เก็บตกงานสวดพระคาถาเงินล้าน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๓

[นายกระรอก]

ก่อนอื่นก็ต้องขอเจริญพรขอบพระคุณทางด้านชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ที่ดำเนินการให้มีงานในครั้งนี้ขึ้นมา รวมถึงบรรดาญาติโยมคณะต่าง ๆ ที่มาช่วยเหลือกันให้การงานสำเร็จลง โดยที่อาตมาให้แนวคิดว่า “จัดแบบประหยัดที่สุดในโลก” ไม่ต้องมีอะไรเลย ไม่อย่างนั้นแล้วทุกปีจะมีการจัดสถานที่เวอร์วังอลังการ ประมาณอีเว้นท์ดารามาอะไรอย่างนั้น ทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แม้กระทั่งโต๊ะจีนอาตมาก็ให้ไม่มี ถามว่าแล้วจะเลี้ยงพระอย่างไร ? ก็ถวายข้าวกล่องไป ถ้าท่านฉันไม่ได้ เดี๋ยวท่านก็ไปหาร้านฉันของท่านเองแหละ..!

ต้องบอกกับญาติโยมว่า เศรษฐกิจปีนี้ค่อนข้างจะแย่ถึงแย่มาก ดังนั้น..ถ้าพวกเราสามารถที่จะหาสิ่งทดแทน ก็คือการภาวนาพระคาถาเงินล้านเพื่อความคล่องตัวในความเป็นอยู่ ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักทำทดแทน ก็อยากจะบอกว่าเสียทีที่เกิดมา..! เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้ที่อาตมาพบเห็นมา ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมมักง่าย ติดสบายจนเกินเหตุ ไม่ยอมลงทุนลงแรงอะไรทั้งนั้น พอชีวิตลำบากก็ไปหาหมอดูเปลี่ยนชื่อ ถามว่าใช่หรือ ? มีอะไรที่เราขวนขวายด้วยตัวเราเองบ้างไหมที่จะให้ชีวิตนี้ดีขึ้น ?

แม้กระทั่งการสวดมนต์ภาวนาที่ทำแล้วมีแต่คุณประโยชน์ เราก็ไม่ทำกัน เพราะว่าทำแล้วลำบาก ต้องบังคับตัวเอง ต้องทำทุกวัน สู้เปลี่ยนชื่อไม่ได้..ง่ายดี สู้ไปหาร่างทรงไม่ได้ ไปไหว้ไอ้ไข่ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่..!

[นายกระรอก]

ในเมื่อเรามักง่าย ชีวิตเราก็จะยาก แต่ถ้าเรายอมทนลำบาก ก็จะเป็นอย่างที่โบราณท่านว่า “ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ” บรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการก็ดี ผู้บังคับบัญชาก็ดี ท่านถามว่า “ทำไมอาจารย์เล็กทำอะไรสะดวกคล่องตัวไปหมด ?” ก็กราบเรียนถวายไปว่า “ก่อนที่ผมจะสะดวกคล่องตัวแบบนี้ ผมทุ่มเทปฏิบัติมาชนิดที่แทบจะไม่ได้กินไม่ได้นอนมานานครับ”

โดยเฉพาะเรื่องของพระคาถาเงินล้าน อาตมาภาวนาแบบสบาย ๆ ทุกวัน วันละ ๓๖๐ จบ เป็นเวลา ๓ ปีเต็ม ๆ แล้วก็เคยลองเร่งรัดดูว่า ถ้ามากกว่านั้นผลจะเป็นอย่างไร ก็มี ๔๘๐ จบ ๖๐๐ จบ ๗๒๐ จบ ๙๖๐ จบ ไปถึง ๑,๒๐๐ จบต่อวัน มีใครทดลองขนาดนี้บ้าง ? ไม่มีหรอก เพราะว่าขนาด ๑,๒๐๐ จบนี่เริ่มตั้งแต่ตี ๓ ไปเลิกเอา ๑ ทุ่มทุกวัน เป็นเวลา ๒ เดือนกว่าเกือบ ๓ เดือน ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย นอกจากฉันมื้อเดียวประมาณ ๑๐ กว่านาที แล้วก็ไปห้องน้ำ แม้กระทั่งอยู่ในห้องน้ำก็ภาวนา นี่คือการที่เรายอมลำบากก่อน เมื่อถึงเวลาแล้วผลที่เกิดขึ้นมาสนอง จนกลายเป็นความคล่องตัวในปัจจุบัน

[นายกระรอก]

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ พวกเรามาเห็น เพื่อนฝูงมาเห็น ผู้บังคับบัญชามาเห็น ตอนที่ทุกอย่างประสบความสำเร็จแล้ว แต่ไม่ได้เห็นตอนที่ยากลำบาก เดินจงกรมจนพื้นเป็นร่อง เดินภาวนาทั้งวันจนฝ่าเท้าแตก หรือภาวนาไม่ได้กินไม่ได้นอนเป็นวันเป็นคืน เพราะว่าต้องการทดสอบหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือ กำลังสมาธิของเรายืนหยัดได้นานเท่าไร ? ก็ได้ ๑๑ วัน ๑๑ คืน ลองดูได้นะ ๒๐๐ กว่าชั่วโมงเท่านั้น..!

แล้วถ้าหากว่าเราทรงสมาธิตั้งเวลาแต่ละช่วง นานเท่าไรที่จะไม่ลำบากตัวเรามากนัก ? ช่วงละประมาณ ๔ ชั่วโมงจะเหมาะสมที่สุด แล้วการเข้าสมาธิภาวนาของเรา ถ้าเรากำหนดใจมุ่งมั่นว่าไม่ครบ ๑,๒๐๐ จบ เราจะไม่เลิก สมาธิก็จะทรงตัวต่อเนื่องแล้วไปคลายเอาจบสุดท้าย เท่ากับเป็นการซักซ้อมการทรงสมาธิแบบตั้งเวลา และท้ายที่สุด ส่วนที่เป็นผลพลอยได้ก็คือความคล่องตัวที่เกิดขึ้น

ดังนั้น..พวกเราที่ไม่ช่างค้นคว้า ไม่ขี้สงสัย ขอให้ทำตามก็ยังดี ไม่ต้องมากมายถึงขนาดที่อาตมาเคยทำ บอกแล้วว่าขอแค่ ๑๐๘ จบต่อวัน ถ้ารู้สึกว่ามากไปก็แบ่งเป็น ๓ ช่วง ช่วงละ ๓๖ จบเท่านั้น ก็จะไม่หนักเกินกำลังของพวกเรา แต่คราวนี้ก็อย่างที่ว่า พวกเราส่วนใหญ่แล้วมักง่าย อะไรลำบากไม่ทำ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นถึงเวลาแล้วเราลำบาก ก็ต้องบอกว่าโทษใครไม่ได้ ถ้าเราใช้ความพยายามได้เพียงพอ มั่นใจเลยว่าในหมู่ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง จะไม่มีใครลำบากในเรื่องของการทำมาหากิน หรือว่าเรื่องของความสะดวกคล่องตัว เพียงแต่ว่าเรายอมทนลำบากหรือไม่ ?

[นายกระรอก]

สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เราจะเห็นตัวอย่างก็คือท่านนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร ตัวอย่างของลุงแจ่ม เปาเล้ง ที่ทำพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ได้สำเร็จ หรือแม้กระทั่งนายเฉลิม คงทอง เราก็จะเห็นว่ามีแค่ไม่กี่คน ก็แปลว่าบุคคลที่ยอมทนลำบาก ยอมเหนื่อยในช่วงแรก จะประสบความสำเร็จทุกคน

พอมาถึงรุ่นของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาเองเห็นว่ารุ่นหลวงปู่ปานมีบุคคลตัวอย่าง รุ่นหลวงพ่อวัดท่าซุงยังไม่มี ในเมื่อไม่มีเราก็ไม่ต้องรอคนอื่น เราก็ทำเสียเอง แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นแรงบันดาลใจเริ่มต้นนอกจากตัวคาถาที่ช่วยให้ความคล่องตัวแล้ว ก็คือพี่ชายที่แสนดี หลวงตาวัชรชัย ท่านจะคอยกระตุ้นน้อง ๆ ให้ประพฤติปฏิบัติในเรื่องของการภาวนา มีการนำวิเคราะห์วิจัยแต่ละวันว่า ใครมีปัญหาติดขัดตรงไหน ? หรือว่ามีเคล็ดลับวิธีการอะไรที่ทำให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ทรงสมาธิได้ดีขึ้น ใช้สมาธิไปในการพินิจพิจารณาแบบไหนถึงจะเกิดผลง่าย

[นายกระรอก]

หลวงตาท่านเริ่มว่า “เล็ก..ข้าติดใจบารมี ๓๐ ทัศของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น..คาถาเงินล้านข้าไม่เอา ๙ จบ ข้าจะเอา ๓๐ จบ” อาตมาก็ "โมทนาด้วยพี่ ๓๐ จบ ผมก็ ๓๐ จบด้วย" ทำไปทำมา..น้อยไปไหม ? ก็เลยเพิ่มเป็น ๖๐ เป็น ๙๐ เป็น ๑๐๘ ท้ายที่สุดก็ไปยืนพื้นอยู่ที่ ๓๖๐ จบ ที่บอกว่าทำอยู่ตลอด ๓ ปีเต็ม ๆ ถ้าถามว่าคล่องตัวถึงระดับไหน ? ก็ระดับจากวัดท่าซุงมากรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯ กลับวัดท่าซุง ช่วงอยู่ในกรุงเทพฯ ใช้แท็กซี่ตลอด เสียค่าใช้จ่ายไป ๓ บาทถ้วน ๆ ที่ไปยัดให้รถสองแถวช่วงมโนรมย์-วัดท่าซุง เขาไม่เอาเหมือนกัน แต่อาตมาบอกว่าให้เก็บเอาไว้เป็นขวัญถุง อาตมาเต็มใจให้ ก็คือขึ้นรถคันไหนก็คันนั้น ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าเขารับพระ ขออนุญาตทำบุญไม่คิดค่าโดยสาร

แม้กระทั่งนั่งรถทัวร์มาด้วยกัน พระ ๔ รูป สมัยก่อนรถทัวร์เขาไม่ได้ตีตั๋วที่ท่ารถ เขาขึ้นมาเก็บบนรถเหมือนกัน จัดการเก็บ ๓ รูปด้านข้างหมด เว้นอาตมาไว้คนเดียว ทั้งที่ส่งเงินให้เขาก็เดินหนี..ไม่รับ จนกระทั่งพระอื่นคิดว่าอาตมาเป็นเด็กเส้น รู้จักกับเจ้าของรถ..! นี่คือความคล่องตัวที่พิสูจน์มาด้วยตัวเอง

[นายกระรอก]

ในเมื่อมีบุคคลตัวอย่าง ทางเราก็อย่ารอกินบุญคนอื่น ตอนนี้ที่ดีใจก็คือ ทางบริษัท มุลเลอร์ แมคคานิค จำกัด ที่เป็นหน่วยงานคุณธรรมในสังกัดชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ทำโครงการสวดคาถาเงินล้านในลักษณะของการแข่งขันกันทำความดี ตั้งเป้าไว้ที่ ๑ ล้านจบบ้าง เท่าโน้นเท่านี้บ้าง แล้วก็ทำได้สำเร็จ ซึ่งวันนี้จะมีการมอบรางวัลให้ผู้ที่ทำสำเร็จเป็นคนแรก

แต่คราวนี้การภาวนาในลักษณะแข่งขันกันทำความดี ขอให้ภาวนาแบบมีคุณภาพ ไม่ใช่เร่งให้ได้จำนวนจบมาก ๆ ถ้าเร่งให้ได้จำนวนจบมาก ๆ เราจะได้แต่ปริมาณไม่ได้คุณภาพ ให้ภาวนาไปแบบใจเย็น ๆ จับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาพระคาถา จะเอาสั้นเอายาวอย่างไรขึ้นอยู่กับลมหายใจของเรา ไม่ต้องไปจำกัดว่ามาถึงบทนี้ต้องหายใจเข้า มาถึงบทนี้ต้องหายใจออก ถ้าทำลักษณะอย่างนั้นได้ก็จะทำให้สมาธิสูงขึ้น

[นายกระรอก]

คราวนี้ในเรื่องของการใช้คาถา ถ้าหากว่าจะให้เกิดผล กำลังสมาธิยิ่งสูงเท่าไรก็เกิดผลเท่านั้น แต่ไม่ได้เกิดผลตอนทรงสมาธิ อ้าว..ฟังแล้วบ้าไปเลย..! ไปเกิดผลหลังจากเราคลายสมาธิ อาตมาอยากจะเปรียบเทียบว่า เหมือนเรายกของหนักชิ้นหนึ่งไปวางไว้บนที่สูง ตัวสมาธิคือการที่เราเกร็งกำลังยกของด้วยกำลังทั้งหมดที่เรามี นำไปวางไว้ในที่สูง เมื่อวางสำเร็จเรียบร้อย เราปล่อยก็คือคลายกำลังทั้งหมดออกมา ผลงานจึงไปสำเร็จตอนที่เราคลายกำลังหมดแล้ว

เรื่องของการภาวนาคาถาหรือว่าอธิษฐานใช้ผลของกสิณอภิญญาใด ๆ ก็ตาม ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน คือถ้ายังอยู่ในสมาธิภาวนา ถ้าไม่ใช่สมาธิระดับใช้งานจริง ๆ คุณก็ได้แต่อธิษฐาน ผลจะไปเกิดก็ต่อเมื่อตอนที่เราคลายสมาธิออกมา แต่คราวนี้ความมั่นใจตรงจุดนี้ต้องเกิดจากการซักซ้อมบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วพอเราคลายสมาธิ เราจะหมดความมั่นใจไปเลยว่าจะเกิดผลจริงหรือเปล่า ?

[นายกระรอก]

เรื่องพวกนี้อาตมาพูดบางทีก็เกินความรู้ญาติโยมไปนิดหนึ่ง เพราะว่าพวกเราไม่ได้ฝึกซ้อมในเรื่องของสมาธิอย่างเข้มข้นถึงระดับ ไม่ได้ซ้อมเข้า ไม่ได้ซ้อมออก ไม่ได้ซ้อมสลับสมาธิภาวนา ไม่ได้ซ้อมตั้งเวลา พวกเราก็จะไม่เข้าใจว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้สำเร็จแก่เราได้อย่างไร อยู่ในลักษณะทำมั่ว ๆ ไป พอถึงเวลาเกิดผลสำเร็จก็เสวยผลจนหมดเกลี้ยง แล้วก็ทำมั่วใหม่ ไม่รู้ว่าเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างไรที่ทำให้ผลอย่างนี้เกิด ก็ต้องใช้วิธีตีเปะปะเป็นมวยวัด โอกาสที่จะถูกเป้าก็จะมีน้อยกว่าบุคคลที่มีความเข้าใจ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ดังนั้น..การที่ให้พวกเราภาวนาแบบเอาคุณภาพ ก็แปลว่าให้เน้นเรื่องสมาธิภาวนา แต่ถึงเวลาแล้วต้องเข้าให้เป็น ต้องออกให้เป็น หรือไม่ก็ปรับให้อยู่ในระดับสมาธิใช้งาน ทรงได้ทุกเวลาที่เราต้องการ ถ้าลักษณะอย่างนั้นผลที่เกิดก็จะไหลมาเทมา แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ในลักษณะอย่างนี้ เราก็ต้องเข้าสมาธิให้เต็มที่แล้วคลายออกมา ก็แปลว่าคาถา ๙ จบ เราต้องว่าสมาธิของเราให้สูงที่สุด หรือว่า ๑๐๘ จบ สมาธิของเราต้องสูงที่สุด หลังจากนั้นคลายสมาธิออกมา ซึ่งปกติของพวกเราก็ไม่ต้องเสียเวลาคลาย เพราะว่ามักจะหลุดเองเสมอ..ฟังแล้วเครียด..!

[นายกระรอก]

สองวันที่ผ่านมาอาตมาทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะว่าเมื่อวานงานที่วางเอาไว้ก็คือ ทำบุญอุทิศถวายท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ อดีตเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ที่เป็นสหธรรมิกสนิทกันมานาน ท่านสละชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา โดนผู้ก่อการร้ายยิงมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒

แต่ปรากฏว่ามีฎีกาด่วนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ให้ไปเจริญชัยมงคลคาถาในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จไปตัดหวายลูกนิมิตที่วัดศรีเกษตราราม อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งการเดินทางค่อนข้างยาก จากวัดท่าขนุนไปก็เกือบ ๔ ชั่วโมง

[นายกระรอก]

เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาก็ต้องปรับมาทำบุญถวายท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ตอน ๐๔.๓๐ น. เสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปศรีสวัสดิ์ ไปถึงวัดศรีเกษตรารามตอน ๐๘.๑๐ น. ซึ่งปกติเขาปิดวัดห้ามเข้าออกแล้ว ต้องไปเดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์พร้อมกับมีดหมอควาญช้างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ...(หัวเราะ)... อาตมาตั้งใจพกไปนะ เพราะว่าเคยเอาไปต่างประเทศมาเยอะแล้ว แต่วันนั้นที่ตั้งใจพกไปนั้นก็คือว่า ถ้ามีโอกาสก็จะทูลเกล้าฯ ถวายไปเลย ปรากฏว่าบุญยังไม่ถึง มีดหมอก็เลยยังอยู่กับอาตมาต่อไป

ผู้อื่นโปรดอย่าเสี่ยง กำลังใจไม่ถึงเครื่องร้องลั่นบ้านแน่นอน ส่วนน้องเล็กที่ไปด้วยนั้นไม่ได้ตั้งใจ เผลอเอามีดหมอติดตัวไป แต่ก็ผ่านได้เหมือนกัน สรุปว่าเครื่องที่เขาเอาไปตรวจคงจะไม่ค่อยดี ...(หัวเราะ)...

[นายกระรอก]

จากตรงนั้นเมื่อพระองค์ท่านตัดหวายลูกนิมิตและเสด็จกลับแล้ว อาตมาก็ฉันเพลแบบลวก ๆ ไม่ใช่อาหารทะเลลวกจิ้มนะ ลวก ๆ ในที่นี้ก็คือสักแต่ว่าฉัน เสร็จสรรพเรียบร้อยก็รีบเผ่นมาลงแพขนานยนต์ ปรากฏว่ามีรถรอคิวลงแพอยู่ยาวประมาณ ๓ กิโลเมตร..! แล้วยังมีบรรดาท่านผู้เป็นมเหสักโข มีความยิ่งใหญ่จนเคยตัว ถึงเวลาก็เปิดไฟฉุกเฉินพร้อมกับเสียง แซงหน้าปาดไปลงอีก

จนกระทั่งแพขนานยนต์ผ่านไป ๔-๕ เที่ยวกว่าที่อาตมาจะได้ลง พอดีถือมีดหมอหลวงพ่อเดิมอยู่ก็เลยบอกว่า “หลวงพ่อครับ..ผมจะเอาตรงกลางนะ ให้เขาไล่คันอื่นไปข้าง ๆ ให้หมด” เพราะว่าถ้าอยู่ตรงกลางจะได้ขึ้นก่อน บรรดาท่านทั้งหลายที่ไปก่อนก็เลยโดนไล่ลงข้างหมด เหลืออาตมาอยู่ตรงกลาง..สบาย เขาเรียกว่าใช้โควตาแบบไม่บันยะบันยัง นาน ๆ ขอทีดันขอเรื่องเหลวไหลแบบนี้..! ก็แค่ต้องการที่จะลองดูเท่านั้น ไม่มีอะไร..เพราะว่าหลวงปู่ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงอยู่แล้ว

วิชามีดหมอหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ศึกษามา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านศึกษามา ๒ สายด้วยกัน ก็คือสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ท่านสร้างพระขรรค์โสฬส สายหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ที่สร้างมีดหมอเทพศาสตรา แล้วหลวงพ่อท่านก็มาปรับตามที่พระท่านสั่ง กลายเป็นมีดหมอดาบฟ้าฟื้น แล้วก็มาเป็นมีดหมอชาตรี ก็แค่เพิ่มเติมอะไรบางอย่างเพิ่มจากของเดิมครูบาอาจารย์ เหมือนกับเรามาต่อยอด จนกลายเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไป ในเมื่อทดสอบดูแล้วว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปได้ ก็สำคัญตรงที่ว่า ครูบาอาจารย์ท่านจะอนุเคราะห์สงเคราะห์หรือไม่ ?

[นายกระรอก]

จากนั้นวิ่งมาตรวจติดตามการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี หลังจากที่อาละวาดในที่ประชุมไปว่า คุณสร้างแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ทางวิทยาลัยก็ตาย..ตายตรงไหน ? ตายตรงที่ว่า มหาวิทยาลัยแม่กำหนดให้เปิดหลักสูตรในฐานะวิทยาลัยสงฆ์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ นี้เป็นต้นไป แล้วคุณสร้างแบบนี้อีกกี่ปีถึงจะเสร็จ ? เพราะฉะนั้น..ถ้ายังช้าอย่างนี้อีกจะขอเปลี่ยนผู้รับเหมา โดยยอมตัดขาดทุน ที่คุณเบิกไปแล้วถือว่าแล้วกัน แต่เราจะหาเจ้าใหม่มาทำต่อ

ปรากฏว่าผู้รับเหมาก็กลัวไม่ได้งานเหมือนกัน เพราะว่าระยะนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าทำการก่อสร้าง ก็พยายามต่อรองว่า ขอให้ดูผลงานใหม่จนถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าหากว่าไม่เร็วขึ้นก็จะยอมให้เปลี่ยนผู้รับเหมาใหม่ แล้วจากคนงานที่ทำอยู่ ๓-๔ คน ก็กลายเป็น ๓๐-๔๐ คน แล้วทำไมมึงไม่ทำอย่างนี้เสียตั้งแต่แรก ?

หลังจากที่ตรวจงานเจรจากันเสร็จ ก็แวะไปสถานที่ฝึกซ้อมอบรมพระอุปัชฌาย์ใหม่ประจำจังหวัดกาญจนบุรี เพราะว่าพระอุปัชฌาย์ใหม่ที่จะเข้าฝึกซ้อมอบรมของปีนี้ ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น อาตมาไปเป็นวิทยากรบรรยาย แล้วก็ช่วยฝึกซ้อมแก้ไข หมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ที่นั่นจนค่ำ ถึงได้เดินทางมาเข้าบ้านเติมบุญ นอนยังไม่ทันจะรู้สึกว่าหายง่วงเลย ก็มีคนมาปลุก บอกว่างานสวดพระคาถาเงินล้านรออยู่ อาตมาเองรู้สึกว่าอยากจะนอนสัก ๓ วัน ๓ คืน..!

[นายกระรอก]

ดังนั้น..งานสวดพระคาถาเงินล้านวันนี้ อาตมาจะฉวยโอกาสนอน..! ก็คือมีวัตถุมงคลเข้าพิธี แล้วก็จะอ้างว่าสมาธิไม่ดี สวดไปปลุกเสกไปไม่ค่อยถนัด ขอนอนอย่างเดียว ...(หัวเราะ)... สงสัยว่าจะแหกตาคนได้ แต่แหกตาครูบาอาจารย์ไม่สำเร็จ วันนี้วัตถุมงคลที่เข้าพิธีก็มีของชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ในส่วนของอาตมาเองก็คือตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชรที่พวกเราจองกันอยู่ ตอนนี้จะกลายเป็นพยัคฆราชเงินล้านไปด้วย ใครที่ยังไม่ได้จองก็นั่งน้ำตาไหลไป เพราะว่าต้นเดือนหน้าเขาจะเอาไปแจกที่บ้านเติมบุญแล้ว คำว่าแจกก็คือมอบให้แก่ผู้ที่จองเอาไว้ ถามว่าทำไมถึงแพง ? เพราะว่าวัสดุแพงมาก และออกไปแนว ๆ ผิดกฎหมายด้วย..!

แต่คราวนี้พอศึกษาวิชาการจากครูบาอาจารย์มา มีโอกาสก็ทำเอาไว้บ้าง เรียกว่าฝากผลงานไว้ในแผ่นดิน ในส่วนนี้ก็จะเอาปัจจัยไปในการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ ซึ่งเห็นแบบแล้วทุกคนสะดุ้ง เพราะว่าเป็นพระยืน สูงขนาดอาตมานี่แหละ จากที่เขาบอกว่าใช้ทองคำประมาณเดียวกับหลวงพ่อทองคำ คือ ๙๐-๑๐๐ กิโลกรัม ดู ๆ แล้วท่าจะเกินไปมาก ตอนนี้บรรดาช่างหล่อกำลังคำนวณกันอย่างเคร่งเครียด เพราะอาตมาบอกแล้วว่าห้ามพลาดเด็ดขาด ไม่มีทองคำเหลือแล้ว งานนี้มีแต่ต้องซื้อเพิ่ม แล้วตอนนี้ทองคำก็กำลังแพงมาก

ดังนั้น..ปัจจัยจากการบูชาตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชร มีโอกาสเอาไปซื้อทองคำและต้องซื้อมากด้วย น่าจะต้องควักเงินส่วนตัวเพิ่มเติมเข้าไปอีก ปีนี้ส่งบัญชีรายรับรายจ่ายประจำปี จากปีที่แล้วซึ่งหล่อหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ มีเงินติดลบอยู่ ๑๑๖ ล้านบาทเศษ มาปีนี้เหลือติดลบแค่ ๗๐ กว่าล้านบาท แล้วถ้าหากว่าซื้อทองเพิ่ม ก็อาจจะติดลบกลับไปใกล้เคียงเท่าเดิม แต่โยมไม่ต้องห่วง ปล่อยพระกังวลไปฝ่ายเดียว ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนกังวล ? เพราะว่าอาตมาเองไม่ได้รู้สึกหนักใจ ใครเป็นเจ้าหนี้ก็ต้องไปสวดมนต์ขอพร ขอให้หลวงพ่อเล็กร่างกายแข็งแรง อายุยืน ๆ จะได้หาเงินใช้หนี้ได้ นั่นเป็นภาระของเขา ไม่ใช่ภาระของอาตมา..!

[นายกระรอก]

ทำบุญก่อน..อย่ารีบถ่ายรูป สมัยนี้ท่านปู่สิริคุตมหาอำมาตย์ทำงานง่ายขึ้น การทำบุญมีพยานหลักฐานลงเฟซบุ๊กตลอด..! ถึงเวลาท่านก็ไปเสิร์ชติ๊ก ๆ ๆ หาข้อมูลแล้วก็ดึง..ก็อปปี้มา..วาง ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวก็โดนท่านต่อว่าอีกว่า..เทวดาไม่ได้โง่เหมือนท่านนี่..! บัญชีของท่านเป็นบัญชีอัตโนมัติ ถึงเวลาก็ขึ้นเอง โดนอาตมาแซวอยู่เรื่อย คือรู้สึกว่าล้ำสมัยไปมากเลย

[นายกระรอก]

ขอแก้ไขให้ผู้ประกาศหน่อย ท่านมหาชมพู ฉายาคือ ญาณมุนิ เขาพิมพ์ถูก แต่พวกเราอ่านผิด บาลีไม่มีมุนี มีแต่มุนิ แล้วพระครูสังฆรักษ์พัสวัชร์ ฐิตสีโล ฐ.ฐาน อ่านว่า ถิ-ตะ ไม่ใช่ ทิ-ตะ พยายามอ่านให้ถูกหน่อย พวกเราไม่คุ้นชินกับเรื่องของพระเรื่องของบาลีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าแก้ไขให้ถูกต้องได้ ไปที่อื่นจะได้ไม่ขายหน้าเขา

[นายกระรอก]

อย่างเมื่อครู่นี้ที่ผู้ประกาศและคุณต๋องได้บอกไปแล้วว่า ในเรื่องเป้าหมายของการสวดของเรา ก็คือพระคาถาเงินล้านนั้น ผลพิเศษได้แก่การสวดแล้วมีความคล่องตัวเกี่ยวกับลาภผลเงินทอง หรือการทำมาหากิน แต่คราวนี้ผลพิเศษนั้นจะมีได้ก็ต่อเมื่อเรารู้จักปล่อยวาง คือไม่ได้สวดหวังความร่ำรวย แต่ให้คิดว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งครูบาอาจารย์ท่านได้มอบเอาไว้ เราก็ควรจะรักษาสมบัติที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ด้วยการสวดภาวนาทุกวัน

ถ้าหากว่าวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ จิตใจก็จะประกอบด้วยอุเบกขา ไม่เป็นโลภเจตนา คือไม่ไปตั้งใจสวดเพื่อความร่ำรวย ถ้าอย่างนั้นผลก็จะเกิดขึ้นเร็ว เพราะว่าสมาธิจะทรงตัวได้ดีกว่า การที่เราสวดแล้วหวังความร่ำรวยนั้น ส่วนหนึ่งจะเป็นตัวอุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่าน อยากโน่น อยากนี่ ทำให้สมาธิของเราไม่ทรงตัว

[นายกระรอก]

เมื่อเป็นเช่นนั้น การวางกำลังใจในการสวดจึงสำคัญมาก แล้วขณะเดียวกันก็อย่าหวังว่าการสวดมาก ๆ แล้วจะทำให้เราได้ผลมากกว่า เพราะว่าเรื่องของการสวดมนต์ภาวนานั้นสำคัญตรงสมาธิ สมาธิสูงเท่าไร ผลของพระคาถาก็จะมีมากเท่านั้น เมื่อเป็นดังนั้น..ท่านทั้งหลายรู้เคล็ดลับพวกนี้แล้ว ก็ให้นำไปทำในลักษณะเดียวกันคือว่า ทำเพื่อถวายครูบาอาจารย์ แล้วจากที่ฟังดู ปี ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา กลุ่มสมาชิกทำยอดได้ที่ ๑๑,๗๘๐,๐๐๐ กว่าจบ ก็แปลว่าเฉลี่ยแล้วประมาณเดือนละ ๑ ล้านจบไม่ใช่ของไกลเกินหวัง ถ้าสมาชิกมากขึ้น ผลัดกันสวดสักคนละ ๑๐๘ จบต่อวัน คาดว่ายอดจะทะลุไปไกลกว่านี้อีกมาก แต่ว่าถ้าหากว่าสมาชิกจำนวนเท่าเดิม เราก็ตั้งเป้าไว้ที่ ๑๒ ล้านจบเป็นหลักก่อน

ดังนั้น..ในส่วนนี้ถ้าหากว่ามีเป้าหมาย ก็จะทำให้เกิดความมุ่งมั่น มากกว่าที่จะทำไปโดยไม่มีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่แท้จริง เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า กำลังใจของเราจะต้องเข้มข้นพอ เนื่องจากว่าการภาวนานั้นเป็นกำลังใจของบุคคลระดับปรมัตถบารมี ก็คือต้องเป็นกำลังใจในระดับสูงสุด เพราะว่าบารมีต้นนั้นจะถนัดแต่การให้ทาน ถ้าหากว่าเป็นบารมีกลางก็ให้ทานและรักษาศีล บารมีขั้นปลายถึงจะสามารถให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาไปพร้อมกันได้

[นายกระรอก]

ญาติโยมจะเห็นว่ามีผู้พิการทางสายตาหลายท่านมาร่วมงานกับพวกเราด้วย ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความกังวลน้อยกว่าเรา เนื่องจากมองอะไรไม่เห็น ในเมื่อมองไม่เห็น สิ่งที่อยากได้ใคร่มีก็จะมีน้อยกว่า เราควรที่จะใส่แว่นตาดำหนา ๆ บ้าง เมื่อมองอะไรไม่ค่อยเห็น ความอยากได้ใคร่มีก็จะน้อยลง ไม่ไปสนใจเรื่องภายนอกมากนัก

[นายกระรอก]

เมื่อครู่มีพระท่านถามว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงห้ามออกชื่อพระพุทธเจ้าหรือว่าพรหมเทวดา แล้วเวลาบวงสรวงควรจะทำอย่างไร ? นี่แหละคือสิ่งที่พอจากรุ่นหนึ่งก็เพี้ยนไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ท่านไม่ได้ห้าม แต่ท่านบอกว่าไม่สมควร พอถึงเวลาพวกเราก็ไปตีความว่าห้าม ก็ประมาณว่า เมื่อถึงเวลาแล้วไม่สามารถจะออกชื่อเสียงเรียงนามได้ แล้วจะเชิญท่านแบบไหน ? ก็เลยบอกให้ท่านไปตีความเอาเอง เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า อาตมาเป็นคนบอกว่าต้องทำอย่างนี้

เรื่องของการแปลงสาส์นนั้น เกิดจากการรับข่าวสารจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ทำให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสวยพระกระยาหารก่อนตรัสรู้ จาก "ข้าวมธุปายาส" ไอ้เด็กท้ายห้องกระซิบบอกเพื่อน มาถึงหน้าห้องกลายเป็นพระพุทธเจ้าเสวย "ข้าวคลุกปลาย่าง..!" ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าจะทำให้เสียหาย เพราะว่าพอไปถึงรุ่นหลัง ๆ ก็จะกลายเป็นว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งห้าม ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ได้ห้าม

เพราะฉะนั้น..ถ้าใครตอบว่าพระพุทธเจ้าเสวยข้าวคลุกปลาย่าง ทำให้อยู่เสวยวิมุตติสุขได้ ๔๙ วัน ก็ลองไปกินข้าวคลุกปลาย่างดูบ้างแล้วกัน เผื่อปฏิบัติธรรมแล้วจะได้อะไรมากขึ้น..!

[นายกระรอก]

ข้างนอกมีคนมาแอบถ่ายรูปงานกันกี่คน ? รัฐบาลเขาคงคิดว่ากำลังเตรียมงานประท้วงสวดมนต์ไล่ลุง..!