กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-10-2015, 13:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,126 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๘

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดลมหายใจเป็นฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือรู้ตลอดกองลมก็ได้ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ อยากจะเตือนท่านทั้งหลายว่า การสมาทานกรรมฐานของเรานั้นเป็นสัจจะอธิษฐานอย่างหนึ่ง เราสมาทานว่า “อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจัชชามิ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

คำว่า มอบกายถวายชีวิต นั่นคือ แม้จะต้องตายลงไปในการปฏิบัติธรรม เราก็ยินดีที่จะเอาชีวิตเข้าแลก แต่อยากจะให้ทุกท่านลองสังเกตดูหรือถามใจตนเองว่า เท่าที่ผ่านมานั้น การปฏิบัติธรรมของเราอยู่ในระดับที่เอาชีวิตเข้าแลกหรือไม่ ? หรือว่าเมื่อยหน่อยก็เลิกแล้ว หรือว่าอึดอัดหายใจไม่ออกหน่อยก็เลิกแล้ว หรือเกิดอาการน้ำตาไหล ร่างกายโยกไปมา หรือดิ้นตึงตังโครมคราม กลัวขึ้นมาก็เลิกอีก

หรือรู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวแตก ตัวระเบิด ตัวลอยขึ้น เกิดความกลัวขึ้นมาก็เลิก ถ้าอย่างนั้น ที่เราให้สัจจะไว้ว่าเรามอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นการที่เราทั้งหลายเอ่ยแต่ปากเท่านั้น

แม้กระทั่งการรักษาศีลทุกสิกขาบทของเรา เราก็ต้องถามตนเองว่า ถ้ามีโอกาสฆ่าสัตว์ เรางดเว้นได้หรือไม่ ? มีโอกาสหยิบฉวยลักขโมยข้าวของของคนอื่น เรางดเว้นได้หรือไม่ ? มีโอกาสประพฤติผิดในกาม มีโอกาสในการโกหกหลอกลวงผู้อื่น มีโอกาสในการดื่มสุราเมรัย เรางดเว้นได้หรือไม่ ? โดยเฉพาะในเรื่องของสุราเมรัย ถ้าหากถึงขนาดติด ที่เขาเรียกว่า แอลกอฮอลิซึ่ม (alcoholism) ถึงเวลาขาดไม่ได้ แค่เห็นขวดสุรายังไม่ทันที่จะกินก็มือไม้สั่น บางคนถึงขนาดอาเจียนออกมาก็มี ถ้าลักษณะอย่างนั้นเราตั้งใจละเว้นได้หรือไม่ ?

ถ้าหากว่าละเว้นได้ แม้ว่าจะเกิดอาการรุนแรงกับร่างกายขนาดไหนก็ตาม นั่นถึงเรียกว่าเรายินดีมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แปลว่าเรายอมแลกด้วยชีวิต เพื่อให้เข้าถึงความดีตามที่เราต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 14:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-10-2015, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,126 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การปฏิบัติธรรมนั้นต้องจริงจังทุ่มเท ต้องเอาชีวิตเข้าแลก ครูบาอาจารย์สายอีสาน สายวัดป่า ท่านปฏิบัติแบบเอาชีวิตเข้าแลกกันทั้งสิ้น ถึงขนาดสรุปว่า “ธรรมะอยู่ฟากตาย” พูดง่าย ๆ ว่าธรรมะอยู่ฝั่งเดียวกับความตาย ถ้าไม่ก้าวเข้าไปหาความตาย ก็ไม่มีโอกาสได้ธรรมะ บางท่านก็ค่อย ๆ ผ่อนอาหารลง จนถึง ๑๕ วันไม่ฉันอะไรเลยก็มี เพราะอยากจะดูว่าถ้าไม่ฉันอะไรเลย ไม่มีเรี่ยวแรง แล้วรัก โลภ โกรธ หลงจะอาละวาดได้หรือไม่ ?

บางท่านก็เข้าไปในป่าเสือป่าช้าง ถ้าหากว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นมีเวรมีกรรมต่อกันมา ก็ยอมสละชีวิตนี้เพื่อแลกกับธรรมะ บางท่านก็เอาปีบไปตั้งอยู่ริมเหว นั่งกรรมฐานอยู่บนก้นปีบ ถ้าหากว่าเผลอสัปหงก ก็ตกเหวตายไปเลย ท่านเอาชีวิตเข้าแลกกันขนาดนั้น ท่านถึงได้ธรรมะขึ้นมา เข้าถึงสภาวธรรมตามวาสนาบารมีที่จะพึงได้ กลายเป็นครูบาอาจารย์ที่มีคนเคารพนับถือเต็มบ้านเต็มเมือง

เมื่อเราดูตัวอย่างแล้ว เรามอบกายถวายชีวิตให้แก่พระรัตนตรัยได้อย่างท่านทั้งหลายเหล่านั้นหรือไม่ ? ไม่ใช่ลำบากหน่อยก็บ่น ลำบากหน่อยก็โอดครวญ อย่างวันนี้มีโยมลองใช้กสิณดู พอเผากระดาษทิชชู่ได้ก็กลัว ไม่กล้าทำต่อ เพราะกลัวว่าจะคุมไม่ได้ การฝึกกสิณก็เหมือนเราเลี้ยงลูกหมามาตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งโตขึ้นมา เป็นหมาที่เราเลี้ยงมากับมือ มีหรือที่เราจะคุมไม่ได้ แต่ก็ชิงกลัวไปล่วงหน้า เป็นต้น ก็แสดงว่าไม่ได้ยอมมอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง

วันนี้จึงมาเตือนสติพวกเราทุกคนว่า เรื่องของการปฏิบัติกรรมฐาน หรือการปฏิบัติธรรมนั้น เป็นเรื่องของบุคคลที่เข้าถึงปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสูงสุดแล้วเท่านั้น บุคคลที่เข้าถึงกำลังใจขั้นสูงสุด ขึ้นชื่อว่าความรักความอาลัยต่อชีวิตมากกว่าความดีนั้นย่อมไม่มี ท่านพร้อมจะสละชีวิตเพื่อแลกกับความดีเสมอ เราจึงควรที่จะจดจำและปฏิบัติตามแนวทางครูบาอาจารย์ หรือท่านที่ก้าวเดินไปก่อนได้วางเอาไว้ เพราะว่าถ้าทำได้อย่างนั้น เราก็สามารถเข้าถึงธรรมอย่างท่านทั้งหลายเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2015 เมื่อ 16:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-10-2015, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,126 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..การที่ท่านทั้งหลายมาฝึกปฏิบัติธรรมในวันนี้ เราต้องฝ่าฝนตก ฝ่ารถติดมา ทิ้งหน้าที่การงานต่าง ๆ มา ทิ้งคนที่เรารัก ของที่เรารักมา กำลังใจของท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถือว่าเข้มแข็งเพียงพอ คู่ควรต่อการบรรลุธรรมแล้ว เพียงแต่ว่าทำให้ดี ทำให้ถูก ทำให้เข้มข้นและสม่ำเสมอเท่านั้น โดยเฉพาะการรวบรัดตัดเข้าหาอารมณ์ใจของการเป็นพระโสดาบัน ก็คือต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเองแม้ด้วยเหตุแห่งชีวิต ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นละเมิดศีล

ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแม้ด้วยเหตุแห่งชีวิต มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว เมื่อวางกำลังใจมั่นคงอย่างนี้ได้แล้ว ก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัยจนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2015 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว