กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-05-2018, 09:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกโอวาทก่อนเวียนเทียน วันวิสาขบูชา ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑

พวกท่านมาบวชที่วัดนี้ให้ทำใจเถอะ ฝนตกแดดออกอย่างไรก็หยุดกิจกรรมของทางวัดไม่ได้หรอก เพราะว่าเจ้าอาวาสบ้า..! สมัยที่เรียนทหารอยู่ ครูฝึกเขาบอกว่า "ทหารไม่ใช่ดินเหนียวและไม่ใช่ขี้ผึ้ง ตากแดดตากฝนไม่ละลายหรอก" แต่สมัยนั้นแข็งแรงจริง ๆ นะ ผมขุดหลุมบุคคลนอนยิงความลึกเป็นฟุต ฝนตกน้ำเต็มหลุมก็นอนอยู่ในนั้นแหละ แช่อยู่ทั้งคืน ย้ายกำลังไม่ได้ ต้องทนเอาอย่างเดียว ก่อไฟก็ไม่ได้ ก่อไฟก็เป็นที่สังเกตของข้าศึก

ญาติโยมที่จะมาเวียนเทียน ถ้ากลัวเปียกก็ไปอยู่เป็นกำลังใจให้พระเณรก็แล้วกัน พระวัดนี้มีประสบการณ์เวลาบิณฑบาตหรือเวียนเทียนก็เปียกหัวถึงเท้ามาแล้วทั้งนั้น บางทีเจอโยมบอกว่า “โอ๊ย..หลวงพ่อ เปียกหมดเลย” ตอบไปว่า "ยังไม่หมดหรอก ยังเหลืออยู่นิดหนึ่ง" ส่วนใหญ่เหลืออยู่ตรงใต้บาตร เวลาอุ้มบาตรอยู่ก็ไม่เปียก

เป็นธรรมดาที่เราจะทำกิจกรรมอะไรต่าง ๆ ย่อมมีอุปสรรคเกิดขึ้น มีคนถามว่า "ไล่ฝนได้ ห้ามฝนได้ ทำไมไม่ทำ ?" ขืนใช้ไปเรื่อยเปื่อย ถ้าเกิดโควตาหมดแล้วมีเรื่องจำเป็นขึ้นมานี่ก็พาซวยอีก ปีนี้ของเราด้านบนเขาปิดซ่อมโครงสร้างและซ่อมบันไดใหม่ ทำให้ด้านบนไม่ได้วางผางประทีปเลยไม่สวย เทวดาคงไม่ชอบใจ จึงดับผางประทีปข้างล่างไปด้วย งานนี้คนหล่อผางประทีปคงหน้ามืด เพราะว่าไหม้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ต้องเอาไปหลอมใหม่หมดเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-05-2018 เมื่อ 10:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-05-2018, 09:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของการสร้างบุญสร้างกุศล ถ้าเราดูในส่วนของธรรมบทที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้ว ก็จะเห็นว่าพระองค์ท่านไม่มีการท้อถอยเลย มีอยู่ชาติหนึ่งที่เกิดเป็นชายยากจน มีอาชีพตัดฟืนขาย อาชีพนี้นิยมมากนะครับ เป็นอาชีพที่หาเงินได้ง่าย ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมอินเดียแล้งฉิบหา..เลย น่าจะแล้งตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว กี่คน ๆ ก็ตัดฟืนขาย แล้วจะไปเหลืออะไร...ป่าก็หมด

พระปัจเจกพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติ เล็งญาณแล้วว่าจะได้อาหารจากชายคนนี้ ก็ไปปรากฏองค์อยู่ที่หน้ากระท่อม พระโพธิสัตว์ที่เป็นชายตัดฟืนเห็นเข้าก็ดีใจ ยกอาหารออกมาจะใส่บาตร พญามารก็ทดสอบกำลังใจ เนรมิตหลุมถ่านเพลิง (หลุมไฟหรือบ่อลาวานั่นแหละ) โผล่มาขวางหน้าประตู ดูสิว่าจะใส่บาตรอีกไหม ?

พระโพธิสัตว์คิดว่า "อุปสรรคแค่นี้ขวางงานบุญของเราไม่ได้หรอก ถ้าเราไม่ได้ทำบุญ ตายเสียจะยังดีกว่า" ว่าแล้วก็ยกอาหารเดินลงหลุมไปเลย แต่ปรากฏว่าด้วยอำนาจของกุศลที่ท่านตั้งใจสร้าง ทำให้ท่านเดินผ่านไปได้เหมือนเดินผ่านพื้นราบ ฉะนั้น...ในส่วนของพวกเราโดนฝนยังไม่ทันจะละลายหรอก อย่างเก่งก็แค่เป็นหวัดนิดหน่อย เอาไว้เป็นข้ออ้างให้อู้งานได้อย่างถูกกฎหมาย

เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าจะบิณฑบาต ไม่ว่าจะเวียนเทียนหรืออะไรก็ตาม ฝนตกก็ปล่อยให้ตกไปเถอะ หยุดกิจกรรมของเราไม่ได้หรอก สมัยเด็ก ๆ เขาบอกว่า “อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับฝน เกิดเป็นคนเมื่อถึงที่ก็ตาย” นั่นว่าไปตามเพลง แต่ถ้าเราดูจะเห็นสิ่งที่ต้องเกิดตามธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ต้องเกิด ต้องเป็น ถ้าเราไปฝืนธรรมชาติเมื่อไรเราก็จะทุกข์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2018 เมื่อ 11:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-05-2018, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะอัตภาพร่างกายของเราเอง ที่พยายามชักนำให้เราไหลตามกิเลสไป เราต้องรักษากำลังใจให้อยู่ในลักษณะที่ว่า อย่าไปให้ความร่วมมือ กิเลสทุกอย่างเกิดขึ้นจากการปรุงแต่งหรือความคิดของเรา ถ้าหยุดคิดทุกอย่างจบเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วเราหยุดคิดไม่ได้ เห็นสาวเดินผ่านหน้าไปก็คิดว่า “สวย ไม่สวย” พอเริ่มคิดนี่แทนที่จะสวยก็กลายเป็นซวยเลยนะครับ กิเลสตีเราทันทีเลย

เริ่มคิดว่าสวย...ชอบใจก็เป็นราคะ ไม่สวย...ไม่ชอบใจก็เป็นโทสะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง “เป็นแฟนเราดีหรือเปล่า ?” “ยายนี่หน้าไม่ได้เรื่องเลย แต่หุ่นดี๊ดี” “ยายนั่นหน้าตาประกวดนางสาวไทยได้เลย แต่ดันเป็นคนทันสมัยใช้ทีวีจอแบน” เราเองเที่ยวไปฟุ้งซ่านแบบนั้น ราคะก็เกิดได้ง่าย

ทำอย่างไรที่เราจะสักแต่ว่าเห็น ก็ต้องมีการสำรวมอินทรีย์ คือการสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าเปรียบเทียบในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร หลวงปู่รูปหนึ่งท่านอยู่ปฏิบัติธรรมคนเดียวในถ้ำ สงสัยอยู่อย่างเดียวว่า "ทำไมถ้ำนี้มีคนมากันจัง ?" แต่ท่านอยู่ก้นถ้ำก็ไม่ได้สนใจ ท่านก็ภาวนาของท่านไปเรื่อย จนกระทั่งมีคนเจอท่านอยู่ท้ายถ้ำ ก็เลยถามว่า “หลวงปู่ รู้หรือเปล่าว่าถ้ำนี้จิตรกรรมฝาผนังสวยมาก ๆ เลย ?” ท่านก็ “หรือ ?” ไม่เคยเงยหน้าขึ้นดูเลย สำรวมสายตาอย่างเดียว ขนาดตัวเองอยู่ก้นถ้ำยังไม่เคยเงยสายตาขึ้นดูเลยว่ามีจิตรกรรมฝาผนังสวย ๆ จนคนเขาแห่มาดูกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2018 เมื่อ 11:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 31-05-2018, 07:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงนี้เราจะเห็นอปัณณกปฏิปทา คือปฏิปทาที่ปฏิบัติอย่างไรก็ไม่ผิดแน่ของพระพุทธเจ้า มี อินทรีย์สังวร ที่ให้เราสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สักแต่ว่าได้เห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าได้รส สักแต่ว่าสัมผัส...อย่าไปคิด

ความคิดนี่เหมือนเครื่องปรุงครับ ถ้าหากเขาลวกก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำร้อนเปล่า ๆ มา ไม่มีใครกินหรอก ยกเว้นคนไม่มีจะกิน ที่หิวไส้ขาดมาหลายวัน แต่ถ้าเราไปเติมน้ำส้ม เติมน้ำปลา เติมพริก เติมน้ำตาล ใส่ถั่วลิสงบด ใส่ตังฉ่าย ใส่ผักชี ใส่ต้นหอม เอ้า...ยิ่งใส่ก็ยิ่งอร่อย เลยกินไม่เลิก แต่ถ้าเราเลิกใส่ก็เลิกกิน เรื่องของความคิดเหมือนเราใส่เครื่องปรุง ยิ่งปรุงก็ยิ่งอร่อย อร่อยแบบไหน ? อร่อยแบบหมาแทะกระดูก ไม่มีอะไรหรอก...อร่อยน้ำลายตัวเอง ถ้าหากว่าเราหยุดคิดได้ ทุกอย่างก็ไม่เป็นโทษ แต่ถ้าเราหยุดคิดไม่ได้ ก็เป็นโทษทุกเรื่องเหมือนกัน

คราวนี้การที่หยุดคิดได้ สำคัญที่สุดก็คือสติ สมาธิ สติรู้ตัวว่ากิเลสจะเกิด สมาธิเหยียบเบรกสุดตัวเลย หยุดคิด...ห้ามเกิด ใหม่ ๆ จะอยู่ในลักษณะอย่างนี้ อาศัยกำลังสมาธิกดเอาไว้ก่อน ผมถึงได้บอกพวกท่านอยู่เสมอว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียเวลาถามหรอก ถ้าทำไปจะได้คำตอบเอง เพราะว่าสมาธิจะเป็นคำตอบในการปฏิบัติเกือบทั้งหมด ยกเว้นการก้าวเข้าสู่มรรคผลช่วงท้าย ๆ เท่านั้น

ดังนั้น หลายท่านที่ปฏิบัติมา ทำไมยังไม่ได้ ? ทำไมยังไม่มี ? ทำไมยังไม่ดี ? ทำไมยังไม่เป็น ? อย่าถามตัวเองอย่างนั้น ให้ถามตัวเองว่าทำมาพอแล้วแน่หรือ ? ถ้าทำมาพอแล้วต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องเป็น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-05-2018 เมื่อ 10:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 31-05-2018, 08:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าอะไรเกิดขึ้น พยายามตัดการรับรู้ด้วยการอย่าไปใส่ใจ อยู่กับลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก หูจะได้ยินเสียง ไม่ใช่เสียงที่อยู่ข้าง ๆ หรอก บางทีก็เป็นเสียงจากภพอื่น ภูมิอื่น สถานที่อื่น อย่าได้ไปใส่ใจ ตาจะเห็นรูป บางทีผมก็ต้องขยับแว่นดูว่าผีหรือคน ? มีคนทักผมว่าพูดอะไรอยู่คนเดียว ผมไม่ได้พูดคนเดียวนะ แต่เผลอเสียงดังเขาก็เลยเห็นผมพูดอยู่คนเดียว

แต่เป็นเรื่องแปลกว่าเรายิ่งไม่ไปใส่ใจ นิมิตเหล่านี้ก็ยิ่งชัด เสียงเหล่านี้ก็ยิ่งชัด แต่ถ้าเราไปใส่ใจก็จะติดอยู่แค่นั้นอีก ทำกี่ครั้งก็อยากให้เป็นอย่างนั้น ตัวอยากคือความฟุ้งซ่าน เลยทำให้ก้าวไม่ถึงความดีที่เราต้องการ

ดังนั้นถ้าหากว่าเราเป็นนักปฏิบัติแล้วเกิดความสงสัย ข้องใจ...จงทำต่อไป....ถ้าทำพอ ทำถึง จะได้คำตอบเอง แต่ถ้าทำไม่พอ ทำไม่ถึง แล้วไปอยากได้ใคร่ดี ก็จะกลายเป็นฟุ้งซ่าน ยิ่งฟุ้งก็ยิ่งไม่ได้ อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสโอวาทปาฏิโมกข์ว่า “ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา” คำแรกเลยคือความอดทน การสร้างความดีเป็นการเข็นครกขึ้นภูเขาหรือว่ายทวนน้ำ ต้องใช้ความพากเพียรพยายามอย่างสูงสุด ใจร้อนไม่ได้ ต้องการผลเร็วไม่ได้ ขนาด "ไวไว" ยังต้องลวกตั้ง ๓ นาที แล้ว "ช้า ช้า" จะต้องนานขนาดไหน

ดังนั้น...ในส่วนนี้ของพวกเราก็คือ ต้องอดทน อดกลั้น ค่อย ๆ ปฏิบัติ ค่อย ๆ สั่งสมไป หยอดกระปุกครั้งแรก ๆ ไม่มีอะไรให้เห็นหรอก เล่นโอ่งน้ำขนาด ๘๐ ปีบ ถึงเวลาน้ำหยดลงไปทีละหยด ก็นั่งรอไปเถอะ ชั่วโมงหนึ่งยังเปียกก้นโอ่งไม่ทั่วเลย แต่ถ้าหากว่าเราตั้งหน้าตั้งตาพากเพียรสืบไป บางทีไม่ทันรู้ตัวน้ำก็ขึ้นมาครึ่งโอ่งค่อนโอ่งแล้ว ไปรู้เอาตอนที่ฉุกเฉิน เออ...ที่แท้สิ่งที่เราทำมาก็พอใช้งานเหมือนกัน เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าไม่เพียงพอ โอกาสที่จะใช้ได้ตลอดไปก็ยาก ได้แต่ช่วงฉุกเฉินเท่านั้น

ก็มีอย่างเดียวคือต้องทำให้พอ ถ้าต้นทุนสำรองเพียงพอ เบิกมาใช้เท่าไรไม่พร่องมาก ก็ชื่อเสียงเริ่มดัง วางตัวลำบาก มีแต่คนมาให้สงเคราะห์ แล้วเดี๋ยวก็จะเบื่อญาติโยมอย่างผม ให้คนอื่นรับหน้าที่แทน ใครมาผิดท่าผิดทางมาด่ากระจาย แต่ยิ่งด่าคนก็ยิ่งมา แปลกดีเหมือนกัน


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกโอวาทก่อนเวียนเทียน วันวิสาขบูชา
วันอังคารที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-05-2018 เมื่อ 10:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว