กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 13-03-2015, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อวานลูกไปทำบุญกรวดน้ำให้กับน้องหมาตัวหนึ่ง กลางคืนสวดมนต์ภาวนาหลับไป แล้วก็ฝันเห็นเขา ?
ตอบ : ถ้าฝันถึงเขาได้ แสดงว่าเขาไม่ลำบาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 13-03-2015, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๙ มีนาคมนี้ ใครจะร่วมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร แจ้งความจำนงได้ที่ป้ามอยและน้องเล็ก เอาอาหารมาให้พอกับคนด้วย ลองถามคนเก่า ๆ ดูว่าเขาเลี้ยงอะไร เราจะได้เอามาไม่ซ้ำกับเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 13-03-2015, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เขียวส่องจัดเป็นมรกตประเภทหนึ่ง แต่ว่าสีเขียวออกเหลือง พวกเราจะเคยชินว่าถ้าเป็นมรกตต้องเขียวปี๋ พลอยเขียวส่องเป็นพลอยแถว ๆ ทางตะวันออกของเรา อย่างจันทบุรี แถวบางกะจะจะมีพลอยเขียวส่องมาก น้ำสีเขียวอมเหลือง ก็ถือว่าเป็นรัตนชาติที่ค่อนข้างจะหายากอยู่ ถ้าเขียวไปเลยเป็นมรกต เหลืองไปเลยเป็นบุษราคัม เขียวส่องนี่เขาจับมือกันคนละครึ่ง ก็เลยเป็นเขียวอมเหลือง หรือเหลืองอมเขียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2015 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 14-03-2015, 10:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราทำบุญตักบาตร เราจะทราบได้อย่างไรว่าจะถึงคนที่เราตั้งใจให้ ?
ตอบ : บอกเขาว่าถ้าได้รับแล้วให้ส่งไลน์มาบอกด้วย..! ทำบุญอันดับแรกคนที่ได้คือเรา ส่วนคนที่รับนั้นถ้าอยู่ในเขตที่ไม่ลำบาก และไม่ได้อยู่ในส่วนของอรูปพรหมหรืออสัญญีสัตตาพรหม เขาได้รับแน่ เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะขี้สงสัย อยากรู้ว่าเขาได้รับจริงหรือเปล่า

วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปฝึกทิพจักขุญาณให้ได้ แล้วก็ตามไปดูเลย ไม่อย่างนั้นไปเที่ยวถามคนอื่นซึ่งพาให้สงสัยไม่จบ พอถึงเวลาเขาบอกก็จะสงสัยต่ออีก

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะทราบได้ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร ใช้กำลังใจนิดเดียว พวกเราส่วนใหญ่ใช้กำลังใจเกิน ในเมื่อใช้เกินเหมือนกับช่องอยู่ตรงนี้ เรายืดคอเลยมาตรงนี้แล้วจะไปเห็นอะไร ลองไปฝึกดู เผื่อได้กับเข้าบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่หายสงสัยแน่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2015 เมื่อ 14:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 14-03-2015, 11:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องการทำบุญไปแล้วคนตายจะได้รับหรือเปล่า อย่าเสียเวลาไปถามคนอื่น ถ้าเขาอยู่ในเขตที่โมทนาได้ เขาได้รับแน่ เพียงแต่ว่าเราเองมักจะขี้สงสัย ถ้าไปถามเจอท่านที่ทำมาหากินด้านนี้อยู่พอดี ก็จะบอกว่าทำแล้วยังไม่ได้รับ เพราะว่าทำน้อยเกินไป ต้องไปทำบุญกับเขาสัก ๙,๙๙๙ บาท ญาติถึงจะได้รับ เราก็ต้องเสียเงินมากขึ้น เป็นต้น

เพราะฉะนั้น..ได้โปรดระมัดระวังอย่าเที่ยวไปถามเขามั่วไปหมด ถ้าหากว่าสงสัยให้ไปปฏิบัติเอง ก็คือภาวนาไปจนจิตบริสุทธิ์ถึงระดับหนึ่ง ความผ่องใสของจิตที่มีอยู่จะทำให้ทิพจักขุญาณเกิดขึ้น สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ถามตรงกับเขาเลย หรือไม่ก็ฝึกทิพจักขุญาณในลักษณะของมโนมยิทธิก็ได้ ฝึกกสิณ ๓ อย่าง ก็คือ กสิณสีขาว กสิณไฟ หรือกสิณแสงสว่างก็ได้ ถ้าทำจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็สามารถอธิษฐานขอเห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้ แต่จะเสียเวลาในการฝึกนาน บางทีเราอาจจะเสียชีวิตเสียก่อนโดยที่ไม่ได้รับความดีอะไรเพิ่มเติม นอกจากแก้สงสัยตัวเองไปหน่อยเดียวเท่านั้น

ฉะนั้น..ตั้งหน้าตั้งตาทำไป เพราะว่าการทำความดีนั้น อันดับแรกคนที่ได้คือตัวเราเอง แล้วหลังจากนั้นจะอุทิศให้ใครก็แล้วแต่เรามีความสะดวก ถ้ารักในการปฏิบัติแล้วขี้สงสัยมาก ต้องฝึกทิพจักขุญาณ พอถึงเวลาก็จะรับรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้ แล้วจะรำคาญเป็นพิเศษ เพราะว่าพวกผี ๆ พอรู้ว่าเราติดต่อได้ ก็จะแห่กันมาขอความช่วยเหลือ แล้วเราก็จะเบื่อไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2015 เมื่อ 13:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 14-03-2015, 11:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นั่งสมาธิแล้วหลับค่ะ แก้ไขอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ก็อย่าหลับสิจ๊ะ ถามมาได้ เอาสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าเผลอขาดสติหลุดจากลมหายใจก็จะหลับ เพราะฉะนั้น..อย่าเผลอ ถ้าหากว่าหลับก็ตั้งใจใหม่

ถาม : หลับไปเลยค่ะ ?
ตอบ : ถ้าหลับไปเลย ถึงเวลาทำก็ตั้งใจใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2015 เมื่อ 13:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 14-03-2015, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมถามปัญหาว่านั่งสมาธิแล้วมักจะหลับ จะแก้ไขอย่างไร ? ความจริงเป็นปัญหาพื้นฐานของนักปฏิบัติทุกคน เพราะว่า ปกติการหลับเป็นธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง สมาธิที่ถึงช่วงตอนที่เราหลับมีกำลังเท่ากับปฐมฌานขั้นหยาบ ถ้าใครเข้าถึงตรงนี้จะหลับทั้งนั้น

แต่คราวนี้การที่คนและสัตว์สามารถเข้าถึงตรงนี้แล้วหลับได้ จะไม่มีอานิสงส์ในการปฏิบัติธรรม เพราะไม่ได้เจตนาที่จะตั้งใจปฏิบัติเพื่อชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ แต่เป็นกรรมวิบาก คือกัมมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม ทำให้เราสามารถหลับได้ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน คราวนี้สภาพจิตของเราถ้าไปตรงกับปฐมฌานหยาบเมื่อไรเราก็จะหลับ

วิธีที่จะไม่หลับก็ต้องเอาสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก อย่าให้ขาด เผลอหลุดจากลมเมื่อไรจะหลับทันที จนกว่ากำลังใจจะก้าวผ่านไปถึงรับระดับปฐมฌานละเอียดก็จะไม่หลับอีก หรือไม่อีกทีหนึ่งก็ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถไปเดินภาวนาบ้าง ไปสวดมนต์บ้าง แล้วแต่ว่าเราทำอิริยาบถอย่างอื่นอย่างใดที่ทำให้เราไม่หลับ และอยู่ในความดีของศีล สมาธิ ปัญญาได้ หรือไม่ก็ไปล้างหน้า ออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็มาเริ่มต้นใหม่ ง่วงเผลอหลับเมื่อไรก็เริ่มต้นใหม่ ทำอย่างนี้บ่อย ๆ พอสภาพจิตละเอียดขึ้น ลมหายใจละเอียดขึ้น ก็จะก้าวพ้นไปได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2015 เมื่อ 13:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 15-03-2015, 12:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตั้งใจดูลมหายใจเข้าออก รู้สึกหายใจไม่สะดวก ?
ตอบ : ไม่ต้องตั้งใจมาก ปล่อยให้หายใจตามปกติ แล้วเรามีหน้าที่คอยดูเท่านั้น ว่าหายใจไปสุดถึงไหน แล้วออกมาถึงไหน แค่นั้นแหละ หายใจตามปกติเหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เอาสติตามดูไปเท่านั้น

ถาม : ตามดูตรงไหนบ้าง ?
ตอบ : จมูก อก ท้อง หรือไม่ก็ที่เดียวที่ท้องก็ได้ ที่ปลายจมูกก็ได้ แต่ถ้าสติดี ๆ ก็จะรู้ตลอดเส้นทางเลย หรือจะเอา ๗ ฐานตามแบบสายหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ก็เพิ่มรายละเอียดเข้าไป ถ้ารู้ว่าสภาพจิตของเรายังหยาบอยู่ ยังตามได้ไม่ตลอด เอาแค่จุดเดียวที่ปลายจมูกก็ได้ หายใจเข้าผ่านปลายจมูก หายใจออกผ่านปลายจมูก พอสติละเอียดขึ้น รู้มากขึ้นแล้วค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้นว่าจะเอากี่ฐาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 13:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 15-03-2015, 12:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอของหลวงพ่อรุ่ง ส่วนใหญ่โลหะเงินที่คาดปลอก ไม่ว่าจะมีลายหรือไม่มีลายก็ตาม การตีโลหะเงินช่างจะตีด้วยค้อน จะมีรอยบุบบิบบู้บี้อยู่เยอะมากเลย มีดหมอหลวงพ่อรุ่งส่วนใหญ่ไม่มีอักขระ เพราะช่างคนที่ทำไม่รู้หนังสือ ก็เลยตอกได้แต่ลายบนใบมีด ส่วนใหญ่จะเป็นลายเกล็ดปลา มีไม่มากนักที่มีอักขระ แต่ก็เป็นการตอกตามแบบ บางทีแทบจะอ่านไม่ออก

มารุ่นหลวงพ่อเดิม พวกช่างแม้น ช่างสอน ช่างไข่ ช่างฉิม ฯลฯ บางคนตีลายเป็นอย่างเดียว ตัวหนังสือตีไม่เป็น เพราะอ่านหนังสือไม่ออกเหมือนกัน เพียงแต่ว่าความประณีตของลายมีมากกว่า มีดหมอของหลวงพ่อรุ่งแผ่นเงินส่วนใหญ่ไม่ได้เชื่อม พอตีเสร็จเขาจับรัดกับปลอกแล้วตีพับทับไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 13:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 15-03-2015, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันมาฆบูชา ตั้งแต่เช้ามาอาตมานั่งทำงานไปเรื่อยเปื่อย พอมาสาย ๆ หน่อยก็เทศน์ นำเจริญพระพุทธมนต์ รับภัตตาหารสังฆทาน หลังเพลบวชพระ อาตมาต้องเป็นคู่สวด จ้ำเสียเอง ๓ คู่ ใช้เวลาราว ๆ ๒ ชั่วโมง เสร็จสรรพก็ไปแบกฟืนขึ้นรถ ขนไปเก็บ เพราะจะใช้ลานธรรมในการวางผางประทีป

ตากแดดแบกฟืนอยู่เกือบ ๒ ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ช่วยกันการวางผางประทีป กว่าจะเสร็จก็ประมาณ ๖ โมงครึ่งกว่า ๆ แล้วไปนำทำวัตรค่ำ เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ไปนำญาติโยมเวียนเทียน ลอยโคม เสร็จแล้วกะว่าจะเดินขึ้นไปดูไฟบนยอดเขา ปรากฏว่าตอนลอยโคมกำลังของตัวเองหมด จะยืนหลับเอาเฉย ๆ ร่างกายตัดระบบเอง ก็เลยรู้ว่าคนเราก็แบตเตอรี่หมดได้เหมือนกัน นึกว่ามีแต่เครื่องไม้เครื่องมือที่แบตฯ หมด

ช่วงก่อนหน้านั้นสักอาทิตย์กว่า ๆ น่าจะวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ตอนช่วงเช้ากำลังแก้ไขวิทยานิพนธ์ อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าจอของโน้ตบุ๊กวูบ เหมือนกับมืดลง ก้มไปมองข้างล่างว่าได้เปิดสวิตช์ไฟไว้หรือเปล่า ปรากฏว่าตอนก้มลงนั่นแหละถึงได้รู้ว่า ไม่ใช่จอมืดหรอก แต่ตัวเองหน้ามืด..! เพราะก่อนหน้านั้นอาทิตย์หนึ่ง แก้ไขวิทยานิพนธ์ทั้งกลางวันกลางคืน แทบไม่ได้นอนเลย คืนหนึ่งนอนประมาณ ๑-๒ ชั่วโมง จำได้ว่าอาจารย์สั่งแก้วิทยานิพนธ์ส่งวันที่ ๑๕ ตรวจของวันที่ ๑๕ แก้ส่งวันที่ ๑๙ พอตรวจของวันที่ ๑๙ แก้ส่งวันที่ ๒๒ ไม่มีเวลาพักเลย

อาตมาเองกลางค่ำกลางคืนก็ไม่ได้ฉันน้ำปานะอะไรกับใคร นอกจากน้ำเปล่าอย่างเดียว ร่างกายจึงโทรมสุด ๆ ตอนที่อยู่ได้เพราะใจบอกอย่างเดียวว่างานต้องเสร็จ ถ้าไม่เสร็จอาตมาก็จะเสร็จเสียเอง จึงทำไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองหมดแรง กำลังไม่มี อยู่ ๆ เห็นหน้าจอมืดไปวูบหนึ่ง ก็คิดว่าแบตเตอรี่หมด ไม่คิดว่าตัวเองหมดกำลัง ฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ก็เป็นบทเรียนให้รู้ว่า ชะรา ธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความแก่ไปได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 13:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 15-03-2015, 13:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม ๔ ศอก (๒๖ ก.พ. ๕๘) มีผู้ถวายทองคำร่วมหล่อพระมาประมาณ ๔ กิโลกรัม หล่อไปแล้วช่างบอกว่าสมบูรณ์ดีมาก ก็เหลือแค่ตัดสายชนวนแล้วก็แต่ง เดี๋ยวปลายเดือนนี้จะหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินแท้ หน้าตัก ๙.๙ นิ้วอีก ๑ องค์

ปีหน้าจะหล่อพระถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงเพราะว่าครบ ๑๐๐ ปีเกิดของท่าน จะสร้างรูปหลวงปู่ปานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ประมาณเท่าครึ่งของคนจริง แล้วก็สมเด็จองค์ปฐมองค์หนึ่ง บอกช่างว่าหน้าตัก ๓๐ นิ้วก็ได้ เพราะว่าพื้นที่จำกัด ช่างเขาบอกว่าน่าจะได้ถึง ๔๙ นิ้ว ขอไปดูพื้นที่จริงก่อนว่าจะปั้นหุ่นได้ขนาดเท่าไร

หมู่พิพิธภัณฑ์เรือนไทยที่สร้างเอาไว้ด้านบน มีหลังเล็กที่โบราณเขาเรียกว่าหอนก คือหมู่เรือนไทยเขาจะมีเรือนหลัก เขาเรียกหอกลาง แล้วก็มีเรือนซ้ายขวา เรียกว่าหอรีด้านซ้าย หอรีด้านขวา มีหอขวางทางด้านหลัง หลังเล็กเขาเรียกหอนก ส่วนใหญ่มีไว้เลี้ยงกล้วยไม้หรือไม่ก็เลี้ยงนกเขา

คราวนี้ของวัดท่าขนุนสร้างหอนกด้านหน้าไว้ ๓ หลัง ก็เลยคิดว่าจะเอาสมเด็จองค์ปฐมประดิษฐานไว้ตรงกลาง หลวงปู่ปานไว้ด้านขวา หลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ด้านซ้าย ก่อนจะทำต้องรอดูว่าสถานที่สำหรับสมเด็จองค์ปฐมพอหรือเปล่า ? ช่างเขาไปดูแล้ว เขาว่าน่าจะได้ถึง ๔๙ นิ้ว ถ้ามีซุ้มด้วยก็สูงน่าดู แปลว่ายังต้องหล่อพระอีก ๒ รอบ เดือนหน้า ๑ รอบ ปีหน้าอีก ๑ รอบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 14:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 15-03-2015, 13:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การหล่อพระรอบนี้คนทองผาภูมิซึ่งเป็นคนในพื้นที่มากันเยอะมาก ปกติที่วัดจัดงานเขาไม่ค่อยมาหรอก เพราะว่าตรงเวลาเกินไป ถ้าวัดมีงานมักจะเริ่มบวงสรวงไหว้ครูตอน ๗ โมงครึ่ง คนนั่งเต็มตั้งแต่ตีห้าแล้ว คนทองผาภูมิมา ๘ โมงครึ่ง เขาถือว่าอยู่ใกล้เลยมาช้าหน่อย แต่มาแล้วก็ไม่มีที่ให้นั่ง เขาก็เลยเบื่อกัน จึงไม่ค่อยมา

ปรากฏว่างานนี้มากันเยอะมาก อาตมาสงสัยว่าทำไม ? เขาบอกว่าไม่มีการหล่อพระแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว บางคนตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอเลย พอพวกเราไปเททองหล่อกัน เขาเห็นเข้าก็เลยมา ถอดทองคำถวายกันมาเยอะเลย

อาตมาเองก็เอาเข็มขัดนากของแม่หนัก ๓๐ บาท ใส่ลงไปหล่อด้วย เข็มขัดเส้นที่แม่ให้ใส่วันบวชเมื่อ ๓๐ ปีก่อน แม่เอามา
ให้คาดเอวตอนบวช ตอนนี้แม่เสียไป ๖-๗ ปีแล้ว ก็เลยเอาเข็มขัดมาหล่อพระให้แม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 14:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 15-03-2015, 14:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของบุญให้ทำไปเรื่อย ๆ แต่ว่าเรื่องของกำลังใจการตัดกิเลสเป็นเรื่องสำคัญ ต้องคอยระมัดระวังอยู่เสมอ ถ้าเผลอเมื่อไรก็จะเผลอเกาะร่างกายอีก

อย่างพวกเราป่วย พอรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาหน่อยก็รู้สึก "อยากอยู่" อีกแล้ว แต่ตอนที่ป่วยกลับ "อยากตาย" คิดดูเอาก็แล้วกัน กลับกลอกหลอกลวงกันขนาดนั้น จึงต้องคอยระมัดระวัง คอยตอกย้ำหัวตะปูไว้เรื่อย ๆ ว่าอย่างไรก็ไม่เอาอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นก็กลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น

เรื่องเหล่านี้พอย้ำจนถึงที่ ถ้าข้ามได้จะข้ามไปเลย ถ้าข้ามไม่ได้ก็ขึ้นหน้าถอยหลัง จะเป็นลักษณะนั้น เป็นกันทุกคน อาตมาเคยผ่านมาแล้วจึงรู้ว่าเป็นอย่างนี้ เหมือนกับอยู่ในช่วงที่กำลังสะสมกำลังอยู่ ถ้ากำลังพอก็จะก้าวข้ามไปได้เลย

ตอนนี้ให้ทำไปเรื่อย ๆ อย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก และอย่าทิ้งการพิจารณา ทิ้งลมหายใจเข้าออกกำลังเราจะไม่พอสู้กิเลส ทิ้งการพิจารณาปัญญาจะถอยหลัง พอถอยหลังเดี๋ยวก็ไปเห็นดีเห็นงาม ยังอยากเกิดอยู่อีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 14:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 15-03-2015, 14:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขายที่บ้าน เมื่อไรจะขายได้ ?
ตอบ : บนพระวิสุทธิเทพ จุดธูป ๕ ดอกปักกลางแจ้ง กราบเรียนท่านว่า ถ้าขายได้แล้วจะรักษาศีล ๘ พร้อมกับเจริญกรรมฐาน ๗ วัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำไว้นานแล้ว ท่านบอกว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องของอาชีพการงาน การทำมาหากิน ให้บนท่านได้เลย แต่ว่าท่านขอแรงหน่อย ท่านขอศีล ๘ กับกรรมฐาน ๗ วัน

หลวงพ่อท่านบอกว่า กรรมฐานช่วงเช้าเราภาวนาสักชั่วโมง แล้วรักษาศีลให้ได้ทั้งวัน ตอนค่ำภาวนาอีกชั่วโมงหนึ่ง ถือว่าเราเจริญกรรมฐานทั้งวันแล้ว เพราะว่าช่วงที่เราตั้งใจระมัดระวังรักษาศีล ก็คือเรารักษาในสีลานุสติกรรมฐาน คำว่าเจริญกรรมฐานทั้งวัน ไม่ใช่นั่งภาวนาทั้งวัน แต่ให้ใจอยู่กับความดีได้ทั้งวัน แค่ ๗ วันเอง อดข้าวไหวไหม ? ถ้าไหวเดี๋ยวกลับบ้านไปจุดธูปบอกท่านเลย บอกท่านว่าเบื่อเต็มทีแล้ว ขอให้ขายได้ไว ๆ หน่อย

ตอนที่อยู่ก็มีประโยชน์ แต่ตอนที่หมดอยากที่จะอยู่ ก็ไม่เห็นประโยชน์ ขาย ๆ ไปเถอะ อาตมาก็แก่เต็มทีแล้ว พอ ๕๗ ปี จะคลานไม่ไหวแล้ว กรรมเก่าทำไว้เยอะ โรคก็เยอะ สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า แกเป็นทหารมาหลายชาติ ฆ่าเขาเอาไว้เยอะ ไปปล่อยปลาเดือนละ ๑-๒ ตัว เอาชนิดที่เขาขายไว้ให้ฆ่า จะได้ชดใช้เขาไป ปล่อยมา ๓๐ ปี กว่าจะดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง นี่ขนาดทำต่อเนื่องเลยนะ ไม่มีหยุด แล้วก็ไม่ได้ปล่อยตัว ๑ - ๒ อย่างที่ท่านว่าด้วยนะ เจอทีหนึ่งเหมาหมดตลาดเลย ช่วงนี้จะตั้งงบไว้ที่ ๓๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ก็เลยกลายเป็นว่าทำมาประมาณ ๓๐ ปีกว่า เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บเบาลงบ้าง แสดงว่าสมัยก่อนนี่เล่นเขาเอาไว้เยอะมาก

ถ้าตามหลวงพ่อท่านมา เรื่องที่จะไม่เคยทำอะไรใครเลยนั้นยาก ส่วนใหญ่เพื่อประเทศชาติ เพื่อศาสนาก็ต้องทำ แต่ทำไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าโทษจะไม่มี เศษกรรมตามมา ดูสิ..แผลเต็มตัวเลย นี่ขนาดไปขนฟืนแค่นั้นนะ พออาตมาทุ่มฟืนลงบนรถ ยังไม่ทันก็ชักมือกลับ พระท่านก็ทุ่มใส่มือพอดีเลย พอทุ่มใส่มือแล้วท่านก็เอามือมาลูบ ๆ "หลวงพ่อโดนไปแล้ว" “เอ็งไม่ต้องบอกข้าก็รู้ เจ็บจะตายห่.. ไม่รู้ได้อย่างไรวะ ?” ต่างคนต่างโยนฟืนเข้าไป คราวนี้อาตมาโยนไปมือไม่ทันดึงกลับ ของเขาก็ทับลงไปพอดี ไม้แต่ละท่อนใหญ่เบ้อเร่อ ยาวสักเมตรครึ่งได้ โดนเข้าไปทีเจ็บจนหูตาสว่างเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 14:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 17-03-2015, 10:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาโรคมะเร็งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งท่อรังไข่ ของผู้ชายก็มะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดจากความเครียดแล้วทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ถ้าหายเครียดโรคเหล่านี้ก็หาย กลายเป็นว่าจริง ๆ แล้ว บุคคลที่เป็นโรคเหล่านี้ควรจะไปปฏิบัติธรรมมากกว่า

เมื่อวันหล่อพระ ลูกศิษย์หลวงปู่อำนวยมากราบเรียนถามปัญหา ว่า "หลวงป๋าวิวัฒน์เป็นมะเร็งกระดูก ท่านฝากมาถามว่าจะรักษาตามวิธีธรรมชาติดี หรือว่าจะยอมผ่าตัดดี ?" อาตมาเลยหัวเราะ บอกเขาว่า "หลวงป๋าตั้งใจแล้วว่าจะรักษาตามวิธีธรรมชาติ ถามหลวงปู่ดูสิ หลวงปู่ท่านก็รู้ ไม่ต้องมาถามอาตมาหรอก" พอหันไปบอกให้ถามหลวงปู่อำนวยดู หลวงปู่อำนวยก็ว่า "อ้าว..รู้เหมือนกันนี่" หลวงปู่รู้แล้วจะมาลองผมทำไม ? ปัญหาแค่นี้ยังจะมาลองกันอีก ...(หัวเราะ)... ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่นกันอย่างนี้แหละ ทั้ง ๆ ที่รู้แล้วก็ขอความแน่ใจหน่อยเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2015 เมื่อ 11:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 17-03-2015, 10:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"นับในสายหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว ต้องบอกว่าเรื่องมโนมยิทธิอาตมาเป็นมือวางอันดับต้น ๆ เลย แต่สาเหตุที่อาตมาไม่สอนมโนมยิทธิ เพราะว่ามโนมยิทธิทำให้หลงทางได้ง่าย ที่หลงทางได้ง่ายเพราะแต่ละคนเชื่อเพราะเห็น เห็นด้วยตัวเองก็เลยเชื่อ โดยที่ไม่รู้หรอกว่าที่เห็นนั้นไม่จริง เราเห็นจริง ๆ แต่เรื่องที่เราเห็นไม่แน่ว่าจะจริง เคยเปรียบเทียบให้เขาฟังว่า เห็นคนไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็เอามีดเอาปืนออกไปช่วย จะไปโดนเขากระทืบตาย เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันจริงไหม ? ก็จริง แล้วเรื่องที่เห็นนั้นจริงไหม ? ไม่จริง..เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมโนมยิทธิ อาตมามั่นใจว่าส่วนหนึ่งที่ท่านสอนก็เพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนว่าเป็นความจริง และอีกส่วนหนึ่งคือท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ท่านฉลาดพอที่จะเลือก แต่ขนาดท่านมั่นใจว่าฉลาดพอ อาตมายังโง่อยู่ตั้งหลายปี แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าฉลาดจริงหรือยัง ?

หลวงพ่อเคยชมกับเพื่อนพระว่า อาตมาเป็นคนสัญชาตญาณดี รู้ตัวเร็ว นี่ขนาดรู้ตัวเร็วยังติดอยู่ตั้ง ๓-๔ ปี ถ้าตอนนั้นตายเสียก่อน ก็ไม่ต้องได้ความดีอะไรเลย อย่างเก่งก็ติดอยู่แค่พรหม หลุดพ้นไม่ได้ หรือไม่หลวงพ่อท่านตั้งใจส่งลูกศิษย์แค่ดาวดึงส์ก็พอแล้ว รอพระศรีอริยเมตไตร..เดี๋ยวก็ไปได้

ส่วนที่อาตมาเห็นว่าหลงผิดทางจริง ๆ คือมโนมยิทธินั้น หลวงพ่อท่านสอนให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง แต่ว่าส่วนใหญ่เขาไม่ได้ใช้ตรงนี้กัน เขาเอาไปดูว่าเธอเป็นอย่างนั้นกับฉัน เธอเป็นอย่างนี้กับฉัน แทนที่จะละได้ แทนที่รู้แล้วจะรู้จักเข็ด กลับไม่เข็ด ไปฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่ กลายเป็นผูกแน่นยิ่งกว่าเดิม กำลังจะลอยคอเข้าฝั่ง กลายเป็นกอดคอจมน้ำตายทั้งขบวน..!

เท่าที่สังเกตมาเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างนี้ แล้วที่เพี้ยนก็มีอีกเยอะเลย โดนผัวเขาเตะมาหลายคนแล้ว ประเภทไปตู่ว่าเมียเขาในอดีตเป็นเมียตัวเอง ในเมื่อเล็งเห็นโทษตรงนี้อาตมาก็เลยไม่สอนให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย ขี้เกียจไปแก้ตอนหลงทาง เพราะในเมื่อสอนแล้วก็ต้องรับผิดชอบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2015 เมื่อ 11:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 17-03-2015, 14:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่หล่อพระเป็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ตอนนี้ช่างเขากำลังขัดแต่งอยู่ สมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่ต้องอุดเลย ช่างเขายอมติดสายชนวนมาก ๆ หน่อย ทำให้เนื้อทองไหลถึงกันหมด ถ้าติดสายชนวนน้อย ส่วนที่กว้าง ๆ บางทีก็ไหลไม่ถึงกัน แต่คราวนี้การติดสายชนวนมาก ทำให้เสียเวลาตอนขัดแต่ง เพราะต้องเลื่อยออกแล้วขัดให้เรียบ แต่เขายอมเสียเวลา จะได้ไม่ต้องไปปะไปอุดซึ่งยากกว่าหลายเท่า

วันเดียวกัน ฤกษ์เดียวกัน มีอีกองค์หนึ่งหล่อที่ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ปรากฏว่ามีปัญหาตั้งแต่ชิ้นแรกจนถึงชิ้นสุดท้าย ช่างบอกว่าทำไมไม่เหมือนของวัดท่าขนุน ? ต้องบอกว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนยอมไปตากแดดตัวดำปี๋เลยสบายหน่อย ถ้าเจ้าอาวาสนั่งบัญชาการในห้องปรับอากาศก็จะเป็นแบบนั้นแหละ..!

หล่อพระนี่ห้ามอากาศเย็น ต้องร้อนอย่างเดียวเลย องค์โน้นของเขา ตั้งแต่ยกฐานไปเพื่อพอกปูนก็ตกแตก ช่างต้องปั้นให้ใหม่ หล่อเศียรพระก็พรุนเป็นรังผึ้งเลย ต้องปั้นใหม่อีก เล่นเอาช่างเครียดไปหมด พูดง่าย ๆ ว่ามีปัญหาทุกชิ้น แล้ววันที่ ๒๖ ที่หล่อพร้อมกัน ปรากฏว่าปั๊มลมหอยโข่ง ๒ ตัวเสียทั้ง ๒ ตัว เลยต้องรอให้ของวัดท่าขนุนหล่อเสร็จ แล้วยกทีมไปช่วยที่หนองปรือ อาตมาเห็นเป็นเรื่องขำ แต่เจ้าของงานคงเครียดน่าดูเลย

คาดว่าคงจะไม่เข้าใจในเรื่องของการขอบารมีพระท่าน เห็นที่โน่นสร้างสมเด็จองค์ปฐม ที่นี่สร้างสมเด็จองค์ปฐม ก็อยากสร้างบ้าง บางทียังไม่รู้จักมักคุ้นอย่างแท้จริงเลยว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านคือใคร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2015 เมื่อ 16:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 17-03-2015, 14:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๙ ฉลองบ้านวิริยบารมีและหล่อพระที่นี่ ใครจะเอาโรงทานมาเลี้ยงก็แจ้งที่ป้ามอยหรือน้องเล็กได้ ตีว่าเอามาเลี้ยงคนสัก ๓๐๐ – ๕๐๐ คน จะได้เฉลี่ย ๆ ไปกินที่ร้านอื่นบ้าง ถ้าเอามาเลี้ยงที ๓,๐๐๐ คน ก็กินกันอยู่ร้านเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2015 เมื่อ 16:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 17-03-2015, 14:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันหล่อพระ มีใครลืมทองคำไว้ในห้องน้ำบ้าง ? แล้วก็มีกำไลอีก ๑ วง และมีดพับอีก ๑ เล่ม ไม่บอกว่ายี่ห้ออะไรหรอก ไปทวงคืนได้ที่วัด อาตมายังเก็บไว้ให้ แปลกมากเลย..วันงานประกาศตั้ง ๗-๘ รอบ ไม่มีคนมาขอรับคืน ประกาศแล้วว่าต่อให้ตั้งใจถวายหล่อพระ ก็ให้เอาคืนไปก่อนแล้วค่อยมาถวายใหม่ ไม่อย่างนั้นของหายในวัด หรือของหล่นตกอยู่ในวัด ศีลพระท่านบังคับเลยว่าต้องเก็บรักษาไว้ให้โยมจนกว่าเขาจะมาทวงคืน คราวที่แล้วเก็บไว้ ๕ ปี พอดี กว่าเจ้าของจะมาตาม คราวนี้ไม่รู้ว่าต้องเก็บไว้อีกกี่ชาติ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2015 เมื่อ 16:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 17-03-2015, 15:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่งใครไม่รู้เอาไม้เสากุฏิหลวงปู่มั่นมาถวาย อาตมาบอกว่า "ไอ้ห่..แบบนี้ยังไปแคะมาได้..บ้าชัด ๆ" กุฏิเก่าหลวงปู่มั่นยังอุตส่าห์ไปเลื่อยเอามุมเสามา เขาคงเอาไม้นั้นมาเพื่อไว้สร้างพระ

ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่าอาตมาเองไม่เน้นเรื่องส่วนผสม ที่ไม่เน้นเพราะว่าวัตถุมงคลวัดท่าขนุน อาตมาอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ เลยไม่เน้นส่วนผสม แต่ว่าหลายที่จะเน้นเรื่องของส่วนผสมกันมาก

ตอนนี้อาตมากำลังให้เขาออกแบบเหรียญในหลวงรัชกาลที่ ๕ เอาแบบงามสุด ๆ ไปเลย โดยฝีมือช่างที่ปั้นรูปกวนเกษียรสมุทรที่สุวรรณภูมิ จะทำเพื่อหาทุนให้ห้องเรียน มจร.วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ที่กาญจนบุรี ก็แปลว่าจะเป็นทั้งวิหารทานและธรรมทาน เพราะสร้างอาคารด้วย และเป็นทุนการศึกษาด้วย เอาไว้เสร็จแล้วค่อยมาบูชากัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2015 เมื่อ 16:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว