กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-08-2023, 20:56
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default เทศน์วันเข้าพรรษา วันพุธที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖

เทศน์วันเข้าพรรษา
วันพุธที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖



เชิญรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/live/R3GIkL6GXbQ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมีติ

ณ โอกาสบัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนาในวัสสกถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ของบรรดาทานิสราธนบดีทั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันเข้าพรรษา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันเข้าพรรษานั้นจัดว่าเป็นเทศกาลสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา แต่เดิมมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ได้บัญญัติให้พระภิกษุทั้งหลายจำพรรษาอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในช่วงฤดูฝน สาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้จาริกไปยังคามนิคมต่าง ๆ เพื่อโปรดหมู่พุทธบริษัท

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 03-08-2023 เมื่อ 05:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-08-2023, 21:00
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

แต่ว่าญาติโยมทั้งหลาย ในช่วงฤดูฝนนั้นสัตว์เล็กสัตว์น้อยมีอยู่เป็นจำนวนมากมาย เมื่อเดินทางไปก็ต้องเหยียบสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นตายลงไปบ้าง กลายเป็นที่ตำหนิติเตียนของศาสนิกชนศาสนาอื่น เนื่องเพราะว่าช่วงนั้นศาสนาที่เป็นคู่แข่งสำคัญของพระพุทธศาสนา คือ ศาสนาเชน ที่นักบวชของเขาบอกว่า ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้ว แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ต้องการ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็น 'นักบวชแก้ผ้า' มีความเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติเป็นอย่างมาก

เมื่อนักบวชจะเดินทาง ต้องมีบริวารคอยกวาดทางนำหน้าไป เพื่อไม่ให้นักบวชของตนนั้น ต้องเหยียบสัตว์เล็กสัตว์น้อยจนถึงแก่ความตาย ถือว่าเป็นการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่น แม้กระทั่งการหายใจ ก็ต้องใช้หน้ากากแบบที่เราใส่กันอยู่นี้ ขอให้รู้ว่าหน้ากากที่เราใส่กันเชื้อโรคนั้น ทางศาสนาเชนใส่มาหลายพันปีแล้ว โดยเฉพาะนักบวชของเขาถือว่า การหายใจนั้นอาจจะนำเอาจุลชีวะ ก็คือ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ประเภทเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย อาจจะทำให้เชื้อโรคทั้งหลายเหล่านั้นตายลง เป็นการเบียดเบียนชีวิตอื่น

ประกอบกับในช่วงฤดูฝนนั้น บรรดาญาติโยมทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบตกกล้าปลูกข้าวให้เสร็จทันก่อนสิ้นฤดูฝน เมื่อสาวกขององค์สมเด็จพระทศพลไปถึงเรือนชานบ้านช่อง โดยมารยาทแล้วเขาก็ต้องวางงานนาเพื่อที่จะมาต้อนรับ หาน้ำใช้น้ำฉันมาถวาย หาภัตตาหารมาถวาย เป็นการทำให้เขาเสียเวลาในการทำงานมาก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 03-08-2023 เมื่อ 05:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-08-2023, 21:07
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อคำตำหนิติเตียนเหล่านี้ มีไปถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ท่านจึงได้ทรงบัญญัติ ให้พระภิกษุสงฆ์อยู่ประจำที่ใดที่หนึ่งตลอด ๓ เดือนในฤดูฝน ซึ่งพวกเราเรียกกันง่าย ๆ ว่า 'อยู่จำพรรษา' คำว่า "พรรษา" เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า "วัสสา" ในภาษาบาลี ที่แปลว่า "ฤดูฝน" ก็คือ ๓ เดือนในช่วงฤดูฝนจะไม่จาริกไปไหน

ปรากฏว่าเมื่อมีการจำพรรษาขึ้นมาแล้ว ก็ทำให้สาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น เพราะว่าสมัยก่อนพระภิกษุสงฆ์จะจาริกไปทั่ว ไม่ได้อยู่ประจำที่ใดที่หนึ่ง เมื่อถึงเวลาอยากจะประกอบกองบุญการกุศลใด ๆ บางทีก็หาพระสงฆ์ไม่ได้ ในเมื่อมีพระจำพรรษาอยู่ประจำที่ ถึงเวลาจะประกอบกุศลบุญราศีใดก็ตาม สามารถที่จะนิมนต์พระมาดำเนินการได้เลย

แล้วในช่วงเข้าพรรษานั้น พระภิกษุผู้ยังใหม่อยู่ก็จะได้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ ศึกษาเล่าเรียนทั้งหลักการ วิธีการ และแนวทาง ในการที่จะสร้างเสริมกำลังใจของตน ให้สมกับเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกันผู้ที่สามารถศึกษาจนยืนหยัดได้มั่นคงแล้ว ก็ยังได้แนวทางขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วไปดำเนินการเผยแผ่ศาสนาต่อ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 03-08-2023 เมื่อ 05:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-08-2023, 21:08
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ซึ่งหลักการใหญ่นั้นก็คือ "การละเว้นจากการทำชั่วทั้งปวง การกระทำความดีให้ถึงพร้อม และการชำระใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส" โดยมีแนวทางว่า ต้องไม่ว่าร้ายใคร ต้องไม่ทำร้ายใคร สำรวมในศีลของเราไว้

หลักการนี้ที่มีมา ๒,๕๖๐ กว่าปีแล้ว ทำให้ศาสนาพุทธขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วนั้นได้รับการยอมรับทั่วไป แม้แต่สหประชาชาติก็ยอมรับว่า เป็น 'ศาสนาแห่งสันติภาพ' ไม่เคยก่อสงครามในการเผยแพร่ศาสนาเลย

ข้อต่อไปก็คือ ให้รู้จักนั่งนอนในที่อันสงัด ให้รู้จักประมาณในการกิน และให้รู้จักทำใจของตนให้สงบระงับจากกิเลส

หลักการเหล่านี้ พระภิกษุ..เมื่อศึกษาจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ในช่วงเข้าพรรษาแล้ว ก็จะได้นำไปใช้ในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 03-08-2023 เมื่อ 05:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-08-2023, 21:19
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ส่วนในสถานที่สำหรับจำพรรษานั้น ในก่อนหน้านี้ยังไม่มีวัดวาอารามเป็นหลักเป็นฐาน องค์สมเด็จพระภควันต์อนุญาตให้จำพรรษาในถ้ำบ้าง โคนไม้บ้าง บ้านร้างบ้าง ตลอดจนกระทั่งโพรงไม้ก็ได้ หรือว่าแม้แต่กองเกวียนที่เดินทางไปค้าขายต่างเมือง ก็สามารถอธิษฐานจำพรรษาได้

เนื่องเพราะว่า..พุทธศาสนิกชนที่เป็นพ่อค้านั้น เมื่อถึงเวลานำกองเกวียนไป สมมติว่า ๓๐๐ เล่มเกวียน อย่างน้อยก็ต้องมีคนคอยดูแลเกวียนดูแลสินค้า ๑ คนต่อ ๑ เล่มเกวียน มีคนคอยดูแลวัวที่เทียมเกวียน ๑ คน ถ้าหากว่า ๓๐๐ เล่มเกวียน ก็แปลว่า อย่างน้อยต้องมีบริวารติดตามไป ๖๐๐ คน

สาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านี้ เมื่อต้องการที่จะทำบุญทำกุศล ก็ไม่ทราบว่าจะไปหาพระที่ไหน เพราะว่าบางทีสถานที่ไปก็เป็นบ้านใหม่เมืองใหม่ไม่คุ้นเคย จึงได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ที่คุ้นเคยของตนติดไปกับกองเกวียนด้วย

บางทีการค้าขายนั้นก็ไปกันทีหลายเดือนหรือว่าเป็นปี แบบเดียวกับเส้นทางการค้าขายของประเทศจีนแห่งหนึ่ง ก็คือ จากเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ขึ้นไปยังกรุงลาซาของทิเบต เส้นทางนี้บรรดาพ่อค้าจากทิเบตนำสินค้าลงมาค้าขายที่เฉิงตู ใช้เวลาเดินทางมา ๖ เดือน แล้วหาซื้อสินค้าที่เมืองเฉิงตูขนกลับไปที่เมืองลาซา ใช้เวลาอีก ๖ เดือน

ก็แปลว่า..คาราวานสินค้าสมัยก่อนใช้การเดินทางหลายเดือนหรือว่าเป็นปี ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาจึงนิมนต์พระติดขบวนไปด้วย ในเมื่ออยู่ในช่วงเข้าพรรษา จึงอนุญาตให้สามารถที่จะจำพรรษาในกองเกวียนได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 02-08-2023, 21:32
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

และที่สะดวกยิ่งไปกว่านั้น การกำหนดเขตติจีวรวิปปวาส คือ เขตที่สามารถอยู่โดยปราศจากไตรจีวร

ซึ่งถ้าหากว่าเป็นวัดท่าขนุนของเรานั้น ทางด้านตะวันออก เรากำหนดเอาไว้ที่ขอบชายถนนหลวงสายทองผาภูมิ-สังขละบุรี ถ้าหากว่าทางด้านเหนือ ก็กำหนดเขตถนนเส้นที่เข้าบ้านวังท่าขนุนของเรา ทางด้านตะวันตกก็คือ ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยฝั่งวัด ทางด้านใต้ก็จะเป็นขอบลำรางสาธารณะที่เราข้ามไปบิณฑบาต ถ้าอยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมด ภิกษุสามารถที่จะอยู่โดยปราศจากไตรจีวรได้ เพราะถือว่าผ้าไม่ขาดครอง ยังอยู่ในเขตของตน

แต่อย่าลืมว่า แม้เรากำหนดสถานที่นี้แล้วยังรู้สึกว่ากว้างใหญ่เกินไป แต่ถ้าหากว่าภิกษุที่จำพรรษาในกองเกวียน องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดเอาไว้ว่า เขตที่อยู่โดยปราศจากไตรจีวร หรือเขตแห่งติจีวรวิปปวาสนั้น นับตั้งแต่หัวกองเกวียนถึงท้ายกองเกวียน ญาติโยมทั้งหลายลองคิดดูว่า ถ้าขบวนเกวียน ๓๐๐ เล่ม ๕๐๐ เล่ม หัวขบวนกับท้ายขบวนบางทียาวหลายกิโลเมตร ถือว่าเป็นการสะดวกสบายสำหรับพระภิกษุที่จำพรรษาในกองเกวียน

แต่ว่าสำหรับวัดท่าขนุนของเรา แม้ว่ากำหนดเขตติจีวรวิปปวาสเอาไว้ดังที่กล่าวมาแล้วก็ตาม ถือว่าเป็นเขตในการจำพรรษาเท่านั้น พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปต้องรักษาผ้าครอง ก็คือถึงเวลาแล้วต้องไม่ให้ผ้าพ้นตัวไป จึงได้ใช้ผ้าครองในการสวดมนต์ ทำวัตร และเจริญกรรมฐานในตอนเช้า เมื่อกลับไปถึงที่อยู่ของตนแล้ว ก็จะต้องไม่พ้นออกมาก่อนที่จะได้อรุณ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 02-08-2023, 21:41
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สมัยก่อนตลอดจนกระทั่งสมัยนี้ก็ตาม คนแขกขโมยเก่งมาก..! ท่านใดที่มีประสบการณ์ไปอินเดีย โดยเฉพาะนั่งรถไฟ ข้าวของอาจหายหมดตัว ไม่รู้ว่าหายตอนไหนด้วย ญาติโยมบางท่านไปถึงขนาดใช้โซ่ล่ามหมา ก็คือ โซ่เล็ก ๆ ที่บ้านเราปกติใช้จูงหมา ล่ามกระเป๋าเดินทางของตนเองติดข้อมือเอาไว้ ตื่นขึ้นมาเหลือโซ่แค่ครึ่งเส้นเท่านั้น กระเป๋าเดินทางหายไปแล้ว..!

องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็เกรงว่า พระสงฆ์สมัยนั้นหาผ้าได้ยาก ถ้าหากว่าโดนโจรขโมยผ้าไปก็ต้องลำบาก เพราะว่ามัวแต่เสาะหาอยู่ก็เสียเวลา จะไปขอจากญาติโยมตรง ๆ ก็เป็นการเบียดเบียนเขา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงกำหนดให้ พระภิกษุต้องอยู่โดยมีผ้าครองติดตัวเสมอ ก็คือ ห้ามอยู่โดยปราศจากไตรจีวร ยกเว้นว่าเจ็บไข้ได้ป่วย

ดังนั้น..สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครองจีวรติดตัวอยู่ โอกาสที่โจรจะมาขโมยไปซึ่งหน้าก็ไม่มี ยกเว้นว่าหลับขาดสติ ลอกจีวรจนหมดตัวก็ยังไม่รู้ตัว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะช่วยได้อย่างไร

แล้วยังมีการกำหนดให้ 'พินทุ' คือ ทำเครื่องหมายในจีวร เพราะว่าเมื่อเวลาโดนขโมยไปแล้ว บางทีโจรขโมยทั้งวัดเลย เมื่อพระเจ้าแผ่นดินส่งพลตระเวนไปจับโจรได้ ยึดผ้าคืนมา ไม่ทราบว่าผ้าผืนไหนเป็นของใคร เพราะว่าสับสนปนเปกันไปหมด องค์สมเด็จพระบรมสุคตจึงกำหนดให้ พระเวลาจะใช้ผ้าใหม่ต้องทำการพินทุ คือ ทำเครื่องหมายเอาไว้ ถ้าเป็นวงกลม อย่างน้อยก็ต้องเท่าแววหางนกยูง เพื่อที่จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตนเองทำเครื่องหมายไว้ตรงนี้ ผ้าผืนนี้นับว่าเป็นผ้าของเรา

กระผม/อาตมภาพเองไม่ค่อยได้ใช้วิธีนั้น เพราะส่วนใหญ่ก็เขียนชื่อหรือเขียนยันต์ติดลงไปเลย ถึงเวลาเขาเห็นก็จะได้รู้ว่าผ้าผืนนี้ไม่ใช่ของตนเอง เป็นต้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 03-08-2023 เมื่อ 05:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 02-08-2023, 21:50
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

สาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้เริ่มอยู่จำพรรษากันมาตั้งแต่ยุคนั้น แล้วในที่สุดมาถึงปัจจุบันของเรา มีวัดวาอารามเป็นที่เป็นทางแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ยังให้พระจำพรรษาอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าการจำพรรษานั้น ถ้ามีเหตุจำเป็น พระองค์ท่านอนุญาตให้เดินทางไปได้

ก็คือ..ถ้าพ่อป่วย แม่ป่วย อุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย ไปเพื่อรักษาพยาบาลได้ วัดพัง เช่น ต้นไม้ล้มทับลงมา หลังคาวัดพังกระจาย สมัยก่อนก็ต้องไปหาจาก หาเถาวัลย์ หาไม้มาซ่อมวัด องค์สมเด็จพระบรมทรงสวัสดิ์ก็อนุญาตให้ไปในพรรษาได้ หรือได้รับกิจนิมนต์ ไปเพื่อเจริญศรัทธาสามารถไปได้


แต่ว่าบางสิ่งบางอย่างนั้น องค์สมเด็จพระภควันไม่ได้กำหนดเอาไว้ อย่างเช่นว่า การไปเรียนหนังสือ วัดท่าขนุนของเรามีนิสิตของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีอยู่หลายรูป ถึงเวลาในพรรษาก็ต้องไปเรียนหนังสือ เมื่อพระองค์ท่านไม่ได้บัญญัติไว้ เราก็ต้องดูแนวทางของการตีความพระวินัยว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดหลักไว้ว่า "สิ่งใดไม่สมควร ถ้าพิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร"

การไปเรียนหนังสือไม่ได้กำหนดเอาไว้ แต่ว่าการเรียนในวิทยาลัยสงฆ์นั้น ก็เพื่อให้เข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้มากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลา..สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้ดียิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ช่วยให้พระพุทธศาสนาของเราเจริญมั่นคง พิจารณาแล้วว่า สมควรไปเรียนได้ ดังนั้นข้อนี้จึงใช้ข้ออ้างที่ว่า สิ่งที่ไม่สมควร เพราะไม่ได้กำหนดเอาไว้ พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2023 เมื่อ 21:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
ญาณวิทย์ (03-08-2023), เด็กใต้ (03-08-2023), ตัวเล็ก (03-08-2023), เถรี (05-08-2023), ปราโมทย์ (03-08-2023), เผือกน้อย (02-08-2023), ศรกายสิทธิ์ (02-08-2023), สุธรรม (03-08-2023)
  #9  
เก่า 02-08-2023, 21:53
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

หรือว่าพระภิกษุสงฆ์ของเราเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องรักษาพยาบาลเป็นระยะเวลายาว ๆ ก็สามารถที่จะจำพรรษาอยู่ในโรงพยาบาลได้เลย หรือว่า ขออนุญาตเดินทางไปรักษาตัวโดยสัตตาหกรณียะ ก็คือ มีกิจจำเป็นในช่วงเข้าพรรษาสามารถไปได้ไม่เกิน ๗ คืน ถามว่า ๗ คืนในที่นี้ ก็คือ คืนที่ ๗ ต้องกลับมาถึงวัดก่อนสว่าง

อาตมภาพเอง..ช่วงพรรษานี้ต้องเป็นคณะกรรมการ ไปตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางทั้ง ๒๓ จังหวัด ก็แทบจะต้องตะลอน ๆ ไป เหนือสุดถึงอุทัยธานี ใต้สุดถึงประจวบคีรีขันธ์ ตะวันออกสุดถึงจังหวัดตราด ตะวันตกสุดก็กาญจนบุรีของเรานี่เอง แปลว่าพรรษานี้ทั้งพรรษา แทบจะกลับมาถึงก็ต้องออกไปใหม่อีกแล้ว ญาติโยมทั้งหลายอาจจะไม่ได้เจอหน้าเจ้าอาวาสบ่อยนัก ปกติถ้าหากว่า เห็นหน้าตอนบิณฑบาต คิดว่าอยู่วัด มาถึงอีกทีอาจจะขอสัตตาหะฯ ออกไปแล้วก็ได้

ท่านทั้งหลาย เมื่อถึงเวลาในช่วงเข้าพรรษา เรามีการแสดงพระธรรมเทศนาทั้งภาคเช้าและภาคค่ำ ญาติโยมทั้งหลายที่ตั้งใจบำเพ็ญกุศลด้วยการฟังธรรมให้ครบทุกวันพระ สามารถที่จะมาทำบุญที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคเช้าหรือว่าภาคค่ำก็ได้ ส่วนงานทำบุญถวายหลวงปู่สายที่เราทำประจำทุกวันที่ ๑๔ ของเดือนนั้น เราจะเลื่อนมาทำในวันพระที่ใกล้เคียงวันที่ ๑๔ มากที่สุด ดังนั้นในพรรษาจึงเป็นการทำบุญวันพระ พร้อมกับถวายกุศลแก่หลวงปู่สายไปด้วย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
ญาณวิทย์ (03-08-2023), เด็กใต้ (03-08-2023), ตัวเล็ก (03-08-2023), เถรี (04-08-2023), ปราโมทย์ (03-08-2023), เผือกน้อย (02-08-2023), ศรกายสิทธิ์ (02-08-2023), สุธรรม (03-08-2023)
  #10  
เก่า 02-08-2023, 21:57
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้..ญาติโยมทั้งหลายก็มาฟังเทศน์ฟังธรรม มาสมาทานศีล มาถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝน ตลอดจนกระทั่งทำบุญใส่บาตร และฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ ก็แปลว่า เราท่านทั้งหลายปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหลายท่านก็ตั้งใจที่จะงดเหล้าเข้าพรรษา เป็นการเพิ่มบุญกุศลให้แก่ตนเอง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะเป็นกุศลบารมีสะท้อนกลับไป เมื่อถึงเวลาแล้วท่านทั้งหลายได้อาศัยผลบุญกุศลนี้ ทำให้เกิดมีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ของตน ถ้าหากว่ามั่นคงดี ก็จะมีสุคติเป็นที่ไป หรือท่านทั้งหลาย..ถ้าเบื่อโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เบื่อร่างกายที่หาความดีไม่ได้ ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะชำระใจจนผ่องใส หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 03-08-2023 เมื่อ 05:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
ญาณวิทย์ (03-08-2023), เด็กใต้ (03-08-2023), ตัวเล็ก (03-08-2023), เถรี (04-08-2023), ปราโมทย์ (03-08-2023), เผือกน้อย (02-08-2023), ศรกายสิทธิ์ (02-08-2023), สุธรรม (03-08-2023)
  #11  
เก่า 02-08-2023, 21:58
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

รับหน้าที่วิสัชนามาในวัสสกถาก็พอสมควรแก่เวลา ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนทั้งหลาย มีหลวงปู่สาย อคฺควํโส วัดท่าขนุนเป็นที่สุด ได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลายประสบแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูลผลไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดจนถึงปฏิภาณและธนสารสมบัติอันเป็นที่พึงใจทั้งปวง

รับหน้าที่วิสัชนามาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันเข้าพรรษา ณ วัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย หยาดฝน)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2023 เมื่อ 22:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
ญาณวิทย์ (03-08-2023), เด็กใต้ (03-08-2023), ตัวเล็ก (03-08-2023), เถรี (04-08-2023), ปราโมทย์ (03-08-2023), เผือกน้อย (02-08-2023), ศรกายสิทธิ์ (02-08-2023), สุธรรม (03-08-2023)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว