กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-02-2010, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

ถาม : บูชาพระที่ไม่ได้ปลุกเสก นี่มีผลเทียบเท่า..
ตอบ : มีจ้ะ ถ้าหากเป็นพระพุทธรูป สร้างขึ้นมาก็มีเทวดารักษาแล้ว

ถาม : ถ้าเป็นพระเครื่อง
ตอบ : สำหรับพระเครื่องนั้น จุดมุ่งหมายใหญ่อย่างหนึ่งของการพกติดตัว ก็คือตัดเคราะห์ให้แก่คนที่บูชา เพราะฉะนั้น..พระเครื่องต้องมีพิธีการปลุกเสกเต็มพิธี แต่ถ้าเป็นพระพุทธรูปสามารถพกได้เลย นึกถึงพระพุทธเจ้าก็ใช้ได้เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 254 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-02-2010, 21:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่าลืมนะ พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาครั้งแรก โอวาทปาฏิโมกข์ขึ้นประโยคแรกเลยว่า ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ประกาศไว้ชัดเลย ขันติ ความอดทนอดกลั้น เป็นเครื่องประดับอย่างยิ่งของนักปราชญ์ หมายความว่า จะประสบความสำเร็จในชีวิต ตลอดจนการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ได้ ต้องมีความอดทน

ในเมื่อพ่อใหญ่ประกาศอย่างนั้น ถ้าเราไม่มีความอดทนจะหาความสำเร็จได้ยาก โบราณจึงใช้คำว่า ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 249 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-02-2010, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับเรื่องหวยนั้น จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง คาดว่าคงเป็นพวกร้านก๋วยเตี๋ยวข้างล่าง มักถูกหวยเป็นประจำ เถรีเห็นเขามาทำบุญอยู่แทบทุกเดือน เดือนนี้เขาก็มาทำบุญอีก

พระอาจารย์ท่านกล่าวว่า "โยมพวกนี้เขาแปลกมาก ต้องบอกว่าเขามีลาภทางด้านนี้โดยเฉพาะ กำหนดการรับสังฆทาน เขาเอาไปเล่นหวยและถูกได้ทุกงวด ตลกจริง ๆ เลย งวดที่แล้วหวยออก ๒๑๓ ก็ถูกกันไปตาม ๆ กัน

พอเรามาที่นี่ เขาก็มาทำบุญกัน เราติดกำหนดสังฆทานไว้ เขาเฮได้ทุกครั้ง ก็ถามว่าเฮไปทำไม เขาบอกว่า เอาไปเล่นหวยแล้วถูก

แต่ของพวกนี้ต้องมีบุญเก่าเสริมนะ ถ้าไม่มีบุญเก่าเสริม เราไปดูเราไม่รู้หรอก แต่พอเขาไปดู เห็นว่าน่าออก เขาก็เลยเล่นแล้วก็ถูก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-02-2010, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอกราบเรียนพระอาจารย์ มีอยู่ ๒ - ๓ ครั้ง ท้าวสักกเทวราชท่านมาเข้าฝันผม ท่านบอกผมให้หยิบล็อตเตอรี่ หยิบเสร็จให้ไปทำบุญวัดนั้นวัดนี้ ด้วยจุดประสงค์นั้น จุดประสงค์นี้ พอไปถึงจริง ๆ เจ้าอาวาสวัดนั้นถามว่า รู้ได้อย่างไรว่าวันนี้กำลังจะส่งพระไปโรงพยาบาล ผมบอกว่าไม่รู้หรอก แต่ท้าวสักกะท่านสั่งมา สั่งให้ไปหยิบล็อตเตอรี่ ครั้งเดียวก็ถูกเลย ผมก็ยังงง ๆ อยู่

ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ทำเถอะ แบบนั้นถือว่าบังเอิญจนน่าเกลียดก็แล้วกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-02-2010, 22:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โลกยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคของ วิชชามัยฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจากวิชาการต่าง ๆ สร้างเสริมขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้สองพันกว่าปี มีชัดเจนในยุคเรานี้ ยุคอื่น ๆ ก็ยังไม่ใช่

สมัยก่อนต้องได้อภิญญา สมัยนี้ไม่ต้อง ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลก แค่กดปุ่มก็เห็นหน้ากันแล้ว จะคุยกันก็ได้ยินเสียงถึงกัน เหล็กหนักเป็นร้อย ๆ ตัน เอาไปลอยน้ำ ไปลอยบนฟ้าได้ กลายเป็นว่าวิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้าไปใหญ่ จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ท่านบอกกล่าวล่วงหน้าไว้หมดทุกอย่าง

สองพันกว่าปีก่อน ใครจะมีปัญญาไปดูว่า เด็กที่อยู่ในครรภ์ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ หน้าตาเป็นอย่างไร ? พระพุทธเจ้าบอกรายละเอียดไว้เลย ตั้งแต่สัปดาห์แรกลักษณะเป็นอย่างไร มีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร บอกไว้หมด สมัยนี้พอไปศึกษาแล้วรู้เห็นตามนั้น กลายเป็นว่าเขามาสงสัยอีก ว่าพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไร ?

ต้องดูในอินทกสูตร ยักษ์ชื่ออินทกะ อาศัยอยู่บนยอดเขาชื่ออินทกะ เลยเรียกว่าอินทกสูตร ยักษ์ไปหาพระพุทธเจ้าแล้วก็สอบถาม พระพุทธเจ้าท่านบอกรายละเอียดไว้หมดเลย ตั้งแต่เริ่มเป็นกลละ ขึ้นเป็นอัพพุททะ เป็นเปสิ เป็นฆนะ ฯลฯ ไล่ไปเรื่อย"

ถาม : เดี๋ยวนี้ในหนังสือเรียนอย่างเรื่องไตรภูมิ เขาไม่ได้ระบุไว้ ว่าแท้จริงแล้วมีเนื้อหามาจากพระไตรปิฎก ส่วนมากเขามักจะไม่เชื่อกัน กลายเป็นเรื่องตลกหัวเราะกัน
ตอบ : แทนที่จะพิสูจน์ทราบ ก็กลายเป็นเห็นว่าเหลวไหลแล้วไม่เชื่อ จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องของคนขาดปัญญา ขาดปัญญาไม่พอ ความใฝ่รู้ก็ไม่มีด้วย

กำลังรออยู่ว่าเมื่อไรจะถึงยุคเมทริกซ์เสียที ที่คนอยากรู้เรื่องอะไรก็เสียบปลั๊กโหลดข้อมูลเลย เสียบกับหัวของเรา รู้สึกสยอง ๆ พิกล ว่าจะถูก
ก็อปปี้ข้อมูลไปเมื่อไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-02-2010, 23:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การพิจารณาว่าร่างกายเป็นแค่ธาตุสี่ กับพิจารณาว่าร่างกายเป็นของสกปรก จริง ๆ แล้วการพิจารณาธาตุสี่ นี่ระดับสูงกว่าหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเห็นจริง จะไปจบลงที่ปล่อยวาง เพราะเห็นชัดว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา ก็ต้องสูงกว่า แต่ถ้าเห็นว่าสกปรก กำลังยังไม่เกินพระอนาคามี

ถาม : ช่วงสมัยเด็ก ๆ หนูนั่งมองมือตัวเอง มือก็วางนิ่ง ๆ อยู่ แล้วเกิดความรู้สึกว่า มือนี้ไม่ใช่มือเรา มันเป็นท่อน ๆ เป็นอะไรก็ไม่รู้ ก็เป็นลักษณะของธาตุสี่เหมือนกันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : น่าจะมีของเก่าตามมา เห็นว่าเป็นอะไรก็ไม่รู้ จะบอกว่าเป็นธาตุสี่ก็ยังไม่ใช่ แต่เห็นว่าไม่ใช่ของเรา

ถาม : แต่พอพิจารณาไปจริง ๆ มันกลับไม่มีอารมณ์ให้เกิดขึ้นค่ะ มันเกิดแบบฟลุก ๆ อย่างไรก็ไม่ทราบ
ตอบ : เหมือนกับพระราชาที่ไปเลียบพระนครแล้วก็เช็ดเหงื่อทีหนึ่ง บังเอิญคิดได้ตอนนั้น

ถาม : เร็ว ๆ นี้ หนูนอนภาวนาหลับไป ปรากฏว่าใจไม่หลับ ก็ฟลุกอีกแล้วค่ะ
ตอบ : ฟลุกอีกแล้ว ก็ทำใหม่สิ..!

ถาม : ได้ทีเดียวเอง
ตอบ : ถ้าสั่งได้จะได้เลิกฟลุก ถ้าสั่งไม่ได้ก็ยังฟลุกอยู่นั่นแหละ

ถาม : พอได้แค่นั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ก็คืออยู่เฉย ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ แต่กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ แล้วพยายามสังเกตอารมณ์ใจว่า จุดที่นิ่งอยู่แล้วรู้ได้ทั้ง ๆ ที่หลับเป็นอย่างไร แล้วรักษาเอาไว้ตรงนั้น ถ้าหากเราคลายนิดเดียว สติขาดจะหลับไปเลย แต่ถ้าหากรักษาระดับนั้นเอาไว้ได้ ต่อไปจะหลับจะตื่น กำลังใจจะเท่ากัน

ถาม : หนูสังเกตว่า จริง ๆ แล้ว คล้าย ๆ กับตอนภาวนาแล้วหลุดออกไปใช่ไหมคะ เพียงแต่ตอนนั้นหลุดจากร่างกาย อันนี้อยู่กับร่างกาย
ตอบ : จ้ะ

ถาม : สมัยก่อนเวลาที่มีความคิดที่เน่า ๆ เศร้า ๆ หนูจะลงไปมั่วกับมัน แล้วไร้ทางสู้เลยค่ะ แต่หลัง ๆ เริ่มบังคับได้แล้ว พอมันมาก็หันหน้าหนีได้ แต่หนูมีความรู้สึกว่า ลักษณะแบบนี้ ก็ยังอยู่ในระดับปุถุชนอยู่
ตอบ : อันดับแรกก็คือ ต้องหยุดให้ได้ ตัวหยุดให้ได้ก็คือ ทำอย่างไรที่จะให้เราไม่ไปคิดนึกปรุงแต่ง ตาเห็นต้องหยุดอยู่แค่นั้น หูได้ยินเสียงต้องหยุดอยู่แค่นั้น

เพราะฉะนั้น..วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ ต้องอยู่กับสมาธิภาวนา ถ้าอยู่กับสมาธิภาวนา เราไม่คลายออกมา กระทบปุ๊บ สติและปัญญาเราจะรู้รอบเลยว่า ควรจะรับไว้หรือไม่ควรจะรับไว้ ถ้าควรจะรับไว้ มีความสนใจระดับไหน จะขยายออกรับรู้แค่นั้น แล้วก็รีบหลบกลับมา แต่ถ้าหากไม่ควรจะรับไว้ ก็ตัดทิ้งปล่อยไปเลย ก็แค่ประเภทสักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน

ไปเริ่มต้นใหม่ได้ คราวนี้เหลืออยู่ตรงสมาธิแล้ว ถ้าสมาธิทรงตัวมาก ปัญญาก็เกิด แล้วก็จะรู้ว่าควรจะเลือกตรงไหน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-02-2010 เมื่อ 09:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 08-02-2010, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเนื้อเมฆสิทธิ์และเมฆพัดว่า "ถ้าหากว่าแก่ทองจะเป็นเมฆสิทธิ์ ถ้าแก่เงินจะเป็นเมฆพัด

พัดตัวนี้จริง ๆ มันต้องเป็น ภัสร์ (ภัสร = สว่างรุ่งเรือง) เมฆภัสร์ ก็คือ รุ่งเรืองเหมือนเมฆ เมฆสิทธิ์ ก็คือ สำเร็จเป็นดังเมฆ แต่คนเขียนเป็นพัด แล้วก็ใช้คำนี้มาตลอด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 09-02-2010, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูไปเห็นตัวสังขาร การปรุงแต่ง ทีนี้เห็นในลักษณะแยกออกไปว่า มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หนูก็เลยสงสัยว่า ตัวสังขารเกิดขึ้นเป็นปกติหรือเปล่า?
ตอบ : สังขารจะเกิดขึ้นก็เพราะว่าอาศัยตัวอื่น คือ อายตนะภายในและภายนอก ส่วนใดส่วนหนึ่ง พอกระทบกันแล้ว รับเข้ามา มันถึงอาศัยตัวนั้นปรุงต่อไปได้ คราวนี้เราเห็นในลักษณะอย่างนั้น เราเห็นหรือเปล่าว่ามันเกิดอย่างไร ถ้าเราเห็นว่าเกิดอย่างไรก็ตัดตั้งแต่ตรงนั้น ฉะนั้น..ไปดูตรงนั้นให้ละเอียด

ถาม : ตรงที่บอกว่าหยุดการปรุงแต่งนี่ก็คือ..?
ตอบ : นั่นแหละ ..คำตอบเดียวกัน

ถาม : เวทนาหนูก็เห็นด้วยเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณตรงนี้..?
ตอบ : เหมือนกันหมด

ถาม : ตรงนี้ใช่ไหมคะ ? ที่หลวงพ่อฤๅษีท่านบอกว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของเรา
ตอบ : ก็มันใช่เสียที่ไหนเล่า ? มีแต่พาเราทุกข์อยู่ตลอด

ถาม : ทีนี้หนูก็ไปเห็นตัวตัณหาอีกด้วยเหมือนกัน ว่าอยากหรือไม่อยาก มันก็นำมาซึ่งความทุกข์ แล้วทีนี้อารมณ์ที่ไม่ใช่ทั้งอยากและไม่อยาก คือ อารมณ์ที่อยู่กับปัจจุบันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่..ถ้าอยู่กับปัจจุบันได้ ไม่ไปปรุงแต่ง ทุกอย่างก็จบ

ถาม : หนูไปลองฟังเพลงมาแล้วค่ะ...
ตอบ : เจ๊ง..ไม่เหลือหรอก อาตมาลองมาแล้ว ขนาดทรงฌานเจ๋ง ๆ เลย เผลอหน่อยเดียวก็ไหลตามแล้ว

ถาม : แล้วก็ไปลองเรื่องกลิ่นด้วยค่ะ เอาอาหารที่ชอบใจมาดักล่อหน้าไว้เลย
ตอบ : ความคล่องตัวของเรายังไม่พอ ในเมื่อความคล่องตัวยังไม่พอ ก็จะเผลอ โดยเฉพาะเผลอให้ตัวสังขาร จำไว้แม่น ๆ นะ โอ๊ย..เนื้อร้องบรรยายถึงอย่างนั้น เผลอไปปรุงตามเรียบร้อยเลย ส่วนอาหาร กลิ่นอย่างนี้เราเคยกินมาก่อน รสชาติเป็นอย่างนี้ เสร็จมัน..! ฉะนั้น..อย่าไปเผลอ อาตมาสรุปว่าขันธ์ ๕ ตัวที่แสบที่สุดก็คือสังขารนี่แหละ...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 09-02-2010, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราเห็นกิเลส แล้วเราไม่เข้าไปเล่นกับกิเลสตรงนั้น หนูอยากทราบว่า ณ ช่วงเวลานั้นเราควรทำอย่างไร ควรหาอาวุธมาตัดเลย หรือควรสักแต่ดูเฉย ๆ
ตอบ : สามารถพิจารณาให้เห็น ตัดได้เลยยิ่งดี แต่ถ้าไม่ไหวก็ประเภทยืนคุมเชิงไว้

ถาม : แต่ถ้าเป็นในกรณีเบนความสนใจไปทำอย่างอื่น
ตอบ : ได้ แต่ว่าอย่าเผลอ เผลอเมื่อไรเดี๋ยวถูกกินอีก

ถาม : หนูเห็นว่า ตัวอายตนะเป็นช่องทางให้กิเลสเข้า ตอนช่วงที่กิเลสเข้า เท่ากับว่าเราไปปรุงแต่งแล้ว วิธีที่จะหยุดก็คือมีสติอยู่กับปัจจุบัน แต่ทีนี้ในส่วนที่เราจะละอุปาทาน ที่เราเคยยึดถือมั่นหมายมาก่อน เราก็ต้องหาทางมาพิจารณาละส่วนที่เราถือนั้นด้วยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : แรก ๆ จะต้องทำอย่างนั้น แต่ถ้านานไป ๆ กำลังมีมากพอ เราเห็นก็เฉย ๆ ไม่ไปยุ่งกับมันแค่นั้นก็ได้ รู้เท่าทันว่า เอ็งอย่ามายุ่งกับข้า ข้าไม่ไปแตะต้องเอ็ง

ถาม : ก็คือ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็เท่ากับว่า เราไปละส่วนที่ยึดมั่นถือมั่นในอดีตไปด้วย เพราะเรารู้แล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 09-02-2010, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับเรื่องการอดมื้อเย็นนั้น (ถือศีลแปด) พระอาจารย์ได้สอนพี่หยกว่า "สังเกตไหม เราว่าไม่ ๆ แต่ก็แพ้ใจตัวเองทุกที นั่นเกิดจากว่ากำลังใจเราไม่เข้มแข็งพอ ระบบเมตาบอลิซึ่มของร่างกาย พอถึงเวลามันจะทวง ถ้าเราไม่ให้สักสามสี่ครั้งมันจะปรับระบบใหม่ แต่ช่วงที่มันทวง อาการเราจะแย่ เหมือนจะตาย ปวดหัวปวดท้อง ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ท้ายสุดทนไม่ได้ก็ต้องไปกิน ก็เลยเหมือนกับพวกเสพยาเสพติด แต่ถ้าเราฝืนไปสักสามสี่ครั้ง มันรู้ว่ามันไม่ได้ รู้ว่าตอนช่วงนี้ไม่มีให้กิน เดี๋ยวมันก็เลิกทวง ลองกัดฟันทำดูซิ ถ้าทำได้สำเร็จจะเหมือนเจ๊อ๋า"

พระอาจารย์เล่าให้ฟังต่อว่า "ที่ทองผาภูมิมีโยมอยู่คนหนึ่ง หุ่นเหมือนหยก(อ้วน) เขามาใส่บาตรก็จริง แต่ว่าเขาไม่ได้ใส่บาตรเพื่อเอาบุญเหมือนคนอื่น เขามีแนวความคิดแปลก ๆ เขาบอกว่าเขาใส่บาตรไม่ได้ต้องการบุญ แต่เขาเป็นคนชอบทำกับข้าว ในเมื่อเขาชอบทำกับข้าว ถึงเวลาจะให้คนอื่นเขาชิม แล้วถ้าเกิดเขาไม่หิวเล่า ? เขาก็เลยมาใส่บาตร เพราะเขามั่นใจว่าพระต้องการอาหารของเขาแน่ จึงได้เดินมาถึงหน้าบ้าน จัดเป็นแนวความคิดที่แปลก รู้สึกว่าจะเป็นอุเบกขาในทานแบบฟลุก ๆ เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-06-2016 เมื่อ 12:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 10-02-2010, 02:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การตั้งเครื่องบวงสรวงบูชาในกรณีที่เราลืมแก้บน จำเป็นว่าจะต้องเปิดเทปบวงสรวงไหม ?

ตอบ : ตั้งเครื่องบวงสรวงให้เรียบร้อย จุดธูปแล้วก็เปิดเทป แล้วก็อธิษฐานบอกท่านว่า ทั้งหมดที่ลืมมามีเท่าไร ขออนุญาตใช้ในครั้งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 10-02-2010, 14:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "ทางพม่าเขาจะกำหนดเวลาอรุณไว้เลยว่า แต่ละเดือนจะสว่างช่วงไหน อย่างเร็วที่สุดก็ตีสี่ครึ่ง ช้าที่สุดก็หกโมงครึ่ง เขาจะกำหนดตายตัวเลย

แต่ทางบ้านเราไม่ได้กำหนดตายตัว ให้ดูแสงเงินแสงทองเป็นเกณฑ์ แต่จริง ๆ แสงทองจะมาก่อนแสงเงิน คือ ตอนเช้าฟ้าจะเหลืองขึ้นมาก่อน บางทีก็แดงจับขอบฟ้ามาเลย แต่ถ้าแสงเงินมาเมื่อไรนี่แปลว่าสว่างแล้ว ทีนี้เราไปเรียกว่าแสงเงินแสงทองจึงไม่ถูก เพราะความจริงแสงทองมาก่อนแสงเงิน

ในเมื่อบ้านเราไม่ได้กำหนดเวลาตายตัวเอาไว้ ถ้าเป็นหน้าหนาวหรือฝนฟ้ามา ก็ต้องลุ้นกันแทบตายว่าจะออกบิณฑบาตได้หรือยัง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 15:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 10-02-2010, 14:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมมติบัญญัติ ถ้าแปลตามอรรถกถา แปลว่าอะไร ?
ตอบ : แปลว่าสิ่งที่สมมติขึ้นมา เขาสมมติขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงไม่สมมติ..เราก็รู้ แต่เราจะเรียกไม่ถูก

(พระอาจารย์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา) นี่เขาสมมติเรียกว่าโทรศัพท์ เราจะสมมติเรียกเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่ถ้าไม่เป็นที่ยอมรับ ไปเรียกว่าชามข้าว คนอื่นก็หาว่าบ้า

เขาสมมติขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร แล้วถามว่าเป็นความจริงหรือไม่ ?..เป็นจริง..เป็นจริงโดยสมมติ ถึงได้เรียกว่า สมมติสัจจะ แต่ถ้าหากว่าเป็นจริงโดยธรรม เรียกว่า ปรมัตถสัจจะ

ถ้าเป็นจริงโดยธรรม เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ อย่างเช่นว่า ทุกสิ่งอนิจจัง ไม่เที่ยงเป็นปกติ ทุกขัง มีความทุกข์เป็นปกติ อนัตตา ไม่สามารถที่จะยึดถือมั่นหมายให้เป็นตัวเป็นตนได้ ท้ายสุดทุกอย่างพังหมดเป็นปกติ อย่างนี้เรียกว่า ปรมัตถสัจจะ คือ เป็นความจริงแท้ ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้

แต่นี่ (ชี้ไปที่โทรศัพท์) ตอนนี้เราเรียกว่ามือถือ ใช่ไหม ? อาจจะเรียกเซลโฟนก็ได้ เรียกโมบายโฟนก็ได้ เปลี่ยนไปเรื่อย
แล้วแต่ว่าคนเขานิยมกันอย่างไร ? จึงเป็นสมมติสัจจะ เป็นจริงโดยสมมติ เปลี่ยนแปลงได้ สมมติเปลี่ยน ก็เปลี่ยนตามไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2015 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 10-02-2010, 14:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอให้การต่อคิว(ปรารถนาพระโพธิญาณ)ของผมไม่มีการล้มเลิกครับ
ตอบ : ขอไม่ได้ ต้องตั้งใจเอง

อย่างเช่นที่เศรษฐีขอให้พระสารีบุตรประกันศรัทธาให้ พระสารีบุตรท่านว่า ประกันชีวิต..ประกันให้ได้ ประกันสมบัติ..ประกันให้ได้ แต่ว่าประกันศรัทธา..ไม่ประกันให้ ศรัทธาอยู่ที่ท่านเอง ถ้าศรัทธาลดท่านไม่ทำบุญขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 15:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 10-02-2010, 15:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราไม่รู้ว่าเราค้างหนี้สงฆ์
ตอบ : ตั้งใจทำไปเรื่อย ๆ สักเดือนละร้อยสองร้อย ตั้งใจว่าเราชำระหนี้สงฆ์

ถาม : ทำไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่..หรือไม่ถ้าเห็นเขาสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ที่ไหนก็ไปร่วมกับเขา

ถาม : ผมทำบุญบ้าน พระ ๙ รูป แล้วถ้าเรามีพระพุทธรูป ๑ องค์ มีหนังสือมนต์พิธี มีผ้าไตรจีวร มีน้ำผลไม้ ซองปัจจัย ดอกบัว แล้วถ้ารูปอื่นเรามีเฉพาะน้ำผลไม้ ดอกบัว ซองปัจจัย
ตอบ : ตั้งใจกล่าวถวายเป็นสังฆทานก็หมดเรื่อง

ถาม : ได้เหมือนกันใช่ไหมครับผม ?
ตอบ : เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 10-02-2010, 15:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อตอนช่วงเช้า ผมนิมิตเห็นสมเด็จองค์ปฐมเป็นองค์ทิพย์อย่างนี้ แล้วอยู่ ๆ เหมือนกับพระองค์ท่านแย้มพระโอษฐ์ให้ แล้วเปลี่ยนเครื่องทรง นำทรายขาวมามอบให้ ถือว่าเป็นนิมิตที่ดีไหมครับ ?
ตอบ : เห็นพระเป็นนิมิตที่ดีอยู่แล้ว

ถาม : ถือว่าเป็นพุทธานุสติ ?
ตอบ : ฝันไม่ถือเป็นพุทธานุสติ พุทธานุสติต้องตั้งใจนึกถึง แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นนิมิตที่ดีแน่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 15:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 10-02-2010, 15:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราควรจะหาตัวตนอย่างไรครับ ว่าเราควรจะปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญานั่นแหละ ชอบอย่างไหนก็ทำไป ทำแล้วรักษากำลังใจให้ทรงตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 16:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 10-02-2010, 16:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเรามีพระห้อยคอเยอะ เวลาอาราธนา เราอาราธนาเพียงบทเดียวได้ไหมครับ ?
ตอบ : ควรจะอาราธนาทีละองค์เพื่อความแน่นอน (หัวเราะ) ท่านจะได้มั่นใจว่าเราอาราธนาแน่ทุกองค์ เกิดไปเรียกท่านแบบรวม ๆ ท่านนึกว่าไม่เรียกท่าน ก็ซวยสิ..!

คำตอบนี้ไม่เป็นสากลนะ เป็นคำตอบเฉพาะคน..
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-02-2010 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 10-02-2010, 16:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เนื้อเมฆสิทธิ์ ทำไมต้องสำเร็จดังเมฆด้วยคะ ?
ตอบ : เขาตั้งใจจะเล่นแร่แปรธาตุเป็นทอง แต่กลายเป็นอย่างนั้น ก็เลยสำเร็จเป็นเมฆไม่สำเร็จเป็นทอง ต้องเข้าใจที่มาเขาก่อน

ถาม : ถ้าเป็นเมฆก็สีขาวสิคะ ?
ตอบ : เราไปเข้าใจว่าเมฆเป็นสีขาว เมฆเป็นสีเขียวก็ได้ ดำก็ได้ แล้วแต่สภาพ เมฆสิทธิ์สีเขียวอมเหลือง แสดงว่าเนื้อทองมากกว่า เมฆพัดเขียวอมน้ำเงิน แสดงว่าเนื้อเงินมากกว่า นึกถึงแมลงภู่และแมลงทับดูสิ..สีคล้าย ๆ อย่างนั้น

เพียงแต่ว่าโลหะสองอย่างนี้ พอนาน ๆ ไป สีจะจางไปเรื่อย ก็เลยปลอมได้ยาก เพราะว่าทำใหม่เมื่อไรก็เป็นของใหม่ดำปี๋ ยิ่งใช้ไปนาน ๆ สีจะยิ่งจางลง ๆ


ถาม : แล้วมีสูตรตายตัวไหมคะ ?
ตอบ : ตายตัว..ไม่อย่างนั้นก็ออกเป็นสีอื่นสิ

ถาม : แสดงว่าไม่ใช่วิชาที่..
ตอบ : ปัจจุบันนี้แพร่หลายแล้ว สมัยก่อนต้องไปศึกษาจากผู้รู้จริง พอมีโลหะศาสตร์ขึ้นมา อยากรู้อะไรก็เอาไปแยกธาตุ ขนาดเหล็กน้ำพี้ยังทำขึ้นมาเลย

ปัจจุบันนี้น้ำพี้มีอยู่มากที่ไม่ได้ทำขึ้นมา เพียงแต่ใช้เหล็กธรรมดา แล้วเอาไปชุบ ชุบลักษณะรมดำปืน ก็เป็นสีน้ำเงินปลาบเลย แต่ความจริงเป็นโลหะอื่น จำเอาไว้ว่า ถ้ายกขึ้นมาแล้วหนัก แสดงว่าไม่ใช่น้ำพี้ น้ำพี้จะเบา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2010 เมื่อ 16:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 10-02-2010, 17:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อเช้าเพิ่งจะคุยโยม โยมเขาสร้างพระจากแก้วจริง ๆ ในลักษณะที่หลอมซิลิก้าเป็นแก้ว เทคโนโลยีพวกนี้ถ้าทุนไม่ถึงจริง ๆ ทำไปก็ขาดทุน

แล้วก็พูดไปถึงบรรดาโลหะศาสตร์ต่าง ๆ ของคนโบราณ ยกตัวอย่างไปถึงปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหม ตากแดดตากฝนเป็นร้อย ๆ ปีแล้วก็ยังไม่เห็นมีสนิมกิน สมัยนี้ต่อให้เป็นสเตนเลส ไปตากแดดตากฝนแบบนั้น สนิมขึ้นไปแล้ว"


ถาม : ไหนว่ามีวิชาโลหะศาสตร์ แล้วแยกธาตุได้
ตอบ : แยกได้ แต่ของปืนหน้ากระทรวงนี่แยกไม่ออก แยกไม่ออกเพราะไม่สามารถจะแบ่งส่วนออกมาได้ เอาเครื่องไปเจียรนัยเห็นไฟแลบออกมา นึกว่าเจียรเข้า..เปล่าหรอก เครื่องสึกเอง..! เจียรไม่เข้าแล้วจะเอาไปแยกได้อย่างไร ? คงต้องเอาไปหลอมใหม่ทั้งกระบอก ที่บางระจันเขาหลอมปืนกันเองแล้วแตก เพราะว่าไม่ได้สูตร

ถาม : ไม่ได้สูตรที่แท้จริง ?
ตอบ : พูดง่าย ๆ ว่า ถึงมีสูตรที่แท้จริง แต่ก็คงหาวัสดุได้ไม่ครบ เพราะรีบ ๆ ร้อน ๆ จะเอาไว้สู้กับพม่า

สมัยรัชกาลที่ ๕ ญี่ปุ่นต้องมาขอความรู้เรื่องหล่อปืนจากไทย แปลว่าตอนนั้นเทคโนโลยีของไทยสูงกว่า แต่ตอนนี้เราตามหลังญี่ปุ่นอยู่ ๒๐ - ๓๐ ปี แสดงว่าพัฒนาประเทศแล้วกลับถอยหลังไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2010 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว