กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-10-2009, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เป็นหนี้ร้อยกว่าล้าน..!

วันก่อนมีโยมคนหนึ่ง ไปถึงวัดก็ไปตะโกนเรียก อาตมากำลังจารตะกรุดอยู่ ก็บอกว่า "เข้ามาสิ..ประตูไม่ได้ล็อก" พอโผล่หน้าขึ้นมา เขาบอกว่าเขาเครียดมาก เพราะว่าตอนนี้มีหนี้อยู่ร้อยกว่าล้าน ตอนแรกกู้ธนาคารมา แล้วไปทำกิจการอยู่แถวอมตะซิตี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่ปัญหาไปอยู่ที่ผู้ว่าจ้าง ถึงเวลาก็ไม่จ่ายค่างวดให้ตรงเวลา ทีนี้เขากู้เงินมา ไม่มีเงินไปให้ธนาคาร เขาก็โดนเร่งรัด พอโดนเข้าบ่อย ๆ เขาก็ให้ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ การปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ แม้ว่าระยะเวลาจะยืดขึ้น แต่ว่าการจ่ายมักจะหนักกว่าเดิม เพราะต้องจ่ายดอกพร้อมต้นบางส่วนด้วย ก็เลยเครียด มาปรึกษาอาตมา

จึงถามเขาว่า ก่อนที่คุณทำงานเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะแก้ไขอย่างไร ? ..เขาก็เงียบ.. ตอนที่คุณคิดจะทำงาน คุณเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าหากว่าเจ๊งขึ้นมา คุณจะแก้ไขอย่างไร ? ..เขาก็เงียบ.. ถามว่าคุณคิดอย่างเดียวว่า ทำงานชิ้นหนึ่งจะได้กำไรเท่าไร ถ้าทำเท่านี้จะได้แค่นี้ ถ้าทำแค่นั้นจะได้เท่านั้น อย่างนี้ใช่ไหม ? ..เขาบอกว่าใช่ จึงบอกเขาไปว่า ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคุณขาดธรรมะมาก ถ้าหากคุณทำแล้วได้ผลดี แปลว่าบุญเก่าของคุณดีจริง ๆ แต่ถ้าทำแล้วเจ๊งอย่างปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เพราะว่าคุณไม่ได้เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใช้ในเรื่องการงานเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง เราจะไปกำหนดว่าทำหนึ่งต้องได้ห้า ทำสองต้องได้สิบ ทำยี่สิบต้องได้ร้อย นั่นไม่ใช่แล้ว.. การทำงานเราต้องคิดในแง่ร้ายที่สุดไว้ก่อน อย่างเช่นว่า กิจการเจ๊งเราจะมีทางแก้ไขอย่างไร ? เราจะเอาตรงไหนมาสนับสนุน ? แล้วขณะเดียวกันเราจะมีเงินส่วนไหนมาค้ำจุน ? หรือจะถอยไปยืนอยู่ตรงจุดไหนเพื่อที่จะแก้ไขเหตุการณ์นี้ ? ถ้าสามารถคิดตรงนี้เอาไว้ให้เรียบร้อยก่อน คุณจะทำงานอะไรก็ได้ แต่ถ้าคิดตรงจุดนี้ไม่เป็น ไปคิดว่าหนึ่งบวกหนึ่งต้องได้สอง สองบวกสองต้องได้สี่ อย่างนั้นถ้าไม่ใช่บุญเก่าดีจริง ๆ ทำอะไรก็เจ๊ง..!

โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มต้นทำงานก็ผิดแล้ว ให้สังเกตดูรุ่นปู่ย่าตาทวดของเรา ปู่ย่าตาทวดส่วนใหญ่มาจากเมืองจีน มาในลักษณะเสื่อผืนหมอนใบ ค่อย ๆ ทำงาน ค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบ พอมีเงินสักส่วนหนึ่งทำกิจการได้ อย่างสมัยนั้นก็อาจจะ ๒๐๐ บาทหรือ ๓๐๐ บาท ก็จะเปิดการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยตัวเอง ถ้าเขาผิดพลาดก็จะหมดแค่นั้น หนี้สินไม่มี แต่ถ้าสมัยนี้ผิดพลาดขึ้นมา เราจะไม่หมดแค่นั้น เรายังมีหนี้กองโตรออยู่ เพราะว่าเราเริ่มต้นด้วยการเป็นหนี้เสียแล้ว แปลว่าเราบริหารผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเราดันไปเชื่อทฤษฎีตะวันตกที่ว่า คนที่มีหนี้สินคือคนที่มีเครดิตดี แต่ถ้าหากว่าเราทำตามแบบของปู่ย่าตาทวดที่ท่านทำมา อาจจะดูเหมือนไม่หวังความก้าวหน้า อาจจะเป็นกิจการเล็ก ๆ ก่อน แต่ความมั่นคงจะมีมากกว่า เพราะว่าค่อยเป็นค่อยไป

ตัวอย่างที่ชัดที่สุดต้องบริษัทสหพัฒนพิบูล อันนั้นของเขาค่อย ๆ ก้าว ค่อย ๆ ขยับขยายขึ้นมา พอโตก็แตกสายกระจายกว้างออกไป ๆ เป็นการประกันความเสี่ยง ประกอบธุรกิจหลายด้าน ขณะที่เศรษฐกิจตก เกิดการล้มละลายทางการเงินขึ้น บริษัทนี้เขาไม่สะเทือนเลย เพราะว่าเขาไม่มีหนี้ต่างประเทศ คนอื่นจะลำบาก จะดิ้นรนก็ดิ้นไป เขาอาจจะลำบากหน่อยตรงที่กิจการไปได้ยาก เพราะว่าบรรดาคู่ค้าต่าง ๆ ล้วนแต่ประสบปัญหาทางการเงินทั้งนั้น แต่ในเมื่อตัดปัญหาเรื่องหนี้สินออกไปเสีย อย่างไรก็พอที่จะประคับประคองกันไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2015 เมื่อ 10:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-10-2009, 23:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..พวกเราทุกคนควรมีธรรมะในส่วนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ดำรงอยู่ในความไม่ประมาท จะต้องคิดเป็น ทำเป็น โดยเฉพาะปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ถ้าเรารู้จักพิจารณาแยกแยะ จะเห็นความก่อนหลังเร็วช้าของแต่ละปัญหา ปัญหาไหนที่มาถึงก่อน เราก็แก้ไขก่อน ถ้าอย่างนั้นเราจะมีปัญหาเดียวอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ซึ่งจะไม่หนักเกินกำลัง แต่ถ้าหากว่าเราไปเอาหลาย ๆ ปัญหามาสุมรวมกัน ถึงเวลาก็จะรู้สึกว่าปัญหานั้นใหญ่จนแก้ไม่ไหว

ดังนั้น..ถ้าหากมีการปฏิบัติภาวนาสมาธิเสียหน่อย จะช่วยในเรื่องพวกนี้ได้มาก แล้วก็ยกตัวอย่างให้เขาดูว่า อาตมานั่งจารตะกรุดอยู่นี่ เพราะว่าติดหนี้เขาอยู่ ๓๐ กว่าดอก งานอื่นก็มีท่วมหัว แต่พรุ่งนี้ต้องรับสังฆทาน ก็แปลว่าตะกรุดนี่ต้องจารเสร็จ ถ้าไม่เสร็จเราก็ไม่มีให้เขา ก็คือเรื่องนี้ด่วนกว่า ส่วนการส่งประวัติพระอุปัชฌาย์ ต้องส่งวันที่ ๑๕ อาตมากลับไปวันที่ ๑๒ มีเวลาอีก ๓ วัน อย่างไรก็ทำทัน ตรงนี้จึงวางไว้ก่อน มานั่งจารตะกรุดให้เขาก่อน เพราะฉะนั้น..ปัญหาต่าง ๆ ถ้าเรารู้จักแยกแยะ จะเห็นความก่อนหลังเร็วช้าของปัญหา อันไหนมาก่อนก็แก้ไขก่อน เราจะมีปัญหาเดียวอยู่ตรงหน้าตลอด แล้วก็จะไม่เครียดมาก

เขานั่งฟังไปพักหนึ่ง อาตมาไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรให้เขาเลย แต่พอเล่าให้เขาฟังเสร็จ เขาบอกว่าสบายใจแล้วครับ ตอนก่อนที่จะมามีปัญหามาเป็น ๑๐๘ คำถามเลย นั่งฟังไปฟังมา ไม่รู้จะถามอะไร กลับได้แล้ว ก็เลยบอกเขาไปว่า วิธีแก้ไข อันดับแรกคือการประนอมหนี้ ถ้าเป็นสถาบันการเงินนี่มักจะกำหนดตายตัว เพราะว่าถ้ามีปัญหาขึ้นมา เขาเองก็เดือดร้อนด้วย เราก็แก้ไขตรงจุดนั้นก่อน อย่างเช่นว่ามีทรัพย์สินอะไรที่พอจะเปลี่ยนเป็นตัวเงินได้ โดยที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอื่นเพิ่มเติมขึ้นมา เราก็จำหน่ายเอาส่วนนั้นมาคืนเขาก่อน ส่วนที่เหลือก็พอที่จะเจรจากันได้ เพราะว่างานเราก็ยังทำอยู่ เพียงแต่ว่าเราสะดุดเรื่องเงินที่ลูกค้าเขาจ่ายไม่ตรงงวดเท่านั้น ถ้าหากว่าเขาจ่ายตรงงวดขึ้นมา เราก็รีบไปคืนให้เขา คู่ค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัสดุก็ดี อะไรก็ดี ก็จะไม่มีปัญหาตรงจุดนี้ เพราะเขาเห็นว่าเราตรงไปตรงมา และท้ายที่สุด ให้หันเข้ามาหาการภาวนา โดยเฉพาะถ้าภาวนาคาถาเงินล้านอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยได้เยอะมากเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2015 เมื่อ 10:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-10-2009, 00:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัญหาพวกนี้มักจะมีเป็นปกติทั่ว ๆ ไป มีคำถามหนึ่งที่เขาถามว่า เขาจะอยู่ในลักษณะนี้อีกนานไหม ? บอกเขาไปว่า ถ้าตอบว่าสี่ปีแล้วอย่าช็อกนะ..! เขาบอกว่าถ้าพอหมุนได้ สี่ปีก็ไม่นานหรอก แต่ถ้าไม่ขยับเลย สี่ปีก็นานโคตร..!

สังเกตได้ว่าในเรื่องทำมาหากิน ในลักษณะที่จะต้องข้องเกี่ยวกับผู้อื่น คนที่อยู่ในศีลในธรรมจะเสียเปรียบเขา เพราะว่าหน้าด้านใจดำไม่พอ เรื่องของการค้าถ้าหากไม่มีคุณธรรมกำกับไว้ ก็จะเป็นเรื่องของคนกินคนเลย..!

เราจะสังเกตว่าปัจจุบัน ร้านค้าเล็ก ๆ เจ๊งหมด ก็เพราะว่าขาใหญ่เขากินเสียเกลี้ยง จริง ๆ แล้วถ้าหากว่าไม่ได้กู้เงินเขามา พูดง่าย ๆ ว่าเป็นเงินเย็น เปิดร้านสะดวกซื้อแข่งกับพวกห้างยักษ์เขาได้ เพียงแต่ว่าเราต้องใช้การค้าขายแบบโบราณ ปัจจุบันนี้พวกบรรดาร้านสะดวกซื้อเขาฝึกพนักงานให้เป็นหุ่นยนต์ พอเสียงประตูเปิดดังติ๊ง ก็สวัสดีค่ะ แต่ที่เดินเข้ามาคือหมา..! เขาไม่ได้ดูเลย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากงานแต่ก็สวัสดีไว้ก่อน อาตมาไปซื้อของตอนบ่ายสองเขาถามว่า รับซาลาเปาเพิ่มไหมคะ ? บอกว่า "นี่..อีหนู..ดูบ้างสิว่าใคร ไม่ใช่ถึงเวลาก็ถามส่งเดช อย่างไรเจ้านายก็คงไม่ลงทุนปลอมเป็นพระมาตรวจงานหรอก..!"

ขณะเดียวกันเมื่อเราเปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ด ถ้าเราใช้จิตวิญญาณของคนโบราณ มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า มีการตอบโต้ มีการสอบถามกัน บางทีเจอหน้าก็ทักทายกัน แถมให้นิด ลดให้หน่อย แล้วแต่สภาพ นั่นเป็นจิตวิญญาณที่ไม่มีในการค้าสมัยใหม่ตามห้าง สมัยก่อนเขาจึงได้บอกว่า มีอะไรเกิดขึ้นเขารู้ทั้งหมู่บ้าน โดยเฉพาะบรรดาร้านค้าต่าง ๆ จะเป็นศูนย์รวมข่าว มาถึงก็ "เอ้อ..ลูกชายเป็นอย่างไรบ้าง ?" "วันก่อนลูกแกสอบได้หรือเปล่า ?" "ได้ข่าวว่าลูกสาวไปสอบเข้าโรงเรียนในกรุงเทพฯ เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?" พนักงานสมัยนี้มีหรือที่จะถาม ไม่มีหรอก อันนั้นเป็นการรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคนและระหว่างบุคคลในชุมชนเอาไว้ด้วย

จริง ๆ แล้วร้านขายของเบ็ดเตล็ด ถ้าบริหารดี ๆ มีการจัดหมวดสินค้าให้น่าหยิบน่าใช้ เห็นง่าย หาง่าย จะสู้เขาได้สบายมาก เพียงแต่ว่าบางทีวิสัยทัศน์ของคนเราไม่พอ แล้วก็ความเพียรพยายามไม่พอ ขาดอิทธิบาท ๔ ยังไม่ทันที่จะสู้เลย คิดอย่างเดียวว่าแพ้แน่ ถ้าอย่างนั้นก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว

ไม่ใช่ฟังเสร็จ แล้วไปเปิดร้านขายของกันหมดนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นแย่งลูกค้ากันอีก จริง ๆ แล้วถ้าบริหารเป็น โดยความเคยชินของคนทั่วไป โดยเฉพาะร้านหรู ๆ เขาไม่กล้าเข้าหรอก เพราะเขากลัวของแพง จะว่าไปแล้วร้านขายของเบ็ดเตล็ดเป็นทางเลือกที่ดี แล้วร้านหรู ๆ เขาคงไม่มาถามหรอกว่า "อีแก่ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง ? ได้ยินว่าป่วย หายดีหรือยัง ?"


เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2015 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-10-2009, 06:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันศุกร์ตอนต้นเดือน หลวงพ่อกล่าวว่า "อาตมาไม่ชอบเป็นหนี้ใครนาน ๆ จะหาทางขวนขวายไปใช้เขาอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นนิสัยอย่างอาตมา...เป็นลูกหนี้ก็ไม่มีความสุข เพราะต้องรีบหาเงินไปใช้เขา เป็นเจ้าหนี้ก็ไม่มีความสุข เพราะไม่กล้าไปทวงเขา

ถ้าใครรู้ตัวว่ามีนิสัยอย่างนี้ จงอย่าให้ใครเป็นหนี้และจงอย่าได้ไปเป็นหนี้ใคร ไม่เช่นนั้นจะหาความสุขในชีวิตไม่ได้
"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2010 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
คาถาเงินล้าน, เป็นหนี้, เศรษฐกิจ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว