กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-04-2010, 13:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,247 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๓

กำหนดความรู้สึกไว้กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าพร้อมกับคำภาวนาของเราที่ชอบใจ หายใจออกพร้อมกับคำภาวนาของเราที่ชอบใจ

วันนี้..เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติธรรมของเดือนเมษายนวันสุดท้าย ตอนบ่ายของวันนี้ ญาติโยมทั้งหลายมากันเป็นจำนวนมาก มากจนเกินกว่าที่สภาพของเครื่องปรับอากาศจะรองรับได้ ถึงขนาดมีการชำรุดเสียหายไปเลย ในขณะนี้เราก็อยู่ในสภาพที่เรียกว่า ทั้งร้อน ทั้งอากาศไม่พอที่จะหายใจ แต่ว่าท่านทั้งหลายก็ยังไม่ย่อท้อ ตั้งใจที่จะปฏิบัติความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องถือว่ากำลังใจของทุกท่านอยู่ในระดับที่ใช้ได้แล้ว

การปฏิบัติของเรานั้น เมื่อทำไปแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ผลได้ในสถานการณ์จริง ถ้าใครที่ปฏิบัติไปแล้วยังไม่ผ่านการทดสอบจากสถานการณ์จริง ก็ยังไม่แน่นักว่าสิ่งที่เราทำแล้ว จะทำได้จริง ๆ หรือเปล่า
การที่เราจะผ่านการทดสอบได้นั้น สติ สมาธิและปัญญาของเรา จะต้องพร้อมสมบูรณ์บริบูรณ์ โดยเฉพาะถ้าหากว่าการทดสอบนั้น เป็นการทดสอบของความตาย

มรณภัยเป็นสิ่งที่สัตว์ทั้งหลายทุกถ้วนหน้า ล้วนแต่กลัวเกรงทั้งสิ้น จนสามารถกล่าวได้ว่า ถ้าเลิกกลัวตายเสียอย่างเดียว เราก็จะไม่กลัวอะไรเลย ท่านทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องซักซ้อมการปฏิบัติ อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าซ้อมตาย โดยการสมมติสถานการณ์ อย่างเช่นว่า การเดินทางกลับวันนี้ อาจจะต้องเดินทางฝ่าม็อบเสื้อแดงไป จะถูกเขาทำร้ายถึงแก่ชีวิตหรือเปล่า ? นี่เป็นสถานการณ์สมมติ

เราสมมติขึ้นมาเพื่อเหตุ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือจะได้คิดหาทางแก้ไขไว้ล่วงหน้า ประการที่ ๒ ก็คือเมื่อความตายจะมาถึงตัว เรามีความหวาดกลัวอยู่หรือไม่ ? แม้จะเป็นสถานการณ์สมมติก็ตาม แต่ถ้าเราได้ซักซ้อมอยู่บ่อย ๆ สภาพจิตจะเคยชิน เมื่อถึงเวลาเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นเราจะได้รับมือได้ทันท่วงที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-04-2010, 13:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,247 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องจากว่าความตายนั้นไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย ไม่ขึ้นอยู่กับอายุ เด็กเล็กกว่าเราก็ตายไปมากแล้ว คนรุ่นเดียวกับเราก็ตายไปให้เห็นมากต่อมาก คนอายุมากกว่าเรายิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ตายไปมากเหลือเกินแล้ว เราเองนั้นก็จะต้องตายเช่นกัน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า สัตว์โลกเกิดมาเท่าไรตายหมดเท่านั้น แต่ว่าการเกิดใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่า คือใช้เวลาในการปฏิสนธิ ๑๐ เดือน ไม่เหมือนกับการตายที่ใช้ระยะเวลา ๖๐ - ๗๐ ปี ถ้าหากว่าไม่ใช่อุปฆาตกรรมมาตัดรอน เมื่อระยะเวลาห่างกันมาก จึงทำให้เรารู้สึกว่าเกิดมากกว่าตาย แต่ความจริงไม่ว่าใครเกิดมาก็ต้องตาย สุดท้ายเกิดเท่าไรก็ตายหมดเท่านั้น แล้วความตายนี้ยังอยู่กับเราทุกลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้าไปใหม่ก็ตายอีกเช่นกัน

เมื่อความตายใกล้ชิดกับเราขนาดนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะประมาทไม่ได้ จำเป็นต้องเร่งขวนขวายเตรียมพร้อมให้มากที่สุด ความตายที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ของน่ากลัว เป็นเพียงการเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์ไปเท่านั้น ถึงเวลาบุญบาปที่เราสร้างมา ก็นำพาเราไปสู่ภูมิต่าง ๆ ตามการกระทำของตน

เมื่อเป็นดังนั้น การเวียนตายเวียนเกิดในวัฏฏสงสาร จึงเปรียบเสมือนกับบุคคลที่เดินทางไกล โดยเฉพาะถ้าท่านทั้งหลาย ที่ยังไม่มั่นคงต่อจุดหมายปลายทาง เท่ากับว่าเป็นการเดินทางไกลที่มองไม่เห็นจุดหมายเลย เมื่อเป็นอย่างนั้น เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุด คือการสั่งสมคุณความดีให้มากที่สุด อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อวันก่อนว่า บุญทั้งหลายนั้นมี ๑๐ อย่างด้วยกัน แต่บุญใหญ่จริง ๆ นั้นอยู่ที่ทาน ศีล ภาวนา หรือถ้าจะเอาตรงตามหลักสิกขาก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งสามารถกระจายออกได้เป็นมรรค ๘ นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-04-2010, 08:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,247 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท ในแต่ละวันก็ให้ทบทวนดูว่า ศีลของเราทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ถ้าหากว่าศีลทุกข้อสามารถงดเว้น ระวังรักษาได้สมบูรณ์แล้ว เราได้ยุให้คนอื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? เมื่อเรารักษาศีลทุกข้อได้สมบูรณ์ ไม่ได้ยุยงให้ผู้อื่นละเมิดศีล เมื่อเห็นคนอื่นละเมิดศีลเรามีความยินดีอยู่หรือไม่ ? ถ้าเราสามารถรักษาศีลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกสิกขาบท ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำลายศีล และไม่ยินดีเมื่อพบเห็นผู้อื่นทำลายศีล ก็ได้ชื่อว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติในอธิศีลสิกขาได้สมบูรณ์บริบูรณ์

ในส่วนของอธิจิตสิกขาหรือการศึกษาระดับที่ ๒ นั้น ก็คือ การที่เราต้องชำระจิตใจของตนเองให้ผ่องใสจากกิเลส ด้วยการใช้สมาธิภาวนาเข้าช่วย ถ้าหากว่าทุกท่านตั้งใจกำหนดลมหายใจเข้าออก จนอารมณ์ทรงตัวมั่นคง เป็นอัปปนาสมาธิระดับใดระดับหนึ่งก็ตาม ตั้งแต่ปฐมฌานเป็นต้นไป จนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานเป็นที่สุด ไม่ว่าจะลำดับใดในฌานทั้ง ๘ ลำดับนี้ ถ้าท่านทำได้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอธิจิตสิกขา กำลังใจมีความมั่นคง ถ้าสามารถรักษาระดับไว้ไม่เสื่อมถอย ก็แปลว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติในอธิจิตสิกขาได้สมบูรณ์

ส่วนข้อสุดท้ายของการศึกษานั้น เป็นอธิปัญญาสิกขา คือการพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ตลอดจนวัตถุธาตุทั้งหลายทั้งปวงก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง มีความสลายตัวไปในที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-04-2010, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,247 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ระหว่างที่ดำรงขันธ์ ตามสภาพในแต่ละภพภูมิอยู่นั้น ก็มีแต่ความทุกข์ ทุกข์ของความเกิด ทุกข์ของความแก่ ทุกข์ของความเจ็บ ทุกข์ของความตาย ทุกข์ของความพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ของความประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจ ทุกข์ของความปรารถนาที่ไม่สมหวัง ทุกข์ของความกระทบกระทั่งของอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เหล่านี้เป็นต้น เป็นความทุกข์ที่เกาะกินเราอยู่เสมอ และท้ายที่สุด ไม่ว่าสภาพขันธ์ ๕ ที่เป็นรูปหยาบก็ดี ที่เป็นรูปละเอียดของเทวดาของพรหมก็ดี ก็มีความเสื่อมสลายไป ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายเป็นตัวเป็นตนได้ ถ้าเราสามารถที่จะปฏิบัติภาวนาและพิจารณาได้ตามที่กล่าวมานี้ ก็ถือว่าเราได้ปฏิบัติในอธิปัญญาสิกขาได้ครบถ้วนสมบูรณ์

เมื่อเราเป็นผู้ปฏิบัติในอธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา และอธิปัญญาสิกขาได้สมบูรณ์บริบูรณ์ ก็แปลว่าเราเป็นผู้สั่งสมในเสบียงกรัง สำหรับที่จะเดินทางข้ามในวัฏสงสารนี้อย่างพร้อมมูลแล้ว เราจะเป็นผู้ที่ไม่หวาดหวั่นต่อหนทางเบื้องหน้า แม้ว่าจะมีความตายรออยู่ก็ตาม

ดังนั้น..ในวันนี้ที่ท่านทั้งหลายตั้งใจปฏิบัติ ทั้ง ๆ ที่สภาพบรรยากาศและสถานที่ไม่อำนวย ขาดอากาศหายใจซึ่งอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ แต่พวกเราก็ไม่ท้อถอย แปลว่ากำลังใจของเราทั้งหลายนั้นตั้งมั่นแล้ว เพียงพอแล้วที่จะฝ่าฟันข้ามวัฏสงสารนี้ได้ ก็เหลือแต่เพียงการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ให้ได้สมบูรณ์ตามที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนา หรือกำหนดภาพพระ ภาพพระนิพพานของเราไว้ตามอัธยาศัย ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจอยู่ มีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดรู้ลมหายใจและคำภาวนาไป ถ้าหากว่าไม่มีลมหายใจไม่มีคำภาวนา ก็ให้กำหนดรู้ว่าไม่มีลมหายใจไม่มีคำภาวนา ให้ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว