กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 08-07-2015, 09:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดินเนื้อเงิน ใส่ตะกรุดมหาสะท้อนไป ๓๐ ดอก ใส่กันทีให้รวยไปเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าใครอยากได้ตะกรุด แล้วก็อยากได้พระกริ่งด้วย จะพกพระกริ่งอย่างเดียวก็ได้ แต่ถ้าใครได้พระกริ่งแล้วรู้สึกว่าอยากได้ตะกรุดมากกว่า ในตู้ก็มี..ราคาเท่ากัน ก็คือมาตรฐาน ๖,๐๐๐ บาทเท่ากัน เอาไปออกตัวในเว็บได้อีกเยอะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2015 เมื่อ 04:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 08-07-2015, 09:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มหาเอกับคณะขอเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๔๙ นิ้ว กับรูปหล่อหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษีฯ เท่าครึ่งขององค์จริง ปีหน้าจะเป็นปีที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านครบ ๑๐๐ ปีเกิด อาตมาปรารภสร้างถวายครูบาอาจารย์ มหาเอท่านทราบเข้าก็ขอเป็นเจ้าภาพ จ่ายค่าปั้นแบบไปแล้ว ๔๖๐,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน งวดนี้จะหล่อประมาณมาฆบูชาปีหน้า ท่านถวายค่าหล่อมาแล้ว หนึ่งล้านเจ็ดแสนบาท ให้ทุกท่านโมทนาด้วยกัน งานนี้ไม่รบกวนใคร เพราะได้พอแล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2015 เมื่อ 12:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 284 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 08-07-2015, 09:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเป็นพ่อเป็นแม่มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง ก็คือไม่เคยเห็นลูกตัวเองโตเลย ในเมื่อไม่เคยเห็นลูกตัวเองโตก็ยังคงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา คราวนี้ความห่วงของบางคนก็กลายเป็นห่วงเกิน พอลูกเริ่มเป็นวัยรุ่น ลูกก็จะรู้สึกรำคาญ พ่อแม่โปรดระมัดระวังอย่าให้เป็นอย่างนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2015 เมื่อ 10:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 08-07-2015, 09:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การเปิดกระทู้คนมีเงินฯ จุดที่ต้องการให้ทุกคนสังเกตก็คือ ของบางอย่างหายากมาก หลายต่อหลายอย่างมีชิ้นเดียวในโลก แต่พระอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของก็สละออกได้หน้าตาเฉย ขอให้ทุกคนหัดทำให้ได้แบบนั้นบ้าง หัดทำให้ได้แล้วต่อไปจะสบาย เพราะว่าถ้าตัดใจได้อย่างหนึ่งก็ตัดได้ทั้งหมด ถ้าหากว่าตัดไม่ได้สักอย่างหนึ่ง อย่างอื่นก็ตัดยากเท่ากันหมด

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ครูบาอาจารย์บางทีก็ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ต้องรู้จักเก็บให้เป็นประโยชน์ของตัวเอง บางอย่างลงประชดชีวิตไปแท้ ๆ ก็ยังอุตส่าห์มีคนบูชา แสดงว่าคนรวยมีเยอะจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2015 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 08-07-2015, 16:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "รอยเท้าหลวงปู่มหาอำพัน ท่านปั๊มให้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ รอยเท้าท่านอื่นอาตมาได้ตอนมรณภาพแล้วทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2015 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 08-07-2015, 16:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมกราบเรียนถามว่า พ่อตายแล้วไปไหน ? พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องตายแล้วไปไหน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งอาตมาไว้ว่า อย่าไปเที่ยวบอกชาวบ้านเขา เพราะมีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไรเลย ถ้าเขาทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ก่อนตายจิตเศร้าหมอง ตกอบายภูมิ เราไปบอกเขาว่าตกนรก แล้วใครจะไปมีอารมณ์ทำความดีต่อ ขณะเดียวกันบางคนทำความชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายจิตเกาะความดีได้ แล้วดันขึ้นสวรรค์ ก็จะมีคนว่าไม่ยุติธรรม เพราะฉะนั้น..เรื่องอย่างนี้ถ้าอยากรู้ต้องปฏิบัติเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2015 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 09-07-2015, 17:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีพระมากราบเรียนปรึกษาถึงปัญหาที่วัด "เรื่องของวัดที่มักจะมีปัญหาก็เพราะ ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกคือพระท่านทำไม่ดีจริง ๆ ส่วนสาเหตุที่ ๒ โยมมักอยากจะมีอำนาจในการควบคุมวัด พอพระไม่ให้อำนาจ โยมก็จะไม่พอใจ ซึ่งลักษณะนี้จะเจอกันเป็นส่วนมากเลย ที่น่าสงสารมากก็คือก่อนหน้านี้ วัด......ที่ไทรโยค มาขอหลวงตาเย็นไปเป็นเจ้าอาวาส เอารถมาแห่ไป ๓๐ กว่าคัน อาตมาก็ให้ไป ปรากฏว่าหลวงตาเย็นไปไม่ถึง ๒ เดือนก็กลับมา

อาตมาถามว่าทำไม ? "ไม่ไหวหรอกครับหลวงพ่อ เทศน์อยู่บนธรรมาสน์ยังไม่ทันจบเลย เขาแบ่งเงินกันเสร็จแล้ว มิน่าล่ะ..ว่าวัดไม่เจริญสักที เพราะว่าบรรดากรรมการวัดเล่นแบ่งเงินกันต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เอง ไม่มีถึงมือพระเลย"

สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ว่า “ต่อไปถ้าแกไปเป็นเจ้าอาวาสที่ไหน เวลาตั้งกรรมการวัด ให้ตั้งพระให้มากกว่าโยมเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วจะคานโยมเขาไม่ไหว” ท่านบอกว่า “โยมใกล้วัดส่วนหนึ่งมักจะเข้ามาอยู่ในวัด ต้องการมีอำนาจเหนือพระ ถ้ามีอำนาจดั่งใจ ต่อไปเขาก็ขี่คอแล้วก็ชี้นิ้วสั่งพระ..!” ท่านสั่งไว้ตั้งแต่อาตมายังเป็นพระใหม่ ๆ เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 17:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 09-07-2015, 17:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนอสุภกรรมฐานให้กับอาตมา ตั้งแต่อาตมายังไม่ได้บวช"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 18:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 09-07-2015, 17:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



พระอาจารย์พูดถึงหนังสือสวดมนต์เล่มใหม่ "อาตมาทำถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ค่าพิมพ์เล่มนี้ร้อยกว่าบาท คราวนี้คุณเมตตา อุทกพันธุ์ เจ้าของบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งลดให้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ยังราคาแพงอยู่ดี แต่ที่วางจำหน่ายแค่ ๒๐๐ บาท เพราะว่าคนอยากจะสวดมนต์ เขาจะทำความดีแล้วเรายังไปขายแพงอีกก็เกินไป

เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เป็นวันพระใหญ่ โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ทางวัดท่าขนุนเริ่มขับเคลื่อนเข้าไปในสถานศึกษา ตอนนี้ทำโครงการร่วมกับโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ ทางโรงเรียนทำโครงการ “แต่งชุดขาว รับศีล กินมังสวิรัติ” ทุกวันพระ ก็เลยเอาหนังสือสวดมนต์ไปแจกเด็ก เล่นเอาบรรดาครูบาอาจารย์ร้องกรี๊ดเลย บอกว่า “เมื่อวันก่อนทำบุญ ๕๐๐ ให้ ๑ เล่ม นี่เอามาแจกเด็กฟรี ๆ ครูขอรับบ้างได้ไหม ?” ท้ายสุดก็เลยหมดไป ๕๐๐ เล่ม ไม่พอแจกหรอก

ชอบใจตรงที่ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนก็คือ ผอ.สนิท ทรัพย์วารี ท่านทำโครงการดีมากเลย วันพระแต่งชุดขาวไปโรงเรียน มีใครกล้าทำบ้าง ? เด็ก ๆ ทำของเปื้อนง่ายจะตาย แล้วเด็กเขาจะมีแต่งชุดขาววันหนึ่ง แต่งชุดไทยวันหนึ่ง ก็จะนุ่งโจงกระเบนกันไป เพื่อรักษาวัฒนธรรมไทย ท่านทำโครงการเข้าท่ามาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 20:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 09-07-2015, 17:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนนี้เรื่องโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ในกาญจนบุรี ถ้าในระดับอำเภอ ทองผาภูมิก็อยู่ในระดับที่ ๒ ของ ๑๓ อำเภอ แต่ที่อยู่ในระดับที่ ๒ นั้นจะไปวัดจากจำนวนคนไม่ได้ เราต้องวัดจากเปอร์เซ็นต์ เพราะจำนวนประชากรทองผาภูมิที่เขาขึ้นตัวเลขมาให้แค่ ๒๐,๐๐๐ กว่าคน อย่างของอำเภอท่ามะกามี ๘๐,๐๐๐ กว่าคน ถ้าเราไปวัดจำนวนคน เราสู้เขาไม่ได้หรอก แต่ถ้าวัดเปอร์เซ็นต์เราอยู่ที่ ๒ ก็คือจำนวนยอดของคนที่สมัครเข้าโครงการหมู่บ้านศีล ๕ แล้วทั้งจังหวัดก็ประมาณ ๖๐๐ วัด วัดท่าขนุนอยู่ที่ ๒ เป็นรองเฉพาะวัดใต้วัดเดียว

ไปแอบดูไลน์เจ้าคณะอำเภอ เขาบอกว่า “คืนนี้ต้องแซงทองผาภูมิให้ได้ ทองผาภูมิมีวัดท่าขนุนทำอยู่วัดเดียว ไม่น่ากลัวหรอก” ทำยอดอยู่วัดเดียว วัดอื่นบางวัดมียอดแค่ ๑ คน แล้ว ๑ คนไม่ใช่เขาทำนะ เกิดจากของเราคีย์ข้อมูลไปแล้วไปขึ้นที่วัดเขา เนื่องจากจะมีระบุว่าอยู่หมู่ที่เท่าไร ? ตำบลอะไร ? ไปทำบุญประจำที่วัดไหน ? พอคีย์ข้อมูลแล้วก็ไปขึ้นให้วัดเขา ถึงเวลาคีย์ข้อมูลทั่วประเทศได้เลย จะไปขึ้นให้จังหวัดนั้นเอง ถึงมาทำบุญวัดเราก็จะไปขึ้นให้จังหวัดนั้น แต่ว่าเ
ราจะได้ยอดของวัด แต่ยอดหมู่บ้านจะไปขึ้นให้หมู่บ้านของตัวเอง ยอดตำบลไปขึ้นให้ตำบลตัวเอง ยอดอำเภอไปขึ้นให้อำเภอของตัวเอง ยอดจังหวัดไปขึ้นให้จังหวัดตัวเอง

สรุปแล้วทองผาภูมิ
ถึงจะคีย์เข้าไปเป็นอันดับ ๒ ของจังหวัดก็จริง แต่ยอดที่เป็นของอำเภอจริง ๆ มีแค่ประมาณ ๑,๓๐๐ คน ก็แปลว่าคนในพื้นที่ที่มาวัดท่าขนุนประจำ ๆ มีแค่นั้น ประมาณ ๑,๓๐๐ คน นอกนั้นคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดล้วน ๆ คือที่อยู่จะไปขึ้นให้จังหวัดของตน แล้วก็จะมีวัดที่ไปประจำ ก็จะไปขึ้นให้วัดนั้น ของวัดท่าขนุนคีย์แล้วเด้งกลับอยู่ ๒ ชื่อ พอไปดูไปปรากฏว่าเขาไปลงชื่อไว้ที่วัดเทวราชกุญชรแล้ว ใบสมัครอยู่กับเรา แต่ว่าเขาไปลงชื่อทางด้านนั้น แล้วทางนั้นคีย์เข้าไปแล้ว ต้องบอกว่าคนทำระบบฐานข้อมูลหมู่บ้านศีล ๕ นี่เขาเก่งมากเลย สามารถแยกแยะให้ทั่วประเทศ คุณคีย์อะไรเข้าไปก็ตาม ระบบสามารถจัดการให้ทั้งหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 20:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 09-07-2015, 17:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จองค์ปฐม ๙.๙ นิ้ว ช่างปั้นทำต้นแบบไว้ ๕ องค์ โดยการลงสีแบบต่าง ๆ ไว้ มีทั้งสีเข้มกว่านี้ มีทั้งสีแบบสนิมหยกเขียว ท้ายสุดมาสรุปตรงสีที่เห็นในปัจจุบัน พอเขายกต้นแบบมาให้ ก็บอกว่า "เอาไปลงกระทู้คนมีเงินฯ ดีกว่า" พอเขาถามว่าราคาเท่าไร ? บอกว่า ๓๕,๐๐๐ บาทเท่ากับต้นฉบับ ก็หมดตรงนั้นเลย ไม่ต้องลงกระทู้ ท้ายสุดจึงต้องเอาองค์หมายเลข ๑ ของตัวเองไปลงแทนก็หมดอีก

ตอนนี้ในส่วนที่เสียดายอยู่ก็คือว่า วัดใหญ่ของเราขยับตัวช้า เหมือนกับรอว่าอาตมาจะทำอะไร พอเห็นว่าได้เรื่อง แล้วท่านค่อยขยับตาม ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มทำสมเด็จองค์ปฐม ๙ นิ้ว กำลังให้ช่างออกแบบอยู่ ดูแล้วออกมาเหมือนพระสุโขทัยหน้านาง ส่วนบางอย่างพอทำแล้วดูเหมือนจะสิ้นเปลืองมาก ท่านก็ลดวัสดุ อย่างที่ทำเหรียญมหาสะท้อน น้ำหนักไม่ถึงสลึง ในเมื่อทำไม่ถูกต้อง จะเอาให้เหมือนกันก็ยากนะ แบบเดียวกับที่ช่างคนเดียวกัน หล่อพระให้วัดท่าขนุนแล้วไม่มีปัญหาเลย เสร็จสรรพเรียบร้อย ปิดทองประดับเพชรขึ้นแท่นไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันอีกวัดหนึ่งแก้มา ๕ เที่ยวแล้วยังไม่เสร็จ มีอยู่ ๒ อย่างที่คาดไว้ อย่างแรกก็คือ น่าจะไม่รู้จักว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านคือใคร ได้ยินเขาบอก เกิดศรัทธาก็หล่อไปเรื่อย อีกอย่างหนึ่งได้ยินว่าวัดท่านฉันมังสวิรัติ พอถึงเวลาทำบวงสรวงก็เลยเอาหัวหมูกับไก่ออกหมด ตรงนี้น่าจะเป็นสาเหตุใหญ่ จนป่านนี้ก็เลยยังทำไม่เสร็จ

วันก่อนไปโรงงานจึงไปสงเคราะห์เขาหน่อย ขอให้ทำได้สำเร็จ แต่พระท่านบอกว่า ถึงหล่อออกมาก็ต้องแต่งมาก ที่เป็นห่วงไม่ได้เป็นห่วงทางวัดหรอก เป็นห่วงช่าง เพราะว่าช่างทำงานหลาย ๆ ที เดี๋ยวกำไรจะไม่เหลือ หล่อแล้วหล่ออีก แต่ละครั้งวัสดุไม่ใช่น้อย ๆ ไหนจะสิ้นเปลืองพวกแก๊ส พวกฟืนอะไรอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 18:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 09-07-2015, 17:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "นโยบายของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ต้องถือว่าสุดยอดมาก ท่านบอกว่าถ้าถือศีล ๕ ข้อไม่ครบ ก็เอาแค่ ๔ ถ้า ๔ ไม่ครบก็เอา ๓ ถ้า ๓ ไม่ครบก็เอา ๒ ถ้า ๒ ไม่ครบก็เอา ๑ ถ้า ๑ ไม่ได้ก็ให้พยายามรักษา นโยบายนี้ก็คือลักษณะของคนทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว ที่ศีลจะต้องไม่ครบ จึงบอกว่า ในเรื่องโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ นี่แปลว่าเราต้องพยายามลงมือกระทำ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้แล้วไม่ทำ ให้รักษาศีลไม่ได้แปลว่าต้องประสบความสำเร็จ แต่แปลว่าให้ตั้งใจรักษา คนที่ไม่เข้าใจนโยบายตรงนี้ก็จะคิดว่า ท่านจะให้คนเป็นพระโสดาบันทั้งประเทศ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 09-07-2015, 17:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์พูดถึงมีดพับศิลป์บ้านจ่าตุ่มว่า "หนอนน้อยชาเขียวเล่มนี้อาตมาพกมา ๑๐ กว่าปี พกเสียเก่าแล้ว เป็นมีดพับศิลป์เล่มแรกที่ทางด้านโน้นเขาทำเสร็จ อาตมาไปตื๊อเขามา ซื้อมาตอนนั้น ๕๐,๐๐๐ บาท เพราะเจ้าของเขาไม่ขาย ไปตื๊อเขาเอามาจนได้ จากที่สีเขียว ๆ พกจนกระทั่งหายเขียวแล้ว คือเขาตั้งราคาแบบไม่ขาย พวกเราคงจะเข้าใจนะ แต่เขาคงไม่คิดว่าจะมีคนบ้าอยากได้ ประเภทตั้งราคาแบบไม่ขายแล้วมีคนสู้นี่จุกมาเยอะแล้ว

ต้องบอกว่าที่นึกไม่ถึงก็คือ อย่างพระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดินเนื้อทองคำ ราคาแพงมาก แต่คนก็ยังอุตส่าห์สละมา เพื่อให้คนอื่นเขาได้บูชาต่อ เอาเงินมาทำงานพระพุทธศาสนา ต้องบอกว่ากำลังใจของเขาเหลือล้นจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 18:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 09-07-2015, 17:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ปัจจัยที่โยมบูชาพระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดินเนื้อเงิน เพียงพอแล้ว เพราะว่าเราจะให้เขาประมาณ ๔.๒ ล้านบาท ตอนนี้ได้มา ๕.๘ ล้านบาท เหลือเข้าสร้างพระพุทธรูปทองคำประมาณล้านเศษ ๆ หลังจากนี้ไม่ง้อแล้ว จะขึ้นราคาหูดับตับไหม้ไปเรื่อย ๆ ใครขยับตัวช้าก็ถือว่าเป็นลูกคนรวย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2015 เมื่อ 18:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 10-07-2015, 16:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน เนื้อทองคำ สร้างปัญหาให้กับช่างมากเป็นพิเศษ สั่งเขาสร้าง ๑๐๐ องค์ ช่างเขาทำแบบเผื่อไว้ ๒๕๐ องค์ เหลือที่สวยใช้ได้แค่ ๗๗ องค์ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาทะลุตรงระหว่างพระหัตถ์ ก็คือบอกไปว่ามีตำหนินิดหน่อยก็ไม่เอา จึงกลายเป็นว่าสั่งมากได้น้อย ช่างก็หล่อจนหมดอารมณ์ ๒๕๐ องค์ได้แค่ ๗๗ องค์ ช่างก็หมดกำลังใจเหมือนกัน ก็เลยบอกว่า ในเมื่อหมดกำลังใจก็เอาแค่นั้นแหละ ถ้าขืนให้ทำอีก สงสัยต้องหล่ออีกเป็นร้อยถึงจะทำได้ครบตามที่สั่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2015 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 10-07-2015, 19:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การพิจารณาวิปัสสนาญาณ ดูเฉพาะแยกรูปแยกนามใช่ไหม ?
ตอบ : ไม่จำเป็น เพราะวิปัสสนากรรมฐานนั้น เราจะพิจารณาไตรลักษณ์ก็ได้ จะพิจารณาอริยสัจ ๔ ก็ได้ ดูอาการ ๓๒ ก็ได้ อยู่ที่ความชำนาญ ความถนัดของเรา จะดูตามแบบวิปัสสนาญาณ ๙ อย่างก็ได้ หรือจะพิจารณาอายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อะไรพวกนั้นก็ได้ ให้เห็นว่าทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา สรุปตรงไตรลักษณ์หมด

ถาม : ถ้าแยกรูปแยกนามต้องพิจารณาอย่างไร ?
ตอบ : นามรูปมีอะไรเที่ยงไหมเล่า ? ท้ายสุดก็ลงตรงนั้นทั้งหมด เพียงแต่ว่าการเห็นรูปเห็นนาม ถ้าหากเราเห็นไม่ตลอด เราก็แค่สามารถแยกออกเท่านั้นว่าอะไรคือรูป อะไรคือนาม แต่ว่าจิตไปยึดอยู่ รู้ว่าอันนี้เป็นรูป แต่สวย..ก็เสร็จเขาใช่ไหม ? จึงต้องมีปัญญามากกว่านั้น รู้จักแต่เห็นรูปนามเฉย ๆ ยังไปไม่รอด ทำอย่างไรจะทิ้งความเป็นรูปเป็นนามได้ ซึ่งท้ายสุดก็คือต้องมาลงไตรลักษณ์ คือ อนัตตา ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายได้

ค่อย ๆ ทำไป นี่เป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรมขั้นสูง ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจกันง่าย ๆ เราทำไปถึงระดับหนึ่งแล้วคิดว่าใช่ พอคลำ ๆ ไปจะมีละเอียดมากกว่านั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2015 เมื่อ 20:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 10-07-2015, 19:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการพิจารณากายคตาสติจะต้องไล่ทีละอย่างหรือเปล่า ?
ตอบ : จะพิจารณาทีเดียวทั้งหมดก็ได้ แต่ต้องแยกแยะให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ เพื่อให้สภาพจิตของเราเห็นแล้วยอมรับจริง ๆ ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ถ้าหากว่าพิจารณาไม่ครบถ้วน สภาพจิตอาจจะคัดค้านได้

ถาม : ใจไม่ยอมรับ ?
ตอบ : ถ้าสภาพจิตคัดค้านไม่ยอมรับขึ้นมา เราก็ไม่สามารถจะเข้าถึงได้อย่างแท้จริง

ถาม : หมายถึงว่าต้องพิจารณาให้ละเอียด ?
ตอบ : เหมือนอย่างกับตีอวนเอาปลาทั้งทะเล เรียกว่าไม่มีตัวไหนรอดไปได้ถึงจะยอมรับ แต่หลังจากสภาพจิตยอมรับแล้ว เราแค่บอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา จิตก็จะเชื่อเลย แต่ก่อนหน้านี้บอกอย่างไร ก็หาช่องมาเถียงจนได้

เหมือนกับเมื่อครู่ที่มีโยมถามปัญหา ว่าการพิจารณาวิปัสสนาญาณนี่ ดูเฉพาะแยกรูปแยกนามใช่ไหม ก็บอกว่าถ้าคุณแยกรูปแยกนามได้ ก็ได้แค่นั้นแหละ เพราะถึงเวลาเรารู้ว่าอันนี้เป็นรูป แต่ใจเสือกบอกว่าสวยถูกใจ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ไปแยกรูปแยกนาม ต้องมองข้ามขั้นนั้นไปให้ได้ ว่าไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอย่างไร

ลักษณะการพิจารณากายคตานุสติก็เหมือนกัน สภาพจิตของเราดื้อเป็นปกติ เพราะอวิชชาปกคลุมอยู่ จึงต้องเปิดเผยให้สว่างที่สุดเท่าที่จะสว่างได้ คือต้องดูให้ครบทุกรายละเอียด จนสภาพจิตยอมรับจริง ๆ ในเมื่อยอมรับจริง ๆ แล้ว ต่อไปเราแค่บอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา จิตก็จะไม่เถียง จะยอมรับ

ดูตัวเอง เสร็จแล้วก็กระจายออกว่าคนอื่นก็เป็นเช่นนี้ สัตว์อื่นก็เป็นเช่นนี้ ต้องกลับไปกลับมา อนุโลม ปฏิโลม จนกระทั่งสภาพจิตยอมรับจริง ๆ ว่าร่างกายนี้ ทั้งที่เป็นของเราและของเขา ไม่มีอะไรที่เป็นของสวยงามอย่างแท้จริง

ถาม : ต้องใช้สมาธิตัดหรือเปล่า ?
ตอบ : แรก ๆ พิจารณาไปเรื่อย สมาธิจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เอง แต่ถ้าหากว่าเราหยุดการพิจารณา บางทีตัวสมาธิก็สลายไป เพราะฉะนั้น..เราควรที่จะมีกำลังสมาธิมาสนับสนุน ด้วยการที่เราตั้งหน้าตั้งตาภาวนาให้กำลังทรงตัว แล้วค่อยมาพิจารณา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2015 เมื่อ 20:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 10-07-2015, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สภาวธรรมนั้นมีอยู่จริงหรือไม่จริง ?
ตอบ : มีอยู่จริงในส่วนของสมมติ และมีอยู่จริงในส่วนของปรมัตถ์ ถ้าที่มีอยู่จริงในส่วนของสมมตินั้น เมื่อถึงปรมัตถ์แล้วเขาถือว่าไม่มี

ถาม : หมายถึงมี แต่เรารู้ว่าไม่มี ?
ตอบ : ใช่..เราไปสมมติว่าเป็นก็เป็น แต่พอไปถึงความเป็นปรมัตถ์แล้ว สิ่งเหล่านั้นก็แค่สมมติ เลยไม่มี จะคุยเรื่องพวกนี้ต้องสงสารคนอื่นบ้าง ถ้าโหนไม่ถึงเขาก็จะหาว่าเราบ้า หรือไม่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง

ถาม : มีโดยปรมัตถ์ ในขณะที่จิตจับก็คือไม่มี ?
ตอบ : ใช่..ถ้าหากว่าเขาถึงความดับจริง ๆ ก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ แต่คราวนี้การที่เข้าถึงอย่างแท้จริงนั้น เป็นการเข้าใจทุกอย่างโดยถ่องแท้ ดังนั้น..ก็จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นสมมติหรือปรมัตถ์ มีความเป็นสัจจะของตนเองอยู่ บุคคลที่เข้าถึงปรมัตถ์แล้ว ก็ยังเคารพสมมติเป็นปกติ ยกเว้นว่าท่านที่เข้าไม่ถึงอย่างแท้จริง เห็นด้านเดียวก็จะเป็นอย่างที่ว่า พระพุทธรูปไม่มีอะไรสำคัญ ก็เหมือนอย่างกับอิฐ หิน ดิน ทรายทั่ว ๆ ไป เอาไปหลอมชั่งกิโลขาย พวกนั้นต้องบอกว่ามองโลกด้านเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2015 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 10-07-2015, 19:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างอสุภกรรมฐานที่เราเอารูปมาเพ่ง ?
ตอบ : ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ใช่มีของเก่าอยู่จริง ๆ รูปถ่ายช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะของจริงนี่ทั้งสีทั้งกลิ่นมาพร้อมเลย เราเห็นในรูปถ่าย เราก็อาจจะรู้สึกว่าน่าเกลียด แต่เข้าไม่ถึงความเป็นอสุภะ คือความไม่สวยงามอย่างแท้จริง

ถาม : ในขณะที่เราพิจารณาอสุภกรรมฐาน แบบสมถะกับสติปัฏฐานจะแตกต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : ในส่วนของอสุภกรรมฐานแบบสมถะภาพจะติดตาเรา แล้วก็คอยย้ำเตือนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของเรา แต่ขณะเดียวกัน ถ้าปัญญาไม่ยอมรับ ก็จะได้เฉพาะช่วงที่สมาธิทรงตัว พอสมาธิคลายออกก็กำเริบใหม่ว่า ไปยึดถือมั่นหมายอีกว่าเป็นเราเป็นของเรา แต่ถ้าในส่วนของการเป็นวิปัสสนาเป็นมหาสติ ก็จะจดจ่ออยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งนี้ไม่สวยงามอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา อย่างแท้จริง ถ้าหากว่าเป็นวิปัสสนากรรมฐานแล้วเข้าถึงได้ สภาพจิตยอมรับทีเดียวจบไปเลย แต่ในส่วนมหาสติยังต้องดำเนินอยู่ต่อไป

ถาม : สติปัฏฐานต้องมีสติต่อเนื่อง ?
ตอบ :ต้องต่อเนื่องโดยไม่ขาดช่วง ถ้าขาดช่วงเมื่อไร โอกาสที่กิเลสกำเริบยังมี ต้องต่อเนื่อง ขาดช่วงเมื่อไรกิเลสตีกลับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2015 เมื่อ 20:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 10-07-2015, 19:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในสมถกรรมฐานต้องต่อเนื่อง ก็คือ วิตก ส่วนสติปัฏฐานต้องต่อเนื่อง ก็คือวิตกเหมือนกัน ?
ตอบ : ในส่วนของวิตกนั้นก็คือคิดอยู่ว่าเราจะทำอย่างไร ในส่วนของสติปัฏฐานนั้นเลยวิตกไปแล้ว

สำหรับโยมที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ ต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่าวิตก วิตกก็คือการที่เรายกเอาสิ่งที่เราจำได้ขึ้นมา เอามาคิดในลักษณะที่ให้เข้าใจ ตอนช่วงที่คิดให้เข้าใจ เขาเรียกว่าวิจาร จนกระทั่งสภาพจิตยอมรับได้ถึงจะเป็นปัญญา ก็แปลว่าเรายกเอาสัญญาขึ้นมาพิจารณา จนกว่าสัญญานั้นจะเป็นปัญญา ก็คือ เอาความจำที่เราศึกษามา ได้ยินมา ได้ฟังมา ได้อ่านมา เอามาพินิจพิจารณา จนกระทั่งจากสิ่งที่จำได้ กลายเป็นสิ่งที่ทำได้ ถ้าเป็นสิ่งที่ทำได้เมื่อไร จิตเราจะยอมรับ แล้วเราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปจำอีก เพราะฝังอยู่ในใจของเราเลย

เฮ้อ...อธิบายแล้วเหนื่อย แต่ถ้าไม่อธิบายตรงนี้ หลายท่านก็จะสงสัยว่าวิตกคืออะไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2015 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว