กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-09-2011, 08:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default จิตติดท่องเที่ยว

จิตติดท่องเที่ยว

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีใจความสำคัญดังนี้

๑. “พวกเจ้าเห็นความประมาทของคนชอบท่องเที่ยวบ้างหรือไม่ ?” (รับว่าเห็นแล้ว)

๒. “นี่เป็นปกติวิสัยของบุคคลผู้ยังไม่เห็นทุกข์ แต่อย่าไปตำหนิกรรมของเขาเหล่านั้น เพราะในอดีตพวกเจ้าก็เป็นเช่นเขามาก่อน”

๓. “พวกเจ้าจักเห็นได้ว่า คนไปเที่ยวนี่ มีจิตจดจ่อเพลิดเพลินอยู่กับสถานที่อันตนติดใจอยู่ นั่นเป็นการวนเวียนอยู่ในโลกชัดเจนยิ่งขึ้น(หากเกิดตายในขณะนั้น จิตก็จะเกาะติดกับสถานที่ ที่จิตตนติดใจอยู่ หากตายก่อนอายุขัย ก็จะเป็นสัมภเวสีอยู่บริเวณนั้น หากบังเอิญจิตยังมีบุญ เกาะบุญก็ได้เป็นเทวดา-นางฟ้าเฝ้าสถานที่ ที่จิตติดใจอยู่ หากจิตเศร้าหมอง เป็นอารมณ์หลง ก็เป็นสัตว์เดรัจฉาน เฝ้าสถานที่นั้น ๆ)

๔. “เพราะฉะนั้น จงหมั่นตรวจสอบอารมณ์ของจิตตนเอง จักมีประโยชน์ดีกว่ามาก เพราะนั่นคือการปฏิบัติพระกรรมฐานซึ่งเขาทำกันที่จิต โดยไม่ติดบุคคล ไม่ติดสถานที่ ไม่ติดหรือเลือกกาลเวลา ทำได้ทุกอิริยาบถ ไม่ติดสมมุติทุกอย่างในโลก ให้ติดแค่พระธรรมซึ่งเที่ยงแล้ว ไม่เกิด-ไม่ดับอีก คนฉลาดเขาปฏิบัติกันอย่างนี้ เขาไม่ประมาทในความตาย ซึ่งเป็นนิพพานสมบัติ รู้ลม-รู้ตาย-รู้นิพพาน ซ้อมอารมณ์จิตของตนเข้าไว้ด้วยความไม่ประมาท คือ ซ้อมตายและพร้อมที่จะตายไว้เสมอ

๕. “ธรรมารมณ์ซึ่งจิตของเราเป็นผู้สร้างขึ้นแล้วส่งออก ก็เสมือนหนึ่งจิตโคจรออกไปท่องเที่ยวนั่นเอง ต้องหมั่นตรวจสอบจุดนี้ให้ดี ๆ หากคิดดี ๆ ก็มีสิทธิ์เข้าสู่พระนิพพานได้ไม่ยาก แต่หากคิดไม่ดีก็มีสิทธิ์ลงอเวจีได้ทุกราย เพราะความประมาทในความตายนั่นเอง”

๖. “ผู้ไม่ประมาทในความตาย เขาจักรีบเร่งตัดสังโยชน์ ๓ ข้อแรกให้ได้ก่อนกายจะพัง ข้อแรก คือ ไม่ประมาทในความตาย อย่างน้อยก็นึกถึงความตายไม่ต่ำกว่าวันละ ๗ หน ข้อสอง จิตเขามั่นคงอยู่กับพระรัตนตรัย มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรม มีพระอริยสงฆ์อยู่กับจิต แม้อันใดอันหนึ่งด้วยความไม่ประมาท จิตไม่เคยทิ้งพระ และมั่นคงอยู่กับพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ซึ่งสรุปแล้วก็คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา โดยจิตไม่สงสัยในพระธรรม ข้อสาม เขารักษาศีลจริงจัง ไม่รักษาศีลแบบหัวเต่า คือ ผลุบเข้าผลุบออก หรือทำตนเป็นคนตื่นข่าว ใครเขาว่าดีที่ไหนก็เฮไปที่นั่น ขาดปัญญา อย่างที่ท่านฤๅษีอุปมาอุปไมยว่า เหมือนควายตาบอด ถูกเขาจูงจมูกไปตามใจชอบ คนฉลาดเขาเพียรรักษาศีลจนกระทั่งศีลรักษาจิต เขาไม่ให้ผิดศีลอีก เป็นสีลานุสติ ศีลเข้าถึงใจ ศีลกลายเป็นสมาธิ ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องรักษาอีก สมาธิรักษาจิตเขาไม่ให้ทำผิดศีลอีกเป็นอัตโนมัติ หากปฏิบัติได้ครบ ๓ ข้อนี้ก็เป็นพระโสดาบัน ปิดอบายภูมิ ๔ ได้สนิท มั่นคงและถาวรตลอดกาล

๗. “ผู้ใดที่เป็นพระโสดาปัตติผลแล้ว จิตติดท่องเที่ยวก็จักเบาบาง หรือแม้จักยังมี ก็มีอย่างผู้ไม่ประมาทในความตาย เพราะผู้ที่ไม่ติดอะไร ๆ ทุกอย่างในโลกนั้น มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว