กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-10-2018, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ที่อยากจะบอกกับพวกเราในวันนี้ก็คือว่า การปฏิบัติของเรานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหวังผล การปฏิบัติจะหวังผล ต้องเลียนแบบราชสีห์จับเหยื่อ พระพุทธเจ้าตรัสว่าราชสีห์เมื่อจับเหยื่อไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่แค่ไหนก็ตาม จะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเสมอ โอกาสที่พลาดก็จะมีน้อยมาก

คราวนี้เราจะเลือกอะไรเป็นเหยื่อในการปฏิบัติของเรา ? ถ้านับจากการที่อาตมาปฏิบัติมาด้วยตนเอง ก็ใช้กรรมฐานหลายกองปนกันทีเดียว ถามว่าทำกรรมฐานหลายกองปนกันทีเดียวได้หรือ ? ขอตอบว่าได้..ถ้ามีความเข้าใจพอ

อาตมาใช้อานาปานสติหรือลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก กำหนดภาพพระพุทธรูปเป็นกสิณ พระพุทธรูปนั้นเป็นพระพุทธรูปแก้วคืออาโลกกสิณ การกำหนดภาพพระพุทธเจ้าของเรานั้น ถ้าหากว่าเรามีพระพุทธรูปองค์ที่เรารักเราชอบอยู่ หรือว่ามีพระเครื่องที่เป็นรูปพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบอยู่ ก็ให้ใช้รูปนั้นเป็นหลัก ก็คือนำพระพุทธรูปหรือพระเครื่องนั้นมาไว้ในสถานที่ซึ่งเรามองเห็นได้ง่าย สะดวก ไม่ต้องก้มมากเกินไป เงยมากเกินไป ลืมตามองภาพพระ พร้อมกับหลับตาลงนึกถึง และใช้คำภาวนาว่าพุทโธ

การกำหนดภาพพระนี้เราจะเห็นได้แค่ชั่วครู่เดียว ภาพพระก็จะเลือนไป เราก็ต้องลืมตาขึ้นมองภาพพระนั้นใหม่ แล้วหลับตานึกถึงอีก อาตมาขอยืนยันว่า วิธีการทำกสิณหรือเพ่งกสิณก็ทำแบบนี้ ลืมตามอง นึกถึงภาพพระ หลับตาลงแล้วนึกถึง ภาพพระจะติดตาเราอยู่ชั่วคราว จนกว่าสมาธิเราจะทรงตัว ภาพพระถึงจะติดตาเราได้นานขึ้น ใหม่ ๆ อย่าไปเอารายละเอียด เอาแค่ให้กำหนดนึกถึงภาพพระได้ก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 15:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-10-2018, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกำหนดภาพพระควบกับลมหายใจเข้าออก ก็คือเป็นอานาปานสติในพุทธานุสติและเป็นกสิณด้วย ก็ให้ประคับประคองภาพเหล่านี้เอาไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด พอเลือนไปก็ลืมตามองใหม่ ถ้าเราดูในคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านใช้คำว่า หลับตาลงนึกถึง เมื่อภาพเลือนไปก็ลืมตามองใหม่ แล้วหลับตาลงนึกถึง ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง

อาตมาก็ไม่ทราบว่าตัวเองทำไปกี่หมื่นกี่แสนครั้ง เพราะว่าใช้เวลาอยู่ ๓ ปี แต่ที่ต้องใช้เวลาอยู่ ๓ ปีเพราะว่าทำแล้วอยากได้ ตัวอยากก็เลยไปกีดกันเสียจนแทบจะเข้าไม่ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ว่าต่อให้นานกี่ปีก็ตาม ถ้าทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก

ถามว่าคุ้มค่าตรงไหน ? เมื่อภาพพระนั้นติดตาติดใจเรา ไม่ต้องมองก็นึกออก ก็ให้กำหนดภาพพระพร้อมกับลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาไปตามปกติ ภาพพระนั้นจะใสขึ้น สว่างขึ้น ไปตามลำดับ ยิ่งสมาธิทรงตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งใสสว่างมากเท่านั้น จนกระทั่งภาพพระนั้น สว่างไสวเหมือนกับพระอาทิตย์ยามเที่ยง เราก็กำหนดนึก ขอให้ภาพพระนั้นใหญ่ขึ้นหรือว่าเล็กลง ให้ปรากฏขึ้นหรือว่าหายไปได้อย่างใจของเรา ถ้าทำอย่างนั้นได้ เราก็สามารถใช้อำนาจกสิณในพุทธานุสติได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 15:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-10-2018, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถามว่าจะใช้กสิณในพุทธานุสติตรงนี้อย่างไร ? อาโลกกสิณนั้นมีอานิสงส์พิเศษคือ สร้างทิพจักขุญาณให้เกิด เราเห็นภาพพระได้ชัดเจนแจ่มใสเท่าไร เราก็สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้ชัดเจนแจ่มใสเท่านั้น เมื่อเห็นชัดเจนแจ่มใส จัดเป็นทิพจักขุญาณแล้ว ญาณอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้

เราใช้ทิพจักขุญานไปดูอดีต เรียกว่า อตีตังสญาณ ดูอนาคตเรียกว่า อนาคตังสญาณ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในปัจจุบันนี้ เรียกว่า ปัจจุปปันนังสญาณ ใช้ในการระลึกชาติเรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ กำหนดรู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน และตายแล้วไปไหน เรียกว่า จุตูปปาตญาณ รู้ว่าคนและสัตว์ทำกรรมอะไรไว้ ถึงวาระ ถึงเวลาต้องได้รับกรรมดีกรรมชั่วอย่างไร เรียกว่า ยถากัมมุตาญาณ และท้ายที่สุดถ้าสามารถชำระจิตให้ปราศจากกิเลสได้ เรียกว่า อาสวักขยญาณ

สรุปว่าสิ่งที่เราอดทนทำมา จะเนิ่นนานเท่าไรก็ตาม ถ้าทำได้จะคุ้มค่าอย่างยิ่ง สิ่งที่ต้องการรู้เราจะได้รู้ สิ่งที่ต้องการเห็นเราจะได้เห็น และเมื่อได้พื้นฐานกสิณกองหนึ่งแล้ว อีก ๙ กองที่เหลือก็เป็นเรื่องง่าย แค่เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการกำหนดเท่านั้นเอง ดังนั้น ถ้าหากว่าใครยังไม่มั่นใจว่าจะจับกรรมฐานกองไหน อาศัยที่พวกเราทำกันมานานแล้ว มีพื้นฐานเพียงพอแล้ว ก็ขอแนะนำให้เราใช้อานาปานสติ ควบกับพุทธานุสติ ให้เป็นกสิณในอาโลกกสิณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 20:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-10-2018, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถึงวาระท่านทั้งหลายก็กำหนดจิตสุดท้ายของเราไว้ที่พระนิพพานให้เป็นปกติ กำหนดว่าภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้คือพระพุทธนิมิตแทนองค์ท่าน พระองค์ท่านไม่อยู่ที่ใดนอกจากอยู่บนพระนิพพาน

เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ให้ทุกคนวางอารมณ์สุดท้ายในการปฏิบัติอย่างนี้ไว้เสมอ ถ้าสามารถทำให้ทรงตัวได้ ๓ นาที ๕ นาทีต่อกันทั้งเช้าและเย็น อาตมาขอยืนยันว่า ถ้าท่านตายลงไปจะสามารถเข้าสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว