กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-06-2009, 17:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒

ถาม : การพิจารณา อาหาเรปฏิกูลสัญญา?
ตอบ : ให้เห็นสภาพว่า อาหารมาจากความสกปรก อาหารเติบโตมาจากดินที่ใส่ปุ๋ย ปุ๋ยก็เป็นของสกปรก พอกินเข้ามาอยู่ในร่างกายของเราที่มีความสกปรก ถ่ายออกมามันก็มีลักษณะของความสกปรกตามมาด้วย

บรรดาเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่มีเลือดมีคาว มันเน่ามันเหม็นอย่างไรเราก็นำมาพิจารณาดูได้ ถ้าหากพืชผลไม้เราจะดูไม่ออก เพราะมันมาตอนมันดี เราก็นึกถึงตอนมันเน่า ก็จะเห็นสภาพความเป็นจริง ใจจะได้ไม่ยึดติด

บางคนถึงขนาดว่าถ้ามีร้านอาหารดีที่ไหนก็พยายามตะเกียกตะกายไปกินจนได้ อย่างนั้นสมควรน่าจะพิจารณาตรงนี้

ควรสักแต่ว่ากินเพื่ออยู่ไปวัน ๆ หนึ่ง พิจารณาให้รู้เท่าทัน ว่าเรากินเพื่อยังอัตภาพร่างกายนี้ให้อยู่เท่านั้น ส่วนประเภทต้องการอาหารหน้าตาสวย ๆ ต้องการอร่อย ต้องการเชลล์ชวนชิม นั่นคือกิเลสมันต้องการ

ตักอาหารอย่างหนึ่งครั้งแรก เราอาจจะตักตามสภาพร่างกายต้องการ แต่ถ้าตักซ้ำของเดิมให้ระวังไว้ว่า เรากินตามกิเลสหรือเปล่า? กินเพราะรู้สึกว่ามันอร่อยหรือเปล่า? กระทั่งกินต้องระวัง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-03-2011 เมื่อ 12:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-06-2009, 17:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การรับยันต์เกราะเพชร ถ้ารับที่บ้านจะได้หรือไม่?
ตอบ : อยู่ที่ไหนก็รับได้ การสงเคราะห์ของพระท่านไม่จำกัดเขต อย่าว่าแต่ที่นี่หรือต่างประเทศเลย แม้แต่ต่างดาวก็ยังได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 17:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-06-2009, 22:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนยูฯ สมัยที่เขายังเตะบอลเอง ฝีมือก็ธรรมดา แต่เขาเข้าใจตัวเอง เขาเข้าใจตรงที่ว่า ถ้าเขาเล่นในสนามแล้วเขาจะควบคุมเพื่อนไม่ได้ เขาควบคุมทีมได้เฉพาะแต่ลูกบอลเท่านั้น แต่ถ้าเขาอยู่นอกสนาม เขาเห็นเพื่อน ๑๑ คนเล่น เขาจะควบคุมเกมส์อย่างไรก็ได้ เขาก็เลยเปลี่ยนไปเป็นผู้จัดการทีม

ลักษณะนี้อยากจะบอกพวกเราว่า
บางทีการที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จ ยอมถอยไปข้างหลังสักก้าวสองก้าว มันก็อาจจะดีกว่าที่คิด

ตอนดูฟุตบอล คนจะเห็นแต่ผู้เล่น ๑๑ คนในสนาม ไม่มีใครเห็นอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะเขาอยู่ข้างนอก ยกเว้นกล้องจะถ่ายไปตอนที่เขากำลังใส่อารมณ์เต็มที่ เมื่อนักฟุตบอลยิงเข้าประตูจะกี่ลูกก็ตาม เวลาเขาถามว่าทีมนี้ประสบความสำเร็จได้เพราะใคร? เขาชี้มือไปที่คนข้างหลัง ไปที่อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถ้าไม่มีคนนี้ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ


บางทีเราคิดแต่จะก้าวล้ำไปข้างหน้า โดยที่ไม่ได้คิดว่าข้างหลังยังมีที่ให้ยืนอยู่อีกบานเลย เพราะคนเอาแต่แย่งกันอยู่ข้างหน้า
แต่ข้างหลังที่ยังว่าง จนสามารถนอนได้เลย ตั้งวงเตะตะกร้อได้อีกต่างหาก

บอกให้รู้ไว้เผื่อพวกเราไปใช้ประโยชน์ได้ คิดแต่จะอยู่ข้างหน้าก็แย่ ถอยไปข้างหลังสักก้าว พื้นที่มีอีกเยอะมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 27-03-2013 เมื่อ 13:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-06-2009, 22:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคนบอกว่าสันโดษ พระพุทธเจ้าสอนให้ขี้เกียจ พวกนี้มันฟังบาลีไม่ออก"

ท่านบอกว่า ยถาพลสันโดษ
หามาตามกำลังตนเองที่มีได้ อย่างคุณทักษิณ ชินวัตร หามาตามกำลังของเขา ก็มีเป็นหมื่นล้านพันล้าน คนมีเงินเป็นหมื่นล้านพันล้าน เขาขี้เกียจหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่

ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีพอใจตามฐานะของตน พอใจตามฐานะของตน คุณทักษิณจะขี่เฟอร์รารี่ก็ไม่มีใครว่า ก็ตามฐานะของตน อันนั้นสันโดษ แต่ถ้าหากเป็นเราแล้วดันไปขี่เฟอร์รารี่ ก็ไม่สันโดษแล้ว

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ไขว่คว้าอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง ถ้าลองฝืนดูครั้งหนึ่งแล้ว สองครั้งแล้ว สามครั้งแล้ว ยังไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับสภาพ แล้วถอยมายืนอยู่ในจุดของเรา แต่ถ้าฝืนแล้วไปต่อได้ ก็ตะกายต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 17:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-06-2009, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เทคโนโลยี ถ้าให้เข้ากับสันโดษ เราก็ต้องยินดีตามที่ตนมีอยู่"

เราต้องรู้ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ จะต้องเจริญไปตามสภาพของโลก แต่ถ้าเราไปวิ่งไล่กวดมัน เราวิ่งไม่ทันมันหรอก กว่ามันจะออกมา ก็ตกรุ่นไปแล้ว

แต่ละบริษัทเขาร้ายกาจมาก สมมติเขาออกรุ่น a มา เขาจะมีรุ่น b c d e รออยู่แล้ว เขาพัฒนาไปแล้วสี่รุ่น แต่เขาเอารุ่นนี้มาให้เราใช้ก่อน ถ้าเอารุ่นที่ห้ามาให้เรา เขาจะขายได้แค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเขาเอารุ่นที่หนึ่งมาให้เรา ขายได้อีกตั้งสี่ครั้งกว่าจะไปถึงรุ่นที่ห้า เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องไปวิ่งไล่หรอก เหนื่อยเปล่า ๆ มันตกรุ่นตั้งแต่เราซื้อแล้ว


กลายเป็นว่า
พวกเทคโนโลยีเราต้องดูว่ามันจำเป็นแค่ไหน แล้วก็ใช้แค่นั้น เราไม่สามารถปฏิเสธความเจริญได้ แต่ก็ต้องอยู่กับมันอย่างมีสติ ใช้แค่ที่จำเป็น อะไรที่ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ต้องใช้ความสามารถดูก่อน

ปัจจุบันนี้อาตมาซื้อของในตลาดทองผาภูมิ แม่ค้าเขายังถามว่า ราคาเท่าไร? พอเราหยิบสตางค์ให้ เขาจะถามว่าทอนเท่าไร? เพราะเขาใช้เครื่องคิดเลขไม่ทันเราคิด
ถ้าเด็กรุ่นใหม่ ๆ นี้ไม่พยายามใช้สมองตัวเองบ้าง คอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตมันล่มไปวันไหน จะกลายเป็นคนที่น่าสงสารมากเพราะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวเลย

เพราะฉะนั้น..อย่าอาศัยเทคโนโลยีมาก อาศัยมากเดี๋ยวตาย..! กระดาษกับปากกาดีที่สุด ไม่ว่าจะเอ็มดีหรือไอพ็อด พวกนั้นถ้าถ่านหมดก็เจ๊ง ตอนอยู่วัดท่าซุงหลวงพ่อท่านเตือนตั้งแต่แรก ๆ ว่า กระดาษกับปากกาควรจะอยู่ใกล้มือไว้ เวลาพระหรือพรหม เทวดาหรือผีเขาบอกอะไร ถ้าไม่มั่นใจให้รีบจดไว้ก่อน อย่าให้รอจนสว่าง ถ้ารอสว่างแล้วจะลืม


สมัยที่อยู่วัดท่าซุง เวลาหลวงพ่อลงโบสถ์ท่านก็บันทึกเทป เราก็มีกระดาษไว้จด ซึ่งดีตรงที่ว่า
สิ่งที่สะดุดใจเรา คือสิ่งที่ตรงกับอารมณ์ใจของเราตอนนั้น สิ่งที่เราทำหรือเกินมาแล้ว จะไม่สะดุดใจ เพราะฉะนั้น..ที่เราจดคือประโยชน์ล้วน ๆ เลยสำหรับเราที่จะพึงได้ และแล้ววันหนึ่งก็ไฟดับ ปรากฏว่าวันนั้นพอออกจากโบสถ์มีแต่คนมาเดินตอมขอยืมสมุด เพราะฉะนั้น..เชื่อเถอะ ล้าสมัยไว้หน่อยเถอะ

บางคนบอกว่า "อาจารย์จะเอาคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ก็ซื้อได้ ทำไมไปซื้อเครื่องพิมพ์ดีดอีแก่เครื่องนี้มา?" อาตมาบอกว่า "ไอ้นั่นไฟดับแล้วทำงานไม่ได้ แต่นี่ดับทั้งชาติข้าก็ทำงานได้" ถ้ามีไฟเราก็ใช้คอมพิวเตอร์ แต่ถ้าไม่มีเราก็ใช้เครื่องพิมพ์ดีดนี้

ซุนวูบอกว่า รุกข้างหน้าหนึ่งศอกต้องเตรียมทางถอยไว้หนึ่งวา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 09-06-2009, 08:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ญาติโยมทั้งหลายทำธุรกิจ ส่วนใหญ่คิดแค่หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง ไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น คิดแต่ว่าเราทำงานแค่นี้ วันหนึ่งมีรายได้แค่นี้ เดือนหนึ่งมีแค่นี้ ปีหนึ่งมีรายได้แค่นี้ เราคิดแต่ด้านได้อย่างเดียว ไม่ได้คิดไว้เลยว่าถ้ามันเจ๊งไปแล้วเราจะแก้ไขอย่างไร?

เราต้องคิดล่วงหน้าไปในด้านที่ร้ายที่สุดว่า ถ้ากิจการตรงนี้ที่เราทำเจ๊งไป เราจะแก้ไขอย่างไร? เราจะเอาตรงไหนมาค้ำจุน? เราจะถอยไปยืนอยู่ตรงจุดไหนที่มันจะไม่บาดเจ็บมาก? ถ้าให้คำตอบตรงนี้ได้ ทำไปเถอะ งานอะไรก็ทำได้


แต่ถ้าให้คำตอบตรงจุดนี้ไม่ได้ อย่าเพิ่งทำเลย โอกาสรอดมีน้อย ถ้ารอดก็แสดงว่าบุญเก่าดีจริง ๆ เพราะฉะนั้น..
อย่าคิดด้านได้อย่างเดียว ต้องคิดด้วยว่าถ้าเสียเราจะแก้ไขอย่างไร ถ้าได้คำตอบเรียบร้อยแล้วทำไปเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 09-06-2009, 09:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เลี้ยวกลับเข้าหาวัดได้แล้ว ถ้าออกทะเลแล้วจะหาฝั่งยาก แต่ที่บอกให้เลี้ยวกลับวัด ก็คือ ให้ทุกคนพิจารณาที่ตัวเองก่อน ถ้าพระเลี้ยวกลับวัด ก็คือ เลี้ยวกลับไปหาสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยและชิน

ส่วนเราก็ต้องมาพิจารณาตัวเองว่า ตัวเราเองถนัดอะไรมากที่สุด ชอบอะไรมากที่สุด ถ้าสามารถทำในสิ่งนั้นได้ เราจะทำได้ดีที่สุด อย่างอื่นที่เราไม่ถนัด ถ้าทำไปก็ต้องฝืนตัวเองมาก แล้วเราจะไม่มีความสุขในการทำงาน


ภาษิตจีนเขาบอกว่า
กระต่ายตัวเดียวอย่างน้อยมีสามโพรง ก็คือ มันไม่ได้ทำทางเข้าออกไว้ทางเดียว มันทำไว้อีกสองทางจากทางปกติ เพราะฉะนั้น..เวลาศัตรูมันเข้าทางนี้ กระต่ายมันจะหนีไปอีกทาง มันอาจจะหนีไปทางที่สามก็ได้ ซึ่งปกติสัตว์นักล่าอย่างเก่งที่สุดมันจะมาสองตัว เพราะถ้ามากกว่านั้นมันจะแย่งกัน ไม่พอกิน

อยากจะบอกพวกเราทุกคนว่า อย่าวางใจในความมั่นคงในอาชีพของตนเอง มีอะไรที่พอเป็นงานเสริมเป็นไซด์ไลน์ไปได้ ทำไปเถอะ ดีไม่ดี..ภายหลังไซด์ไลน์จะดีกว่างานจริง เราต้องเตรียมหาทางถอยไว้กับตัวเอง

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่มีผิด ท่านบอกว่า ทุกอย่างอนิจจังไม่เที่ยง แม้แต่หน้าที่การงานก็ยังไม่เที่ยง พอถึงเวลางานนี้มันไปไม่ได้ เราก็มีงานนั้นทำ ไม่เห็นต้องไปร้อนใจ คนอื่นเขาเดือดร้อนก็ช่างเขา เรานั่งกระดิกเท้าสบายใจเฉิบ

ดังนั้น..
พระเลี้ยวกลับวัด โยมก็ต้องเลี้ยวกลับไปพิจารณาตนเอง เราชำนาญอะไร เราชอบอะไร เราก็เลือกทำสิ่งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 09-06-2009, 09:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเรื่องการทำงานและการปฏิบัติ อย่าเปลี่ยนเป้าหมายบ่อย ๆ หลักการปฏิบัติก็ดี หลักการทำงานก็ดี อย่าเปลี่ยนบ่อย เคยเปรียบไว้ว่ามันเหมือนการขุดบ่อจะเอาน้ำ บางทีเราขุดไปสามเมตรสี่เมตรใกล้จะถึงแล้ว พอเขาบอกว่าตรงนั้นดีกว่า เราก็ขยับไปขุดตรงนั้น พอเขาบอกว่าตรงนี้ดีกว่า ก็ขยับมาขุดตรงนี้ ก็เลยไม่ถึงน้ำเสียที เพราะฉะนั้น..การทำงานเราก็ต้องจับเป้าหมายเดียวจริงจัง มันจะได้เร็ว

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
ท่านทรงแสดงธรรมเหมือนราชสีห์จับเหยื่อ ก็คือ ราชสีห์เวลาล่าเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อจะตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม มันทุ่มเทกำลังในการจับเท่ากันหมด เพราะฉะนั้น..จะไม่มีพลาด และสำคัญที่สุดมันเล็งเหยื่อตัวเดียว ถ้าหากมันไปละล้าละลังล่าตัวอื่นที่อยู่ใกล้ ตัวที่อยู่ข้างหน้ามันวิ่งตรง มันจะหนีไปได้ เพราะฉะนั้น..ราชสีห์มันล่าเหยื่อมันล่าตัวเดียว ตัวอื่นที่อยู่ใกล้มันจะไม่สน

ทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเราทุ่มเทให้มันเต็มที่ มันจะไม่มีอะไรยากเกินความสามารถมนุษย์หรอก
ถ้าเราทุ่มเทเต็มที่แล้วก็จะเหมือนพระมหาชนก พระมหาชนกว่ายน้ำเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่เห็นฝั่ง นางมณีเมขลาก็บอกว่ารู้ว่าว่ายแล้วไม่เห็นฝั่ง จะว่ายไปทำไม? พระมหาชนกก็บอกว่า อย่างน้อยเราได้ทุ่มเทกำลังเต็มที่ เราจะได้ตอบตัวเองได้ว่าเราได้ทำแล้ว

ที่ท่านบอกว่า ยาวเม เถว ปุริโส เกิดเป็นคนต้องมีความพยายามอยู่ร่ำไป ท้อถอยไม่ได้ มันอาจจะเหลืออีกหนึ่งช่วงที่ว่ายน้ำก็ถึงแล้ว

เรื่องของการปฏิบัติก็เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของการสั่งสม สั่งสมความดีของศีล สมาธิและปัญญาไปทีละเล็กทีละน้อย
แรก ๆ มันไม่เห็นหน้าเห็นหลังหรอก แต่ถ้าเราดูย้อนหลังไปว่า ก่อนหน้านี้เรามีศีลห้าครบไหม? ปัจจุบันนี้เราได้กี่ข้อแล้ว? ถ้าเราได้ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ละเมิดด้วยตนเอง แล้วเราไม่ยุผู้อื่นให้ละเมิดหรือเปล่า? เราไม่ยุคนอื่นแล้ว ถ้าคนอื่นทำเรายินดีด้วยหรือเปล่า? เราค่อย ๆ ทบทวนเรื่องศีลไปเรื่อย ๆ ว่าเราทำสมบูรณ์หรือยัง โดยเปรียบย้อนหลังดู จะเห็นความก้าวหน้าของตัวเองไปทีละน้อย

ภาษิตจีนเขาบอกว่า
คนอื่นขี่ม้าแต่เรายังขี่ลา ถ้าจะสงสารตัวเองว่าไล่ม้าไม่ทัน ก็ไม่ต้องสงสาร หันกลับไปดูข้างหลัง คนที่ไม่มีอะไรจะขี่ เดินเท้าเปล่าเยอะแยะไป และท้ายที่สุด พวกที่ยังนั่งไม่ได้เริ่มเดิน มีอีกตั้งเท่าไหร่?

ถ้าหากว่ามองให้มองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองไปข้างหน้าอย่างทะเยอทะยานอยากได้ แต่มองไปข้างหน้าเพื่อที่จะทำอย่างไรให้ได้เท่าเขาหรือมากกว่าเขา
มันเป็นการแสวงหาความก้าวหน้า ถ้าอย่างนี้ทางโลกก็เจริญทางธรรมก็เจริญ

เขาปฏิบัติได้ดีกว่าเรา เราต้องพยายามทำให้ได้เท่าเขา หรือไม่ก็เขาทำมาหากินมีความคล่องตัวกว่าเรา เขาทำอย่างไรเราก็พยายามทำให้ได้อย่างเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-05-2015 เมื่อ 13:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 09-06-2009, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนไปงานแต่งงานของโยม งานแต่งงานนี้เพื่อนเจ้าบ่าวก็ไม่มี เพื่อนเจ้าสาวก็ไม่มี มานึกว่าทำไมเป็นอย่างนั้น นึกมาได้หลายข้อ

ข้อที่หนึ่ง
เขาไม่รู้ธรรมเนียม ถ้าเป็นข้อนี้อเนจอนาถมากเลย ธรรมเนียมเก่า ๆ ความสำคัญอยู่ที่เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาสภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ดีสุดเท่าที่จะดีได้ เพราะฉะนั้น..เขาต้องเป็นคนที่รู้ธรรมเนียมมากกว่า รู้ว่าแต่ละขั้นตอนต้องทำอย่างไรบ้าง และขณะเดียวกันถ้าหากว่าจำเป็นก็ต้องแต่งหน้าให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้บ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ออกมาดูดี

ข้อที่สอง
เขาหาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้ คนทั้งหมู่บ้านเขาหาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้ ก็อาจแปลว่าเขาไม่มีเพื่อนฝูงเลย หรือการคบหาไม่มีเลย

ส่วนข้อที่สาม อนาถกว่านั้นอีก อาจเป็นเพราะว่า
เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวยและหล่อกว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาว เลยไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวจะมาขโมยซีน

แปลกดี..หลายต่อหลายเรื่อง เราดูตรงหน้าก็เห็นอะไรไปเรื่อย เห็นไปเรื่อยก็มานึกเปรียบเทียบไปเรื่อยว่า เขาไม่รู้ธรรมเนียมจริง ๆ เป็นที่น่าสงสารมาก เพราะพ่อเจ้าสาวมาสารภาพว่า ไม่รู้หรอกเรื่องนี้ พอถึงเวลางานแต่ง ก็ไปแค่ที่โต๊ะจีน ไม่ได้ดูบ้างเลยว่าเขาทำอย่างไรกันบ้าง


ตัวเองไม่รู้แล้วจะไปบอกลูกได้อย่างไร ในเมื่อปู่ย่าตายายไม่รู้ ไปบอกลูกบอกหลานไม่ได้ ลูกหลานก็ไปบอกลูกหลานของมันไม่ได้...ก็ไปกันใหญ่ ประเพณีไทยก็ถึงกาลวิบัติ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 09-06-2009, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พิธีแต่งงานเสียสตางค์เยอะ ฝ่ายชายก็เรื่องสินสอดทองหมั้น ฝ่ายหญิงก็เรื่องการเลี้ยงแขก เสียไปตั้งเยอะแยะ อันนี้ต้องคิดให้เป็น ดูให้เห็น

ต้องบอกว่าคนโบราณเขาลึกซึ้งมาก
การแต่งงานที่เชิญแขกมาเยอะ ๆ นั้น เพื่อเป็นสักขีพยานว่า สองคนนี้เขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่ไปละเมิดคนที่มีเจ้าของ ให้รู้กันทั้งหมู่บ้าน ญาติพี่น้องมีกี่คนก็ต้องรู้ ต่างหมู่บ้านก็ต้องรู้ เพราะข่าวมันไปเรื่อย ยิ่งมีการคบหากับคนต่างจังหวัดยิ่งไปไกลใหญ่ คุณจะอ้างว่าไม่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วไม่ได้

โดยเฉพาะสมัยก่อน ก่อนจะแต่งงานเขาต้องสร้างเรือนหอก่อน ต้องพร้อมเป็นในเรื่องของงานฝีมือช่าง ผู้ชายจะน่าสงสารมากเลย กว่าจะเลื่อยไม้ได้แต่ละต้น จะซ่อมบ้านสร้างบ้านได้ แล้วก็ไปขอแรงเพื่อนฝูงมาลงแขกช่วยกัน กว่าจะเสร็จมันเป็นเดือน ๆ แล้วถ้ายิ่งเตรียมการล่วงหน้า บางทีมีการตัดไม้เลื่อยไม้ก็เป็นปี ๆ คนเขาจะรู้กันเยอะว่าคู่นี้เขาหมายหมั้นกันแล้ว เขาจะแต่งกันแล้ว


ถ้าหากว่าเป็นคู่แข่ง ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนใจอีกฝ่ายให้ทัน ถ้าสร้างเรือนหอเสร็จเมื่อไหร่ ก็แต่งกันร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือเรื่องของความลึกซึ้งในประเพณีของเรา

สมัยใหม่ใจร้อนกัน ไม่ได้จัดงานแต่งเพราะเปลืองเงิน จดทะเบียนกันเฉย ๆ มันเปลืองก็จริง แต่จดทะเบียนเฉย ๆ อย่างเก่งเพื่อนเป็นพยานสักสองคน ไม่มีสภาพกว้างไกลเหมือนสมัยก่อน แล้วสมัยก่อนการจัดงานมันแสดงออกซึ่งความสามัคคี บ้านนั้นก็มาช่วย บ้านนี้ก็มาช่วย ผู้ชายก็มาช่วยเรื่องการแบกการหาม จัดเตรียมสถานที่ ผู้หญิงก็จัดเตรียมข้าวปลา เขาได้ปฏิสัมพันธ์กันในหมู่เพื่อน เกิดความรักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกัน เรื่องพวกนี้มันสร้างความสามัคคี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 09-06-2009, 17:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีในหมู่คณะทำให้เกิดสุข โบราณก็บอกแล้วว่า ทำอะไรถ้าเหลือกำลังลาก ให้ออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม

ถ้าไม่มีความสามัคคีในหมู่คณะ ก็จะไม่มีเพื่อนไม่มีฝูง งานใหญ่จะทำไม่สำเร็จ เราก็เลยมานึกถึงปัจจุบัน
รัฐนาวา นาวาคือ ประเทศชาติ ประเทศชาติของเราจะล่มแหล่มิล่มแหล่ นอกจากไม่ช่วยกันจ้ำ ไม่ช่วยกันพาย ไม่ช่วยกันวิดน้ำ อุดรูรั่วแล้ว ยังมีแต่ช่วยกันกระทืบซ้ำแล้วเจาะรูเรือให้รั่ว

ทำอย่างไรที่จะทำให้เขาเลิกแบ่งฝ่ายแบ่งสีกันเสียที ทำอย่างไรจะให้เลิกแบ่งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ต้องดูตัวอย่าง แม่แบบประชาธิปไตย คือ ประเทศอังกฤษ

ประเทศอังกฤษจะมีแค่สองพรรค ถึงเวลาพรรคใดพรรคหนึ่งขึ้นไปเป็นรัฐบาล อีกพรรคหนึ่งจะตั้งรัฐมนตรีเป็นเงาตามเลย แต่เขาไม่ได้ตั้งไว้เฉย ๆ เหมือนอย่างบ้านเราที่คอยจับผิด เขาตั้งมาเพื่อเข้าไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย ไปรับรู้การบริหารทั้งหมดด้วย ถ้าหากว่ามีความคิดอะไรที่ดีกว่าตัวจริง เขาจะเสนอความคิดนั้นไป ตัวจริงเอาไปบริหารงานจะต้องให้เครดิตว่า นี่เป็นความคิดของฝ่ายค้าน บ้านเราไม่มีตรงนี้


บ้านเราถึงเวลาถ้าหากกูขึ้นได้ คนอื่นก็อย่าโงหัวมาเลย มันกลายเป็นแย่งชิงกัน ท่านผู้รู้บางท่านบอกว่า
"ถ้าผลัดกันเป็นใหญ่จะได้เป็นใหญ่กันทุกคน แต่ถ้าแย่งกันเป็นใหญ่ จะไม่ได้เป็นใหญ่กันสักคน" บ้านเรามันแย่งกันบ่อย ๆ

ต้นแบบประชาธิปไตยคือประเทศอังกฤษ เขาทำงานร่วมกัน ถ้ารัฐบาลล่มเมื่อไหร่ก็ตาม ฝ่ายค้านสามารถบริหารงานต่อได้โดยไม่สะดุด เพราะทุกคนทำงานร่วมกันมา รู้งานอยู่แล้ว


ดังนั้น..ทุกวันนี้ถ้าเรารักและห่วงในหลวงจริง ๆ ต้องรักใคร่สามัคคี ต้องทำงานร่วมกัน ทุกอย่างตั้งเป้าเอาไว้ว่าเพื่อในหลวงและประเทศชาติของเรา ถ้าอย่างนั้นจะไปรอด แต่ถ้ายังทำเพื่อตัวเอง รู้อยู่ว่าเช่ารถเมล์มันแพงกว่าซื้อ แต่ยังจะเช่า เพื่ออะไร? ไม่ต้องคิดก็รู้ คำตอบมันมีอยู่แล้ว


จุดที่แย่ที่สุดก็คือความเสื่อมทรามศีลธรรม ตรงจุดนี้แทบจะไม่มีอยู่ในใจของนักการเมืองเลย นึกถึงเพลโต เขาบอกว่า ความดีของบุคคลเริ่มสูญหายไปทันทีที่ก้าวเข้าไปเล่นการเมือง
เพราะฉะนั้น..ทั้งชีวิตของเพลโต ไม่แตะการเมืองเลย เขามีหน้าที่เป็นนักวิชาการ วิจารณ์อยู่ห่าง ๆ


ดังนั้น..สิ่งสำคัญปัจจุบันของเราคือ เรามีหน้าที่อะไร เราทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการเสียภาษีอากรเพื่อพัฒนาประเทศชาติ แม้ว่าจะเข้ากระเป๋าใครไปบ้าง แต่อย่างน้อยบางส่วนก็กลับเข้าสู่สังคม และเราก็ได้ชื่อว่า เราทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว อาตมายังเจอภาษีร้อยละ ๑๕ เลย ไม่น่าเชื่อว่าพระจะเจอขนาดนี้ เป็นภาษีเงินฝาก เงินวัดมันยังเอา..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-05-2015 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 09-06-2009, 18:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สอนว่า "คนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน การแสดงออกของแต่ละคนจะต่างกัน

(ท่านหยิบพวงมาลัยขึ้นมา) นี่ดอกมะลิ นี่ดอกรัก นี่ดอกกุหลาบ คนละเรื่องเลย แต่พอมารวมกันเป็นพวงมาลัย มันแลดูสวย ดอกไม้ที่รวมกันเป็นพวงมาลัยได้สวยอย่างนี้ เกิดจากอะไร? มันต้องมีแก่นแกนของมัน คือ เส้นด้ายใช่ไหม
?

พวกเราร้อยพ่อพันแม่ จะให้นิสัยเหมือนกันดั่งแกะออกมาจากบล็อกเดียวกันก็ไม่ได้ แต่ว่าพวกเรามีเบ้าหลอมคือศีล สมาธิ และปัญญาของพระพุทธเจ้า ถ้ายังมีไตรสิกขาอยู่ อย่างไรก็ไม่ล้นออกจากกรอบ ในเมื่อไม่ล้นออกจากกรอบไป อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ มองอย่างไรมันก็งามจนได้


อย่าง
เต้ย(สุรจิตร) นี่ก็งามของเต้ย ลองหามุมให้เจอว่างามตรงไหน อาจจะงามแบบดอกตำแยที่ห้อยอยู่ปลายพวงมาลัยก็ได้ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าถึงแม้เป็นดอกตำแย แต่ก็ยังพอดูได้ ถ้าเราเห็นปกติธรรมดาตรงนี้ แก่นความเป็นจริงของบุคคลแล้ว เราจะไม่เสียเวลาไปตั้งความหวังกับใคร เพราะแต่ละคนสร้างกรรมมาไม่เหมือนกัน จะไปให้ออกมาเหมือนบล็อกเดียวกันก็ไม่ได้ เพียงแต่ว่าอย่าล้นกรอบก็พอ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-05-2015 เมื่อ 15:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 09-06-2009, 18:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าขาดเต้ยไปก็เฉาเลย เราจะเห็นความดีของเขาอยู่อย่างหนึ่ง คือ โดนเท่าไหร่ก็ไม่ยุบ กำลังใจแบบนี้เหมาะสำหรับนักปฏิบัติ แต่ให้ไม่ยุบเพราะคิดได้ ไม่ใช่ไม่ยุบเพราะด้าน

แยกให้ออก คิดได้...คิดเป็น...มีปัญญาก็จะปล่อยวาง โดนแล้ววางมัน ไม่ได้เก็บอารมณ์เอาไว้ ก็ไม่ต้องไปเสียใจ แต่ถ้าหากโดนแล้วมันด้าน ไม่รู้สึกรู้สา อย่างนั้นไม่เข็ด..ไม่ไป ต้องพิจารณาให้ดี ๆ ว่าเกิดจากอะไรแน่?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 10-06-2009, 09:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะประกอบอาชีพร้อยพวงมาลัย ทำอย่างไรจึงจะทำออกมาได้สวย?
ตอบ : ให้ขอท่านปู่พระอินทร์ ไม่ใช่ขอให้สวยนะ แต่ขอให้เกิดความคล่องตัวในงานทุกอย่าง หรือไม่อีกอย่างก็ทำสมาธิให้ดี ๆ แล้วตั้งใจเลย ขอบารมีท่านปู่ท่านย่าช่วยสงเคราะห์ อะไรที่เป็นของเดิม ๆ ที่เคยฝึกขอให้กลับมา เดี๋ยวจับอะไรมันก็คุ้นไปหมด

ถ้าเราจะเอางานแม่บ้านแม่เรือนต้องเก็บความรู้สึกเก่า ๆ รู้สึกว่าควรจะเป็นอย่างไร อย่าไปฝืนมือ ปล่อยมันไหลตามสภาพมัน


ถ้าคุ้นมือของอาตมาคือพวกอาวุธ เนื่องจากเกิดเป็นทหารมาเยอะ พอได้จับก็คุ้น ใช้ได้คล่องทันที

อะไรที่มันตั้งใจมากเกินไปมันจะไม่ได้ดี แต่ขณะเดียวกันอะไรที่ขาดความตั้งใจ ก็ไม่ได้ดี ที่จะได้ดีจริง ๆ เกิดจากความชำนาญ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า skill คนไทยเรียกว่าทักษะ ก็คือ ซ้อมบ่อย ๆ จนเป็นธรรมชาติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 10-06-2009, 10:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตั้งแต่สมัยเด็กเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นพวกหนังสติ๊ก มีด ปืน ฯลฯ อาตมาจับมาหมด ตอนเด็ก ๆ เคยใช้หนังสติ๊กยิงดอกหญ้าตรงข้างถนน ดอกหญ้าเล็กนิดเดียวแต่เรายิงได้ขาด

ตรงนี้ก็เหมือนกับการปฏิบัติ ใครซ้อมจนคล่องตัวมันจะเป็นเองโดยธรรมชาติ ทิ้งไปนานแค่ไหนก็ตาม ถ้าคล่องตัวจริง ๆ แค่นึกถึงมันก็กลับ ก็เหมือนกับเล่นหนังสติ๊ก ไม่ได้เล่นมา ๓๐-๔๐ ปี ถึงเวลาจับขึ้นมาก็ใช้ได้

ถ้าเป็นการปฏิบัติเขาบอกว่าเกิดวสี คือความชำนาญที่จะกระทำ ฉะนั้น..ขอให้ชำนาญในด้านดี ถ้าชำนาญในด้านชั่ว แย่แน่ ๆ เพราะพวกชำนาญนี่จะทำได้ดีกว่าคนอื่นเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 10-06-2009, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "มีโยมเขาจัดงานแต่งงาน ทีนี้เขามากราบขอร้องให้อาตมาช่วยห้ามฝนให้เขาสองวัน อาตมาก็บอกว่ามากไป" เขาก็ต่อรองบอกว่า ถ้ามากไป เอาวันที่สามวันเดียวก็ได้ เราก็ตกลง

ปรากฏว่าพอถึงวันที่สี่ เราไปบิณฑบาตตัวเปียกไปหมด จำไว้เลยนะ
ถ้าทำให้เขา เราก็ต้องยอมรับซะด้วย

ที่ห้ามฝน ไม่ได้หมายความว่าฝนจะหยุดตกไปเลย แต่มันจะรวบยอดไปตกวันอื่นแทน แล้วมันเล่นงานตอนที่อาตมาบิณฑบาต สมน้ำหน้าตัวเองจริง ๆ เลย เพราะฉะนั้น..เรื่องของธรรมชาติอย่าไปยุ่งกับเขาดีที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 10-06-2009, 14:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนเขาบอกว่า ให้ไปไหว้ขอขมาคนอีกคน เนื่องจากคนนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวร กรรมที่ส่งผลอยู่จะหายไป ตรงนี้มันจริงหรือคะ?
ตอบ : บางทีก็จริงบางทีก็มั่ว ต้องถามคนที่ดูให้ว่าเขารู้จริงหรือเปล่า?

ถาม : ก็คือคนนี้เขาเป็นมะเร็ง แล้วมีคนดูให้ บอกว่าให้ไปไหว้ขอขมาคน ๆ นี้ ดิฉันสงสัยว่าเป็นมะเร็งแล้ว ไปไหว้คนที่มีตัวตนอยู่ ตรงนี้มะเร็งมันจะหายไปหรือคะ?
ตอบ : ตรงนี้ในอดีตเขาอาจจะเคยสร้างเวรกรรมกันไว้ เราสงสัยได้แสดงว่า มีปัญญามากกว่าพวกที่ฟังเฉย ๆ

สมมติเราไปฆ่าเขา คนที่เราฆ่านั้นก็ไปเกิดตามเวรตามกรรมของเขา แต่ว่าส่วนที่ตามจองเวรไม่ใช่คน ๆ นั้น แต่มันเป็นการกระทำที่เราทำต่อคน ๆ นั้น เพราะฉะนั้น..จริง ๆ ผลที่เราทำไว้นั่นแหละ มันมาเกิดกับเรา เขาก็เลยเรียกมีเจ้ากรรมนายเวร แต่ถ้าหากจำเป็นอยากจะรู้เหตุตรงนี้ เทวดาเขาก็แสดงให้ดูว่าเหตุมันเกิดมาอย่างนี้ ๆ

บังเอิญเราไปจำหน้าเขาได้ ก็ร้องอ๋อ..คนนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวร จริง ๆ ไม่ใช่หรอก เป็นตัวเองทำตัวเองต่างหาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-05-2015 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 10-06-2009, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แนะนำเรื่องการปฏิบัติให้คนในครอบครัว แล้วเขาไม่เชื่อ
ตอบ : ในเรื่องการปฏิบัติ ถ้าเราทำแล้วเกิดผล มันจะสร้างศรัทธาได้ ทีนี้จะทำอย่างไรให้เกิดผล ก็ลองคาถาเงินล้านดูสิ เอาวันละเยอะ ๆ ถ้าเกิดผลเมื่อไหร่ ค่อยไปยืนยันกับเขา ให้เขาเชื่อ

เรื่องแบบนี้เราต้องเอาตัวเองเป็นตัวอย่าง ทำให้เกิดผล ปริยัติศึกษาตามตำรา ปฏิบัติเอาความรู้ที่ศึกษามากระทำให้เกิดผล ปฏิเวธเมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถนำผลเอาไปใช้จริงได้ ต้องครบ ๓ สถาน ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งเขาเรียกว่ายังศึกษาไม่จบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 10-06-2009, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าในฝันเราละเมิดศีล เราจะผิดศีลจริงหรือไม่ ?
ตอบ : นั่นมันฝัน ไม่ใช่ของจริง แต่ก็บ่งบอกว่าในเมื่อมีโอกาสละเมิดศีล แม้แต่ในฝันยังละเมิด แสดงว่ากำลังใจยังไม่ดีพอ ถ้าแม้นในฝันพยายามต่อต้าน ไม่ยอมละเมิดศีล แสดงว่ากำลังใจใช้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-03-2011 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 10-06-2009, 16:53
ตัวแสบจำเป็น's Avatar
ตัวแสบจำเป็น ตัวแสบจำเป็น is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
สถานที่: บางกอก
ข้อความ: 119
ได้ให้อนุโมทนา: 18,697
ได้รับอนุโมทนา 24,566 ครั้ง ใน 954 โพสต์
ตัวแสบจำเป็น is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่เราอ่านนิยาย มันจะมีบางตอนที่ตัวละครกินเหล้า แล้วทีนี้มันดันเป็นมุกตลกในวงเหล้า เราเผลอไปขำกับมุกตลกนั้นด้วย แบบนี้จะเหมือนกับเราไปโมทนาบาปของเขาหรือเปล่า? แบบไปยินดี ที่เขาดื่มเหล้าแล้วยิงมุกใส่กัน
ตอบ : อันนั้นมันอยู่ในจินตนาการ กินก็กินในจินตนาการ ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ถือว่าโมทนาในบาปนั้น เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าเป็นเรื่องเหล้าจริง ๆ ล่ะก็ เผลอไปยินดีเข้า ก็ตัวใครตัวมันล่ะ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-05-2015 เมื่อ 17:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว