กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-08-2016, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๙

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดและเคยชินมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ในวันนี้พระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินฺโน เจ้าอาวาสวัดหนองบ้านเก่า ท่านนำคลิปวิดีโอมาให้อาตมาดู เป็นภาพของเด็กวัยก่อนเกณฑ์ เรียกง่าย ๆ ว่าเด็กอนุบาล เถียงกับผู้ใหญ่ซึ่งอายุมาก และโดยเฉพาะเป็นแม่ค้าในตลาด ซึ่งถ้าโดยทั่วไปพวกเราก็คงเข้าใจคำว่า "แม่ค้าปากตลาด" เป็นอย่างไร

แต่ปรากฏว่าเด็กคนนี้กล้าเถียงผู้ใหญ่ และเถียงแบบมีเหตุมีผล ท่านพระครูสมุห์ธรรพ์ณธรถามว่า "หลวงพ่อครับ...เด็กเขาเอากำลังใจอย่างนี้มาจากไหน?" นั่นคือประเด็นว่าเด็กเอากำลังใจแบบนี้มาจากไหน? ต้องมีความเข้มแข็งของจิตมากเท่าไร ? ถึงจะกล้าเถียงผู้ใหญ่กลางที่ชุมชน

โดยเฉพาะอายุห่างกันไม่หนี ๔๐-๕๐ ปี เรื่องแบบนี้ถ้าใครฝึกปฏิบัติสมาธิภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัว ก็จะทราบว่าเป็นเรื่องปกติ บุคคลที่สมาธิทรงตัวจะไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ๆ รอบข้าง โดยเฉพาะเรื่องของกิเลสต่าง ๆ ที่ชวนให้เรา รัก โลภ โกรธ หลง แต่ถ้าหลุดออกจากสมาธิภาวนาเมื่อไร ถ้ารักษาอารมณ์ไว้ไม่เป็น รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะกินใจเราได้ทันที กำลังใจของเราที่ฝึกต่อต้านกิเลสนี่แหละ ที่จะเข้มแข็งขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับของสมาธิที่เราทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2016 เมื่อ 04:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-08-2016, 19:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกำลังใจของเราเข้มแข็ง ถึงเวลาก็ย่อมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่หวั่นไหว แล้วถ้าหากมีคำถามว่าเด็กตัวแค่นั้นเอง ขุดกำลังใจมาได้อย่างไร ? ก็ต้องบอกว่าเป็นของที่ติดตัวข้ามชาติข้ามภพมา

การทำบุญทำบาปของเราทั้งหลายไม่ได้สูญหายไปไหน ถึงเวลาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ย่อมกลายเป็นวิบาก ก็คือการส่งผลต่อเราในภายภาคหน้า ฉะนั้น...การที่ท่านทั้งหลายมาฝึกปฏิบัติภาวนา ก็ให้ดูตัวอย่างเด็กเล็ก ๆ เอาไว้ว่า เรามีความกล้าหาญ มีความมุ่งมั่น กล้าพูดกล้าทำอย่างเขาหรือไม่ ? ถ้ายังไม่มี...แปลว่ากำลังใจของเรายังใช้ไม่ได้ จำเป็นที่เราจะต้องมาฝึกซ้อมในเรื่องของสมาธิภาวนาให้มากยิ่งกว่านี้

โดยเฉพาะอานาปานสติ หรือการตามดูตามลมหายใจเข้าออก ซึ่งจะสร้างสมาธิของเราให้ทรงตัวมั่นคงได้ มีกำลังในการต่อต้านกระแสกิเลส ถ้าท่านทั้งหลายที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมจะทิ้งเรื่องของสมาธิภาวนา โดยเฉพาะลมหายใจเข้าออกไม่ได้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2016 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-08-2016, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่ทรงฌานสมาบัติมารจะมองไม่เห็น ที่มารจะมองไม่เห็นเพราะบุคคลที่ทรงฌานตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป สภาพจิตสะอาดปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว เสนามารต่าง ๆ รบกวนไม่ได้ ในเมื่อไม่มีอะไรรบกวนได้ ต้นตำรับก็คือพญามาร ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าบุคคลผู้นี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน พระองค์ท่านถึงได้ตรัสว่ามารจะมองไม่เห็น

ฉะนั้น...ในการที่เราปฏิบัติสมาธิภาวนา หรือปฏิบัติพระกรรมฐานของเรา ก็ควรจะตั้งเป้าไว้ให้ชัดเจนว่า อย่างน้อยในชีวิตนี้เราต้องเข้าถึงปฐมฌานให้ได้ ถ้าได้ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ ยิ่งดี เราจะเกิดความมั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทำให้มารทั้งหลายไม่สามารถที่จะหาเราพบ ไม่สามารถที่จะส่งเสนามารมารบกวนเราได้

แม้ว่าจะเป็นแค่ฌานโลกีย์ก็ตาม ก็มีอำนาจในการกดกิเลสให้ดับลงชั่วคราว บุคคลที่ทรงฌานได้จะมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นไฟ ๔ กองคอยเผาสัตว์โลกอยู่ตลอดเวลา โดนดับลงชั่วคราวด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ เราจะมีแต่ความสงบความเยือกเย็นทั้งกายและใจ ถ้าหากว่าใครสามารถรักษาเอาไว้ยาวนานเท่าไร ก็จะได้รับความสุขความสงบได้นานเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2016 เมื่อ 19:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-08-2016, 18:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ขอให้อย่าได้ยินดีเพียงแค่นั้น ให้ทุกคนมุ่งลัดตัดตรงเข้าหาการละกิเลสตามสังโยชน์ โดยเฉพาะทำความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้เคยล่วงเกินไปแล้ว ก็ให้หมั่นกราบขอขมาพระรัตนตรัยเอาไว้เสมอ

พยายามรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล เห็นผู้อื่นละเมิดศีลเราก็ไม่ยินดีด้วย และท้ายที่สุดให้ทำความรู้สึกตัวไว้เสมอว่า เราจะต้องตายแน่นอน ถ้าขึ้นชื่อว่าตายแล้วการเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก สถานที่เดียวที่พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงที่รอเราอยู่นั่นคือพระนิพพาน ให้ทุกคนวางกำลังใจสุดท้ายเอาไว้ที่พระนิพพาน

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจกำหนดภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2016 เมื่อ 19:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว