กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-05-2014, 15:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,200 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ขอให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตน กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ – ๓ ครั้งเพื่อระบายลมหยาบให้หมด หลังจากนั้นก็ปล่อยให้การหายใจเป็นไปโดยธรรมชาติ เพียงแต่เอาความรู้สึกกำหนดรู้ตามลมหายใจของเราไปด้วย หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมออกมา จะกำหนดการกระทบฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือกำหนดรู้ตลอดกองลมก็ได้ จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วันนี้อยากให้ทุกท่านทบทวนว่า การปฏิบัติธรรมของเราที่ผ่านมานั้น หาความก้าวหน้าไม่ได้หรือไม่สามารถรักษาระดับเอาไว้ได้ เป็นเพราะเราขาดการปฏิบัติอย่างไร ?

ลองนึกไปถึงตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ทันทีที่รู้สึกตัว เรานึกถึงภาพพระพร้อมกับลมหายใจเข้าออกได้หรือไม่ ? เรามีการทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราหรือไม่ ? เราได้ตั้งกำลังใจไว้หรือไม่ว่า ถ้าหากว่าวันนี้ชีวิตของเราสิ้นสุดลง เราจะไปที่ไหน ?

ระหว่างที่เราอาบน้ำแต่งตัวก็ดี เตรียมข้าวปลาอาหารก็ดี เรามีความรู้สึกว่า การกระทำอย่างนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตหรือเปล่า ? ถ้าเป็นการกระทำครั้งสุดท้ายในชีวิต แล้วเราตายลงไปตอนนี้ เราคิดว่าเราจะไปที่ไหน ? ระหว่างที่เดินทางไปทำงาน ไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟก็ดี รถเมล์ก็ดี รถแท็กซี่หรือรถส่วนตัวก็ตาม เรากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเราได้หรือไม่ ? เรากำหนดภาพพระของเราได้หรือไม่ ? จิตของเราเกาะพระนิพพานเป็นปกติหรือไม่ ?

ระหว่างที่ทำงานอยู่ เรามีความรู้ตัวทั่วพร้อมหรือไม่ ? คิดบ้างหรือไม่ว่า ถ้าเราทำงานครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เราควรจะทุ่มเทให้เต็มที่ เพื่อให้ผลงานนั้นออกมาให้ดีที่สุด ถ้าเราตายลงไป จะได้เป็นการจากไปอย่างสง่างามที่สุด เพราะเราทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับการงานอย่างเต็มที่แล้ว ถึงอยู่คนเขาก็เกรงใจ ถึงไปคนเขาก็คิดถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2014 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-05-2014, 18:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,200 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในระหว่างที่พักกินอาหารกลางวัน เรามีเวลาเกาะลมหายใจเข้าออกบ้างหรือไม่ ? เราเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายที่เรียกร้องอาหารอย่างน้อยวันละ ๓ มื้อบ้างหรือไม่ ? เห็นความทุกข์ที่กินเสร็จแล้วต้องไปทำความสะอาด แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ หรือไม่ ?

เมื่อถึงเวลากลับเข้ามาทำงานใหม่ เรารู้สึกหรือไม่ว่างานที่เราทำนั้นเราต้องทำให้ดีที่สุด บุคคลที่มีเวลาน้อย ชีวิตจะตายลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้แน่ เราต้องทุ่มเทสร้างผลงานให้ดีที่สุด ฝากชื่อไว้กับโลกนี้ว่าไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้นำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ถึงตายลงไปแหงนหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน

เมื่อเลิกงานเดินทางกลับบ้าน เราคิดบ้างหรือไม่ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิต เราจะไปไหน ? กลับถึงบ้านไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้า หุงข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ตาม แม้กระทั่งกำลังกินอาหารอยู่ เรานึกรู้ถึงลมหายใจเข้าออกหรือคำภาวนาได้หรือไม่ ? สามารถกำหนดภาพพระไว้ได้หรือไม่ ?

ก่อนนอนเรามีเวลาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเรา ว่ามีข้อบกพร่องตรงที่ใดบ้างหรือไม่ ? ถ้าจุดใดบกพร่อง ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไป หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ตายลงไปในคืนนี้ เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว เราสามารถกำหนดกำลังใจได้อย่างนี้หรือไม่ ? เมื่อนอนลงก่อนที่จะหลับ เราจับลมหายใจเข้าออก จับภาพพระ หรือเกาะพระนิพพานได้หรือไม่ ?

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราสามารถทำได้พร้อมกับการทำหน้าที่ในชีวิตประจำวัน ไม่มีอะไรขัดขวางกันเลย ทุกอย่างจะหนุนเสริมกันไปหมด ถ้าเรามีสติอยู่เฉพาะหน้า งานการทุกอย่างก็จะออกมาดีเลิศ ถ้ากำลังใจของเราเกาะความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา เกาะพระพุทธเจ้า เกาะพระนิพพานไว้ เราก็ไม่ต้องกระทบกระทั่งกับใคร

ถ้าเป้าหมายในการดำเนินชีวิตเราชัดเจน ก็คือทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ตายลงไปเมื่อไรเราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว ก็นับว่าท่านทั้งหลายไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติธรรมแล้วน้อมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของตน ลำดับต่อไปขอให้ทุกคนตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 05-03-2019 เมื่อ 00:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว