กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-07-2023, 16:34
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,535
ได้ให้อนุโมทนา: 216,765
ได้รับอนุโมทนา 743,898 ครั้ง ใน 36,250 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-07-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังพุทธมณฑลแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมโครงการประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์และผู้เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖

แต่ปรากฏว่าเช้านี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นไปได้ว่า ญาติโยมจำนวนมากกลัวว่าจะมีการแสดงพลังประชาธิปไตยบนถนน จึงไม่ได้นำรถออกจากบ้านมาก็เป็นได้ ทำให้ตลอดระยะทางที่วิ่งไปนั้นไม่มีรถติดเลย จึงไปถึงหอประชุมใหญ่พุทธมณฑลยังไม่ทันจะ ๖ โมงเช้าดี ต้องไปนอนภาวนาแผ่เมตตาให้กับเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย จนกระทั่ง ๗ โมงเช้า จึงไปให้แพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลสงฆ์ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ด้วยชุดตรวจเร่งด่วน ที่เรียกกันว่า ATK

เมื่อผ่านการตรวจ รับสติ๊กเกอร์มาแล้ว ถึงได้เข้าในหอประชุม ซึ่งท่านเจ้าคุณอาทิตย์ พระโสภณวชิรวาที, ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที ป.ธ. ๓) ท่านมานำไปให้นั่งในที่ของพระเถระ แต่ว่าการนั่งในวันนี้หาความสุขไม่ได้เลย เนื่องเพราะว่าอันดับแรก บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่อยู่ในระดับผู้บังคับบัญชาหรือว่าครูบาอาจารย์ ก็จะกลายเป็นเพื่อนสหธรรมิกหรือว่าลูกศิษย์ไปเลย จึงต้องทั้งกราบไหว้และรับไหว้อยู่ตลอดเวลา

เมื่อได้เวลาประมาณ ๘ โมงครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าระบบซูมออนไลน์ เพื่อเข้าร่วมอบรมในโครงการ Upskills การสอนวิชาพระพุทธศาสนา กลายเป็นว่าจะต้องหรี่เสียง แล้วก็ฟังแบบชนิดตั้งอกตั้งใจ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะพลาดข้อมูลที่สำคัญไปได้

หลังจากที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้ทำพิธีเปิด อ่านสาส์นจากสมเด็จพระสังฆราช และให้โอวาทเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัว เดินทางกลับไปยังวัดอุทยาน

เมื่อไปถึงก็ได้รีบฉันเพล เสร็จเรียบร้อยแล้วมาเข้าโครงการอบรม Upskills การสอนวิชาพระพุทธศาสนาในช่วงบ่าย ซึ่งผู้บรรยายในช่วงบ่ายนี้ก็คือท่านอาจารย์ ศ.ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ อีกตามปกติ แล้วก็มีประเด็นขึ้นมาอีก เนื่องเพราะท่านกล่าวถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ แล้วโยงเข้ามาถึงในพระพุทธศาสนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-07-2023, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่มีปัญหาตรงที่ว่า การเคลื่อนย้ายสสารหรือวัตถุ ทางพระพุทธศาสนานั้นมีการเคลื่อนย้ายตัวเองด้วยการเหาะ การหายตัว และการย่นระยะทาง แล้วท่านอาจารย์ไม่สามารถที่จะฟันธงลงไปได้ว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร แต่ท่านสรุปว่าการหายตัวน่าจะเร็วที่สุด ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะชัดเจนกว่า จึงขอบอกกล่าวให้แก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งแม่ชีและฆราวาสหญิงชายที่ฟังอยู่ได้รับรู้ว่า

การเหาะนั้นสามารถทำได้สองสถานด้วยกัน แต่ว่าทั้งสองอย่างนั้นล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา ๕ ก็คือการเหาะโดยใช้วาโยกสิณ อำนาจของวาโยกสิณทำให้เราสามารถลอยไปสู่จุดหมายปลายทางได้ภายในพริบตาเดียว หรือที่ภาษาโบราณเรียกว่า "ลัดนิ้วมือเดียว"

ส่วนการเหาะอีกประการหนึ่งนั้น อยากจะใช้คำว่า "เดินในอากาศ" มากกว่า นั่นเป็นไปโดยอำนาจของปฐวีกสิณ ก็คืออธิษฐานให้อากาศในบริเวณที่ตนเองเหยียบนั้นมีความหนาแน่นเหมือนกับแผ่นดิน แล้วก็เดินไปแบบช้า ๆ


เพียงแต่ว่าในประการแรกนั้น ถ้าหากว่าในระยะทางที่ไม่ไกลนัก อย่างเช่นว่าจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่ง จากหมู่บ้านหนึ่งไปสู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ก็จะถึงในพริบตาเดียว แต่ถ้าหากว่าจากจักรวาลหนึ่งไปสู่อีกจักรวาลหนึ่ง อย่างนี้ระยะทางก็ค่อนข้างที่จะไกลสำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เพราะว่าบางทีก็ต้องเดินทางกันนับเป็นปีแสง ถ้าลักษณะอย่างนั้น แม้ว่าเราจะหายจากสายตาของบุคคลที่จ้องมองอยู่ในพริบตาเดียว แต่ไม่ใช่จะไปถึงปลายทางได้อย่างฉับพลันทันที

ดังนั้น..การเหาะที่จะไปถึงในชั่วลัดนิ้วมือเดียวนั้น ต้องไม่ใช่ระยะทางที่ห่างไกลในระดับอวกาศ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะไปถึงในพริบตาเดียวได้ เนื่องเพราะว่าแม้ว่าจะเป็นการไปด้วยอำนาจของกสิณอภิญญาก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดที่ระยะทาง ซึ่งยาวนานจนเกินไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-07-2023, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับการหายตัวนั้น มีอยู่สองแบบด้วยกัน การหายตัวแบบแรกเกิดจากอำนาจของกสิณเช่นกัน เรียกว่านีลกสิณ ไม่ใช่หายไปจากสถานที่นั้น แต่ว่าหายไปจากสายตาของผู้ที่ดูอยู่ ตัวเรายังอยู่ที่เดิม ดังนั้น..ในจุดที่ว่าการหายตัวน่าจะเร็วกว่าการเหาะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าการหายตัวนั้น อธิษฐานอำนาจของนีลกสิณในการบดบังสายตาผู้อื่น ถ้าหากว่าผู้อื่นมองไม่เห็น ก็เหมือนกับหายไปจากตรงนั้นนั่นเอง

ส่วนอีกประการหนึ่งนั้น เป็นการแสดงสภาวะจิตที่ละเอียดกว่า อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นเทวดานางฟ้าแสดงสภาวะจิตที่ละเอียดกว่า ก็จะหายไปจากสายตาของเรา อยู่ในลักษณะของการหายตัวเหมือนกัน หรือว่าพรหมแสดงสภาวะจิตที่ละเอียดกว่า ก็จะหายไปจากสายตาของเทวดานางฟ้า ในลักษณะหายตัวเช่นกัน

หรืออย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงสภาวะจิตของพระนิพพาน ทำให้ท้าวผกาพรหมไม่สามารถที่จะหาพระองค์ท่านเจอ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านก็ประทับอยู่ตรงหน้านั่นเอง หรืออย่างที่พญามาร ไม่สามารถที่จะหาดวงจิตของพระโคธิกเถระได้พบ ก็เพราะว่าสภาวะจิตของพระโคธิกเถระนั้น เข้าสู่สภาวะพระนิพพานที่ละเอียดกว่ามารหลายเท่า

ดังนั้น..ในเรื่องของการหายตัวไม่ใช่หายไปจากสถานที่นั้น ยังอยู่ในสถานที่นั้น แต่ว่าบดบังสายตา หรือการรับรู้ของผู้อื่นด้วยอำนาจกสิณอย่างหนึ่ง การแสดงสภาวะของตนที่ละเอียดกว่า จนกระทั่งฝ่ายหยาบไม่สามารถที่จะสัมผัสได้อีกอย่างหนึ่ง จึงทำให้การหายตัวนั้นไม่ใช่การเดินทาง ถ้าหากว่าหายตัวแล้วเราก้าวเดินไป ก็จะทำให้ได้แค่ในระยะทางที่ไม่ไกลเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของการย่นระยะทางนั้นก็เป็นไปได้สองสถานเช่นกัน สถานแรกก็คือการภาวนาคาถาย่นระยะทาง ซึ่งการภาวนาคาถานั้น เมื่อกำลังของเราเพียงพอก็จะเกิดอาการที่ภาษาบาลีเรียกว่า มโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ เมื่อภาวนาคาถาแล้ว ต้องการไปที่นั่นที่นี่ จะไปได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้น..การภาวนาคาถานี้จึงเรียกว่าการย่นระยะทางที่ถูกต้องที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-07-2023, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าการย่นระยะทางอย่างที่ครูบาอาจารย์บางท่านได้ทำ อย่างเช่นว่าหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก เดินทางไปยังบ้านงาน โดยที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเอาเรือเร็วไปรับ แล้วท่านยังรับแขกอยู่ ท่านบอกกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่า "แกไปก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไป" แต่เมื่อไปถึงสถานที่จัดงาน ปรากฏว่าหลวงพ่อจงไปนั่งรออยู่แล้ว..!

อย่างนั้นไม่ใช่การย่นระยะทาง แต่เป็นการไปในลักษณะของการเหาะตามแบบของวาโยกสิณ บุคคลที่ไม่เข้าใจ เห็นท่านไปถึงก่อนจึงใช้คำว่าย่นระยะทาง

ส่วนการย่นระยะทางอีกประการหนึ่งนั้นเกิดจากอธิษฐานฤทธิ์ อธิษฐานฤทธิ์นั้นก็คือฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งสัจจะอธิษฐานประการใดประการหนึ่ง แล้วขอไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ถ้าหากว่าตนเองมีกำลังสูงพอ มีความมั่นคงต่อสิ่งที่ตนอธิษฐานอย่างเต็มที่ ก็จะเกิดฤทธิ์ที่เรียกว่าอธิษฐานฤทธิ์ เป็น ๑ ในฤทธิ์ ๑๐ อย่าง ทำให้เราสามารถไปถึงสถานที่นั้นได้ จะเรียกว่าการย่นระยะทางก็ได้

แต่ว่าในฐานะของพระภิกษุสามเณรอย่างหนึ่ง ในฐานะของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง ควรที่จะรู้มารยาทว่า ไม่ว่าจะเป็นการเหาะก็ดี การหายตัวก็ดี การย่นระยะทางก็ดี ล้วนแล้วแต่ไม่ควรทำให้ผู้อื่นเห็น ถ้าหากว่าผู้อื่นรู้เห็นเมื่อไรก็เตรียมเหนื่อยตายได้เลย เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เห็นเราเป็นผู้วิเศษ ก็จะมาหามากวนวันยันค่ำ คืนยังรุ่ง ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน มีสิทธิ์ที่จะเหนื่อยตายในระยะเวลาอันไม่นาน

ขณะเดียวกัน ก็สร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่มีโอกาสจะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า คือการเข้าถึงมรรคถึงผลอย่างแรง เนื่องเพราะว่าการจะเป็นพระอริยเจ้านั้น ต้องมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงจัง เพราะเห็นคุณงามความดีของพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ไม่ใช่เคารพเพราะท่านมีฤทธิ์มีอภิญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 15-07-2023, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,115 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามพระสาวกไม่ให้แสดงฤทธิ์ ผู้ใดแสดงฤทธิ์ทรงปรับอาบัติ และเป็นการปรับอาบัติที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจเสียด้วยว่า ไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็ได้ ก็คือไม่ได้กำหนดเอาไว้ สูงสุดตั้งแต่ปาราชิก ขาดความเป็นพระไปเลย จนกระทั่งถึงปาจิตตีย์ ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย สามารถปรับได้ทุกอย่าง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระองค์เกรงว่าบุคคลจะไปติดในเรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญามาก จนกระทั่งลืมการวางกำลังใจให้เข้าถึงคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล โดยเฉพาะเข้าถึงพระนิพพาน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพ นำมาบอกกล่าว เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้มีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การเหาะ การหายตัว การย่นระยะทางนั้น ต่างกันอย่างไร แต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้สนใจตรงนั้นมากจนเกินไป เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่ามัวเสียเวลาอยู่ตรงนั้น ถ้าเราเองเสียชีวิตลงไปเสียก่อน คุณงามความดีอื่น ๆ ที่จะช่วยให้เส้นทางในวัฏสงสารของเรารวบรัดตัดตรง หรือว่าสั้นลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงจิตถึงใจของเรา เนื่องเพราะว่าเราไปสนใจผิดที่ผิดทางนั่นเอง

ลำดับถัดจากนี้ไป กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปยังประเทศศรีลังกา จึงขอสมมติยุติการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนลงแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว