กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-10-2015, 12:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครู - เป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘

ญาติโยมเห็นอยู่ข้างหลังอาตมานี้ คือ มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งงานเสร็จไปประมาณ ๖๕ เปอร์เซ็นต์ ยังคงเหลืองานปิดทองประดับกระจกและเก็บรายละเอียดอีกไม่มาก มณฑปนี้แกะสลักขึ้นจากไม้สักทอง ต้องบอกว่าค่าแรง-ค่าวัสดุ ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน ก็เป็นเงินที่ญาติโยมทั้งหลายทำบุญมากับวัดท่าขนุนนี่เอง ส่วนพระประธานคือสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งดำเนินการหล่อโดยพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม หรือหลวงพี่มหาเอ ท่านดำเนินการหาทุนและทำการหล่อขึ้นมา เป็นการหล่อโลหะทั้งองค์และฐาน ปิดทองประดับเพชรด้วย มูลค่าตั้งแต่ต้นจนจบ ๙ ล้านบาทถ้วน ๆ กรุณาอย่าย่องขึ้นไปแคะเพชรมาเล่น

ส่วนทางขวามือของอาตมาที่เห็นเหมือนกับเรือนทรงไทยนั้นเป็นเรือนไทยตรีมุข พวกเราส่วนใหญ่รู้จักแต่เรือนจตุรมุข เรือนไทยตรีมุขอาตมาเอาไว้ตั้งสังขารหลวงปู่สาย ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะอัญเชิญขึ้นไปบนหมู่เรือนไทยที่ดาดฟ้า แต่มีญาติโยมจำนวนมากประท้วงว่า ถ้าขืนทำอย่างนั้นคงจะมีแต่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนขึ้นไปกราบไหว้อยู่คนเดียว คนอื่นคงเดินขึ้นบันไดไม่ไหว เพราะว่าบันไดศาลาหลังนี้กว่าจะถึงด้านบนก็ ๖๖ ขั้น อาตมาจึงต้องสร้างเรือนไทยตรีมุขเอาไว้ด้านในศาลา

เมื่อญาติโยมได้เห็นพระประธานคือสมเด็จองค์ปฐมก็ดี เห็นมณฑปไม้สักทองประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำด้านหลังก็ดี ได้เห็นเรือนไทยตรีมุขก็ดี คงจะทราบแล้วว่าทำไมอาตมาต้องสร้างศาลาหลังนี้ให้สูงแบบนี้ เพราะถ้าไม่สูงก็ไม่สามารถที่จะตั้งมณฑปได้ เป็นการเจตนาให้ตั้งมุ้งเล็กในมุ้งใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2015 เมื่อ 19:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-10-2015, 12:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต้องบอกว่าอาตมาชอบอะไรที่ท้าทาย เนื่องจากว่าบุคคลทุกคนมีศักยภาพ มีผู้ที่ร่วมสร้างบุญสร้างกุศลมาด้วยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทุกคนจะมีคณะบุคคลที่ติดตามของตน เรียกง่าย ๆ ว่ามีมุ้งของตัวเอง ในเมื่อมีมุ้งของตัวเองแล้วเราจะห้ามเขากางมุ้งก็ย่อมไม่ได้ จึงตั้งใจสร้างสิ่งต่าง ๆ เอาไว้ในศาลาใหญ่ เป็นการบอกใบ้ว่า วัดท่าขนุนอนุญาตให้กางมุ้งเล็กไว้ในมุ้งใหญ่ได้อย่างเป็นทางการ เพียงแต่ว่าต้องดูแลมุ้งเล็กของตัวเองให้ดี ๆ ใครที่เสียเวลามาฟ้องว่า คนนั้นตั้งเป็นคณะ คนนี้จับเป็นพวก จะฟ้องไปทำไม ? ยกเว้นว่าคุณเป็นหมาหัวเน่าหรือหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีใครเขาแยแสสนใจนั่นแหละ ถึงได้ไม่มีพวกไม่มีคณะกับใคร

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อท่านทั้งหลายศรัทธาหลวงตา หลวงพ่อ หลวงพี่ท่านใดในวัดท่าขนุน ตั้งใจช่วยงานของท่านในวัดแห่งนี้ สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อ้างไปเลยว่าเจ้าอาวาสอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำนั้นอย่าให้ผิดกฎระเบียบของวัด อย่าให้ผิดพระวินัย และอย่าให้ผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ใช่บอกว่าเจ้าอาวาสอนุญาตแล้ว ตูก็ตั้งก๊วนขายยาบ้าในวัด ถ้าอย่างนั้นเจ้าอาวาสก็จะขออนุญาต “ตื้บ..!” ก่อนส่งตำรวจ เห็นหรือยังว่าอาตมาใจถึงขนาดไหน ? อนุญาตให้ตั้งมุ้งเล็กข้างในมุ้งใหญ่ได้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2015 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-10-2015, 12:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทางวัดไม่ได้ออกวัตถุมงคลในพิธีนี้ เนื่องจากว่าออกไปเยอะจนญาติโยมร้องกันเอ็ดตะโรแล้ว จึงไม่ได้จัดพุทธาภิเษกอย่างเป็นทางการ แต่ขอให้ทุกท่านทราบว่า ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ดี หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงก็ดี การเป่ายันต์เกราะเพชรถือว่าเป็นการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไปในตัวอยู่แล้ว ดังนั้น..ถ้ามีท่านใดนำวัตถุมงคลมา ก็ให้ถือตามแบบอย่างของหลวงปู่หลวงพ่อ ก็คือถึงเวลาก็นำเอาห่อผ้าขาวซึ่งบรรจุวัตถุมงคลของเราวางบนตัก อาราธนาขอบารมีพระที่สงเคราะห์ในการเป่ายันต์เกราะเพชร ให้พุทธาภิเษกวัตถุมงคลของเราไปด้วย

ถึงแม้ว่าทางวัดไม่ได้ออกวัตถุมงคลในรุ่นนี้ แต่ทางด้านหลวงพ่อนิล จาก อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร ท่านทำวัตถุมงคลรูปหลวงปู่ใหญ่โลกอุดรนำมาเข้าพิธี และ ชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต โดย คุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ขอนำวัตถุมงคลมาเข้าพิธีด้วย แล้วของทางวัดอาตมาก็มีเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ซึ่งจะเอาไว้แจกในงานฉลองพระอุปัชฌาย์ปีหน้า ได้เข้าพิธีเสาร์ห้ามา ๑ ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ และจะมีครั้งที่ ๓ ครั้งหน้า คาดว่าคงจะพุทธาภิเษกสัก ๓ เสาร์ห้าแล้วจึงจะปล่อยให้บูชากัน

เมื่อถึงเวลาปีหน้า ถ้าใครมางานฉลองพระอุปัชฌาย์ของอาตมา ก็จะมีวัตถุมงคลคือเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ซึ่งถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพุทธาภิเษกไปรอบหนึ่งแล้ว เพราะแอบทำเงียบ ๆ เนื่องจากระยะหลังนี้มีผู้ที่หากินกับวัดท่าขนุนโดยตรง ออกวัตถุมงคลเลียนแบบกันมาก สร้างความสับสนให้แก่ญาติโยมภายในเว็บ อาตมาจึงต้องแอบทำเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่ารูปแบบหน้าตาเป็นอย่างไร จนกว่าวันที่วัตถุมงคลออกจำหน่าย เพราะจนป่านนี้อาตมาก็ยังไม่ได้เปิดลังดู ไม่ต้องถามอาตมาด้วยว่าวัตถุมงคลหน้าตาเป็นอย่างไร ขนาดลังยังไม่ได้เปิด คาดว่าเสกสัก ๓ เสาร์ห้า ลังน่าจะขลังกว่าวัตถุมงคลอื่น ๆ ถึงเวลาเราก็เอาลังไปเลี่ยมห้อยคอได้...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2015 เมื่อ 19:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-10-2015, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(คณะศิษย์ครูบาหน่อแก้วฟ้านำพระพุทธรูปมาถวาย) สาธุ...เขาเรียกว่าพระนิรันตราย เป็นพระที่สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับมาจากกำนันอินทร์ บ้านศรีมหาโพธิ์ ซึ่งขุดพบพระพุทธรูปทองคำ แล้วได้นำไปมอบให้พระเกรียงไกรกระบวนยุทธ์ ปลัดเมือง เพราะเห็นว่าเป็นทองคำ เกินบุญเกินบารมีตนเอง คุณพระท่านจึงนำมาถวายในหลวงรัชกาลที่ ๔ ซึ่งอัญเชิญไปตั้งเอาไว้ในหอพระเสถียรธรรมปริตร ปรากฏว่าขโมยขึ้นหอพระ ขโมยข้าวของไปหลายอย่าง รวมทั้งพระกริ่งทองคำองค์น้อยด้วย แต่ไม่สนใจพระพุทธรูปทองคำองค์นี้เลย

ในหลวงรัชกาลที่ ๔ เห็นอัศจรรย์ในพุทธานุภาพว่า แม้ตอนไถขึ้นมาจากดินก็รอดปลอดภัยมา จนกระทั่งนำมาส่งให้แก่ปลัดเมือง ซึ่งคุณพระปลัดเมืองก็ไม่ได้เอาไว้เป็นสมบัติของตน ยังเอามาถวายต่อพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อขโมยมาลักขโมยสิ่งต่าง ๆ ก็ยังงดเว้นพระพุทธรูปทองคำองค์ พระองค์ท่านจึงพระราชทานชื่อว่าพระพุทธนิรันตราย แล้วโปรดให้สร้างองค์จำลองพร้อมฐานและพระรัศมีครอบองค์จริงเอาไว้ทางด้านใน

ขอโมทนากับคณะศิษย์ของครูบาหน่อแก้วฟ้า โชติปญฺโญ สำนักสงฆ์ลานธรรมอรหันตา อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ที่ถวายพระพุทธนิรันตรายเป็นประธานกฐินพร้อมกับผ้าไตรกฐินในครั้งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2015 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-10-2015, 14:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เอกลักษณ์ ปญฺญาคโม วัดปากน้ำโจ้โล้ จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็เดินทางมาร่วมงาน วันที่ ๒๒ นี้ที่วัดท่านมีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล เวลา ๔ โมงเย็น อาตมาได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมงาน

ท่านใดที่ว่างเว้นจากภารกิจ อยากจะไปร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หรือว่าจะไปดูหมอกับพระอาจารย์เอกลักษณ์ สามารถเดินทางไปได้ที่วัดปากน้ำโจ้โล้ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา อาตมาน่าจะไปถึงนั่นประมาณหลังเที่ยงนิดหน่อย ยกเว้นว่าเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ขึ้นมาอาจจะไปช้า แต่อาตมาไปไหนไม่ค่อยมีอุบัติเหตุ มีทีไรก็คนอื่นเดือดร้อนแทนทุกที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2015 เมื่อ 19:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 19-10-2015, 15:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การบวงสรวงครั้งนี้เป็นการไหว้ครูประจำปีตามสายกรรมฐานของเรา ตั้งแต่ที่อาตมาพอจะสืบความได้ ยุคหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ดี ยุคหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงก็ดี ท่านใช้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเป็นวันไหว้ครูตามสายกรรมฐาน ถ้าหากวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำติดภารกิจใด ๆ ก็ตาม ให้ไหว้ครูในวันวิสาขบูชา ถ้าวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำและวันวิสาขบูชาติดภารกิจ ให้จัดงานไหว้ครูในวันมาฆบูชา นอกเหนือจาก ๓ วันนี้แล้ว ห้ามทำการไหว้ครูในวันอื่น ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2015 เมื่อ 19:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 20-10-2015, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ใครที่เขียนหน้าซองฝากเงินไปทำบุญวัดอื่นมารับคืนไปด้วย อาตมาไม่ได้มีเวลาว่างวิ่งไปทำให้ ไม่ใช่เขียนใส่ซองมาแล้วก็สบายใจ สร้างความลำบากให้กับพระ กลายเป็นใช้พระ เผลอเมื่อไรก็ไปเกิดเป็นทาสเขา ๕๐๐ ชาติ เขียนไปเรื่อยเปื่อย อาตมาจะหล่อพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๑๖ นิ้ว ดันเขียนมาได้ว่าหล่อพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ ศอก..! อาตมาก็เลยสรรเสริญเจริญพรให้ว่า โคตรแม่มึงไปทำคนเดียวเถอะ...! พระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ ศอกต้องอาศัยภูเขาทองทั้งลูก

เรื่องของปัจจัยไทยธรรมที่ถวายมา เป็นเรื่องที่พระจำเป็นจะต้องทำไปตามเจตนาของญาติโยม ดังนั้น..อย่าได้ทำอะไรพิลึกพิลั่นพิสดารเกินไป ถ้ารักจะร่วมบุญก็ศึกษาให้ดี ว่าวัดนั้น ๆ เขาทำบุญอะไรบ้าง ไม่ใช่ถึงเวลาก็เขียนมาส่งเดช ทำบุญกับวัดอื่นแต่มาฝากผ่านเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ไม่ใช่อาตมาไม่ยินดีจะช่วยแต่ไม่มีเวลาที่จะช่วย เนื่องเพราะว่าภารกิจท่วมหัวอยู่แล้ว ทั้งหน้าที่การงานในตำแหน่งเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ทั้งหน้าที่การงานในตำแหน่งเจ้าอาวาส ทั้งหน้าที่การงานในตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย แล้วไหนยังต้องรับกิจนิมนต์ เป็นงานที่มากกว่าท่านทั้งหลายได้เห็นหลายเท่านัก ต้องบอกว่าประมาณเดือนหนึ่งที่ผ่านมานี้ อาตมายังไม่มีเวลาหยุดแม้แต่วันเดียว แล้วญาติโยมก็ยังสบายใจ เขียนใส่ซองมาฝากให้ทำบุญวัดนั้นวัดนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 11:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 20-10-2015, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีบางคนบอกว่าวัดท่าขนุนทำงานเหมือนกับเนรมิต ก็ต้องว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนบารมีหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ท่านเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ เห็นว่าลูกหลานสร้างคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาจริง ๆ จึงช่วยให้งานทุกอย่างมีความคล่องตัว

พระภิกษุสามเณรท่านใด ถ้าคิดว่าภายภาคหน้าทำงานแล้วต้องการให้มีความคล่องตัวในลักษณะนี้ ก็ให้ตั้งใจทำถวายไว้ในพระพุทธศาสนา อย่าทำเพื่อตนเอง แล้วทุกอย่างจะไหลมาเทมาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 15:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 20-10-2015, 11:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การไหว้ครูก็คือการกตเวที แสดงออกซึ่งการรู้คุณและทำการตอบแทนต่อครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาการต่าง ๆ ให้แก่เรามา ดังนั้น..การไหว้ครูจะว่าไปแล้วเป็นงานที่สำคัญที่สุดของแต่ละบุคคลในแต่ละสายวิชาการ สมัยโบราณนั้น “ครู” แทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เพราะว่าครูเป็นบุคคลที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เรามีศิลปวิทยาในการรักษาตน ในการรักษาครอบครัว ในการรักษาประเทศชาติ ตลอดจนกระทั่งในการทำมาหากิน

ในสมัยหลัง ๆ ญาติโยมส่วนหนึ่งรู้สึกว่าจืดจางห่างหายจากคำว่าครูไปมาก ต้องเรียกว่าเป็นศิษย์ไม่มีครู เหตุที่เป็นศิษย์ไม่มีครูเพราะไม่ได้ยึดถือครูเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง วิชาการต่าง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะศึกษาร่ำเรียนให้รู้จริง สักแต่ว่าเรียนเพื่อให้ผ่านไปเฉย ๆ เรียนเพื่อให้ได้วุฒิบัตร
ประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตรเท่านั้น ถ้าในลักษณะอย่างนั้นก็แปลว่าท่านยังหาครูที่แท้จริงไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 15:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 20-10-2015, 12:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปีหน้าของเราเศรษฐกิจค่อนข้างจะฝืดเคือง โดยเฉพาะมีภัยแล้งคอยซ้ำเติมด้วย ญาติโยมทั้งหลายควรที่จะภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ ถ้าจะให้ดีก็ภาวนาเป็นพระกรรมฐานไปเลย จะเอาสักครั้งละชั่วโมงก็ได้ หรือไม่ก็กำหนดไปเลยว่าภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ ภาวนาไปเรื่อย ๆ ผลจะเกิดอย่างไรก็ช่าง ถ้าหากว่าท่านทำกำลังใจอย่างนี้ได้ ก็จะมีความคล่องตัวมากกว่าคนอื่นเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 20-10-2015, 18:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ใครบอกว่าระยะนี้ไสยศาสตร์ระบาด เดินเข้ามาวัดท่าขนุนก็ไม่เห็นจะเหลือติดตัวมาสักเท่าไรเลย ...(หัวเราะ)... คืออาตมาขอบารมีท้าวมหาราชพร้อมด้วยอินทกะและบริวารให้สงเคราะห์ ส่วนใหญ่แล้วไสยศาสตร์ ถ้าเข้ามาในขอบเขตบริเวณวัด ก็มักจะเสื่อมสลายสิ้นอำนาจไปเลย ยกเว้นว่าเป็นสิ่งที่กินเข้าไปกลายเป็นเลือดเนื้อร่างกายของเราอย่างหนึ่ง และก็เป็นลักษณะของคุณผีคุณคน ไม่ใช่บรรดาไสยเวทอาคมหรือวัตถุอาถรรพ์ ก็จะเหลือนิดเหลือหน่อย สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง พอถึงเวลาเป่ายันต์ฯ ก็จะขอบารมีท้าวมหาราชท่านช่วยจัดการให้

เพราะฉะนั้น..เวลาญาติโยมรับยันต์ ถ้าอยู่ ๆ คนข้าง ๆ ร้องโวยวายเสียงดัง หรือไม่อยู่ ๆ
ก็หกคะเมนตีลังกาเต้นขึ้นมา ก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ปล่อยเขาเต้นไป เดี๋ยวท้าวมหาราชท่านก็จัดการให้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 21:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 20-10-2015, 18:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธูปเทียนที่ใช้ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรอย่าทิ้ง เท่ากับเป็นวัตถุมงคลอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะที่ผ่าน ๆ มามีอานุภาพเหมือนกับมีดหมอ ถ้าผีเจ้าเข้าสิงที่ใด ใช้ธูปหรือเทียนอาราธนาจี้ลงไปผีจะออกทันที แต่อาตมาไม่ได้ใช้แบบนั้น สมัยฆราวาส ถึงเวลาจำเป็นอะไรขึ้นมา อาตมาจะใช้ธูปเทียนที่รับยันต์เกราะเพชรนี่จุดอธิษฐานขอ แหม...รู้สึกว่าขลังมาก ต้องการจะให้ท่านช่วยเรื่องใด รู้สึกว่าจะติดต่อได้ดีเหลือเกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 21:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 20-10-2015, 19:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปีหน้าจะมีการบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ๒ ครั้งด้วยกัน ซึ่งแปลว่าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยจะดี ปีนี้เราก็สูญเสียพระเถระซึ่งเป็นที่เคารพนับถือไปหลายรูปด้วยกัน ล่าสุดก็คือหลวงปู่พระมหาผ่อง ประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งประเทศลาว หรือถ้าเปรียบเทียบกับประเทศไทยก็คือสมเด็จพระสังฆราชนั่นเอง

หลวงปู่พระมหาผ่องท่านมีวิสัยทัศน์ว่า การที่พระภิกษุสงฆ์สามเณรรับสมณศักดิ์ หรือยศตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม มีแต่จะเพิ่มกิเลสมากกว่าลดกิเลส ดังนั้น..ท่านถึงได้ตัดสินใจยกเลิกสมณศักดิ์ของคณะสงฆ์ลาวทั้งประเทศ และยุบธรรมยุตมหานิกายลงรวมกันเป็นคณะสงฆ์ลาว เมื่อเป็นเช่นนั้นพระสงฆ์ลาวก็เลยไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง นอกจากเคารพกันตามอายุกาลพรรษา ยกเว้นองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งประเทศลาว ซึ่งต้องมีปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศ ก็จะมีประธานองค์การซึ่งถ้าเปรียบไปแล้วก็คือสมเด็จพระสังฆราชของประเทศลาวนั่นเอง

หลวงปู่พระมหาผ่องเป็นคนไทย เกิดที่อุบลราชธานี มาเรียนบาลีอยู่ที่วัดชนะสงคราม ๑๐ ปี จนได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค เป็นครูสอนบาลีอยู่อีก ๖ ปี ถึงได้ข้ามไปที่ประเทศลาว จนกระทั่งไปดำเนินการปฏิรูปพระพุทธศาสนาในประเทศลาว ยกเลิกตำแหน่ง สมณศักดิ์ ตลอดจนกระทั่งนิกายจนหมด หลวงปู่ท่านมรณภาพเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยอายุ ๑๐๑ ปี พรรษา ๘๑ ก็ต้องบอกว่าเป็นพระมหาเถระที่มีอายุกาลเกินร้อยอีกรูปหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเพชรเม็ดงามในพระบวรพุทธศาสนาของทั้งประเทศไทยและประเทศลาว ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่งที่ท่านถึงแก่กาลมรณภาพลงไป ขณะเดียวกันครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับดับขันธ์ก็มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามอายุกาลผ่านวัยที่สูงขึ้น

อาตมาเองก็ใกล้ ๖๐ ปีไปทุกขณะแล้ว สิ่งที่ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมกันทำบุญมา อาตมาก็นำมาสร้างเสริมเป็นถาวรวัตถุในพุทธศาสนาบ้าง ช่วยเหลืองานการพุทธศาสนาในวัดอื่น ๆ บ้าง ช่วยเหลือด้านการศึกษาคณะสงฆ์บ้าง ช่วยในการศึกษาของเด็ก ๆ บ้าง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นผลานิสงส์ที่ย้อนกลับไปสู่ญาติโยมทั้งหลายที่ได้ร่วมบุญกันมา แม้ว่าท่านทั้งหลายประสงค์จำนงหมายสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมวินัย และไม่เกินวิสัยที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว ความปรารถนาของท่านทั้งหลายก็คงจะสำเร็จสัมฤทธิ์ผลสมดั่งมโนรถทุกประการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 21:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 21-10-2015, 16:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมทั้งหลาย วันนี้ท่านทั้งหลายตั้งใจมารับยันต์เกราะเพชร โปรดทราบว่า ยันต์เกราะเพชรนั้นคือบารมีของพระพุทธเจ้า การเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นวิชาการความรู้ที่มีมาในตำราพระร่วง สืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ในสมัยกรุงสุโขทัยใช้ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงนำทัพ อานุภาพของธงมหาพิชัยสงครามท่านกล่าวไว้ว่า “แม้แต่ถือด้ามธงเปล่า ๆ เข้าป่าไปก็ไม่มีวันอดตาย” ไม่ทราบเหมือนกันว่ากินด้ามธงแทนอาหารได้หรือเปล่า ?

ยันต์เกราะเพชรนั้น ก็คือ บทอิติปิ โสฯ ที่อยู่บริเวณคอธงมหาพิชัยสงคราม โบราณาจารย์ท่านนำมาเขียนลงลักษณะเดียวกับตัวหนังสือจีน แบ่งออกเป็น ๗ บท ๘ แถว ครบทั้ง ๕๖ อักขระพุทธคุณพอดี แล้วทำการชักสูตร สำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร

การที่จะทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรได้ จะต้องเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น วันอื่นไม่สามารถที่จะเป่ายันต์เกราะเพชรได้ ถ้าญาติโยมได้ยินที่ไหนเป่ายันต์เกราะเพชรวันเสาร์-อาทิตย์บ้าง วันพฤหัสบดีบ้าง หรือเป่าทุกวันที่ญาติโยมไปหาบ้าง ขอให้รู้ว่าไม่ใช่ศิษย์สายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค แม้ว่าจะแอบอ้างอย่างไรก็ตาม ขอให้โยมโปรดทราบว่า หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มรณภาพไปในปี ๒๔๘๑ ท่านใดที่บอกว่าเรียนวิชากับหลวงปู่ปานมา เราต้องดูว่าเขาอายุเท่าไร ?

ตั้งแต่หลวงปู่ปานมรณภาพมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา ๗๘ ปีเต็ม ๆ แล้ว ถ้าบุคคลคนนั้นอายุ ๗๘ ปี แปลว่าต้องฝึกวิชาจากหลวงปู่ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ปัจจุบันนี้มีการแอบอ้างหลวงปู่ปานกันเยอะมาก ทำให้ญาติโยมที่ไม่รู้ความจริงหรือว่าลืมฉุกใจคิด หลงเชื่อไปรับยันต์เกราะเพชร ซึ่งอยู่ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักวิชาการที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา ซึ่งอาตมาก็ไม่แน่ใจว่ารับไปแล้วจะมีผลจริงหรือไม่?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2015 เมื่อ 17:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 21-10-2015, 16:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การเป่ายันต์เกราะเพชรไม่ใช่เป่าทีละคน แต่เป็นการอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ช่วยสงเคราะห์ จึงเป่ากันทีละศาลา..! สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จัดงาน เรือแพหน้าวัดแน่นจนกระทั่งเดินข้ามแม่น้ำได้

สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งแรก วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๕ ศาลาพระพินิจอักษร ต้องใช้ในการเป่ายันต์เกราะเพชรถึง ๖ รอบ พอมาปี ๒๕๒๖ วันที่ ๑๓ สิงหาคม จัดเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศาลา ๒ ไร่ ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ ปรากฏว่าคนแน่นพอ ๆ กับศาลาหลังนี้ พอเป่ายันต์ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ศาลา ๒ ไร่พัง..! ญาติโยมเบียดเสียดเยียดยัดกันเข้าไปจนประตูยืดหลุดปลิวกระเด็นไปทั้งชุดเลย..! หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจึงต้องขยายเป็นศาลา ๔ ไร่ ศาลา ๖ ไร่ และศาลา ๑๒ ไร่ แต่ก็ยังไม่พอใช้งาน ขนาดศาลากว้าง ๑๒ ไร่ต้องเป่ายันต์ประมาณ ๒ รอบคนถึงจะบางลง

อานุภาพของยันต์เกราะเพชรนั้น ผู้รับยันต์ไปแล้วถ้ารักษาเอาไว้ได้ ข้อที่ ๑ จะไม่ตายโหง แปลว่าการตายด้วยอุบัติเหตุอันตรายผิดปกติใด ๆ จะไม่เกิดขึ้น เกิดอุบัติเหตุหนักเท่าไรก็ตาม รับประกันว่ารักษารอดได้แน่นอน ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือโยมแม่ของอาตมาเอง โดนราชรถ ๑๐ ล้อมาเกย กระดูกด้านขวาของร่างกายตั้งแต่กรามลงไปถึงข้อเท้าหักหมดทุกชิ้น รักษาตัวอยู่ ๓ ปีก็กลับคืนดีมาเหมือนเดิม ตอนแรกที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ๑๐ กว่าวัน อาตมาไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนท่านว่าแม่โดนรถชน นอนอยู่ไอซียูมา ๑๘ วันแล้ว ผมขอถวายสังฆทานให้แม่ครับ หลวงพ่อถามว่า "แม่เคยรับยันต์เกราะเพชรไปหรือเปล่า ?" กราบเรียนหลวงพ่อท่านว่า "เคยรับไปครับ" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่ตายแน่นอน" และก็เป็นความจริงตามนั้น คือบุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปจะไม่ตายโหง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2015 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 21-10-2015, 16:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการที่ ๒ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษทั้งหลาย เรื่องนี้อาตมาทดสอบมาด้วยตนเองทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจตนา ก็คือโดนงูกะปะกัดเข้าที่ชีพจรข้อมือพอดี อาตมาก็ไม่ได้รักษาอะไรมากมาย นอกจากล้างทำความสะอาด เอายาเบตาดีนเทใส่แผล เช็ดแห้งแล้วก็ปิดด้วยพลาสเตอร์ เล่นเอาลูกศิษย์ที่มาจากปักษ์ใต้เครียดจนหัวล้านไปเลย..! บอกว่าเขาอยู่สวนยาง ไอ้งูกะปะนี่กัดใครก็ตาม จะเน่าหลุดเป็นชิ้น ๆ ท้ายสุดก็ตาย แต่ปรากฏว่าอาจารย์เล็กยังสบายดีจนทุกวันนี้ และทุกวันนี้ก็ยังจับงูทุกชนิดเล่นเป็นปกติ

โดยเฉพาะงูจงอางของวัดท่าขนุน ๒ ตัว ถึงเวลาเลื้อยข้ามถนน หัวพ้นถนนไปแล้วหางยังไม่ขึ้นมาเลย ถ้าหากว่าค่ำ ๆ เวลาทุ่มครึ่งสองทุ่มมักจะขึ้นมาโชว์ตัวเพราะว่าต้องออกไปหากิน จะไม่บอกว่าอยู่บริเวณไหน ถึงเวลาโยมเจอจะได้จับเล่นบ้าง...!

ประการที่ ๓ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ จะไม่เป็นอันตรายจากไสยศาสตร์ ใครตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่มียันต์เกราะเพชรอยู่และอาราธนาทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไปหมด เขาตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่เราแรงขนาดไหน เขาก็จะรับคืนไปแรงเท่านั้น

เรื่องนี้รุ่นพี่ของอาตมาก็คือพี่สามารถ ปัจจุบันสึกไปแล้ว อดีตก็คือพระสามารถ ฐานิสฺสโร ถ้าหากว่าไม่รู้จักก็ต้องบอกว่า ท่านเป็นคนออกแบบมณฑปที่ตั้งสังขารหลวงพ่อวัดท่าซุงและปราสาททองคำ ถ้าไม่รู้ก็โปรดรับทราบเอาไว้ว่า นั่นเป็นฝีมือของพี่สามารถ ท่านไปที่ถ้ำตับเต่าในลักษณะของการธุดงค์ ไปเจอเจ้าถิ่นซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าร้อนวิชาท่าไหน เห็นพี่สามารถธุดงค์มาก็ทำไสยศาสตร์ใส่ พี่เขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น ถึงเวลาก็สวดมนต์ไหว้พระ เจริญกรรมฐานตามปกติ ครูบาอาจารย์บอกว่าให้ปลุกยันต์เกราะเพชรไว้ทุกวัน ท่านก็ปลุกตามปกติ

รุ่งเช้าก่อนออกบิณฑบาตปรากฏว่าพระเจ้าถิ่นวิ่งออกมาบอกว่า “ท่าน..พอเถอะ ๆ ผมไม่สู้แล้ว” พี่สามารถก็งง ๆ ว่า "เต็มเต็งหรือเปล่าวะ ?" ปรากฏว่าตอนสายออกไปบิณฑบาต เจอพระรูปนั้นแก้ผ้าเดินอยู่ในตลาด พี่สามารถก็นึกขึ้นมาได้ว่า ดูท่ามันเล่นเราแน่ ๆ แต่ปรากฏว่ามียันต์เกราะเพชรคุ้มครองอยู่ ก็เลยสะท้อนกลับ ตัวท่านโดนในสิ่งที่ท่านทำเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2015 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 21-10-2015, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านใดก็ตามถ้าทำไสยศาสตร์ใส่คนที่มียันต์เกราะเพชร โดนอำนาจของยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับไปจนกระทั่งเดือดร้อนเอง วิธีแก้ง่ายที่สุด ก็คือ ตั้งใจกราบขอขมาพระรัตนตรัยและเลิกละวิชาการนั้นเสีย ท่านก็จะหายเป็นปกติ แต่ถ้าหากว่าไม่ยอมขอขมาพระรัตนตรัย ท่านทำเขาหนักแค่ไหน ตัวท่านก็โดนหนักแค่นั้น ชาตินี้ไม่ต้องหวังว่าจะหายกัน

อาตมาย้ำหลายครั้งว่า ถ้ารักษายันต์เกราะเพชรได้จะมีอานุภาพอย่างที่ว่ามา แต่ว่ารักษาอย่างไร ก็คือท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ข้อที่ ๑ ก็คือห้ามลักขโมย ข้อที่ ๒ ก็คือห้ามดื่มสุราเสพยาเสพติด อันนี้บุหรี่ยกให้อย่างหนึ่งนะ ยกเว้นว่ายาที่ผสมแอลกอฮอล์ตามสูตร กินเพื่อรักษาโรค อย่างพวกยาดองเหล้า แต่ว่ากินตามสูตรก็คือครั้งละไม่เกินครึ่งถ้วยตะไล ไม่ใช่กินเอาเมา ถ้าลักษณะอย่างนั้นยันต์เกราะเพชรยังอยู่

แต่ถ้าท่านกินเหล้าหรือลักขโมย ยันต์เกราะเพชรจะเสื่อมอานุภาพทันที โดยเฉพาะท่านที่กินเหล้าเข้าไป ต่อให้เป็นอาหารที่ผสมเหล้าก็ตาม จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังเดี๋ยวนั้นเลย บางท่านความรู้สึกดี ๆ รู้สึกว่ายันต์เกราะเพชรระเบิดออกจากตัวไปเลย ก็ขอให้รู้ว่ายันต์เกราะเพชรไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว

การรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือ เว้นจากการลักขโมยและเว้นจากการดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดแล้ว ยังต้องอาราธนาไว้ทุกวัน เช้า ๆ ขึ้นมาก็ตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะรักษาตัวท่านได้ทั้งวัน ในลักษณะของการที่ท่านรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้นั้น ถ้าเผลอไปกินอาหารที่มีสุราผสม ซึ่งระยะหลังนี้เยอะมาก ที่อาตมาเจอมามีทั้งช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี มีทั้งไอศกรีมรัมเรซิ่น มีทั้งเชอรี่แช่บรั่นดีประดับหน้าเค้ก โอ๊ย..ฟังแล้วเครียด ที่หนักกว่านั้นก็คืออาหารจีนและอาหารญี่ปุ่นที่ผสมเหล้า โปรดระมัดระวังว่ายันต์เกราะเพชรไม่ชอบเหล้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2015 เมื่อ 17:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 22-10-2015, 11:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เคยมีคนมารับยันต์เกราะเพชรไปโดยที่มีลูกอยู่ในท้อง พอคลอดลูกออกมาลายพร้อยไปทั้งตัว แม่เห็นก็ตกใจ ลืมไปว่าตนเองเป่ายันต์เกราะเพชรมา ถามว่าจะทำอย่างไรดี ? หมอตำแยบอกว่าสบายมาก อมเหล้าพ่นพรวดเดียวหายเกลี้ยงเลย โห...ยาย ไม่ได้คิดเลยว่าเขาได้มาลำบากแค่ไหน

ท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นผู้หญิงและท้องครั้งแรกที่เขาเรียกว่าลูกคนหัวปี คือต้นปีหรือลูกคนแรก ไม่ใช่ลูกหัวปลี ไอ้นั่นเขาเอาไว้แกงเลียง..! โปรดรู้ว่าหัวปีก็คือต้นปี เพราะบางคนขยันมาก มีลูกหัวปีท้ายปี คือมกราคม-กุมภาพันธ์ไปคลอดเดือนตุลาคม พอพฤศจิกายน-ธันวาคมก็ท้องอีกแล้ว ถ้ามีลูกคนแรกอยู่ในท้องแล้วมารับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าคลอดออกมา
เป็นผู้ชายจะมียันต์ติดตัวมาด้วย บางคนก็เป็นรูปยันต์เกราะเพชรเลย บางคนก็เป็นจุด เป็นขีด มีอยู่รายหนึ่งเป็นรูปกงจักรติดตัวมาเลย แล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะหายเข้าไปในกระดูกภายใน ๗ วัน

ก็แปลว่าถ้าลูกเกิดมาลายเป็นตุ๊กแก แต่ภายใน ๗ วันค่อย ๆ หายไปก็เป็นยันต์เกราะเพชร จะไปรู้กันอีกทีว่ารักษายันต์ได้หรือไม่ได้ก็ตอนตายแล้วเผา จะมียันต์เกราะเพชรติดอยู่ที่กระดูก ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงหลายรายพอเผาแล้วเก็บกระดูก เห็นยันต์เกราะเพชรติดอยู่ที่กระดูกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพระภิกษุวัดท่าซุงรูปหนึ่งคือ หลวงปู่ทองเทศ ฐิตธมฺโม มรณภาพตอนอายุ ๑๐๓ ปี เผาเมรุลอยเก็บกระดูกง่ายมาก ปรากฏว่ามียันต์เกราะเพชรติดอยู่บนขม่อมชัดเจนมาก เสียดายว่าสมัยนั้นไม่มีสมาร์ทโฟน กล้องถ่ายรูปก็หายาก ไม่อย่างนั้นก็คงได้ถ่ายมาอวดชาวบ้านเขาได้

สำหรับลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายคนถัด ๆ ไป คลอดออกมาไม่มียันต์ติดตัวมาก็ไม่ต้องเสียใจ ท่านได้รับยันต์เช่นกัน แต่ว่าไปอยู่ที่กระดูก ไปพิสูจน์กันตอนตายแล้วเผา ว่าจะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูกจริงหรือไม่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่เกินวิสัยที่จะพิสูจน์ทราบได้ ถ้าอยากจะพิสูจน์ทราบว่าพระอาจารย์เล็กวัดท่าขนุนเป่ายันต์แล้วมีผลจริงหรือไม่ ? อาตมาจะไม่อ้างอิงของเดิม ๆ หลายรายที่ถ่ายรูปลูกตัวลายพร้อยมาให้ดู โดยเฉพาะแถวภูเก็ต มีอยู่ ๒-๓ รายด้วยกัน แต่จะบอกว่าปีหน้ามีเป่ายันต์ฯ ๒ ครั้ง ให้หาผัวให้ลูกสาวก่อน...! ถ้าหากว่าท้องก็รีบพามาเข้าพิธี คลอดออกมาคนแรกถ้าเป็นผู้ชายก็จะมียันต์ติดตัวให้เห็น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2015 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 22-10-2015, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้บอกแล้วว่าพิสูจน์ได้ ดังนั้น..ท่านทั้งหลายเมื่อถึงเวลา สามารถหาทางพิสูจน์คำของครูบาอาจารย์ว่าเป็นจริงตามที่ได้ว่าได้กล่าวมาแล้วหรือไม่

การรับยันต์ต้องมีวัสดุสำคัญ ก็คือ ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย ถ้าใครมีลูกอยู่ในท้อง ให้เตรียมเผื่อลูกด้วย ๑ ชุด ตอนรับยันต์เกราะเพชรให้เราพนมมือเอาไว้ โดยมีธูปเทียนอยู่ในมือ ตั้งใจมองภาพพระพุทธรูปหรือภาพยันต์เกราะเพชร นึกจำรูปนั้นได้แล้วหลับตาลง ภาวนาพุทโธ ๆ ไปเรื่อย เมื่อถึงเวลาถ้ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวของท่าน ก็จะเกิดอาการร้อนหู ร้อนหน้า ร้อนตัว บางคนก็หนักหัว หนักไหล่ บางคนก็เกิดอาการขนลุก น้ำตาไหล บางคนดิ้นเป็นเจ้าเข้าไปเลยก็มี

ถ้าอาการทั้งหลายเหล่านี้เกิดกับท่าน ขอให้เข้าใจว่าเป็นอาการที่ยันต์เกราะเพชรกำลังจับตัว บางคนกลับบ้านไปแล้วเป็นไข้ไป ๒-๓ วันโดยไม่มีสาเหตุ ก็เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นคนเชื่อยาก กำลังจิตต่อต้านเรื่องทั้งหลายเหล่านี้อยู่ ทำให้ยันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวได้ยาก

ถ้าหากว่ามีอาการเกิดขึ้นตามที่กล่าวมา อยู่ ๆ หนักหัว หนักไหล่ ร้อนวูบวาบไปหมด หรือขนลุกเป็นจังหวะ หรือบางท่านก็สั่นเลย ขอให้ทราบว่ายันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวท่านแล้ว บางท่านไม่มีอาการอะไรเลย ต้องถามว่าเคยรับยันต์ไปแล้วหรือยัง ? ถ้าเคยรับยันต์ไปแล้ว ครั้งหลังจะแทบไม่เกิดอาการขึ้นอีก ให้ท่านดีใจว่าท่านยังรักษายันต์เกราะเพชรได้อยู่ ยกเว้นว่าทำให้ยันต์เสื่อมไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นอาการก็จะเกิดขึ้นใหม่

เมื่อรับยันต์เกราะเพชรไปแล้วให้ปลุกทุกวันด้วยบท อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบท อธิษฐานขอให้คุ้มครองให้ความปลอดภัยแก่เราทุกวัน ถ้านึกอะไรไม่ออกให้นึกถึงพระประธานวัดท่าขนุนองค์ใหญ่คลุมตัวเราเอาไว้ ไปไหนมาไหนจะได้ปลอดภัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2015 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 22-10-2015, 11:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การรับยันต์เกราะเพชรหมายความว่าเราฝึกปฏิบัติในพุทธานุสติกรรมฐาน ก็คือ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เราฝึกในสังฆานุสติกรรมฐาน ก็คือ ระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ เราฝึกในสีลานุสติกรรมฐาน คือ อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๒ ข้อ และเรายังมีการเจริญภาวนาในระหว่างที่รับยันต์เกราะเพชรอีกด้วย แปลว่าเราสร้างบุญกุศลใหญ่ให้แก่ตัวเราเอง พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงถึงได้กล่าวว่า การรับยันต์เกราะเพชรเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาไปในตัว ก็คือเราสร้างบุญใหญ่ เมื่อเราสร้างบุญใหญ่ กรรมก็ตามไม่ทันชั่วคราว ยกเว้นว่าบุญขาดช่วงลง กรรมจึงจะตามทันอีกวาระหนึ่ง

ฉะนั้น..ในการรับยันต์เกราะเพชรของเรา จึงมีผลประโยชน์พลอยได้หลายประการด้วยกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดผลแก่ท่านเต็มที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความศรัทธาเลื่อมใส ถ้าหากว่าเลื่อมใสมาก ยันต์เกราะเพชรสามารถช่วยให้อยู่ยงคงกระพันได้ ถ้าหากว่าขาดความมั่นใจ ก็ช่วยให้ท่านไม่ให้ตายโหง ไม่ให้ตายด้วยสัตว์มีพิษ และไม่ให้ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ จะมากจะน้อยประโยชน์เหล่านี้ก็มีอยู่ ครูบาอาจารย์ท่านมอบวิชาการให้มา เมื่อถึงเวลาเราได้ของดีไปแล้ว ก็ต้องรู้จักระมัดระวังรักษา ปฏิบัติตนตามกฎตามกติกาที่ได้ว่ากล่าวเอาไว้ ท่านทั้งหลายจะได้อยู่รอดปลอดภัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2015 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว