม่มีความหมายเลย เพราะเขาสามารถเดินผ่านไปเฉย ๆ ได้ทุกชั้น

อาตมาไปดูสิ่งที่เขาบันทึกเอาไว้ จึงเห็นว่ามารหลอกวิธีไหน เช่นว่า “วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ วันนี้พระมาบอกว่าวาระแห่งมรรคผลมาถึงแล้ว ให้ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติให้มากไว้ นักปฏิบัติที่ดีต้องกินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ปฏิบัติให้มาก ยิ่งทุ่มเทมากเท่าไรโอกาสที่จะได้มรรคผลก็มีมากเท่านั้น” มีอะไรผิดไหม ? ถ้าเผลอจะคิดว่าไม่ผิดเลย ของผิดอยู่ตอนท้าย ที่ว่าทุ่มเทเท่าไรได้ผลเท่านั้น พ่อเจ้าประคุณก็เลยไม่ยอมนอน
๒ เดือนเต็ม ๆ เดินจงกรมภาวนาอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่ทรงฌานได้คงตายไปนานแล้ว

นี่คือการเห็นสหธรรมิกโดนหลอกขนาดนั้น แล้วทุกวันนี้เขาก็ไม่ยอมโผล่หน้ามาหาอาตมาอีกเลย เพราะกลัวโดนจับไปส่งโรงพยาบาล เป็นที่น่าเสียดายเหมือนกัน นั่นคือลักษณะของการเห็นแล้วเชื่อ เชื่อโดยไม่ยั้งใจไว้เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2015 เมื่อ 09:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 16-08-2015, 07:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยอยู่วัดท่าซุง ถ้ามีพวก "เรือเกลือ" ก็คือ พวกมาสายพุทธภูมิ ถ้าหลวงพี่อาจินต์เอาไม่อยู่ ก็จะไปตามหลวงตาวัชรชัยมาช่วย ถ้าหลวงพี่อาจินต์ ทั้งหลวงตาวัชรชัยเอาไม่อยู่ ก็จะมาตามอาตมาไปช่วย ปรากฏว่ารายล่าสุดหลวงพี่อาจินต์มาถึงก็บอก “เล็ก..ทิ้งเวรพักหนึ่งสิ มีเรือเกลือมาอีกแล้ว” ถามว่าแล้วหลวงตาละครับ ? “หลวงตาเข็นมา ๒ วันแล้ว ไม่ไหวว่ะ ไปช่วยกันหน่อย” อาตมาก็โดดขึ้นรถไป ใช้เวลาสอนอยู่ ๒ ชั่วโมงครึ่งไปได้แค่พระจุฬามณี..! เพราะเขาเอารายละเอียดทุกขั้นตอน ขนาดเอาบันไดทีละขั้น คุณรู้ไหมว่าจุฬามณีบันไดกี่หมื่นขั้น ?

ปกติมโนมยิทธิแค่กำหนดใจนึกก็ถึงแล้ว เขาไม่ยอม เขาค่อย ๆ ไป “ตอนนี้เรากำลังออกจากโลกมนุษย์ไปสวรรค์” เขาถาม “เดี๋ยว ๆ ไปทางไหน ?” “กำหนดทิศประมาณทิศตะวันออกของโลก” ก็ค่อย ๆ ไป มารดาท่านเถอะ..! เหนื่อยฉิบหา..เลย เขาจะเอารายละเอียดมาก

พวกพุทธภูมิเขาไม่เหมือนพวกเรา ของพวกเราแค่เป็นสาวกภูมิ เราขึ้นบันไดบางทีมีกี่ขั้นยังไม่รู้เลย มีหน้าที่ขึ้นอย่างเดียว แต่พุทธภูมินี่เขาเอารายละเอียด บันไดกว้างยาวเท่าไร สร้างจากวัสดุอะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ถึงขนาดเขาพร้อมที่จะสร้างบันไดเอง ฉะนั้น..ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับครูบาอาจารย์มาก ถึงได้บอกว่าถ้าอาตมาที่เป็นมือวางอันดับ ๑ ของวัดท่าซุงยังไปไม่รอด โดนเขาหลอกอยู่หลายปี พวกเราถ้าเรียนรู้แล้วก็โดนหลอกไปเรื่อย ๆ แล้วกัน อาตมาไม่อยากซ้ำเติมด้วยการสอนพวกเรา

ส่วนหลักการปฏิบัติที่ให้พวกเราเอาไว้ ตอนเช้า ๆ เวลามีไม่พอ ถ้าจะต้องการให้ปฏิบัติแบบละเอียดครบชุดจริง ๆ ต้องให้เวลาประมาณชั่วโมงถึงชั่วโมงเศษ แต่ว่าชั่วโมงเศษนั้นถ้าคนที่เคยอ่านตำรามาบ้าง บางทีช็อกตาค้าง เพราะอาตมาใส่กรรมฐาน ๔๐ กองไว้ครบเลย เกิดจากว่าเวลาทำไปแล้วเห็นว่ากรรมฐาน ๔๐ กองมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันหมด

ญาติโยมอาจจะคิดว่า “มาครั้งนี้ก็อย่างนี้ มาอีกครั้งก็อย่างนี้ ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย” ที่เปลี่ยนแปลงคือตัวคุณเองไม่ใช่อาตมา ทำไปแล้วกาย วาจา ใจดีขึ้นไหม ? ทำแล้วสมาธิเราดีขึ้นไหม ? ทำแล้วกดกิเลสได้นานกว่าเดิมไหม ? ทำแล้วกิเลสลดน้อยลงไหม ? ทำแล้วหมดกิเลสอย่างไรบ้าง ? อยู่ที่ตัวเราเอง ไม่ใช่อยู่ที่คนสอน แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อกฺขาตาโร ตถาคตา แม้ตถาคตก็เป็นได้แต่เพียงผู้บอก ส่วนเราจะทำหรือไม่ทำไม่ใช่หน้าที่ของพระท่านแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาก็มีหน้าที่ตักน้ำรดหัวตอคอนกรีต ไม่หวังว่าจะงอกหรอก เอาแค่เปียก ๆ ก็พอ แต่ถ้าตอคอนกรีตนั้นเป็นตอเสาไฟฟ้าแล้วดันมีโคมอยู่ เปิดสวิทซ์เมื่อไรก็สว่างเองแหละ เอาเป็นว่าถ้ามีอารมณ์ก็จะลองนำยาว ๆ ดูสักที ถ้าไม่ขาดใจตายกันไปก่อน ก็จะได้หลักปฏิบัติเอาไปใช้ได้ตลอดชีวิตเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2015 เมื่อ 19:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 17-08-2015, 11:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การปฏิบัติธรรมของเราครั้งนี้ เรียกว่าไม่ค่อยจะเต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องเพราะว่าวันอาสาฬบูชาและวันเข้าพรรษาเราก็มีกิจกรรมอื่น แต่ถ้าท่านรู้วิธีการปฏิบัติธรรมแล้ว เราก็สามารถจะทำได้อยู่ทุกอิริยาบถและทุกเวลา สิ่งที่ได้ไปจากที่นี่ ถ้าจดจำเอาไว้ได้ ให้ไปฝึกซักซ้อมบ่อย ๆ ท่านใดต้องการฤทธิ์ต้องการอภิญญา ให้ใส่ไปให้เต็มที่เลย ตามแบบที่อาตมาสอนไปเมื่อครู่นี้ ถ้าท่านสามารถทำได้อารมณ์ใจทรงตัวเมื่อไร ไม่ใช่อภิญญาเฉย ๆ แม้แต่ปฏิสัมภิทาญาณก็สามารถเข้าถึงได้ เนื่องเพราะว่าที่สอนนั้นก็คือกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองเลย

ส่วนที่ยากที่อาตมาฝึกมาก็คือพรหมวิหาร ๔ และอรูปฌาน ๔ ก็แทรกอยู่ในนั้นแล้ว พรหมวิหารอาจจะชัดเจน แต่อรูปฌานให้ไปคลำดูว่าอาตมายัดไว้ตรงไหน ใครหาเจอมารับรางวัลได้..!

ในส่วนนี้ถ้าใครสามารถซักซ้อมและทำเอาไว้บ่อย ๆ กำลังใจจะทรงตัวมั่นคงได้เร็ว การแผ่เมตตาอย่าลืมเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นการปฏิบัติของเราจะรู้สึกว่าแห้งแล้ง ไม่มีอะไรให้น่ากระตือรือร้น แต่ถ้าหากว่าเราแผ่เมตตาเป็นปกติ จะรู้สึกจิตใจชุ่มชื่นเบิกบาน ทำเท่าไรก็ไม่เบื่อไม่หน่าย

โดยเฉพาะว่าเราปฏิบัติธรรมเพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นต้น สิ่งที่เราทำควรจะมีคุณภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะพึงทำได้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เราบอกว่าเราถวายพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ส่วนที่ถวายไปก็คงจะขาด ๆ เกิน ๆ เกินคงจะหายาก มีแต่ขาดมากกว่า

ท่านใดที่ยังรู้สึกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ยังไม่พอใจ กลับไปบ้านโปรดอย่าทิ้ง อย่ารอจนมีการปฏิบัติธรรมแล้วเราค่อยมาซักซ้อมปฏิบัติกัน ถ้ามัวแต่รอลักษณะอย่างนั้น งวดต่อไปกว่าที่จะปฏิบัติได้ก็เดือนกันยายน กิเลสจะฟัดเราตายเสียก่อน การปฏิบัติธรรมต้องทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาทีได้ยิ่งดี ถ้าถามว่าทำอย่างนั้นได้ด้วยหรือ ? อาตมายืนยันว่าได้ ถ้าสมาธิของเราทรงตัว สติจะทรงตัวโดยอัตโนมัติ สิ่งใดไม่ดีเข้ามาสติจะแยกแยะ สมาธิจะหยุดยั้งและปัญญาจะขับไล่ออกไปเอง"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-08-2015 เมื่อ 18:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 17-08-2015, 11:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ทันทีที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สติจะรับรู้ ถ้าไม่ดีก็ยั้งตนไว้โดยอาศัยกำลังสมาธิเป็นตัวห้าม แล้วก็กดกิเลสเอาไว้ หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของปัญญาว่าจะทำอย่างไร จะฆ่าให้ตายหรือว่าจะเมตตาปล่อยไปก็แล้วแต่เราจะกระทำกัน

ขอโมทนากับทุกท่านที่ได้ปฏิบัติในวันนี้ เราจะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้วกิเลสเก่งมาก หลอกให้เราไปห้องน้ำได้ทุกครึ่งชั่วโมง แต่พอปฏิบัติยาว ๆ เข้าจริง ๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ก็แสดงว่าที่ผ่านมานั้นพวกเราโดนกิเลสหลอก การนั่งกรรมฐานของเราก็เหมือนกัน เรานั่งไปสักพักหนึ่งก็โอดโอยจะตายแล้ว..เลิกเถอะ ขอให้ลองฝืนดูหน่อย ถ้าฝืนแล้วจะขาดใจลงไปจริง ๆ แล้วค่อยเลิก แต่ถ้าฝืนแล้วไปต่อได้ แสดงว่าเมื่อครู่กิเลสเรียกร้อง ไม่ใช่เรา

ถึงเวลากิเลสเรียกร้องอะไร เราก็ตามใจกิเลสทุกอย่าง เพราะกิเลสอาศัยอยู่กับเรา เป็นส่วนหนึ่งของเรา พอถึงเวลากิเลสบอกว่าจะตายแล้ว เราก็ไปหลงประเด็นว่าที่จะตายคือเรา แล้วก็ไปหลงเชื่อ ปล่อยให้กิเลสรอดไปทุกที ถ้าอย่างนี้โอกาสที่เราจะก้าวหน้าในการปฏิบัติก็ไม่มี นักปฏิบัติจึงจำเป็นที่จะต้องเด็ดขาด แล้วก็เอาจริงเอาจัง ไม่เช่นนั้นมัวแต่รออยู่ว่าเมื่อไรจะมีการปฏิบัติธรรมแล้วเราค่อยไปเข้าร่วมปฏิบัติ ก็กลายเป็นเด็กหัดใหม่ทุกที ไม่มีอะไรที่เป็นของเก่าเหลือให้ชื่นใจได้เลย

หัดพิจารณาแบบพระบ้าง วันคืนล่วงไป ๆ เราทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ ? คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ? เพื่อจะได้ไม่เก้อเขินเวลาเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม แล้วถ้าคุณวิเศษมีก็ระมัดระวังด้วย เผลอเมื่อไรจะโดนกิเลสหลอกอีก จึงขอฝากเอาไว้กับพวกเราว่า การปฏิบัติจำเป็นจะต้องจริงจังและสม่ำเสมอ ทำแล้วอย่าทิ้ง ถ้าทิ้งก็ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกที กลายเป็นคนขยันแต่ไม่มีผลงาน ก็จะน่าสงสารมากเป็นพิเศษ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2015 เมื่อ 16:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 19-08-2015, 07:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในสิ่งที่เราทำ ขอย้ำว่าต้องจริงจังและสม่ำเสมอ ทำแล้วต้องหวังผล ถ้าทำแล้วไม่รักษากำลังใจไว้ ถึงเวลาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ แบบนี้เสียผู้เสียคนมาเยอะแล้ว หลายท่านเคยปฏิบัติดี ๆ แล้วปล่อยให้กำลังใจเสียไป กู้เท่าไรก็เอาคืนมาไม่ได้ ที่กู้เท่าไรเอาคืนมาไม่ได้เพราะเราไปอยากได้เท่าเดิม การที่เราปฏิบัติแล้วอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้กำลังใจไม่มั่นคง จัดอยู่ในส่วนของอุทธัจจะกุกกุจจะ ก็คือความฟุ้งซ่าน ในเมื่อยังฟุ้งซ่าน นิวรณ์ยังกินอยู่ โอกาสที่จะเข้าถึงอย่างเดิมก็ยาก

ฉะนั้น..ต่อไปให้เราตั้งหน้าตั้งตาภาวนา ส่วนจะได้หรือไม่ได้อย่างไรช่างมัน ถ้าทำกำลังใจอย่างนี้ก็จะเข้าถึงกันเร็ว ปกติแล้วหลังการปฏิบัติธรรมของเราจะเลิกรับศีล ๘ หันมารับศีล ๕ แทน แต่อาตมาขี้เกียจให้ เพราะว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าศีล ๕ คืออะไร ให้ตั้งใจทำไปเลย การสมาทานศีลคือไปขอศีลจากพระ พระท่านก็จะบอกว่าศีลมีอะไรบ้าง แล้วเราก็นำไปปฏิบัติ ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าศีลมีอะไร ก็ไม่ต้องเสียเวลามาขอ ให้ปฏิบัติไปได้เลย

ถ้าใครรักษาศีล ๘ ไว้ได้ ก็เป็นการดี เพราะจะสนับสนุนการปฏิบัติของเราให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เนื่องจากตัดความห่วงลงไปได้มาก แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ อย่างน้อยศีล ๕ จะต้องมี เพื่อที่เราจะได้มีพื้นฐานของความดีที่จะช่วยสนับสนุน อย่างน้อย ๆ ถ้าหากว่าแย่จริง ๆ ตายไปก็ไม่หลุดจากความเป็นมนุษย์ คือศีล ๕ เขาเรียก มนุษยธรรม คือธรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าเป็น หิริ โอตตัปปะ เรียกว่า เทวธรรม คือธรรมที่ทำให้เกิดเป็นเทวดา ถ้าพรหมวิหาร ๔ เรียกว่า พรหมธรรม คือธรรมเป็นเครื่องอาศัยของพรหม

ฉะนั้น..ในเมื่อเรารู้แล้วว่าจะเกิดเป็นคนได้ต้องมีอะไร ก็ปฏิบัติตามกติกานั้นเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าสามารถปฏิบัติตามเทวธรรม พรหมธรรม ตลอดจนกระทั่งหลักธรรมที่ทำให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้ก็ยิ่งเป็นการดี


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โอวาทช่วงงานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมวันอาสาฬหบูชา
วันที่ ๓๐ กรกฎาคม – ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2015 เมื่อ 14:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว