กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 29-04-2024, 14:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่อับอายขายหน้าชาวบ้านเขา เพราะว่าขึ้นเครื่องไปนี่สายตาทุกสายตามองมา เพราะเหลือเราอยู่คนเดียว ไม่ได้อยากดังหรอก แต่แหม..ตอนนั้นแสงตกลงมาเต็มตัวเลย ไม่หิวแสงก็ต้องแสงตกเพราะเหลืออยู่คนเดียว..! ใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้บ้าง..? แต่พวกเราถ้าเจอก็คือนอนเพลิน ไม่ใช่ทำงานเพลินหรอก นอนเพลิน..ไม่ตื่น..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของอดีตเลยมาแล้ว ไปหวนหาอาลัยก็ไร้ประโยชน์ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ฟุ้งซ่านไปก็บ้าเปล่า ๆ ก็ต้องตอนนี้เดี๋ยวนี้ ทำอย่างไรจะหยุดใจของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก หลุดจากตรงนี้เมื่อไร ฟุ้งซ่านเมื่อนั้น แล้วถ้าฟุ้งเมื่อไร เอากลับยากสุด ๆ

หลายคนมีประสบการณ์ปฏิบัติธรรม จิตใจสงบ โอ๊ย..เหมือนเทวดานางฟ้า จะเหาะจะบิน เดินไปยิ้มไป ไม่รู้จะยิ้มกับใครยิ้มกับหมูกับหมาก็เอา เผลอหน่อยเดียว ไม่รู้สภาพจิตไปคว้าเอากิเลสเข้ามาตอนไหน โอ้โห..รัก โลภ โกรธ หลง มาฟ้าถล่มดินทลายเลย จากเทวดานางฟ้าตกลงมาแย่กว่าหมาตั้งเยอะ..!

แล้วก็เป็นเรื่องแปลก รีบตะเกียกตะกายเพื่อจะกลับที่เดิม แต่กลับไม่ได้..! ถามว่าทำไมถึงกลับไม่ได้ ? กลับไม่ได้เพราะว่าเราอยากกลับ เรื่องของการปฏิบัติธรรมต้องไม่อยาก อยากเมื่อไรจะไม่ได้

อาตมาเองหกล้มหกลุกวันหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันครั้งมาตั้งแต่วัยรุ่น อายุยังไม่ทันจะยี่สิบ ก็ปฏิบัติธรรมจนคนรอบข้างเขาว่าบ้ากันหมด พอหกล้มหกลุกบ่อย ๆ คราวนี้ไม่ยอมแพ้ ยังไงก็ต้องสู้จนกว่าจะชนะ แต่นิสัยอย่างนี้ไม่ค่อยดีนะ เขาเรียกว่าคนแพ้ไม่เป็น

วันไหนฟุ้งซ่านมาก ๆ ภาวนาไม่ได้เลย มีแต่ รัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวไปหมด อยากจะฆ่าคนขึ้นมาด้วย ต้องการความสงบหน่อย..ไอ้โน่นก็ก๊อก..ไอ้นี่ก็แก๊ก โน่นเลย..ไปนั่งหน้าพระประธานองค์ใหญ่ ๆ อย่างองค์ข้างหลังอาตมานี่แหละ..นั่งมองพระ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 15:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 29-04-2024, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถามว่านั่งมองทำไม..? ก็จะดื้อนั่งอยู่ตรงนี้มีปัญหาไหม..? "ในเมื่อมึงฟุ้งมาก ๆ ไม่ยอมภาวนา กูก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ ดูซิว่ามึงจะทำอะไรได้..? มึงชวนให้กูด่าคน กูก็ไม่ด่า มึงชวนให้กูไล่เตะไล่ตีคน กูก็ไม่ไป กูจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ..!" อย่างน้อย ๆ ใจคิดชั่วได้ แต่วาจาไม่พูด กายไม่ทำ เราก็ชนะไป ๒ ใน ๓ แล้ว ให้รู้ไปว่าใครจะหน้าด้านไปกว่ากัน..!

โยมคงไม่โดนหนักขนาดนี้หรอก แต่อาตมาเป็นคนดื้อ ต้องโดนหนัก แล้วก็ทั้งดื้อทั้งหน้าด้าน โดนเท่าไรก็ไม่ถอย ตอนนั้นความสามารถอะไรใช้ไม่ได้หมด เพราะใจฟุ้งซ่าน จะเป็นอตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ปัจจุปปันนังสญาณ อะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่เอาด้วยเลย เพราะถ้าทำได้ก็แปลว่าเราต้องทรงสมาธิได้ แต่นี่สมาธิแตกกระจายหมด ก็นั่งอยู่ตรงนี้แหละ..!

"กูจะนั่งอยู่ตรงหน้าพระพุทธเจ้านี่แหละ มึงแน่จริง มึงลากกูไปให้ได้สิ..!" ในที่สุดกิเลสก็กลัวคนบ้า ก็คือพอเราไม่ไปไหนจริง ๆ ท้ายที่สุดก็ค่อย ๆ เบาลง..เบาลง..เบาลง..แล้วก็ยอมสงบ ผ่านไปครึ่งค่อนวันหงายหลังผลึ่งได้ สลบไปเป็นวันเลย..!

ไม่ได้นึกเลยว่าการที่เราดื้อสู้กับกิเลสจะเหนื่อยขนาดนี้ ก็คือกูไม่ไป..มึงลากกูไปให้ได้สิ..! หงายหลังลงไปสลบไสลเลย รุ่งขึ้นฟื้นขึ้นมาใจเพลียเต็มที ฟุ้งไม่ไหวแล้ว อ้าว..ยอมภาวนาแล้ว ก็รีบตะกายกลับทันที

เพราะฉะนั้น..
หลายคนเจอประสบการณ์นี้ เปลี่ยนจากเทวดานางฟ้าลงไปแย่กว่าอีก..!ให้พยายามสู้หน่อยนะ ถ้าไม่สู้ไม่ได้กลับที่เดิมหรอก มีแต่จะลงลึกไปเรื่อย..!

ประสบการณ์พวกนี้ครูบาอาจารย์ท่านโดนมาแล้วทั้งนั้น กว่าจะมานั่งสอนคนอื่นได้ เปรียบตัวเองเป็นนักรบก็ลงสนามมาบาดแผลนับไม่ถ้วน เปิดเสื้อให้ดูไม่รู้แผลอยู่ตรงไหนบ้าง เย็บกันจนเข็มหลง


ไม่ใช่ว่าครูบาอาจารย์เกิดมาก็เป็นเด็กดีเหลือเกิน ถึงเวลาก็ "แม่ครับ..ผมอยากจะใส่บาตร" "แม่ครับ..ช่วยพาไปวัดหน่อย" ไม่มีหรอก..! โน่น..รู้ตัวอย่างแรกแทนที่จะถือขันข้าวใส่บาตร..เปล่า..ถือเบ็ดตกปลา ถือหนังสติ๊กไล่ยิงนก..เจริญ..! ไม่ใช่บริสุทธิ์ออกมาจากท้องแม่หรอก ก็ชั่วมาก่อนกันทั้งนั้น..!

ได้ยินหลวงพ่อเล่าแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย ที่แท้ก็ชั่วเหมือนกัน..ใช่ไหม..? อุตส่าห์หลงนึกว่าหลวงพ่อจะเป็นคนดี ไม่มีใครเขาดีมาตั้งแต่ท้องแม่หรอก ต้องมาตะเกียกตะกายหาดีเองทั้งนั้นแหละ ลองไปดูที่ท้ายรถสิบล้อสิ เขียนเอาไว้ชัด ๆ ว่า "ความดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ให้ทำเอง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 15:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 29-04-2024, 15:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนนี้ทางด้านเทศบาลตำบลทองผาภูมิโดยท่านนายกฯ ปาล์ม (นายศราวุธ ศรีทันดร) ให้เจ้าหน้าที่มานำเอาหลวงพ่อทองคำองค์ใช้งานจริงไปขึ้นรถ เพื่อที่จะได้จัดเป็นขบวนแห่ ให้ผู้คนได้สรงน้ำกัน

การที่พวกเราใส่บาตร ก็คือการที่เราแบ่งปันอาหาร สงเคราะห์ต่อพระภิกษุสงฆ์ ท่านได้ขบฉันแล้วมีกำลังในการศึกษาพระธรรมวินัย ถ้าหากบรรลุมรรคบรรลุผลได้ ก็จะได้มาบอกทางที่ง่ายที่สุดให้กับเรา

สมัยนี้เขาบอกว่าไปซื้อคอร์ส ๒๕,๐๐๐ บาท สอนยันพระอรหันต์เลย เก่งว่ะ..! เห็นหลายต่อหลายคนเข้าไปคอมเมนต์ด่ากระจาย บอกว่า "พระพุทธเจ้าสอนฟรี มึงมาถึงเก็บค่าสอน ๒๕,๐๐๐ บาท..!" แต่อาตมาว่า "สองล้านห้ากูก็ให้ ถ้าสอนให้เป็นพระอรหันต์ได้ในชาตินี้..!" อากาศร้อน คนเราก็เลยมีการแสดงออกที่แปลก ๆ หน่อย เพราะฉะนั้น..ก็อย่าไปเอาอะไรมากมายกับชีวิต

การใส่บาตรต้องตั้งใจให้ถูก คำว่าตั้งใจให้ถูกในที่นี้ก็คือ ตั้งใจเป็นสังฆทาน ถ้าใส่บาตรที่นี่ไม่ต้องห่วง เพราะว่าวัดท่าขนุนถึงเวลาก็เอาไปเทรวมกัน แล้วก็จัดลงสำรับใหม่ เป็นสังฆทานแน่นอน แต่ถ้าไปตั้งใจเป็นสังฆทานที่วัดอื่น อาจจะพาท่านซวย เพราะว่าหลายวัดต่างคนต่างบิณฑบาต ต่างคนต่างฉัน

ญาติโยมจากกรุงเทพฯ พอมาถึงเห็นพระวัดท่าขนุนเดินแถวยาวเหยียดบิณฑบาต โอ๊ย..ขอถ่ายรูปกันใหญ่ บางรายกลัวถ่ายไม่ทัน ""นิมนต์หยุดก่อนเจ้าค่ะ" นึกว่าจะใส่บาตร ที่ไหนได้..ให้หยุดเพื่อถ่ายรูป..!

ก็เพราะว่าในกรุงเทพฯ ไม่มีภาพอย่างนี้ให้เห็น เดินกันหนึ่งรูป สองรูป สามรูป กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง ทำไมอะไรดี ๆ ของโบราณไม่รักษากันไว้ ถ้าเกิดทันรุ่นเก่า ๆ จะได้ยินเพลงเขาว่า ""เหลือง ๆ เรืองรองลิบลิ่ว สงฆ์เดินเป็นทิวเหยียดยาวดูน่ามอง ห่มจีวรเหลืองปลั่งดังสีทอง โปรดสัตว์ทั้งผองตามรอยพุทธองค์"

เกิดไม่ทัน ไม่เคยได้ยินใช่ไหม..? แค่ภาพที่ปรากฏออกไป กำลังใจของคนนึกถึงพระ ก็ได้กุศลมหาศาลแล้ว เพราะสภาพจิตของเรารับรู้ว่านั่นคือพระสงฆ์ หนึ่งในพระรัตนตรัย ต่อให้ท่านไม่มีคุณงามความดีอะไรเลย รูปแบบของท่านก็คือพระสงฆ์ เป็นสังฆานุสติให้เราระลึกถึงว่า พระสงฆ์ทรงคุณงามความดีอะไรบ้าง

ภาษาบาลีพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในมังคลสูตรว่า สมณานญฺจ ทสฺสนํ เอตัมมังคะละมุตตะมัง การได้เห็นสมณะก็คือพระสงฆ์ จัดว่าเป็นมงคลสูงสุดอย่างหนึ่ง เพราะทันทีที่เราเห็น สภาพจิตถ้ายึดเกาะ ตายตอนนั้นก็ไปดีเลย ถึงได้เรียกว่าภาพที่เป็นมงคล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 15:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 29-04-2024, 15:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ภาพที่เป็นมงคลคือได้เห็นพระพุทธเจ้า ได้เห็นพระธรรม พระธรรมคืออะไร ? ปัจจุบันนี้สัญลักษณ์ของพระธรรมก็คือธรรมจักร บางคนไม่เอาอะไรมากเอาคัมภีร์เทศน์เลย สมัยที่อาตมภาพฝึกธัมมานุสติกรรมฐาน

หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอก "เฮ้ย..ทำถึงสมาบัติ ๘ ได้"
อาตมาก็งง "สมาบัติ ๘ ต้องอาศัยกสิณนี่ครับหลวงพ่อ ?"
หลวงพ่อท่านก็ตอบว่า "ก็กสิณสิวะ..!"

อาตมาสงสัยต่อ "แล้วในเมื่อต้องอาศัยกสิณ แล้วธัมมานุสติจะไปถึงสมาบัติ ๘ แบบไหนครับ ?"
ท่านบอกว่า "มึงก็อย่าโง่สิ เราก็นึกถึงภาพพระพุทธเจ้าว่ากำลังแสดงพระธรรมเทศนา ธรรมะที่พระองค์ท่านแสดง เปรียบเหมือนดอกมะลิแก้ว ล่องลอยจากพระโอษฐ์ลงมาเป็นสาย ๆ"

อาตมาถามต่อ "แล้วดอกมะลิแก้วจะลอยไปไหนละครับ ?"
หลวงพ่อตอบว่า "ก็กำหนดใจให้มีพานสักใบหนึ่งรองรับไว้สิวะ กำหนดใจนึกถึงพานทองรองรับมะลิแก้วที่ลอยลงมา แล้วจับภาพนั้นเอาไว้ จดจำไว้ด้วย แล้วก็ทำต่อไป ก็เท่ากับเป็นกสิณอยู่แล้ว"

อาตมาโง่ไปหน่อยทำไม่เป็น ต่อมาไล่ไปไล่มาทำอนุสติ ๑๐ อย่างจนครบ

อานาปานสติ ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก
พุทธานุสติ นึกถึงคุณพระพุทธเจ้า
ธัมมานุสติ นึกถึงคุณพระธรรม
สังฆานุสติ นึกถึงคุณพระสงฆ์
สีลานุสติ นึกถึงคุณของศีล
จาคานุสติ ระลึกถึงการบริจาคให้ทานว่าดีอย่างไร
เทวตานุสติ นึกถึงความดีของพรหมเทวดา
กายคตานุสติ นึกถึงความเป็นจริงในร่างกาย
มรณานุสติ นึกถึงว่าเรามีความตายเป็นปกติ
อุปสมานุสติ ระลึกถึงความสงบระงับในพระนิพพาน

ซักซ้อมทุกวัน เช้าสายบ่ายค่ำไม่ยอมเลิก ทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไปกราบรายงานหลวงพ่อท่าน "หลวงพ่อครับ เดี๋ยวนี้อนุสติ ๑๐ ผมไล่อารมณ์เต็มได้ภายใน ๓๐ นาทีเท่านั้นครับ" ภูมิใจมาก รีบไปอวดครูบาอาจารย์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 15:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 29-04-2024, 15:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านบอกว่า "ใช้ไม่ได้ลูก สมัยที่พ่อทำกรรมฐาน ๔๐ กอง ถ้าต้องใช้เวลาถึง ๒ นาทีนี่แย่มากแล้ว" อาตมานั่งเหี่ยวอยู่ตรงนั้น ถ้าเป็นสมัยนี้เด็กจะบอกว่า "หลวงพ่อ "ขิง" กูแหงเลย..!" ได้ ๑๐ กองในครึ่งชั่วโมง..กูว่ากูเก่งโคตรแล้วนะ หลวงพ่อบอก ๔๐ กองไม่ถึง ๒ นาที ขิงข่าตะไคร้มาครบทั้งสวนเลย..!

มาเข้าใจทีหลัง อ๋อ..ที่แท้เราโง่เอง ครูบาอาจารย์ท่านพูดถูก ก็เรามันโง่ พอถึงเวลาก็ถอยหลังมา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙, ๑๐ แล้วเริ่มต้นใหม่ ถอยหลังมา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙, ๑๐ เริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ทุกครั้ง..เหนื่อยตายห่..!

แต่หลวงพ่อท่านให้ทรงอารมณ์เต็ม แล้วก็เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนกองกรรมฐานแค่นั้นเอง โอ๊ย..๔๐ กองแค่นาทีเดียวก็ได้แล้ว ไม่ใช่ ๒ นาทีหรอก ใช้เวลาไม่ถึง ๒ นาทีหรอก รักษาอารมณ์สูงสุดไว้แล้วเปลี่ยนกองกรรมฐาน..แค่นั้นเอง แผล็บ ๆ ๆ หมดแล้ว ๔๐ กอง..! แต่ตอนที่ทำไม่ได้ นึกว่าหลวงพ่อท่าน "ขิง" แต่อันนี้ไม่ใช่
"ขิง" เรื่องจริงเลย อันนี้ก็ไม่มีขาย อยากได้ให้ทำเอง..!

บอกแล้วว่าครูบาอาจารย์กว่าจะมานั่งเป็นครูบาอาจารย์ได้นี่ หกล้มหกลุกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว บอกแล้วว่าแผลทั้งตัว บางทีจะถึงยอดเขาเอเวอเรสต์อยู่แล้ว แต่ดันกลิ้งไปอยู่ตีนเขาโน่น..! ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะชอกช้ำระกำใจขนาดไหน โมโหแทบจะเอาหัวโขกฝา "กูพลาดตรงไหนวะ ? มาซะขนาดนี้ดันพลาดอีกแล้ว..!"

กว่าจะจับจุดได้ว่าไปเผลอปล่อยให้ขาดช่วงไม่ต่อเนื่อง พวกเราส่วนใหญ่ทำแล้วทิ้งกัน..เจริญมากเลย..! นั่นแหละ..ทุกวันนี้ที่ก้าวหน้าไม่ได้ ก็เพราะปล่อยให้ขาดช่วงลง เรื่องของการปฏิบัติธรรมพอทำได้แล้วต้องรักษาเอาไว้ ใหม่ ๆ แค่ขยับตัวจะกราบพระก็หลุดหายหมดแล้ว ต้องตั้งสติให้มั่นคง เอาจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราทำ อย่าให้หลุดไปไหน มั่นใจว่าไม่หลุดแล้วค่อยขยับ ใหม่ ๆ ได้สักหนึ่งนาทีก็เก่งมากแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 15:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 29-04-2024, 15:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่หลังจากที่พยายามประคับประคองไปเรื่อยก็จะได้นานขึ้นเป็น ๒ นาที ๓ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง ไล่ไปเรื่อย พอได้เป็นวัน โอ๊ย..มีความสุขมากเลย ยิ้มหน่อยเดียว..กลิ้งเป็นหมาอีกแล้ว..!

เรื่องปฏิบัติธรรมสนุกอย่าบอกใคร สนุกดีตรงที่ว่าหกล้มหกลุกเป็นประจำ อนาถชีวิตมาก..! ต้องสู้อย่างเดียว ถอยไม่ได้ ที่หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าท่านบอกว่า "ธรรมะอยู่ฟากตาย" ให้พยายามสู้

แต่ถ้าสู้แบบโง่ ๆ ก็ตายฟรี อาตมานี่ตายฟรีมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หลวงปู่ฝั้นท่านบอกว่า "สู้เข้าไปลูก เอาให้มันตายกันไปข้างหนึ่ง" อาตมาก็สงสัยว่า "ทำไมเราตายฝ่ายเดียววะ กิเลสมันไม่ตายสักที..?" กว่าจะรู้ว่าสู้ผิดก็หลงไปเสียนาน

ครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่ได้เมตตาบอกเราทุกเรื่อง ท่านต้องการให้เราได้ประสบการณ์ จะได้จดจำนาน ถ้าไปบอกก็ง่ายเกิน แล้วไม่ค่อยจะจำกัน แต่ถ้าหกล้มหัวร้างคางแตก เย็บไปทั้งตัว นั่นค่อยจะจำ เขาเรียกว่าเข็ด ในเมื่อเข็ดแล้วคราวนี้ก็จะระวังไม่ให้เจ็บอีก

ของพวกเราส่วนใหญ่พอถึงเวลาแล้วไม่เข็ด เบื่อ ๆ อยาก ๆ วันนี้ "โอ๊ย เดี๋ยวกูโกนหัวเข้าวัด บวชชีเลย เบื่อเต็มทีแล้ว..!" พอถึงเวลาหายเบื่อก็ "เอ้า..อยู่ต่ออีกหน่อย" อยู่ไปอยู่มา อยู่จนจะแก่ตายอยู่แล้ว..! หลวงพ่ออย่าพูดความจริงสิ..หนูเขิน..!

ในเรื่องของความคิดที่เป็นกุศล ถ้าหากว่าเข้ามาตอนนั้น แปลว่ากำลังบุญหนุนเสริมเราแล้ว ถ้าจะทำอะไรที่ดี ๆ อย่างที่คิด ต้องลงมือเลย อย่าไปเปิดโอกาสให้กิเลสเชียวนะ เพราะว่าแต่ละรอบของบุญกุศลนั้น ช้าเร็วไม่เท่ากัน

เราลองนึกถึงล้อรถ ล้อของรถสิบล้อใหญ่แค่ไหน ? แล้วล้อของจักรยานสามล้อของเด็กเล่นเล็กแค่ไหน ? ล้อของสามล้อเด็กเล่นนี่หมุนแป๊บเดียวก็ครบรอบแล้ว กุศลรอบใหม่ก็มา แต่ถ้าไปเจอล้อรถไถแถมเป็นล้อหลังด้วยก็โน่นเลย ในขณะที่ล้อรถสามล้อเด็กเล่นหมุนไปเป็นร้อยรอบแล้ว ล้อหลังรถไถยังหมุนไม่ถึงครึ่งรอบเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 15:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 29-04-2024, 15:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..แต่ละรอบของบุญของกุศลมาช้าเร็วไม่เท่ากัน ได้โอกาสต้องตะกายไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ น่าเสียดายหลายต่อหลายคน อย่างเช่นพระ ถึงเวลาแทนที่จะตะกายสู้ต่อไป ก็สึก ถอยหลังไปก่อน แถมมีการมาพูดในลักษณะ "ขิง" ใส่หลวงพ่ออีกว่า "ขอถอยก่อนครับ เดี๋ยวจะได้ก้าวขึ้นหน้าอย่างมั่นคง" กูเชื่อว่ามึงไม่ได้ก้าวหรอก ถ้าครั้งนี้มึงถอย มึงก็ถอยไปเรื่อยนั่นแหละ..!

มีอยู่รายหนึ่งอยู่ที่วัดท่าซุงด้วยกันเป็นรุ่นน้อง ถึงเวลาออกพรรษารับกฐินแล้วบอกว่า "หลวงพี่..ผมขอสึกก่อน เดี๋ยวมาใหม่ ผมตั้งใจแล้ว ออกไปเคลียร์งานเสร็จ คราวนี้กลับมาใหม่ บวชตลอดชีวิตเลย" อาตมาก็ "กูจะดูน้ำหน้ามึง"

หายไป ๗ - ๘ เดือน เมื่อไรมจะกลับมาวะ ? สมัยก่อนโทรศัพท์ก็ไม่ได้มีเหมือนสมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็ติดต่อกันทางจดหมาย อยู่ ๆ มีจดหมายมา "หลวงพี่..ผมสบายใจแล้ว แฟนผมบอกว่าไหน ๆ พี่จะไปบวชแล้ว หนูอยู่คนเดียวก็เหงา ขอมีลูกสักคนเถอะ ตอนนี้แฟนผมท้องแล้วครับ..!" อาตมาขำก๊ากเลย "ไอ้เกื้อ..ชาตินี้มึงไม่ได้มาแน่นอน..! กูมั่นใจว่าทิ้งเมียมึงทิ้งได้ แต่ทิ้งลูกมึงทิ้งไม่ได้หรอก"

จนป่านนี้ ๓๘ ปียังไม่เห็นกลับมาเลย เห็นหรือยังว่ากิเลสเก่งขนาดไหน ต้องชมว่าผู้หญิงโคตรเก่งเลยนะ ผัวขออนุญาตไปบวชตลอดชีวิต แล้วไม่เถียงสักคำ "พี่จะไปก็ไปเลย แต่ถ้าหนูอยู่คนเดียวจะเหงา ขอลูกไว้เป็นเพื่อนสักคนหนึ่ง" ไอ้นั่นก็โง่พอที่จะมีลูกด้วย สมน้ำหน้ามัน..!

เพราะฉะนั้น..ใครที่วางแผนบวชแล้วแฟนบอกขอลูกสักคนนี่ด่าไปเลยนะ..! บอกไปเลยว่าลีลานี้หลวงพ่อสอนกูมาแล้ว หรือกูจะโง่ทำตามก็ไม่รู้เหมือนกันนะ..? สู้อาตมาไม่ได้ ใจร้ายใจดำ ลูกกี่คนกูทิ้งหมด จนป่านนี้ลูกยังงอนอยู่เลย..!

ใส่บาตรเรียบร้อยแล้วหรือยัง ? เก็บข้าวตกให้ดี ๆ สมัยอาตมาเด็ก ๆ เขายังไม่ให้เดินข้ามเลยนะ เดี๋ยวแม่โพสพจะโกรธ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 16:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 29-04-2024, 15:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อวานมีคนถวายเหรียญนาคปรก เสาร์ ๕ ตรีวัน เนื้อทองคำมา เดี๋ยวอาตมาจารเสร็จแล้วจะให้เขาเอามาขายในตู้สักแสนสอง ราคาเดิมหนึ่งแสนบาท...ใช่ไหม ? คิดค่าจารสักสองหมื่นบาท เผื่อจะเก็บไว้ซื้อทองแต่งเมียบ้าง..! ทองเดี๋ยวนี้บาทเท่าไรนะ ? เงิน ๒๐,๐๐๐ บาทไม่พอซื้อทอง ๕๐ สตางค์อีก..! ไม่เป็นไร..เดี๋ยวขึ้นราคาใหม่

ไปนึกถึงสมัยวัดท่าซุง ลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ แต่งกันที ให้แหวนเพชร ๗ กะรัต ได้ยินแล้วตกใจ..! อ๋อ..เพชรเขาพระงาม เขาเอาแหวนเพชรจักรพรรดิของหลวงพ่อไปหมั้นสาว ผู้หญิงก็ดีใจแทบตาย พ่อตาแม่ยายก็ โหย..ของแพงขนาด ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพชรวัดท่าซุง..!

เหลืออีก ๑๑ นาทีพระจะขึ้นอาสน์สงฆ์แล้ว คุยมากไปหน่อยหลายเรื่องเลยวันนี้ สำคัญที่สุดก็คือ
แพ้กิเลสแล้วอย่าแพ้ยาว ต้องตะกายกลับมาให้ได้

วันนี้วันที่ ๑๕ เป็นพญาวัน ทางเหนือเราถือว่าเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ วันที่แข็งแรงที่สุด ก็คงพอ ๆ กับวันเสาร์ห้านั่นแหละ ขึ้นอยู่กับความเชื่อ

ใส่บาตรแล้วได้อะไร ? มีคนตอบว่าได้บุญ บุญคืออะไร ? ตอบเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ ทำบุญมาตลอดชีวิตบุญคืออะไร ? ภาษาบาลีไม่ได้ใช้คำว่าบุญ ใช้คำว่ากุศล กุศลแปลตามศัพท์ว่าความฉลาด เป็นความฉลาดในด้านดีนะ เพราะว่าในภาษาบาลีคำว่าฉลาดนี่มีหลายคำ

กุศล คือฉลาดในการทำสิ่งที่ดี ๆ
โกวิท ฉลาดในการสร้างสรรค์ความเจริญ
เฉโก ฉลาดแกมโกง

ฉลาด คำเดียวในบาลีมีหลายศัพท์ สมมุติว่าลูกชายชื่อฉลาด แล้วไปขออนุญาตบวช พระอุปัชฌาย์ให้ฉายาว่าอะไร ? ฉายาว่าพระฉลาด โกวิโท พระฉลาด กุศโล ก็ได้ แต่ถ้า พระฉลาด เฉโก นี่ไม่เอาด้วยนะ..!

บุญ เป็นสิ่งที่ดี ที่งาม คอยประคับประคองชีวิตของเราไปในด้านความดีความเจริญ

บาป คือสิ่งที่หยาบที่หนัก ที่ต่ำทราม คอยถ่วงเราให้ออกนอกลู่นอกทาง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 29-04-2024, 15:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราเคยชินกับภาษา แต่ถ้าให้แปลจริง ๆ มักจะไปกันไม่เป็น เอาแค่ประสิทธภาพกับประสิทธิผลเราก็ไปไม่เป็นแล้ว คนนี้ทำงานมีประสิทธิภาพมาก คนนี้ทำงานมีประสิทธิผลดี คืออะไร ? ประสิทธิภาพคือความสามารถที่คุณทำ จะมากหรือน้อยก็อยู่ที่เราว่าเก่งแค่ไหน ประสิทธิผลคือทำแล้วได้เท่าไร

ตอนนี้ค่าแรงขั้นต่ำ ๔๐๐ บาทแล้วนะ แต่ทำไมปริญญาตรีขั้นต่ำยังหมื่นห้าอยู่เลย ไม่ขยับสักที

หรือไม่ก็ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ฟังดูดี ๆ ทั้งนั้น แล้วแปลว่าอะไร ? ศีลธรรม คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้ ประกอบไปด้วยความดีงามที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ใครปฏิบัติสามารถทำได้ จนกลายเป็นที่เชื่อถือของผู้อื่น เขาเรียกว่าคุณธรรม คือความดีเฉพาะตนของคนนั้น เมื่อบุคคลเห็นว่าบุคคลนั้นทำความดี อยากจะทำตาม เมื่อมีผู้ทำตามเขาเรียกว่าจริยธรรม ก็คือผู้นั้นเป็นแบบอย่างแก่คนอื่นได้

ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากมาก เพราะฉะนั้น..อย่าไปเชื่อฝรั่งที่บอกว่า "ภาษาไทยง่ายนิดเดียว" ฝรั่งคนไหนพูดว่า "ใครขายไข่ไก่" ได้โดยไม่ผิดเลยนั่นถึงจะเก่งจริง..! แต่อาตมาเคยเจอทั้งฝรั่งอู้กำเมือง ทั้งฝรั่งเว้าลาว ลื่นน้ำไหลไฟดับ เขาถามด้วยนะว่า "ผมเว้าอีสานนี่ ฟังกันออกบ่ ? ผมพูดไทยกลางแล้วเหนื่อย" ก็คือสำเนียงอีสานหรือสำเนียงลาวเป็นสำเนียงสากลมากกว่าสำเนียงไทย ฝรั่งสามารถออกสำเนียงอีสานได้ชัดมาก แต่ออกสำเนียงไทยภาคกลางไม่ได้ ประหลาดดีเหมือนกัน

มีคนส่งรูปพระสงฆ์โดนประแป้งเสียหัวหูขาวโพลนไปหมดมาให้ดู ถามว่าได้บาปหรือได้บุญ ? หลวงตาท่านนี้ถูกประแป้งเสียขาวไปทั้งหัว ไม่ใช่ว่าผมท่านขาวนะ นั่นแป้งทั้งนั้น โอ้โห..โดนทั้งวัดเลย..เวรกรรม..! คือคนเราสมัยนี้ไม่ค่อยรู้กาละเทศะ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่อบรมหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?

อย่างเราสรงน้ำพระ อาตมาก็ถวายน้ำสรงที่พระหัตถ์ อย่างเก่งก็ที่หน้าตัก เจอเด็กรุ่นใหม่ตักรดพระเศียรโครมเลย ภูมิใจมากว่าได้สรงน้ำพระแล้ว ราดเศียรพระพุทธรูปเลย..! เศียรอย่างเดียวไม่พอ ได้พวงมาลัยก็เอามาคล้องคอพระ ดูแล้วเหมือนนักร้อง..!

ถ้าสภาพจิตของเราละเอียดสักหน่อย เราก็จะรู้ว่าไม่สมควร แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ไม่มีใครกล้าพูด ไม่มีใครกล้าบอก กลัวเขาจะไม่เข้าวัด ส่วนวัดท่าขนุนกลัวเขาจะเข้าวัด..! คนพวกนี้มาก็มาป่วนวัดเสียเปล่า ๆ เพราะฉะนั้น..ด่า ๆ ไปตั้งแต่แรก ถ้าเปลี่ยนแปลงได้ก็เป็นความดีของเขา ถ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เขาไม่มาวัดก็ดี เพราะคนประเภทนี้เราก็ไม่อยากให้มาอยู่แล้ว..!

คุยมาทั้งเช้าเดี๋ยวจะเอาอะไรไปเทศน์ ? คุยไปหมดแล้ว..! อาตมาไปไหนมาไหนถือแก้วเก็บอุณหภูมินี้ไปด้วย คนอื่นเห็นเขาบอก "หลวงพ่อติดกาแฟ" บนแก้วเขียนว่า Starbucks (สตาร์บัคส์) แต่ข้างในมีแต่น้ำร้อน ถ้ากาแฟแก้วใหญ่ขนาดนี้..เขาเอาไว้อาบ..ไม่ได้ไว้กิน..!

ศาลาหลังนี้สร้างปีเสร็จปี ๒๕๕๖ ปีนี้ ๒๕๖๗ ผ่านมา ๑๑ ปีแล้ว ที่จำได้เพราะว่าพอสร้างศาลาเสร็จ ก็วางโครงการหล่อพระพุทธรูปทองคำ จำได้ว่าเริ่มเปิดรับบริจาคทองคำปี ๒๕๕๖

ตอนแรกที่ออกแบบศาลา บอกกับผู้ออกแบบว่าให้ร่างแบบศาลาแบบนี้..แบบนี้..แล้วให้เอามาให้ดู เขาถามว่า "ทำไมต้องสูงขนาดนี้ ?" ตอบไปว่า "ในนี้มีทั้งมณฑป มีทั้งศาลา" เขานึกภาพให้ตายเขาก็นึกไม่ออก แต่ตอนนี้พอเห็นมณฑป เห็นศาลาแล้ว ก็เพิ่งจะรู้ว่า อ๋อ..ออกมาจะเป็นอย่างนี้

แสดงว่าสถาปนิกนี่สู้ "สถาปนึก" ไม่ได้
"สถาปนึก" เห็นภาพหมดแล้วว่าจะออกมาอย่างไร ในขณะที่สถาปนิกยังออกแบบไม่เป็นเลย อธิบายแล้วอธิบายอีกก็ยังไปไม่เป็น ขอยืนยันว่าวิศวกรโครงสร้างหรือสถาปนิกนี่ฟุ้งซ่านทุกราย..! ถึงเวลาออกแบบจะต้องดูว่ามีวัตถุประสงค์อะไร ? มีแนวคิดอย่างไร ? ยุ่งฉิบ..เขียนแบบไปเลยไม่ได้หรือวะ..?

คราวนี้ส่วนใหญ่ที่นี่เขาจะไปสรงน้ำพระกันวันที่ ๑๖ หรือ ๑๗ เพราะเขารู้ว่าวันที่ ๑๕ คนส่วนใหญ่จะมาสรงน้ำพระกันที่วัดท่าขนุน ก็เลยต้องหลีกวัดท่าขนุนหน่อย ถ้าขืนจัดตรงกันเดี๋ยวจะเหมือนกับประเทศเขมร จัดสงกรานต์ตรงกับประเทศไทย แถมยังไป "เคลม" ว่าสงกรานต์มีกำเนิดมาจากเขมร เล่นเอาคนหัวเราะกันฟันจะหัก..!

สงกรานต์เป็นภาษาสันสกฤต ไม่ใช่ภาษาเขมร บอกว่าสงกรานต์มีกำเนิดมาจากอินเดียยังพอเป็นที่เชื่อถือได้ อินเดียมีน้ำน้อยเขาก็เลยสาดสีกันแทน เทศกาลโฮลีของเขานั่นแหละ ชอบใจมากตรงที่ประเทศอินเดียทำสีอะไรได้ขนาดนั้น สีแดงเป็นแดง สีเหลืองเป็นเหลืองจริง ๆ แดงก็แดงแปร๊ดแสบตาไปเลย สีเหลืองก็เหลืองจัดจ้าชนิดที่เห็นแล้ว ถ้าง่วง ๆ อยู่ก็ตื่นเดี๋ยวนั้นเลย..! ทำไมบ้านเราไม่มีสีอย่างนั้นบ้าง..?

อินเดียเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ มีอารยธรรมโบราณอย่างโมเฮนโจ-ดาโร และฮารัปปา ส่วนทางด้านประเทศจีนก็มีอารยธรรมเก่าแก่ตั้งแต่ราชวงศ์เซี่ย ราชวงศ์ซาง ไล่มา ฝ่ายหนึ่งเป็นอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นอารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห พูดถึงความเก่าแก่แล้วก็เก่าแก่ใกล้เคียงกัน

แต่ว่าประเทศจีนได้เปรียบตรงที่ว่านักปราชญ์จีนโบราณชอบบันทึก แล้วบรรดาฮ่องเต้ซึ่งก็คือพระมหากษัตริย์จีน ก็จัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับบันทึกต่าง ๆ ในรัชกาลของตัวเองขึ้นมาโดยเฉพาะ ถ้ามีเวลาว่างเหลือก็ชำระบันทึกประวัติศาสตร์โบราณเอาไว้ด้วย ก็เลยทำให้สามารถสืบค้นย้อนหลังไปได้ ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ปี มีหลักฐานชัดเจน

ส่วนของอินเดียไม่ค่อยจะบันทึก ถ้าบันทึกก็ต้องเป็นพวกบรรดาพระฤๅษี บางทีเข้าสมาธิเขียนตำรากันที เขียนคัมภีร์กันทีละเป็นเดือนเป็นปี คนธรรมดาทำไม่ได้เพราะว่าอดตายก่อน..! ได้เวลาแล้ว..ขออนุญาตขึ้นธรรมาสน์ก่อน...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 29-04-2024, 16:03
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 336
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,483 ครั้ง ใน 814 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default

ปกิณณกธรรมเทศกาลสงกรานต์ วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (ก่อนทำวัตรค่ำ)


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 29-04-2024, 16:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,175 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยที่อาตมภาพเป็นทหาร ช่วงวันหยุดเทศกาลต่าง ๆ เพื่อนจะขอให้เข้าเวรแทน เหตุผลของเขาก็คือ "มึงไม่มีแฟน มึงไม่รู้หรอก..!" เพื่อนขอร้องให้เรารับเวรแทน ได้ชั่วโมงละ ๗๐ บาท สมัยนั้นทองคำบาทละ ๒,๐๐๐ บาท ดังนั้น..ค่าเวรแพงมากเลยนะ..! แล้วยังเป็นหนี้บุญคุณกันอีกด้วย "คราวหน้ากูขอร้องอะไร ถ้ามึงปฏิเสธ กูจะไม่เข้าเวรแทนอีก..!"

เพราะฉะนั้น..อาตมาก็เลยกลายเป็นทหารที่ผิดปกติ ก็คือในยุคนั้นส่วนใหญ่ทหารต้องกลับบ้านไปขอเงินทางบ้านใช้ แต่อาตมานี่หอบเงินกลับบ้าน ลองคิดดูชั่วโมงละ ๗๐ บาท ถ้าหากว่าควงเวรหนึ่งคืน ๖ ชั่วโมง ก็ล่อไป ๔๐๐ กว่าบาทแล้ว แล้วช่วงสงกรานต์แค่วันเดียวเสียเมื่อไร ช่วงปีใหม่อย่างน้อยก็วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๑ มกราคม อย่างน้อยก็สองวัน ช่วงลอยกระทงถ้าติดเสาร์อาทิตย์ด้วยก็ถึงสามวัน ช่วงสงกรานต์นี่สามวันแน่นอนอยู่แล้ว เข้าเวรกันชนิดลืมตายไปเลย..!

ภาษาทหารมีคำว่า "ดองเวร" ดองเวรนี่คือโดนลงโทษ ก็คือลงโทษให้ไปเข้าเวร แต่อย่างของอาตมานี่เขาเรียกว่า "ดองตัวเอง" รับจ้างเข้าเวร บางทีครึ่งค่อนเดือนเจ้านายไม่ได้เห็นหน้าหรอก เพราะว่าเข้าเวรไปเรื่อย เพราะฉะนั้น..ในช่วงของเทศกาลต่าง ๆ ก็เลยกลายเป็นว่าเป็นเวลาที่เงินสะพัด

แต่ขณะเดียวกันก็มีพวกเมาแล้วขับ ทำให้เจ็บ ให้ตายกันทุกปี ปีละมาก ๆ เดี๋ยวเรามาดูยอดปีนี้ว่าพอพ้นวันที่ ๑๖ ซึ่งเป็นวันหยุดไปแล้ว ช่วง ๑๒ - ๑๖ เมษายน รวมห้าวันจะกี่ศพ ? ส่วนที่บาดเจ็บไม่หนี ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ราย..!

คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครไม่ประมาทอย่างหนึ่ง แล้วก็ใครมีวัตถุมงคลดีอีกอย่างหนึ่ง วันก่อนเขามีคลิป เกือบหลับแต่กลับมาได้ รถกระบะขับชิดขวา อยู่ ๆ ก็ปาดซ้าย ๆ ๆ ไปสามเลน ตกลงข้างทาง แล้วก็หักขวับกลับขึ้นมา แสดงว่าตอนเริ่มตกข้างทางนี่สะเทือนแล้วคนขับตื่น..! ปกติแล้วมักจะตื่นตอนชนแล้ว คราวนี้ต้องบอกว่าดวงดีหรือไม่ก็วัตถุมงคลดี พอเริ่มจะตกถนนก็สะดุ้งตื่น จึงหักรถกลับมาได้

เรื่องของการขับรถ เราระมัดระวังไม่ชนคนอื่น ไม่ได้แปลว่าคนอื่นไม่ชนเรานะ บางคนระวังทั้งชีวิต ทะนุถนอมรักรถสุด ๆ ที่ไหนได้..คนอื่นมาทิ่มเสียบุบไปครึ่งคัน..! เพราะฉะนั้น..
ประเทศลาวนี่พอถึงเวลาเขาสอนขับรถ เขาสอนง่าย ๆ ข้อที่ ๑ เจ้าอย่าขับไปตำผู้อื่น ข้อที่ ๒ เจ้าอย่าให้ผู้อื่นขับมาตำเจ้า ข้อที่ ๓ เจ้าและผู้อื่นอย่าขับไปตำกัน แค่นั้นแหละ..ถ้าใครทำได้ก็เป็นอันว่าขับรถได้ ก็คือเราอย่าขับไปชนคนอื่น อย่าให้คนอื่นขับมาชนเรา และเรากับคนอื่นอย่าขับไปชนกัน ก็มีอยู่แค่นั้นเอง

คราวนี้ของพวกเรามาอยู่วัด เป็นการประกันความเสี่ยงอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่ต้องไปตะลอน ๆ บนท้องถนน วันนี้พวกใจร้อนเริ่มกลับบ้าน อุบัติเหตุจะเยอะขึ้น พรุ่งนี้พวกประเภทเที่ยวเพลินจะเริ่มแห่กันกลับ ก็จะยิ่งเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น

บางวันอาตมาเลิกงานจากที่นี่ ต้องไปงานอื่นต่อ กว่าจะถึงที่หมายเจออุบัติเหตุ ๔ - ๕ จุด บางจุด ๓ - ๔ คันเลย..! ก็ได้แต่ระวังแล้วก็ระแวง ระวังก็คืออย่าให้เป็นอย่างนั้น ระแวงก็คือคนอื่นจะมาจิ้มเราหรือเปล่า ?

ถ้าถามว่าเรื่องพวกนี้แก้ไขได้ไหม ? ถ้าเป็นวาระกรรมเก่าก็แก้ไขไม่ได้ ถามว่าวาระกรรมอะไร ? ถ้าถึงเจ็บถึงตายนี่ก็คือกรรมปาณาติบาตเก่า ถ้าไม่เป็นอะไรแต่ทรัพย์สินเสียหายก็คือกรรมอทินนาทาน

ก็เลยกลายเป็นว่าขึ้นรถแต่ละที มีหลวงพ่อกี่องค์ก็ต้องปลุกมาให้หมด "ผมหลับได้ แต่หลวงพ่อห้ามหลับนะครับ ถ้าหลวงพ่อหลับนี่ผมแย่แน่..!" ว่าอย่างนั้น..!

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันสงกรานต์ ๒๕๖๗ ณ วัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ - วันอังคารที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2024 เมื่อ 20:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว