กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-03-2009, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,029 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน เดือนมีนาคม ๒๕๕๒

การปฏิบัติกรรมฐานของพวกเรานั้น จุดมุ่งหมายสำคัญคือ เพื่อความพ้นทุกข์ การที่เราจะพ้นทุกข์ได้ ต้องปฏิบัติอยู่ในศีล สมาธิ และปัญญา

ศีล สมาธิ ปัญญานั้น มาจากมรรค ๘ คือหนทางเพื่อการหลุดพ้น ๘ ประการ ประกอบไปด้วย
สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูก ความเห็นถูกในที่นี้ คือเห็นในอริยสัจ เห็นว่านี่คือความทุกข์ นี่คือสาเหตุของความทุกข์ นี่คือความดับทุกข์ นี่คือปฏิปทาทางเข้าถึงความดับทุกข์ ดังนั้น สัมมาทิฏฐิ หรือความเห็นในอริยสัจนั่นเอง

จากนั้นก็เป็นสัมมาสังกัปปะ คือ ความคิดหรือความดำริที่ถูกต้อง ได้แก่ความคิดที่จะออกจากกาม ความคิดที่จะไม่พยาบาท ความคิดที่จะไปให้พ้นจากความทุกข์เหล่านี้ เป็นต้น

หนทางสายที่สามเรียกว่า สัมมาวาจา คือพูดถูก หมายความว่า ต้องประกอบไปด้วยวจีสุจริต ละเว้นความทุจริตทางคำพูด ๔ ประการ คือ เว้นจากการโกหก เว้นจากส่อเสียดให้ผู้อื่นแตกร้าวกัน เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อที่ไร้ประโยชน์

หนทางสายที่สี่ เรียกว่า สัมมากัมมันตะ คือทำถูก ได้แก่เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการดื่มสุราเมรัย เป็นต้น

หนทางสายที่ห้า เรียกว่า สัมมาอาชีวะ คือ การหาเลี้ยงชีวิตในทางที่ถูก ได้แก่ งดเว้นจากอาชีพที่ผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายบ้านเมือง เว้นจากมิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายในทางที่ผิด ๕ อย่าง ได้แก่ เว้นจากการขายอาวุธ เว้นจากการขายสุรา เว้นจากการขายมนุษย์ เว้นจากการขายยาพิษ และเว้นจากการขายสิ่งที่มีชีวิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 11-01-2011 เมื่อ 14:03
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-03-2009, 11:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,029 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หนทางสายที่หก เรียกว่า สัมมาวายามะ คือความเพียรในทางที่ถูกต้อง ได้แก่ มีความเพียรระมัดระวังไม่ให้มีความชั่วเกิดขึ้นในใจของเรา มีความเพียรในการขับไล่ความชั่วในใจออกไปเสียให้พ้น มีความเพียรในการสร้างความดีให้เกิดขึ้นในใจของเรา และมีความเพียรในการระมัดระวังรักษาความดีนั้นเอาไว้ไม่ให้หายไปไหน

หนทางสายที่เจ็ด เรียกว่า สัมมาสติ คือมีความระลึกถึงในสิ่งที่ถูกต้อง ได้แก่ การกำหนดสติในมหาสติปัฏฐานทั้ง ๔ คือ กำหนดการรู้เห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม

หนทางสายที่ ๘ สายสุดท้าย เรียกว่า สัมมาสมาธิ คือการพยายามรักษาอารมณ์ใจให้มั่นคง ดำรงให้ถึงอัปปนาสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่ง ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาณ เป็นต้น คือการทรงอารมณ์ให้มั่นคงในระดับที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ อย่างเช่นที่เราทำกันอยู่ตอนนี้

หนทางแปดสายเมื่อย่อลงมาแล้วเรียกว่า ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิและปัญญา
สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก สัมมาสังกัปปะ ความดำริ ความคิดถูกนั้น เป็นปัญญา
สัมมากัมมันตะ คือการทำถูก สัมมาอาชีวะ คือการเลี้ยงชีพในทางที่ถูก สัมมาวาจา คือการพูดถูก นั้นเป็นศีล
สัมมาวายามะ คือ ความเพียรถูก สัมมาสติ คือ การตั้งไว้ถูก สัมมาสมาธิ คือวางกำลังใจมั่นคงได้ถูก อันนั้นเป็นสมาธิ
เมื่อย่อลงมาก็เป็นปัญญา ศีล สมาธิ เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์

การที่เราปฏิบัติกรรมฐานอยู่นี้จะเป็นผู้มีปัญญา รู้เห็นว่าสมาธินี้เป็นเครื่องช่วยให้เราเกิดความสุขในปัจจุบัน คือมีจิตใจสงบระงับ ไม่วุ่นวายส่งส่ายไปตามกระแสโลก เห็นว่ามีความสุขในอนาคต คือ ถ้ากำลังใจตั้งมั่นเราก็ไปเกิดในสุคติภพอย่างแน่นอน และเห็นว่าสามารถช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดคือเป็นเครื่องมือส่งให้เราหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน ก็แปลว่านอกจากสมาธิแล้วเรายังมีปัญญา ในขณะที่เราทำสมาธิอยู่ ศีลทุกสิกขาบทก็บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยสิ้นเชิง เมื่อเป็นเช่นนี้แปลว่าในขณะนี้เราเป็นผู้มีมีไตรสิกขาพร้อมสมบูรณ์ ก็แค่กำหนดความรู้สึกนึกคิดว่า ถ้าหากว่าเราตายตอนนี้เราขอไปอยู่พระนิพพานที่เดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-12-2009 เมื่อ 09:29
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-03-2009, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,029 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การกำหนดใจไปสู่พระนิพพานนั้น ท่านใดที่ได้มโนมยิทธิให้ส่งใจไปกราบพระบนพระนิพพาน ถ้าหากว่าทำไม่ได้ก็ให้นึกพระพุทธรูปที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่ต้น ว่านั่นคือองค์แทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากอยู่บนพระนิพพาน เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน กำหนดใจให้แน่วนิ่งอยู่เฉพาะเบื้องหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้
ตั้งใจว่าแม้ตายลงไปตอนนี้เราก็ขอมาอยู่กับพระองค์ท่านที่นี่ แล้วให้กำหนดใจภาวนาของเราไป ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็กำหนดนึกถึงคำภาวนาควบลมหายใจไป ถ้ายังไม่มีคำภาวนา เราก็แค่กำหนดนึกถึงภาพพระ นึกถึงพระนิพพาน

เอาใจจดจ่อให้มั่นคงอยู่ตรงนี้ ตั้งใจว่าสิ้นชีวิตเมื่อไรเราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่นี่ พยายามวางกำลังใจของเราอยู่ตรงนี้ อยู่ที่โปร่ง เบา สบาย สะอาด สงบ ปราศจากรักโลภโกรธหลงทั้งปวง นิ่งอยู่ตรงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

แล้วหลังจากนั้นให้กำหนดจดจำอารมณ์ใจนั้นไว้ เมื่อเลิกละการปฏิบัติแล้ว ให้รักษาอารมณ์ใจที่นิ่ง โปร่ง เบา สะอาด สงบ สว่างไสว เอาไว้ให้ได้ พยายามรักษาไว้ให้นานที่สุด เพื่อที่จิตใจจะได้ผ่องใส เพื่อที่จะได้เกิดความสุขเฉพาะหน้า และจะส่งผลให้จิตใจที่ผ่องใสนี้สร้างความสุขในอนาคต และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่เราต่อไป

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
เดือนมีนาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 11-01-2011 เมื่อ 14:06
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว