กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-09-2011, 09:19
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default การรักษาชีวิตไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งจำเป็น

การรักษาชีวิตไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งจำเป็น

เรื่องโดยย่อมีอยู่ว่า ในสมัยพระพุทธกัสสปมีพระ ๗ องค์ได้ตั้งสัจจะต่อกันว่า จะใช้วิริยะ ขันติและสัจจะบารมี บำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษฏ์ โดยใช้บันไดปีนขึ้นเขาชันเพื่อไปภาวนาอยู่ในถ้ำ เมื่อขึ้นไปได้แล้วก็ทำลายบันไดนั้นเสีย ทุกท่านอธิษฐานว่าหากไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ก็ขอตายอยู่บนนั้น (คล้าย ๆ กับสมเด็จองค์ปัจจุบันอธิษฐานจิตที่โคนต้นโพธิ์)

วันแรก พระ ๑ องค์ บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหาะไปบิณฑบาตนำอาหารมาเลี้ยงพระอีก ๖ องค์ แต่ทุกองค์ปฏิเสธอาหาร ยอมตายดีกว่าเสียสัจจะ

วันที่ ๒ พระอีก ๑ องค์ บรรลุเป็นพระอนาคามีผลพร้อมปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหาะไปบิณฑบาตนำอาหารมาเลี้ยงพระอีก ๕ องค์ ทุกองค์ก็ปฏิเสธแบบวันแรก

ในที่สุดอีก ๕ องค์ก็เสียชีวิตเพราะขาดอาหาร ไปเกิดยังเทวโลกและพรหมโลก

ในวันแรก พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านสอนธรรมะกับพระอีก ๖ องค์ มีความสำคัญดังนี้

๑. การฉันอาหาร จุดประสงค์ก็เพื่อยังอัตภาพร่างกายให้คงอยู่ จิตที่อาศัยร่างกายอยู่จะได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมให้บรรลุมรรคผลได้

๒. การบรรลุมรรคผลอยู่ที่จิต มิได้อยู่ที่กาย แต่ต้องอาศัยร่างกายเป็นฐานของการปฏิบัติธรรม

๓. การพ้นทุกข์นั้นต้องพ้นทุกข์ที่จิต ไม่ได้พ้นที่กาย จิตต้องพ้นทุกข์ให้ได้ก่อนที่กายจะพัง มิใช่ให้กายพังก่อนแล้วจิตจะพ้นทุกข์ได้ (คำแนะนำทั้ง ๓ ข้อนี้ เป็นคำสอนที่ปราศอุปาทาน เพราะท่านหมดกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรมแล้ว)

๔. การตายของกายไปแต่ละครั้ง ก็ไม่แน่ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะมีได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก การเกิดแต่ละครั้งก็แสนยาก ยิ่งได้มาเกิดพบพระพุทธเจ้า พบพระพุทธศาสนาก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก จึงไม่สมควรทำร้ายหรือเบียดเบียนร่างกายด้วยการอดอาหาร สู้รักษาชีวิตไว้ปฏิบัติธรรมดีกว่า

๕. ร่างกายเมื่อถึงเวลาของมัน มันก็ตายเองโดยเราไม่ต้องไปเบียดเบียนเขา กายเขาไม่มีทางรอดอยู่แล้ว ซึ่งที่เราจะต้องพยายามทำให้รอด ก็คือจิตและอารมณ์ของเราต่างหาก

๖. กายกับจิตต่างต้องอาศัยกันและกัน หากร่างกายดีก็ทำให้อารมณ์จิตดี หากร่างกายไม่ดีมีเวทนาสูง ก็ดึงให้อารมณ์จิตไม่ดีตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงต้องพยายามอย่าเบียดเบียนตนเอง (จิตตนเอง) และพยายามอย่าเบียดเบียนผู้อื่นด้วย (กายที่จิตอาศัยอยู่) จัดเป็นพรหมวิหาร ๔ ทั้ง ๔ ข้อ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-09-2011, 10:31
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อฤๅษี ท่านเมตตามาสอนว่า

๑. “พวกเอ็งอย่าไปตำหนิพระทั้ง ๕ องค์ ที่ไม่ยอมฉันอาหารว่าโง่ เพราะไม่รู้คุณค่าของชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในสมัยพุทธันดรนั้น เพราะพวกเอ็งยังโง่ยิ่งกว่าท่านทั้ง ๕ องค์ เพราะเวลานี้ท่านไปพระนิพพานกันแล้วเป็นส่วนใหญ่ แต่พวกเอ็งยังไม่ได้ไปนิพพานเลย

๒. “อนึ่ง สมัยนั้นเพราะกฎของกรรมบังคับ วาระบรรลุธรรมมันยังไม่ถึง ทำอย่างไร ๆ ก็บรรลุไม่ได้


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว