กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-05-2018, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,018 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ เมื่อสักครู่นี้ตอนตอบปัญหา มีบางท่านที่ถามเกี่ยวกับมโนมยิทธิ ซึ่งวิชามโนมยิทธินั้น จะว่าไปแล้วเป็นวิชาที่มีความสำคัญมาก เพราะว่าทำให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง ถ้าใช้ถูกวิธีจะเป็นการตัดกิเลสที่ง่ายที่สุด แต่เท่าที่พบเห็นมาส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๙ ขึ้นไปใช้ผิดทั้งสิ้น

ในเรื่องของการใช้มโนมยิทธินั้น อันดับแรก เราต้องสร้างมโนมยิทธิซึ่งก็คือทิพจักขุญาณขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเมื่อซักซ้อมคล่องตัวแล้ว ก็ใช้ทิพจักขุญาณไปกำหนดรู้ในเรื่องต่าง ๆ อย่างเช่นว่า

รู้อดีต เรียกว่า อตีตังสญาณ
รู้อนาคตเรียกว่า อนาคตังสญาณ
รู้ว่าปัจจุบันนี้ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร เรียกว่า ปัจจุปปันนังสญาณ
ระลึกชาติได้ เรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ
รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน เรียกว่า จุตูปปาตญาณ
รู้ว่าคนเราทำดี ทำชั่วแล้วจะได้รับผลอย่างไร เรียกว่า ยถากัมมุตาญาณ
ถ้าท้ายสุด พยายามชำระจิตใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลส ถ้าทำได้ เรียกว่า อาสวักขยญาณ
ก็แปลว่าญาณทั้ง ๗ อย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลของทิพจักขุญาณทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2018 เมื่อ 09:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-05-2018, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,018 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในสิ่งที่เรากระทำกันนั้น ถ้าไม่เข้าใจวิธีการ ก็ยากที่จะได้มโนมยิทธิหรือว่ายากที่จะใช้ได้ถูกต้อง การจะใช้มโนมยิทธินั้น ควรจะมีครูนำในการฝึกครั้งแรก ๆ แล้วการที่เราจะรู้เห็นได้ชัดเจนแจ่มใสก็คือ ต้องพิจารณาจนเห็นจริงว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา สักแต่ว่าเป็นที่ให้เราอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราไม่ยึดในร่างกายนี้ ก็สามารถที่จะออกไปจากร่างกายได้ง่าย เมื่อออกไปแล้ว มีความสว่างชัดเจนมาก แต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อได้แล้ว ซักซ้อมแล้ว ก็มักจะเอาไปใช้ในทางที่ผิด

มโนมยิทธินั้นช่วยให้รู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง จดจำว่าอารมณ์พระนิพพานเป็นอย่างไร แล้วประคับประคองรักษาอารมณ์นั้น ให้อยู่ในใจของเราให้นานที่สุดในแต่ละวัน จนกระทั่งท้ายสุด อารมณ์พระนิพพานนั้นปรากฏอยู่กับใจของเราได้มั่นคง ก็แปลว่า เราสามารถพ้นจากกองกิเลส เข้าสู่พระนิพพานได้

แต่เท่าที่พบมาก็คือ เอาไปดูอดีตว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา แล้วแทนที่จะรู้เพื่อละ ก็กลับไปยึดแทน ก็คือแทนที่จะเข็ดจะกลัว กลับไปฟื้นความสัมพันธ์ใหม่ บางคนก็แทบจะโดนคนอื่นเขาฆ่าตาย อย่างเช่นไปบอกว่า "เมียคุณเคยเป็นเมียผมมาก่อน..!" เรื่องพวกนี้ไม่ได้ช่วยในการตัดกิเลสแม้แต่น้อย

การรู้เห็นต่าง ๆ นั้น ท่านให้รู้เพื่อที่จะได้เห็นว่า แต่ละชาติที่เกิดมา มีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์บ้าง ในเมื่อทุกชาติมีแต่ความทุกข์เช่นนี้ แล้วเรายังอยากจะเกิดอยู่อีกหรือไม่ ? อดีตชาติทุกชาติที่เกิดมาล้วนแล้วแต่ทุกข์ ปัจจุบันนี้เราก็ทุกข์อยู่ อนาคตถ้าเกิดอีกก็ทุกข์อีก

การระลึกชาติแต่ละชาติ ไม่ว่าของเราจะมีอำนาจวาสนา หรือว่าต่ำต้อยด้อยวาสนาก็ตาม มีชาติไหนที่ไม่ทุกข์บ้าง ? คนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมดี กรรมชั่วของเขา ในเมื่อขึ้นอยู่กับกรรมดี กรรมชั่วของเขา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตามดูตามรู้กรรมของคนอื่น ไม่ต้องไปยุ่งกับกรรมของคนอื่น มีหน้าที่เดียวก็คือ พยายามชำระใจของเราให้ผ่องใสจากกิเลส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2018 เมื่อ 09:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-07-2018, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,018 ครั้ง ใน 33,957 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก็แปลว่าในส่วนของทิพจักขุญาณ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ การยกกำลังใจของเราไปเกาะพระนิพพาน ในแต่ละครั้งรักษาอารมณ์ใจให้อยู่ที่นั่นให้นานที่สุด เพื่อให้สภาพจิตของเราเคยชินกับสภาพที่หมดกิเลส เมื่อจดจำได้ก็ลงมา ในระหว่างดำเนินชีวิตประจำวัน ต้องประคับประคองกำลังใจของเราให้ได้เช่นนั้น เมื่อสภาพจิตเคยชินกับสภาวะไร้กิเลส สภาวะไร้การปรุงแต่ง สติ สมาธิ ปัญญาของเรา ถ้าเข้มแข็งถึงที่สุด ก็จะรู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง ทุกอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร แล้วไม่ไปแตะต้องสาเหตุนั้น กิเลสทั้งหลายก็เกิดไม่ได้ ก็แปลว่าเราเข้าถึงความดับ คือ นิโรธ เข้าถึงพระนิพพาน คือ การพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

ดังนั้น จึงขอใช้โอกาสนี้ตักเตือนท่านทั้งหลายว่า การใช้มโนมยิทธินั้น มีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ ถ้าใช้ถูกก็หมดกิเลสได้เร็ว เข้าสู่พระนิพพานได้เร็ว ใช้ผิดก็ยึดติด เวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ในวัฏสงสารของเรากันต่อไป การใช้มโนมยิทธิจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ต้องประกอบไปด้วยปัญญา ไม่ไปล่วงกฎของกรรม

ลำดับต่อไป ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2018 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว