กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-03-2017, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเขาออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

ในเรื่องของคำภาวนานั้นอย่าเปลี่ยนบ่อย เพราะว่าถ้าเราไม่มีความชำนาญแล้วไปเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย สภาพจิตไปยึดโยงกับของเก่าแต่ถูกบังคับให้ใช้ของใหม่ จะเกิดการต่อต้านกัน แล้วการภาวนาก็จะไม่เป็นผล

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ สำหรับการปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วเคยมีประสบการณ์ที่ได้รู้ ได้พบ ได้เห็น บางสิ่งบางอย่างจากการปฏิบัติภาวนา หรือว่าเคยมีใจสงบจากการภาวนาไปตามลำดับแล้ว แต่มาภายหลังกลับไม่รู้ไม่เห็น มีจิตใจไม่สงบ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการปฏิบัติแล้วเราอยากได้เหมือนเดิม

ในเมื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า "อยาก" ก็แปลว่าเราวางกำลังใจผิดแล้ว ถ้าถามว่าไม่อยากแล้วจะให้ทำไปเพื่ออะไร ? ก็ต้องตอบว่า “อยากได้ แต่ตอนภาวนาให้ลืมความอยากนั้นเสีย เรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว กำลังจะทรงตัวหรือไม่ทรงตัวก็ช่าง” ถ้าสามารถวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ ก็จะทำให้อารมณ์ใจของเราทรงตัวได้ง่าย

แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้กำลังใจตั้งอยู่ในตัวอุเบกขาลักษณะอย่างนี้ เมื่อทำไปแล้วอยากได้ อยากมี อยากเป็น จึงทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงการปฏิบัติที่แท้จริงได้เสียที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2017 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-03-2017, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือ การปฏิบัติของเรานั้นจำเป็นต้องยึดโยงอยู่กับลมหายใจเข้าออก สมาธิจึงจะทรงตัวได้ ถ้าเราทิ้งลมหายใจเข้าออกเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง จะกระหน่ำตีจนกระทั่งเราไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจได้ เมื่อเราไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจได้ การปฏิบัติจะให้ได้ผลก็ย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

อีกส่วนหนึ่งก็มัวแต่เกรงใจสังคม การปฏิบัติธรรมของเราเป็นการทวนกระแสโลก แต่เราไม่สามารถที่จะทนขี้ปากชาวบ้านได้ พอโดนคนอื่นตำหนิด่าว่า กล่าวหาว่าบ้าบ้าง อายุยังน้อยจะปฏิบัติไปทำอะไร เราก็ไหลตามกระแสไป ละทิ้งการปฏิบัติไปอย่างน่าเสียดาย

อีกส่วนหนึ่งคือเมื่อกำลังใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ไม่รู้จักประคับประคองรักษาเอาไว้ ทำให้กำลังใจนั้นสูญหายไป พังไป แล้วเรายิ่งไปอยากได้ ยิ่งไปเร่งการปฏิบัติก็ยิ่งไม่ได้ จนบางคนท้อใจ เลิกการปฏิบัติไปเลยก็มี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่นักปฏิบัติทุกคนจะต้องได้พบได้เจอ ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถปรับกำลังใจของเราได้เร็วเท่าไร อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า มีคนเดินมา ๒ คนแล้วล้มลงพร้อมกัน คนหนึ่งลุกขึ้นได้ก็เดินต่อไปเลย ส่วนอีกคนหนึ่งก็มัวแต่นั่งคร่ำครวญว่า เดินทางมาไกลแล้ว ไม่น่าจะล้มเลย เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน แล้วเมื่อไรเราจะได้ระยะทางเท่ากับคนอื่นเขา ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2017 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-03-2017, 21:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมของเรา เมื่อ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น เราไปพ่ายแพ้ต่อกิเลส ก็อย่าไปเศร้าหมองกับกิเลสเนิ่นนานนัก ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมของเราใหม่ ตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล รักษากำลังใจของเราใหม่ พอ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เกิด ความดีพังทลายไป รู้ตัวเมื่อไรก็รีบวิ่งกลับมาหาความดีของเราทันที

เนื่องเพราะว่าหน้าที่ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น จริง ๆ แล้วมีน้อยมาก ถ้าหากกล่าวเป็นหลักธรรมเขาเรียกว่า ปธาน ๔ ปธานะ คือความเพียร มี ๔ อย่างด้วยกัน คือ

๑. สังวรปธานะ หรือ สังวรปธาน ได้แก่ การระมัดระวังไว้ไม่ให้มีความชั่วเกิดขึ้นในใจของเรา

๒. ปหานปธาน เมื่อมีความชั่วเกิดขึ้นแล้วก็พยายามที่จะกำจัดขับไล่ออกไปจากใจ

๓. ภาวนาปธาน
ถ้าหากว่ายังไม่มีความดีอยู่ ก็เพียรสร้างความดีให้เกิดขึ้นในจิตในใจของเรา

๔. อารักขนานุปธาน เมื่อมีความดีเกิดขึ้นแล้วก็เพียรพยายามระมัดระวังรักษา ให้ความดีนั้นเจริญงอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป

หน้าที่หลัก ๆ ของเรามีแค่นี้ ในส่วนอื่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับเราจะพลิกแพลงปฏิบัติกันไปเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2017 เมื่อ 03:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-03-2017, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,226 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าลืมว่าเราจำเป็นจะต้องมีอานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออกเป็นพื้นฐานใหญ่ มีพรหมวิหาร ๔ เพื่อรักษาความแช่มชื่นเบิกบานของสภาพจิตใจของเราไว้ มีมรณานุสติเพื่อที่จะไม่ประมาท ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมเพราะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราอยู่ตลอดเวลา มีอุปสมานุสติหรือพุทธานุสติเป็นจุดยึดเกาะ เป็นเป้าหมายว่าถ้าเราหมดอายุขัยตายไป หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิต เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือขอไปอยู่ที่พระนิพพาน

หลักธรรมทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นต้องมีอยู่เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำพาเราสู่ทางแห่งการพ้นทุกข์ หลังจากนั้นก็มาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ละเมิดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มีความรู้ตัวเสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

ถ้าในแต่ละวันเราทบทวนว่าหลักธรรมทั้งหลายเหล่านี้ หลักการปฏิบัติทั้งหลายเหล่านี้มีอยู่ในใจของเราหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา มีแล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หน้าที่ในการปฏิบัติธรรมของเราก็จะมีเหลืออยู่เพียงเท่านี้เอง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้สัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2017 เมื่อ 03:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว