กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-07-2020, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เป็นการเปิดบ้านเติมบุญหลังจากที่ปิดมาประมาณ ๔ เดือน เนื่องจากว่าไม่ได้เปิดรับสังฆทานและสอนกรรมฐานมา ๓ เดือน นับวันสอนกรรมฐานหลังเดือนมีนาคม จนมาชนการสอนกรรมฐานเดือนกรกฎาคม ก็เป็นเวลา ๔ เดือนโดยประมาณ

เหตุที่เดือนนี้ล่าช้าจนกระทั่งมาถึงวันที่ ๑๐ ก็เพราะว่าอาทิตย์แรกนั้นติดวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา การที่ปิดบ้านเติมบุญไปหลายเดือน ก็เนื่องจากไวรัสโควิด-๑๙ แพร่ระบาด ทำให้บ้านเราติดเชื้อไป ๓,๐๐๐ กว่าราย และมีผู้เสียชีวิตไป ๕๘ ราย แต่เนื่องจากว่าพวกเราช่วยกันระมัดระวังป้องกัน เชื่อในสิ่งที่ทางราชการและทางการแพทย์แนะนำ จึงทำให้บ้านเราสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งสถาบันจอห์น ฮอปกินส์ ยกย่องให้ประเทศไทยมีการสาธารณสุขที่ดีที่สุดในโลก

ส่วนในเรื่องของญาติโยมที่ต้องไปทำบุญในวัดวาอารามตามเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ก็ดี ตามวันหยุดที่ตนมีก็ตาม ในช่วงระยะนั้นก็มีการปิดวัดไประยะหนึ่ง ในปัจจุบันนี้บุคคลที่เข้าวัดก็ต้องได้รับการคัดกรองเสียก่อน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดซ้ำสอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-07-2020, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ก็ทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่ง ซึ่งมีวิสัยในการทำบุญให้ทานเป็นประจำ เปลี่ยนไปทำบุญด้วยวิธีการโอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งหรือผ่านแอพพลิเคชั่น ผ่านคิวอาร์โค้ด แล้วรู้สึกว่าสะดวกสบายดี ก็ใช้วิธีทำบุญแบบนี้แทนการที่จะไปยังวัดท่าขนุนหรือบ้านเติมบุญแห่งนี้ ซึ่งในส่วนนี้มีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี

ส่วนที่ดีนั้นคือการทำบุญของเราง่าย สะดวก สบายขึ้น กำลังใจไม่ต้องเสียเพราะความเหน็ดเหนื่อยในการเดินทาง แต่ในส่วนที่ไม่ดีก็คือ ท่านทั้งหลายขาดการขวนขวายพยายาม ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งมั่นเดินทางไกลเพื่อไปให้ถึงวัดท่าขนุน หรือฝ่ารถติดมาให้ถึงบ้านเติมบุญแห่งนี้ ตัวความมุ่งมั่นทางใจนั้นก็คือบารมี ก็แปลว่าท่านทั้งหลายขาดการขัดเกลาฝึกฝนตนเอง เพื่อเพิ่มบารมีของเราให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

การที่ฝึกฝนขัดเกลาบารมีให้เข้มข้นยิ่งขึ้นนั้น ก็เพื่ออาศัยกำลังบารมีเหล่านี้ ในการที่จะนำพาตัวเราหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-07-2020, 21:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าบารมี ๑๐ ไม่เต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เราจะถึงพระนิพพานได้ตามที่ตั้งความปรารถนาเอาไว้ ดังนั้น..จะว่าไปแล้วการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ นั้น ถือว่าเป็นการวัดบุญวัดบารมีของคน ว่ากำลังใจหรือบารมีของเรานั้นอยู่ในระดับไหน อ่อนแอแพ้พ่ายกิเลส ท้อถอยหมดกำลังใจที่จะไปวัดหรือไปบ้านเติมบุญ หรือว่ามุ่งมั่นพากเพียรต้องไปให้ได้ แม้ว่ากฎเกณฑ์กติกาจะลำบากแค่ไหนก็ทนรับเอาไว้ ต้องเรียกว่าสถานการณ์แบบนี้เป็น "หินลองทอง" ก็คือทดสอบได้ว่าเราเป็นทองคำแท้ หรือว่าเป็นแค่ทองชุบ

ดังนั้น...ในส่วนของการให้ทาน ถ้าเราถือเอาความสะดวกสบาย โอนเงินผ่านแอพพลิเคชั่น ผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง หรือผ่านคิวอาร์โค้ดก็ตาม ก็อย่าทิ้งในเรื่องของสมาธิภาวนา เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็จะสูญเสียความมั่นคงความเข้มแข็งของกำลังใจไป เพราะว่าตัวสมาธิภาวนานั้น เป็นตัวเสริมสร้างความเข้มแข็งของกำลังใจได้ดีที่สุด ทำให้เรามีความมุ่งมั่นที่จะให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-07-2020, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เราจะเจริญภาวนาในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ซึ่งทุกคนก็ล้วนแต่ลำบากในการทำมาหากิน เดือดร้อนด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่รุมเร้าเข้ามา ก็อย่าได้ลืมที่อาตมาเคยบอกกล่าวเอาไว้ว่า ให้พวกเราภาวนาในพระคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ

พระคาถาเงินล้านนั้นเป็นทั้งพุทธานุสติ เป็นทั้งธัมมานุสติ เป็นทั้งสังฆานุสติ เป็นทั้งเทวดาตานุสติ เป็นทั้งสีลานุสติ ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น ? ก็เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า ประทานให้กับหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้านึกถึงตรงนี้จัดเป็นพุทธานุสติ ถ้าเราภาวนาเพื่อรักษาใจไม่ให้กิเลสกินได้ จัดเป็นธัมมานุสติ คือปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อหลวงพ่อวัดท่าซุงนำมาบอกกล่าว ถ้าเรารำลึกถึงหลวงพ่อท่านด้วยก็เป็นสังฆานุสติ การที่ได้รับอนุญาตให้ได้ใช้พระคาถาเงินล้านอย่างเต็มที่นั้น เป็นความเมตตาของท่านย่า ซึ่งท่านเป็นเทวดา ก็จัดเป็นเทวตานุสติ

ถ้ากล่าวว่าทำไมถึงเป็นสีลานุสติ ? ก็เพราะว่าศีลคือการที่ต้องบังคับตนให้อยู่ในกรอบ อยู่ในกฎเกณฑ์ของการปฏิบัติ อาตมาก็ขอให้โยมบังคับตนเอง ภาวนาให้ได้วันละ ๑๐๘ จบ ถ้ารู้สึกว่ามากเกินไป ยาวเกินไป ก็ซอยออกเป็นระยะเวลาที่เราสะดวก อย่างเช่นช่วงเช้า ๓๖ จบ กลางวัน ๓๖ จบ ตอนเย็น ๓๖ จบ เป็นต้น

ในเมื่อเราตีกรอบอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็เท่ากับว่า เราต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาที่เรากำหนดใจเอาไว้ ก็เทียบได้กับการรักษาศีลจึงเป็นสีลานุสติไปด้วย ถ้าหากเราจะทำให้ยิ่งมากกว่านั้น ก็ยกกำลังใจของเราขึ้นไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน หรือว่าไปกราบองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ไปสวดพระคาถาเงินล้านถวายบูชาต่อพระองค์ท่าน ถ้าอย่างนั้นเราก็จะได้อุปสมานุสติ ก็คือระลึกถึงพระนิพพานเพิ่มขึ้นมาอีกประการหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-07-2020, 22:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ในเรื่องของตัวบทพระคาถาต่าง ๆ นั้น สำคัญตรงที่ว่าเราทำเป็นหรือไม่ ? ถ้าทำเป็นก็จัดเป็นกองกรรมฐานใหญ่ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้อารมณ์การภาวนาของเราทรงตัวมั่นคง จะเอาถึงระดับฌานก็เป็นไปได้ไม่ยาก จะเอาทิพจักขุญาณก็แค่กำหนดใจ นึกถึงตัวพระคาถาขึ้นมาทีละคำ ๆ เวลาเราภาวนา เห็นพระคาถาชัดเจนเท่าไรก็เห็นผีเห็นเทวดาได้ชัดเจนเท่านั้น หรือจะเอาถึงระดับหลุดพ้น ก็ยกกำลังใจขึ้นไป ภาวนาถวายเป็นพุทธบูชาบนพระนิพพาน เป็นต้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงอยู่ที่พวกเราว่า จะมีเคล็ดลับวิธีการพลิกแพลงในการกระทำลักษณะอย่างไร ถ้าเราสามารถภาวนาได้ต่อเนื่อง จากที่อาตมาเคยทำมาด้วยตนเอง ก็คือ ประมาณสองเดือน ผลของพระคาถาก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

อย่างที่วันนี้มีพระภิกษุท่านมารายงานว่า ท่านทำพระคาถาแล้วได้ผลอย่างที่พระอาจารย์ คืออาตมาบอกไว้จริง ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ก็ยินดีกับท่านด้วย ว่าท่านสามารถก้าวล่วงวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในสิ่งที่ครูบาอาจารย์บอก แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำจนเกิดผล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-07-2020 เมื่อ 23:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-07-2020, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของพระคาถานั้นเป็นเรื่องของคนจริง กำลังใจจะต้องมุ่งมั่นทำจริงจังสม่ำเสมอ ถ้าขาดความจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว โอกาสที่จะใช้พระคาถาให้ได้ผล ก็จะเป็นไปโดยยาก

โดยเฉพาะถ้าต้องการให้ได้ผลเร็ว ก็อย่าลืมลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าให้ตัวพระคาถาไหลตามลมหายใจเข้าไปจนสุด หายใจออกให้ตัวพระคาถาไหลตามลมหายใจออกมาจนสุด ถ้าคำภาวนาหายไป หรือลมหายใจหายไป ก็อย่าได้ตกอกตกใจ เพราะว่าเป็นธรรมดาของระดับสมาธิจิต ยิ่งดิ่งลึกมากไปเท่าไร อาการรับรู้ภายนอกก็น้อยลงเท่านั้น ให้เราทำใจสบาย ๆ ว่าถึงตายลงไปตอนนี้ เรากำลังภาวนาอยู่เราก็ต้องไปดี

ลมหายใจเบาลงให้รู้ว่าลมหายใจเบาลง ลมหายใจหายไปให้รู้ว่าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไปให้รู้ว่าคำภาวนาหายไป เอากำลังใจจดจ่อแน่วนิ่งอยู่กับอารมณ์ใจเฉพาะหน้า ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายทรงสมาธิจิตให้ลึกยิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างที่ท่านต้องการ

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านบ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-07-2020 เมื่อ 23:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว