กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-11-2011, 10:51
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default การเจ็บป่วยเป็นของธรรมดา

การเจ็บป่วยเป็นของธรรมดา

๑. “มองร่างกายที่ป่วยอยู่ก็จักต้องรู้ว่าป่วย มิใช่ว่าจักไม่รู้นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะร่างกายยังมีวิญญาณเป็นเครื่องรักษา จิตละเอียดมากขึ้นแค่ไหน ยิ่งรู้ร่างกายป่วยด้วยอาการเช่นไรมากขึ้นแค่นั้น เพียงแต่ว่า ท่านรู้ก็สักเพียงแต่ว่ารู้ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปกับอาการทุกขเวทนาของร่างกายนั้น ๆ การหาหมอการเยียวยาก็ทำไปตามหน้าที่ ทำได้เป็นปกติและมีความรู้สึกเจ็บ รู้สึกปวดตามปกติ เมื่อเป็นอย่างนี้เมื่อพวกเจ้าเจ็บป่วยขึ้นมาบ้าง การรู้สึกเจ็บรู้สึกป่วยก็เป็นธรรมดา อย่าคิดว่าผิดธรรมดา เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง หรือเก็บงำเอาไว้ ป่วยแล้วจักบอกคนอื่นว่าไม่ป่วย ก็คือว่าฝืนธรรมดา หรือแม้แต่ป่วยแล้วยังหลอกจิตตนเองว่าไม่ได้ป่วย ก็ฝืนธรรมดาอีกนั่นแหละ พิจารณาอย่างไรให้ลงกฎธรรมดาเข้าไว้ แล้วจิตจักสบาย

๒. “การดูร่างกายป่วยด้วยอารมณ์จิตที่มีความสบาย คือดูด้วยความยอมรับกฎของธรรมดาของร่างกาย ความสุข ความสงบของจิตมีได้ ๒ ประการ คืออารมณ์เป็นสุขเนื่องจากณานหรือสมถะภาวนานั้น ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง สุขด้วยกำลังของวิปัสสนาญาณ แต่จักเห็นความแตกต่างกันไปว่า การกำหนดสมถะ อาทิเช่น การกำหนดจิตมุ่งสู่พระนิพพานด้วยกำลังของรูปฌานนั้น มีอารมณ์หนักและมีความกังวลคอยควบคุมดูอยู่ ว่าภาพนั้นจักหายหรือไม่ ต่างกับกำลังของวิปัสสนาญาณที่ค่อย ๆ พิจารณาร่างกายตามความเป็นจริง เมื่อจิตวางร่างกายจิตก็เบา และจักตัดการเกาะติดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก จิตจักพุ่งตรงไปสู่พระนิพพานเองด้วยความเบาใจเป็นอย่างมาก พึงสังเกตอารมณ์ ๒ จุดนี้ไว้ให้ดี ทำสลับกันไปสลับกันมา เพื่อให้จิตทรงตัว

๓. “อย่าติดในขันธ์ ๕ ของบุคคลอื่น ยิ่งพระอรหันต์ท่านทิ้งแล้ว จิตของท่านหมดภาระจากขันธ์ ๕ แล้ว เอาจิตระลึกถึงความดีของท่าน ปฏิบัติตามท่านให้ได้มรรคผลตามนั้น นี่แหละจึงจักเรียกว่าเข้าถึงพระอริยสงฆ์อย่างแท้จริง อย่าหลงในขันธ์ ๕ ของท่าน มีโอกาสไปก็ไปตามหน้าที่ เมื่อไม่มีโอกาสไปก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เอาจิตน้อมถึงท่านได้เป็นดี(ทรงเตือนเพราะมีบุคคลจำนวนมากที่ไปติดขันธ์ ๕ ของพระอรหันต์ แต่ไม่ยอมติดความดีของท่าน จิตมีความวิตกกังวล เมื่อไม่มีโอกาสไปงานเผาศพท่านจนเกินพอดี)

๔. “ให้สังเกตดูว่า การฟังธรรมแล้วลืมนั้นเป็นการฟังด้วยสัญญา มิใช่การฟังด้วยปัญญา คือเป็นการฟังแค่ผ่านไป ไม่ได้ฟังแล้วนำมาใคร่ครวญพิจารณา ฟังก็ฟังแค่ผ่านไป ฟังโดยไม่ได้ตั้งใจจำ เหตุนั้นจึงเป็นสัญญา ต่างกับการฟังอย่างรู้เรื่องด้วย ติดตามเรื่องด้วย เห็นอริยสัจตามนั้น โดยน้อมเข้ามาในจิตแท้ ๆ จิตมีความเห็นพ้องในอริยสัจนั้น นั่นแหละจิตจึงจักเข้าถึงคำว่าปัญญา เพราะจิตยอมรับนับถือเรื่องของขันธ์ ๕ อย่างจริงใจ ศึกษาเรื่องสัญญากับปัญญาให้ถ่องแท้ด้วย อย่าจำเอาแต่ตัวหนังสือว่าปัญญาคืออะไร ประเดี๋ยวจักได้แต่การติดตำรา


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 21-11-2011 เมื่อ 10:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว