กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-11-2009, 09:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default โชคดีที่เรามีในหลวง

ในความรู้สึกของในหลวง ประชากรทุกเชื้อชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ในประเทศ ก็คือ พสกนิกรของพระองค์ท่าน เหมือนกับเป็นลูกที่ท่านต้องให้การสงเคราะห์ เพื่อความกินดีอยู่ดีเสมอหน้ากัน

พระองค์ท่านไม่ได้มาแบ่งแยกว่า นี่เป็นพวกฉัน นั่นเป็นพวกเธอ เพราะว่าทุกคนก็คือลูกของท่านทั้งหมด
แต่อย่างพรรคการเมืองถ้าขึ้นไปบริหารราชการแผ่นดิน เขายังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก นี่พวกฉัน นั่นพวกเธอ ถ้าหากว่าเป็นพวกฉันก็ให้เยอะหน่อย ถ้าหากว่าเป็นพวกเธอก็รอไปก่อน จริง ๆ แล้วพระองค์ท่านแสดงตัวอย่างที่ดีให้ดูตลอด แม้กระทั่งพระบรมราโชวาทก็ตรัสเป็นแนวทางการปฏิบัติโดยตลอด แต่ก็กลายเป็นลมผ่านหูเขาไปเฉย ๆ

ในปัจจุบันส่วนใหญ่เล่นการเมืองด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ใช่เล่นการเมืองด้วยอุดมการณ์ที่จะตั้งใจให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง สาเหตุแรก ปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้องและตัวเอง ประการที่สอง ถ้ามีอำนาจอยู่ในมือก็จะเป็นผู้กระทำ ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ ประการที่สาม เพื่อขจัดคู่แข่งทั้งทางการค้าและทางการเมือง

นึกถึงอริสโตเติล เขาเป็นปราชญ์ที่มีชื่อเสียงมากของกรีก เขากล่าวไว้เป็นพันปีแล้วว่า ความดีของคนเริ่มหมดไปทันทีที่เล่นการเมือง ระบอบการเมืองจะดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าคนไม่ดี ระบอบก็ช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนกับกฎหมายเขียนไว้ดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าคนไม่ฟังเสียอย่างก็คงมีการยึดทำเนียบเป็นปกติ ยึดสนามบินเป็นปกติ ไม่สนใจอะไร

พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้สรรเสริญระบอบการเมืองการปกครองใด ๆ เลย แต่พระองค์ท่านประทานหลักธรรมที่เหมาะแก่ระบอบการปกครองนั้น ๆ เอาไว้ให้ อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ต้องมีจักรวรรดิวัตร ถ้าเป็นพระมหากษัตริย์ ก็ต้องมีทศพิธราชธรรม ถ้าเป็นระบอบสามัคคีธรรมหรือประชาธิปไตยอย่างในปัจจุบัน ก็ต้องมีหลักอปริหานิยธรรม เป็นต้น เพราะพระองค์รู้เสียยิ่งกว่ารู้ว่า ระบอบต่อให้ดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าคนไม่ดีก็เละเป็นโจ๊กทุกระบอบ ประเทศเราต้องบอกจริง ๆ ว่าบุญเหลือเกินที่มีในหลวง ถ้าไม่มีป่านนี้ล่มจมโงหัวไม่ขึ้นไปนานแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2014 เมื่อ 12:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-11-2009, 10:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.๓ - ป.๔ เขาให้ท่องเลยว่า สินค้าส่งออกสำคัญของไทยเราคือข้าว ยางพารา ดีบุก และมันสำปะหลัง พอมาตอนหลังก็เพิ่มข้าวโพดและอ้อยขึ้นมาด้วย ตั้งแต่ช่วงนั้น ก็มีการส่งเสริมให้ทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว ก็คือ ปลูกพืชชนิดเดียวเป็นจำนวนมาก ๆ เพื่อที่จะป้อนโรงงานหรือส่งต่างประเทศ การปลูกพืชเชิงเดี่ยวต้องอาศัยพื้นที่เป็นจำนวนมาก จึงจะเพียงพอกับความต้องการ

ช่วงระยะเวลาที่ไม่นานที่ผ่านมา มันสำปะหลังกิโลละ ๖๐ สตางค์ ตันหนึ่งราคาแค่ ๖๐๐ บาท มันสำปะหลังตันหนึ่งต้องใช้พื้นที่เท่าไรในการปลูก ? เมื่อต้องใช้พื้นที่มาก การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเกษตรกรรมก็ต้องมากเป็นเงาตามตัวไป ป่าไม้บ้านเราก็หดหายไปเร็วมาก ๆ และโดยเฉพาะสินค้าที่ขึ้นชื่อลือชาในสมัยนั้น คือ ไม้สัก ก็กลายเป็นว่าทั้งสินค้าเกษตรเชิงเดี่ยวและไม้สัก เป็นตัวทำลายป่าที่เร็วที่สุด ปัจจุบันนี้เขาปลื้มใจมากว่าประเทศไทยมีป่าอยู่ ๒๐ % อาตมาบอกว่าเหลือถึง ๑๐ % ก็ดีเกินแล้ว เพราะว่าการดูพื้นที่ป่าเขาใช้ดาวเทียมอ่านเอา สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน ดาวเทียมแยกไม่ได้นี่ เขียว ๆ เหมือนกัน ก็เหมาเป็นพื้นที่ป่าหมด ข้าราชการรู้หรือเปล่า..? รู้..แต่ถ้ารายงานว่าเหลือน้อยเดี๋ยวโดนตัดงบ ก็รายงานไปตามที่ดาวเทียมว่ามา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพยายามจะใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามา เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะว่าปัจจุบันสังคมผู้บริโภคต่าง ๆ ทำให้นักการเมืองไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวบ้าน อันนี้ไม่ได้มาตำหนิ แต่บอกกล่าวความจริงให้ฟัง เมื่อไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ชาวบ้าน ก็ปล่อยให้ทุนข้ามชาติเข้ามายึดพื้นที่ทำกินในบ้านเราเมืองเรา อย่างปัจจุบันพวกบรรดาห้างยักษ์ที่ปรากฏขึ้นมา ทำให้พวกบรรดาโชห่วยต่าง ๆ สู้เขาไม่ไหว ตายสนิท..! แล้วพวกเราก็พลอยช่วยกันรุมซ้ำไปด้วย เพราะเห็นว่าซื้อง่าย ไปสะดวก แล้วราคาถูกด้วย

ปัจจุบันนี้ใครก็ตามที่สามารถกุมสภาพเอาไว้ได้ คือ มีที่ตั้งสินค้าเพื่อให้คนมาเลือกซื้อสินค้ามากเท่าไร ก็จะมีกำลังในการต่อรองสูงเท่านั้น สมมติอย่าง 7 Eleven วางสินค้าเท่านั้นเท่านี้ ก็แปลว่าจะขายได้หรือไม่ได้ก็ตาม ต้องจ่ายให้เขาก่อน แล้วบรรดาร้านใหญ่ ๆ บางแห่งก็นิยมการขายส่ง อย่างเช่นขายยกโหล ในเมื่อเขาขายส่ง ขายได้จำนวนมาก การต่อรองก็มาก ทำให้สินค้าของเขาราคาถูกกว่าร้านเล็ก ๆ ทั่วไป ร้านเล็ก ๆ สู้ไม่ได้ก็ค่อย ๆ ตายลงไป แล้วท้ายสุดคนไทยจำนวนหนึ่งก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร แต่ขณะเดียวกันทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร เราก็เอาเงินไปเทให้พวกทุนนอก แห่กันไปซื้อทุกวัน ๆ กลายเป็นว่า เขาขนเงินเราออกนอกประเทศไปเรื่อย ถามว่าบรรดากลุ่มทุนของไทยที่ทำเรื่องพรรค์นี้มีอยู่ไหม..? ก็มีอยู่ อย่างกลุ่มของซีพีหรือเซ็นทรัล แต่ว่าเราเองมักก็จะเอาความสะดวก อย่างโลตัสเมื่อก่อนก็เป็นของซีพีเขา แต่โดนพวกเทสโกของต่างประเทศเทกโอเวอร์ไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2014 เมื่อ 12:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-11-2009, 10:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในหลวงพยายามเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามา เพื่อที่จะให้พวกเราได้ใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิต แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่าง ๆ นักวิชาการต่าง ๆ ที่จบต่างประเทศมา เขามักจะนิยมว่า ถ้าเป็นหนี้แปลว่ามีเครดิต เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของการล้าหลัง ก็แนะนำให้กู้หนี้ยืมสินกันต่อไป แล้วการกู้เงินต่างประเทศโดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจตกและไอเอ็มเอฟเขาคุมหลังอยู่ เราจะเห็นว่า เราต้องขายกิจการเป็นจำนวนมากในราคาที่ถูกเสียยิ่งกว่าถูก พวกต่างชาติก็แย่งเข้ามาซื้อ ต่างชาติก็ซื้อเท่าไรไม่มีปัญหา แต่คนไทยซื้อที่ดินรัชดาไปหน่อยเดียวซวยไปเลย

ในหลวงท่านเอาระบบเศรษฐกิจพอเพียงมาจากไหน ? ก็จากหลักธรรมข้อสันโดษของพระพุทธเจ้าท่าน คำว่าสันโดษที่แปลว่าพอเพียงนั้น ถือว่าเป็นอัจฉริยภาพของในหลวง ที่ท่านแปลให้เราเข้าใจง่าย ๆ

พระพุทธเจ้ากล่าวถึงสันโดษในหลายลักษณะด้วยกัน ไม่ใช่ว่าสันโดษต้องทำตัวจน ๆ ปอน ๆ ท่านบอกว่า
ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามที่ได้มา ได้เยอะก็พอใจ ได้น้อยก็พอใจ
ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลังของตนที่หาได้ ถ้าหากว่าทุนหนา กล้าเสี่ยง ก็อาจจะได้เป็นหมื่น ๆ ล้าน
ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามฐานะ ตามสภาพของตน คนมีร้อยล้านจะอยู่จะกินแบบคนร้อยล้าน ไม่มีใครเขาว่า เพราะเรามี คนมีพ้นล้านจะอยู่จะกินแบบคนพันล้าน ไม่ได้มีใครว่า เพราะเรามี

เพราะฉะนั้น..สันโดษไม่ใช่ว่าไม่ได้เอาอะไร แต่ว่าให้เป็นสัมมาอาชีวะ ถูกต้องตามศีลตามธรรม ไม่ทำอะไรเกินกำลังตัวเอง ในหลวงสอนว่า พอเหลือแล้วค่อยขาย ส่วนใหญ่บ้านเราเป็นสังคมเกษตรกรรมมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ พื้นที่ที่น่าเสียดายที่สุดก็กรุงเทพมหานครของเรานี่แหละ เพราะสมัยโบราณหลัก ๆ ที่จะอยู่ได้เลยก็คือ ต้องปลูกข้าว บรรพบุรุษของเราก็อุตส่าห์ไปเสาะหาพื้นที่ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับปลูกข้าว ฝนฟ้าดีทั้งปี แต่พอมารุ่นหลังแทนที่จะใช้ปลูกข้าวทำไร่ทำสวน ก็เอามาสร้างตึก แต่ฝนไม่ได้จำนี่ว่าเป็นตึกหรือเป็นข้าว ก็ตกตามปกติของฝน แล้วก็ไปบ่นว่าน้ำท่วมกรุงเทพฯ ในเมื่อบ้านเราเป็นสังคมเกษตรกรรม การที่เราจะยืนหยัดอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยบรรดาผลผลิตทางการเกษตรนี่แหละ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทำลักษณะเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ ย้อนเข้าไปหาการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระองค์ท่าน ถ้าหากว่าย้อนกลับไปสังคมเกษตร และเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ผสมผสาน ซึ่งความจริงเป็นของเก่า ต่อให้เราขายไม่ได้ก็ยังมีกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2014 เมื่อ 12:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-11-2009, 10:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยอาตมาเด็ก ๆ นี่เห็นชัดมาก เพราะที่บ้านทำไร่และสวนผัก ถ้าปลูกแล้วขายไม่ได้ หัวหน้าครอบครัวก็ไม่หนักใจ เพราะอย่างไรลูกเมียก็มีกิน ขณะเดียวกัน หมู่บ้านอื่นที่เป็นไทยทรงดำ ที่เราเรียกว่า ลาวโซ่ง เขานิยมปลูกข้าว แต่ปลูกผักไม่เป็น หาผักหรือหญ้าตามพื้นที่ชายป่าหรือชายเขา โยมแม่ก็ใช้วิธีหาบผักไปแลกข้าว ไม่ได้ขายนะ..ขอยืนยันว่าแลก ที่บ้านไม่เคยปลูกข้าว แต่มีข้าวเปลือกล้นยุ้งทุกปีเลย นั่นเป็นสังคมเดิมของพวกเรา ที่ทุกบ้านยังพึ่งพาอาศัยกันอยู่ ยังเป็นไปตามหลักธรรมะ นอกจากสัมมาอาชีวะแล้ว ยังเป็นสันโดษด้วย

ในปัจจุบันนี้จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ เห็นเขาบอกว่านาทีหนึ่งมีคนเกิดอย่างน้อย ๆ ก็ ๑ คน ก็แปลว่าชั่วโมงหนึ่งมีคนเกิด ๖๐ คน วันหนึ่งมีคนเกิดเป็นพัน คนเกิดมากขึ้นทุกที ๆ คนตายน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะว่าระบบรักษาพยาบาลดีขึ้น ประชากรก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พื้นดินไม่ได้มากขึ้นด้วย

เราจะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก่อนจะมรณภาพ ท่านเคยเตือนไว้ว่า ใครมีพื้นที่อย่าขายเสียหมด ให้ปลูกผักปลูกหญ้าไว้บ้าง ถึงเวลาจะได้มีกิน ใครก็ตามที่ประกอบอาชีพ อย่างเช่นว่ารับราชการหรือเป็นพนักงานห้างร้านอะไรก็ดี ถ้ามีมรดกเป็นที่ดิน อย่าเพิ่งรีบขายทิ้ง ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไร ราคาจะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อย เราขายไปได้เงินมา เงินมีแต่ราคาตกลงไปทุกวัน ให้เก็บเอาไว้ ถือว่าเป็นทางถอยสุดท้ายของเรา ถ้าสภาพเศรษฐกิจไปไม่ไหว เราย้อนกลับบ้านไปปลูกผักปลูกหญ้าของเรา ก็ยังอาศัยกินได้อยู่

๖๐ กว่าปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์มา พระองค์ท่านทำเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนทุกหมู่ทุกเหล่า ไม่ได้เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ความสะดวกสบายของพระองค์ท่านเลย อยากจะบอกว่าถ้ามีคนที่เดินทางไปทั่วประเทศไทยมากที่สุด ก็เห็นจะมีพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น พวกเราจะเที่ยวเก่งขนาดไหนก็คงไม่ได้ไปทุกซอกทุกมุมอย่างนั้น เมื่อเป็นดังนั้น ก็อยากจะให้ข้อคิดพวกเราว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้าจริง ๆ แล้วสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเพื่อจะประโยชน์สุขในปัจจุบัน ประโยชน์สุขในอนาคตคือหลังจากตายไปแล้ว ตลอดจนประโยชน์สูงสุดคือล่วงพ้นจากทุกข์ได้ และองค์ในหลวงของเราใช้หลักธรรมการปกครองประเทศมา ๖๐ กว่าปี

บ้านเรายังโชคดีมาก ๆ ถ้าหากว่าไม่มีในหลวงที่ทรงคุณธรรมอยู่แล้ว กลัวอยู่อย่างเดียวว่าจะมีเหมือนกับบันทึกโบราณ ที่กล่าวถึงเมืองโซดอมและกอมโมราห์ ทั้งสองเมืองนี้ผู้ที่รอดออกไปได้ เขาบันทึกไว้ว่า พระเจ้าบอกว่าถ้าในเมืองมีคนดีเหลืออยู่แม้แต่คนเดียวก็จะไม่ถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ เพราะยังมีเทวดารักษาอยู่ แต่นี่หาคนดีไม่ได้เลย ก็เลยจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้ภัยธรรมชาติทำลายเมืองนี้เสีย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2014 เมื่อ 12:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-11-2009, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นึกถึงอีกส่วนหนึ่งที่กล่าวไว้ในพระอภิธรรม มีบุคคลประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ฐิตะกัปปี ก็คือผู้ยังกัปนี้ให้ตั้งอยู่

กัป คือ อายุการดำเนินไปของโลก การทำลายล้างสิ้นไปของโลก มีทำลายด้วยลม ด้วยน้ำ ด้วยไฟ ด้วยอาวุธ ด้วยโรคภัย แม้ว่าไฟบรรลัยกัลป์จะล้างโลกอยู่ แต่ถ้ามีบุคคลที่จะบรรลุมรรคผลอยู่แม้แต่คนเดียว ตราบใดที่เขายังไม่บรรลุมรรคผล ตราบนั้นไฟบรรลัยกัลป์จะล้างโลกไม่ได้ เขาถึงได้เรียกบุคคลนี้ว่า ฐิตะกัปปี คือ ผู้ยังกัปให้ตั้งอยู่

พวกเราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะยังประเทศไทยให้อยู่รอดได้ ด้วยหลักการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ตราบใดที่พวกเรายังตั้งใจปฏิบัติอยู่ และอุทิศส่วนกุศลให้แก่เทพเจ้าต่าง ๆ ที่รักษาประเทศของเราอย่างสม่ำเสมอ ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็ยังพอมีกำลังที่จะไปคานกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเสวยบุญของตนอยู่และมีเทพเจ้ารักษาอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเขาเสวยบุญอย่างเดียวจริง ๆ โดยการไม่ได้สร้างของใหม่ขึ้นเลย มีแต่สร้างบาปกรรม แต่ในเมื่อวาระบุญมันส่งผลก็ทำให้เขาเป็นใหญ่เป็นโตในแผ่นดินขึ้นมา ถ้าพวกเราไม่หมั่นตั้งใจบำเพ็ญภาวนา โดยเฉพาะอุทิศส่วนกุศลให้แก่เทพเจ้าต่าง ๆ แล้ว โอกาสที่ประเทศไทยของเราจะล่มจมสูญสลายมีสูงมาก เพราะนักการเมืองสมัยนี้ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากผลประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูเอง

ในหลวงนอกจากเหนื่อยแล้ว ยังชราภาพมาก สุขภาพไม่ไหวแล้ว อย่างที่อาตมาบอกว่า อยู่ได้วันหนึ่งถือว่ากำไรวันหนึ่ง ถ้าหากว่าพวกเราตั้งหน้าตั้งตาประกอบกรรมทำดี พระองค์ท่านก็ยังมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อ แต่ถ้าหากว่ามือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีก มีแต่จะช่วยเหยียบย่ำซ้ำเติมให้ประเทศชาติล่มจมไปง่ายขึ้น ขอบอกว่าถ้าพระองค์ท่านหมดกำลังใจ ตัดสินใจไปเสียวันไหน เราจะเดือดร้อนกว่าที่คิด เพราะว่าบางพวก บางกลุ่ม บางศาสนา เขารออยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไรในหลวงจะสวรรคต เขาถือเป็นดีเดย์เลย ไปเมื่อไรเขาเอาแน่ แล้วถ้าถึงเวลานั้น ที่เดือดร้อนที่สุดจะกลายเป็นพระอย่างอาตมานี่แหละ จะโดนเสียก่อน เพราะว่าพระนั้นมีจุดบอดตรงที่ว่า เครื่องแต่งตัวแปลกแยกกว่าชาวบ้านอย่างชัดเจน ที่อยู่ก็มีหลักแหล่งอย่างแน่นอน ชนิดที่หลบไปไหนไม่ได้ เขาจะใช้กำลังคนหรือกฎหมายก็ตาม สามารถที่จะบีบบังคับจัดการได้ง่าย

ดังนั้น..ถ้ามีวิธีใดก็ตาม ที่คิดว่าเราจะสร้างกุศล สร้างกำลังกายกำลังใจ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญยิ่งยืนนานต่อไปได้ ให้ขวนขวายและเร่งทำกันให้มากไว้ โดยเฉพาะในส่วนของหลักธรรมต่าง ๆ ถ้าเรายึดถือและปฏิบัติกระทำโดยพร้อมเพรียงกัน ประเทศชาติจะสงบร่มเย็น เพราะว่าต่างคนต่างทำความดี ต่างคนต่างตัดรัก โลภ โกรธ หลง ของตนเอง ไม่ไปกระทบกระทั่งใคร ไม่แห่ตามข่าวลือต่าง ๆ ไป ถ้าเป็นดังนั้นในหลวงก็คงมีกำลังพระทัยที่จะอยู่ไปอีกสักระยะหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2014 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-11-2009, 11:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าประมาทเป็นอันขาด หลายท่านว่าในหลวงจะอยู่เป็นร้อยปี สุขภาพของคนแก่ระดับนั้น โดยเฉพาะใช้งานมามากในตอนหนุ่ม ๆ มาแสดงออกให้เห็นซึ่งความชำรุดทรุดโทรมในปัจจุบันนี้ เราจะเห็นได้ว่า ทันทีที่ในหลวงเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก จะเห็นความทรุดโทรมอย่างชัดเจนเลย เหมือนกับรถยนต์ที่ใช้งานหนัก ๆ ตอนที่ยังใหม่ พอถึงเวลาช่วงท้าย การชำรุดที่ต้องซ่อมแซมก็หนักกว่าปกติทั่วไป จะไปประมาทว่าท่านจะอยู่เป็นร้อยปี เดี๋ยวก็น้ำตาเล็ดอีก

ถ้าเราได้วันหนึ่งก็เอาแค่วันหนึ่ง พยายามเร่งขวนขวายความดีของเราให้มากที่สุด ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านให้มากที่สุด โดยหวังว่าเทพเจ้าต่าง ๆ ทั้งหลาย ทั้งที่รักษาพระองค์ท่านก็ดี ทั้งที่รักษาประเทศชาติก็ดี จะได้รับส่วนกุศลนี้ไป และมีกำลังช่วยกันค้ำจุนพระวรกายของพระองค์ท่าน ให้ดำรงขันธ์อยู่ต่อไปได้อีกสักระยะหนึ่ง ช่วยกันค้ำจุนสถานการณ์บ้านเมืองของเรา อย่าให้มีอันเป็นไปมากกว่านี้

ถ้าหากว่าโดยวาระกรรมของเราแล้ว ประเทศชาติของเราช่วงนี้อยู่ในจุดที่แย่ และจะแย่มากขึ้น ดังนั้น..วิธีแก้กรรมที่ง่ายที่สุดก็คือ ทำความดีให้มากเข้าไว้ เหมือนอย่างกับไฟที่ร้อนมาก ก็ต้องพยายามหาน้ำดับให้ได้ แม้ว่าน้ำจะไม่พอดับไฟ อย่างน้อย ๆ ให้บรรเทาเบาบางลงไปบ้างก็ยังดี ไม่ทราบว่าญาติโยมคิดผิดหรือเปล่าที่มาที่นี่ มาทีไรได้การบ้านหนัก ๆ กลับไปทุกที ก็ได้แต่เตือนสติพวกเราเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะว่าในปัจจุบันสถานการณ์ต่าง ๆ ไปเร็วมาก แค่ข่าวลือวูบเดียวเท่านั้นเอง ทำเอาหุ้นตกฮวบลงไปไม่รู้เท่าไรแล้ว ในเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างมาเร็ว เราก็ต้องตั้งหลักและยืนหยัดให้ได้

สิ่งที่จะทำให้เรายืนหยัดได้ในสังคมปัจจุบันก็คือ แน่วแน่มั่นคงและเข้มแข็งในกำลังใจของเราเอง ที่จะไม่ไหลตามกระแสบริโภคนิยม ไม่ไปตาม รัก โลภ โกรธ หลง ของคนส่วนใหญ่เขา ถ้าทำอย่างนั้นได้ เราก็จะเหมือนก้อนหินกลางน้ำ อย่างน้อย ๆ ถ้าก้อนเล็ก..ไม่สามารถให้คนอื่นเกาะพักพิงได้ ก็ยังยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นภาระแก่คนอื่นเขา แต่ถ้าเราเป็นหินใหญ่กลางน้ำได้ ก็เป็นที่เกาะ ที่อาศัยพักพิงของคนอื่นด้วย ยืนหยัดด้วยตัวเองได้ด้วย ก็จะช่วยประเทศชาติได้มากกว่านี้

อาตมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ส่วนหนึ่งของประเทศ และสถาบันหนึ่งที่เป็นหลักยึด ก็ได้แต่นำสิ่งที่จะพอบอกกล่าวกันได้มาพูด เพราะว่าหลายต่อหลายอย่างก็เป็นการฝืนกฎของกรรมมากเกินไป บางทีการรู้เรื่องต่าง ๆ แต่พูดไม่ได้ ก็รู้สึกว่าอกจะแตกตายเหมือนกัน


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ก่อนทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2014 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 20-11-2009, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สุดท้ายในหลวงต้องสวรรคตอยู่ดี ?
ตอบ : ไม่ช้าก็เร็ว ถึงได้ว่าต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันตั้งแต่เนิ่น ๆ

ถาม : แต่ว่าราชวงศ์จักรีอยู่ยั้งยืนยงไม่ใช่หรือ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง สัพเพธัมมา อนัตตา ท้ายสุดก็ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2014 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
ในหลวง


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว