กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-09-2009, 14:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เกิดเป็นชาวทิเบต

ดูพวกชาวทิเบตเขากราบพระเป็นหมื่น ๆ ครั้ง เขาสวดมนต์กันทั้งวัน เห็นแล้วเสียดายกำลังใจ กำลังใจแบบนั้นถ้าตัดเข้าหาความเป็นพระอริยเจ้านี่สงสัยไปแทบยกประเทศ แต่ว่าของทิเบตเขามาสายพระโพธิสัตว์ มหายานนี่เน้นความเป็นพระโพธิสัตว์ เขาถือว่าหินยานหรือเถรวาทของเราเป็นการคับแคบ ไปแต่ตัว แต่ของเขาที่เรียกว่ามหายานเพราะสามารถขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสารได้มากต่อมาก ฉะนั้นกำลังใจเลยมุ่งไปทางด้านนั้น

ถาม : แล้วอย่างนี้ส่วนใหญ่คนที่อยู่ก็เป็นพุทธภูมิสิคะ
ตอบ : ต่อให้ไม่ใช่พุทธภูมิ ก็ต้องโดนบังคับจนใช่ เพราะว่าเขานิยมกันอย่างนั้น ในเมื่อทุกคนไปทางนั้นกันหมดเขาก็ต้องตาม

ถาม : อย่างนี้ก็เท่ากับว่าไม่ได้เป็นคนคิดเอง
ตอบ : สิ่งแวดล้อมพาไป ของเดิมมาก็มี

แต่ว่าการบวชพระ บวชเณรที่ทิเบตนั้นดีอยู่ตรงที่ว่าได้เรียนความรู้ใหม่ ๆ เพราะทันทีที่จะเข้าไปบวช อาจารย์จะตรวจดูแล้วว่า อดีตชาติคุณเป็นใคร ศึกษามาถึงไหนแล้ว เขาจะทวนของเก่าให้ แล้วหลังจากนั้นก็จะส่งไปให้อาจารย์ระดับนั้นที่เราจะต้องศึกษาสั่งสอนต่อไปอีก เป็นการสั่งสมความรู้ชาติแล้วชาติเล่า เพิ่มขึ้นไปเรื่อย เขาถามว่ามีพลาดไหม...มี แม้กระทั่งการคัดเลือกตัวดาไลลามะก็มีพลาดเหมือนกัน แต่ว่าพลาดน้อย ก็เลยยังเป็นที่เชื่อถือกันอยู่ หลายต่อหลายคนเมื่อสั่งสมกำลังสมาธิจนถึงระดับหนึ่งแล้วของเดิมกลับมา ก็ระลึกชาติได้ เห็นกายสังขารของตนเองชาติที่แล้ว ๆ ก็จำได้ว่า อ้อ นี่ตัวเอง

เคยไปเกิดที่นั่นหลายหน ตอนที่เกิดที่นั่นส่วนใหญ่แล้วตามหลวงปู่ครูบาวงศ์ อาหารทางด้านนั้นก็ไม่มีอะไร มีแป้งซัมปา แป้งผสมน้ำ ปั้น ๆ หน่อยแล้วก็กิน กินกับชาใส่นม ชานมนี่ไม่ใช่นมเฉย ๆ แต่มีเนยด้วย ต้องบอกว่าอยู่ได้เพราะชามากกว่า แป้งมีส่วนน้อยเพราะอากาศหนาวจัดจริง ๆ ชาเขาใส่นมใส่เนย กินกันเช้ายันค่ำเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-09-2009 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-09-2009, 14:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในครอบครัวถ้ามีลูกชายต้องส่งไปบวชหนึ่งคน ถ้าไม่มีลูกชายแล้ว เมื่อลูกสาวแต่งงานพ่อนั่นแหละต้องไปบวช เท่ากับบังคับเลย แล้วบ้านเขาคณะรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีจะเป็นพระเสียครึ่งหนึ่ง ส่วนผู้นำสูงสุดเป็นพระ เป็นดาไลลามะ คำว่า ดาไล แปลว่า มหาสมุทร หมายถึง มหาสมุทรแห่งปัญญา สั่งสมความรู้มากขึ้น ๆ คำว่าลามะ คือ พระอาจารย์ผู้ใหญ่

เมื่อนิมิตเกิด เวลาเห็นนี่ไม่ทราบคนอื่นเป็นหรือเปล่า คือเหมือนกับตัวเราอยู่ตรงนั้นจริง ๆ นิมิตตอนไปนั่งกินแป้งซัมปา กลืนลงไปติดคอ ยังรู้สึกว่าติดคอเราอยู่ตอนนี้ มันติดคอก็ต้องกรอกน้ำชาตาม

ของประจำตัวของคนทิเบต ส่วนใหญ่เขาใส่ไว้ในอกเสื้อ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ถ้าหากว่าไม่ใช่แกะสลักจากพวกหินพวกแร่ ก็จะแกะจากไม้หรือไม่ก็จากดิน หรือไม่ก็ภาพที่เขียนอยู่บนแผ่นผ้า ที่เขาเรียก พระบฎ อย่างที่สองก็จะเป็นชามที่สารพัดประโยชน์ ส่วนใหญ่ก็ทำจากไม้เพราะว่าพวกชามอื่น ๆ นั้นแตกง่าย สมัยนี้น่าจะมีสเตนเลสแล้วนะ ทั้งใช้เป็นขันล้างหน้า ใช้เป็นชาม เป็นภาชนะบรรจุของ รวม ๆ ทั้งบรรจุพระหรือแผ่นพระบฎด้วย ถึงเวลาใส่เข้าไปในชาม ยัดเข้าไปในอกเสื้อ แล้วอย่างสุดท้ายก็คือผ้าขาว ที่เขาเรียกว่า ขะตะ เอาไว้ทำความเคารพอย่างเช่นแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย ต่อพระสงฆ์หรือผู้ใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-09-2009 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-09-2009, 15:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ชาติหนึ่งที่เกิดที่นั่น หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านเป็นพ่อ ที่นั่นการทำมาหากินถ้าหาได้ชนปีก็ถือว่าเก่ง เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะหวังให้มีเงินเก็บนั้นน้อยมาก บรรดาการแสวงบุญต่าง ๆ ที่เราจะพึ่งพาหนะก็ยาก มีม้า มีลา มีวัว จามรีให้ขี่ ถือว่าดีแล้ว ที่เหลือก็คือเท้า เดินเอา เดินจนข้ามเดือนเลย ไม่ใช่ข้ามวัน ถ้าหากอยู่แคว้นคำ แคว้นโด จะห่างจากเมืองหลวงเยอะ แถว ๆ ชายแดนกว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวง บางทีเป็นเดือน ๆ

ในเมื่อไม่มีเงิน จากความที่ต้องการมีพระประจำตัว พ่อลูกก็ช่วยกันทำงาน ปลูกผักปลูกหญ้าบ้าง ใช้แรงงานบ้าง ได้เงินมานิดหน่อยก็เก็บ เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งก็ไปจ้างช่างเขาให้แกะพระ ช่างเขาก็บอกว่าเงินน้อยไป ถ้าหากทำพระด้วยวัสดุอย่างอื่น เงินจำนวนนี้ไม่พอ ก็เลยจะปั้นพระด้วยดินเหนียวให้ จึงไปขุดดินมาร่อน ก็คือ เอาสิ่งสกปรกออกจนหมด ผสมน้ำนวด ย่ำแล้วย่ำอีก ทิ้งเอาไว้ หมักแล้วหมักอีก จนกระทั่งมั่นใจว่าดีแน่แล้วก็เชิญช่างเขามาปั้นให้

ปรากฏว่าช่างเขาทำแบบเสียไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นว่าพอถึงเวลาตรวจดูงาน เนื้อดินไม่เข้ากัน มีรอยร้าวอยู่ ก็ขอให้ช่างเขาทำใหม่ ช่างก็บอกปัด บอกว่า "ดินแห้ง แข็งแล้ว ทำไม่ได้หรอก" หลวงปู่ครูบาวงศ์ในชาตินั้นท่านก็ไปจับ ๆ คลำ ๆ ท่านฉลาดมากเลย ท่านถามว่า "ถ้าหากยังไม่แห้ง ก็ทำให้ได้ใช่ไหม" ช่างก็บอกว่า "ได้" หลวงปู่บอกว่า "ยังไม่แห้งหรอก ลองจับดูสิ" พอลองไปจับดูกลายเป็นนิ่มไปเลย ช่างก็เลยต้องทำให้ใหม่

พอได้พระมาคราวนี้ พ่อกับลูกก็กลับบ้าน ตั้งพระไว้บนหิ้งแล้วก็ปูแผ่นกระดาน ปูแผ่นหนัง แล้วก็กราบกันเป็นพัน ๆ ครั้ง กราบจนติดตาติดใจ ทุกวันนี้ยังทำได้เลย กราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์ ปกติเบญจางคประดิษฐ์ เราจะกราบด้วยองค์ ๕ ส่วนอัษฎางคประดิษฐ์ จะกราบด้วยองค์ ๘ กราบแล้วก็ยืดราบไปกับพื้น

พวกนักแสวงบุญนี่ถ้าเดินทางมาที่เมืองลาซา พอเริ่มเห็นพระราชวังโปตาลา ที่เป็นที่ประทับขององค์ดาไลลามะ เขาก็จะเริ่มกราบ กราบไปก็คืบไป จนกว่าจะถึง ระยะทางหลายกิโลเลยนะแต่เขาก็ทำอย่างนั้นแหละ นั่นนะศรัทธาขนาดนั้นน่าเสียดายมาก ถ้าหากเข้าถูกทางไปกันยกประเทศเลย

เรื่องพวกนี้จริง ๆ เราก็เล่าสู่กันฟังเท่านั้น ถ้ามีโอกาสน่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนิมิต ไม่รู้ว่าจะมีเวลาหรือเปล่า เพราะพวกเราเรื่องปกติไม่ค่อยจะฟังกันหรอก แต่ถ้าเรื่องพวกนี้เราสนใจมาก ...(หัวเราะ)...


เทศน์ที่บ้านอนุสาวรีย์ช่วงเย็น
วันจันทร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-09-2009 เมื่อ 15:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-09-2009, 15:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อท่านบอกว่า เล่าสู่กันฟัง เถรีก็เล่าสู่กันฟังเป็นตัวหนังสืออีกทีหนึ่งค่ะ แฮ่ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-09-2009, 23:13
ปราโมทย์ ปราโมทย์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2009
สถานที่: Ratchaburi & Kanchanaburi
ข้อความ: 53
ได้ให้อนุโมทนา: 128,343
ได้รับอนุโมทนา 20,059 ครั้ง ใน 820 โพสต์
ปราโมทย์ is on a distinguished road
Default

พวกเราเรื่องปกติไม่ค่อยจะฟังกันหรอก ถ้าเรื่องพวกนี้เราสนใจมาก


ประโยคนี้เหมือนรู้ใจเลยครับ

ฝากคุณเถรีเล่าสู่กันอ่านต่อไปนะครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ปราโมทย์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 16-09-2009, 10:39
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,909 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

มั่นใจว่า เคยเกิดเป็นพระลามะที่ทิเบต ทุกวันนี้ยังตั้งจิตอธิษฐานให้ได้กลับไปกราบครูบาอาจารย์ที่นั้น.....
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โอรส : 18-09-2009 เมื่อ 10:12 เหตุผล: แก้คำผิด ธิเบต-ทิเบต
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว