กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-04-2024, 17:15
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 336
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,472 ครั้ง ใน 814 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-04-2024, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,076 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพพาพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตตามปกติ

เรื่องของวัตรปฏิบัติเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญกรรมฐาน ทำความสะอาดวัด เป็นสิ่งที่พระภิกษุสามเณรของเราต้องทำเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านอาจจะบอกว่า ทำซ้ำ ๆ กันอยู่ทุกวัน แต่กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ถ้าท่านทำเป็น ไม่มีคำว่าซ้ำอย่างเด็ดขาด..!

อย่างเช่นสมัยที่กระผม/อาตมภาพบวชใหม่ ๆ อยู่ที่วัดท่าซุงนั้น พยายามที่จะรักษาอารมณ์ภาวนาในขณะที่บิณฑบาต ตั้งแต่ต้นทางจนกระทั่งกลับมายังวัดอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าด้วยระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตรครึ่ง ก็สมาธิเคลื่อน หลุดแล้วหลุดอีก วันที่สามารถทรงอารมณ์ได้ตลอดเส้นทาง ทั้งไปและกลับเป็นวันแรก รู้สึกปีติมาก เหมือนจะเหาะจะบินได้ มั่นใจว่าถ้าเรารักษาอารมณ์ได้ตลอดเช่นนี้ โอกาสที่เราจะก้าวถึงมรรคถึงผลย่อมมีแน่นอน เพราะว่าเราสามารถที่จะควบคุมตนเองได้ ตั้งแต่ต้นทางตลอดจนปลายทางแล้ว

เนื่องเพราะว่าการบิณฑบาตแต่ละวัน แต่ละครั้ง สิ่งที่เข้ามารบกวนอารมณ์ต่าง ๆ กันไป โดยเฉพาะมาจากญาติโยมที่ถึงเวลาลงมาใส่บาตร บางทีก็ไม่ได้นึกถึงความเหมาะสมอะไรเลย เนื่องเพราะว่ายังอยู่ในชุดนอนไม่มีแขน แถมกางเกงก็สั้นเลยเข่าขึ้นมาเป็นคืบ ต่อให้พระสำรวมสายตา มองต่ำขนาดไหน ก็เห็นขาวโพลนไปหมด ถ้าไม่อยู่กับอารมณ์ภาวนา รับรองได้ว่าฟุ้งซ่านไปหลายวัน โดยเฉพาะบางท่านที่คุณแม่ใจดี ให้อะไรต่อมิอะไรมามากมาย ถึงเวลาก้มหน้าสำรวม ปรากฏว่าก้มอย่างไรก็ก้มไม่พ้น จึงทำให้เป็นเรื่องที่พระหนุ่มเณรน้อย ต้องลำบากใจอยู่เสมอ..!

ดังนั้น..สิ่งที่เราทำซ้ำ ๆ กันอยู่ทุกวัน เราต้องคอยกำหนดพิจารณาอยู่เสมอว่า เราสามารถทำวันนี้ได้ดีกว่าเมื่อวานหรือไม่ ? เป็นการแข่งขันกับตัวเองไปโดยปริยาย ทำให้ไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติ และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นี่แหละ ที่หลายคนเห็นเป็น "หญ้าปากคอก" คือเป็นกิจวัตรที่เราต้องทำอยู่ทุกวัน แล้วก็ไปประมาท ทำบ้างทิ้งบ้าง

กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายขนาดเป็นพระภิกษุสามเณร แม่ชี หรืออุบาสกอุบาสิกาผู้รักษาศีล ๘ ยังต้องกินอาหารถึงวันละสองมื้อ นั่นคืออาหารที่เข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ว่าท่านทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติธรรม จำเป็นที่จะต้องหาอาหารมาหล่อเลี้ยงใจของตนเอง ถ้าหากว่าท่านไม่กินเอาไว้ทุกวัน ใจของท่านไปแสวงหาอาหารเอง ก็มักจะเป็น ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เมื่อเข้ามา ก็ทำให้จิตใจของเรายิ่งมืดบอด ยิ่งห่างไกลจากความดีไปเรื่อย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2024 เมื่อ 00:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-04-2024, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,076 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง มีอำนาจมากกว่า ถ้าท่านยังอยากที่จะอยู่ในสภาพของพระภิกษุสามเณร หรือว่าแม่ชีต่อไป ก็จะต้องลำบากในการข่มใจตนเองสุดชีวิต เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีกำลังสูงกว่า แต่ถ้าหากว่าท่านไม่สามารถที่จะข่มใจได้ ก็ต้องสึกหาลาเพศออกไป ตกอยู่ในกระแสของ กิเลส กรรม วิบาก หมุนเวียนไปเรื่อย เมื่อถึงเวลาก็เวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ยากลำบากไม่รู้จบ จึงเป็นเรื่องที่เราท่านควรอย่างยิ่งที่จะสังวรระวังเอาไว้ และตั้งหน้าตั้งตารักษาวัตรปฏิบัติเหล่านี้ให้เข้มงวดอยู่เสมอ

สิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านกำหนดเอามาให้เราประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมกันนั้น ก็เพื่อให้เราสามารถรักษาใจให้อยู่ในด้านคุณงามความดีมากกว่าความชั่ว และถ้าสามารถให้ความชั่วหมดไปจากใจได้เลย นั่นถือเป็นเป้าหมายสูงสุดในการบวชของพวกเราทุกคน

การบิณฑบาตในวันนี้ รู้สึกว่าทองผาภูมิของเราเป็นเมืองที่สงบเงียบ น่ารักมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าความอึกทึกครึกโครมในช่วง ๕ วันของวันสงกรานต์ที่ผ่านมา บรรดานักท่องเที่ยวแห่กันมา จนกระทั่งที่พักก็ไม่มี ที่จอดรถก็ไม่มี สิ่งที่เห็นก็คือรถทั้งหลายทั้งปวง จอดบริเวณพื้นที่ขาวแดงกันเป็นทิวแถว เนื่องเพราะว่าถ้าไม่จอดแถวนั้น ก็แปลว่าจะต้องไปจอดไกลนับกิโลเมตรทีเดียว..!

บรรดาตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่เทศบาลที่ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็คือแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยี่ยมเยือน พูดง่าย ๆ ว่ามาจับจ่ายใช้สอย เทเม็ดเงินให้ไว้ในบ้านเราเมืองเรา ถ้าหากว่าไปทำให้เหล่าท่านทั้งหลายขัดอกขัดใจขึ้นมา คราวหน้าก็จะไม่มาอีก แต่ว่าถ้าหากเราปล่อยเอาไว้ลักษณะนี้ นาน ๆ ไป บรรดาผู้ที่ไร้จิตสำนึก ก็จะรู้สึกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถึงล่วงละเมิดไปก็ไม่เป็นอะไร ก็จะกลายเป็นบุคคลที่มักง่าย ไม่เคารพกฎ ไม่เคารพระเบียบวินัยไปเสียอีก..!

ทองผาภูมินั้นต้องบอกว่าเป็นตัวเมืองที่ขยายไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่การจราจร เนื่องเพราะว่าตัวอาคารมาก่อนถนน ในเมื่อตัวอาคารมาก่อนถนน ถนนจะขยายอย่างไรก็ติดตัวอาคาร จึงทำให้พื้นที่สำหรับจอดรถมีน้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2024 เมื่อ 00:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-04-2024, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,076 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในส่วนของชุมชนชาวทองผาภูมินั้น เกิดมาจากการที่มีเหมืองปิล็อก ซึ่งอยู่ห่างไปบนเขาถึง ๗๐ กิโลเมตร แถว ๆ บริเวณบ้านอีต่อง ซึ่งสมัยก่อนนั้นเป็นการทำเหมืองแร่ เมื่อขนแร่ลงมา ก็ต้องมาพักครึ่งที่บริเวณตลาดทองผาภูมิในปัจจุบันนี้ บรรดาชาวบ้านร้านตลาดก็นำเอาข้าวปลาอาหาร สิ่งของต่าง ๆ มาขายให้กับบรรดาชาวเหมือง และมีคลังพัสดุของทางราชการที่มาตรวจจำนวนแร่เพื่อเก็บภาษี จนกระทั่งกลายเป็นชุมชนขึ้นมา

เพียงแต่ว่าสมัยก่อน เส้นทางจากบ้านปิล็อกลงมาถึงทองผาภูมิ ๗๐ กิโลเมตรนั้นยากลำบากมาก ชาวบ้านต้องขี่ช้างบ้าง ใช้เกวียนบ้าง อาศัยรถบรรทุกแร่บ้าง อาศัยรถบรรทุกซุงบ้าง ในการเดินทางออกมา

พระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. (ปรีชา จิรนาโค) เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่นั้น เป็นเด็กที่เกิดบริเวณบ้านวังปะโท่เลย ในช่วงเด็ก ๆ ที่ต้องเดินทางออกมาเรียนหนังสือ ท่านไปเรียนที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์พนมทวน การเดินทางออกจากบ้านที่บริเวณวังปะโท่มาถึงตลาดทองผาภูมิ เป็นระยะทางแค่ ๒๒ กิโลเมตร แต่สมัยก่อนต้องอาศัยนั่งเกวียนออกมา ค้างคืนที่ตลาดทองผาภูมิคืนหนึ่ง เพื่อรอรถเมล์ที่จะวิ่งลงไปยังจังหวัดกาญจนบุรี

ถ้าโชคดีเจอรถเมล์ที่ต่อไปพนมทวนเลย ก็แค่เดินทาง ๒ วัน แต่ถ้าหากว่ารถที่อาศัยมาเกิดล่าช้า หรือเกิดเสียหายอะไรขึ้นมา ไปไม่ทันรถเมล์ที่ออกไปยังอำเภอพนมทวน ก็ต้องค้างที่ตัวเมืองกาญจนบุรีอีกวันหนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในปัจจุบันนี้การเดินทางต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สะดวกสบายกว่าสมัยก่อนนับร้อย ๆ เท่าแล้ว..!

เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพที่เห็นทองผาภูมิในช่วงแออัดคับแคบ แม้กระทั่งในช่วงที่ไฟไหม้ครั้งใหญ่ มีการสร้างตึกแถวใหม่ ก็ยังคงสร้างทับที่เดิม ทำให้ไม่สามารถที่จะขยายออกไปได้มากไปกว่านี้ ในเมื่อมาเจอบ้านเมืองที่สงบเรียบร้อย รถเหลือแค่ไม่กี่คัน โดยเฉพาะงานประจำก็คือ "โครงการวันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" อาทิตย์ที่แล้วในช่วงสงกรานต์นั้น คนมาใส่บาตรหลายร้อยคน แต่ว่าอาทิตย์นี้เหลือประมาณแค่ ๒๐ คนเท่านั้น..!

เนื่องเพราะว่าแม้แต่คนทองผาภูมิเอง ก็เหนื่อยกับการสู้รบตบมือกับบรรดานักท่องเที่ยวจนกระทั่งหมดสภาพ ขอพักก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ต้องเดินทางกลับยังถิ่นฐานบ้านช่อง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้เมืองทองผาภูมิในวันนี้ สงบเรียบร้อยจนผิดปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2024 เมื่อ 00:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-04-2024, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,076 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองรู้สึกดีมาก ๆ เนื่องเพราะว่าบรรยากาศแบบนี้แหละ ที่เหมาะสำหรับนักปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างที่ต้องการ เมื่อรับบิณฑบาตเสร็จสรรพเรียบร้อย กลับมาฉันเช้าแล้ว ก็ต้องเข้าอุโบสถ เพื่อทำการบวชนาค ๑ รูป ซึ่งก็คือนายจิระวัฒน์ สัตยธรรมรังษี ที่ได้ฉายาทางพระภิกษุสงฆ์ว่าอิทฺธิโก ซึ่งคำนี้จะแปลว่าผู้สำเร็จก็ได้ จะแปลว่าผู้มีฤทธิ์ก็ได้ เป็นศัพท์เดียวกัน แต่แปลได้สองความหมาย

นายจิระวัฒน์ สัตยธรรมรังษีนี้ก็คือ เด็กชายจิระวัฒน์ สัตยธรรมรังษี ที่สมัยก่อน เมื่อมีการจัดบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเมื่อไร ก็ตามแม่มาร่วมบวชเกือบทุกครั้ง เมื่อมีการบรรพชาหมู่สามเณรภาคฤดูร้อน ก็มาสมัครบวชเกือบทุกปี

ปีนี้อายุนับได้ ๒๐ ปีถ้วน ก็รีบบวชพระเสียแล้ว กระผม/อาตมภาพยังอยากจะให้เรียนจบปริญญาตรีเสียก่อน แต่ว่าถ้าเรียนปี ๒ แล้วแบบนี้ ถ้าหากว่าโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อที่วิทยาสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ก็สามารถที่จะเข้าเรียนต่อปี ๓ ได้เลย ไม่ถือว่าเสียโอกาส

แล้วการเรียนทางพระภิกษุของเรา ปัจจุบันนี้ก็ต้องบอกว่าก้าวหน้ามาก มีพระภิกษุ แม่ชี ฆราวาสหญิงชาย จบปริญญาเอกกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนั้น ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนิสิตรวมมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องเพราะว่ามีทั้งวิทยาเขต มีทั้งวิทยาลัย มีทั้งหน่วยวิทยบริการในสังกัดทั่วประเทศ เมื่อถึงเวลารวมยอดนิสิตนักศึกษา จึงเป็นจำนวนมโหฬารทีเดียว

ดังนั้น..ไม่ว่าท่านจะเรียนทางโลก หรือว่าเรียนทางธรรม ก็ต้องแล้วแต่ท่านจะตัดสินใจเอาเอง ถ้าหากว่าเรียนทางธรรม กระผม/อาตมภาพก็ยินดีที่จะสนับสนุน เนื่องเพราะว่าปัจจุบันนี้พระภิกษุสามเณรภายในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ถ้าตั้งใจเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ กระผม/อาตมภาพถวายปัจจัยสนับสนุนรูปละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือนทุกรูป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2024 เมื่อ 00:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 21-04-2024, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,545
ได้ให้อนุโมทนา: 151,581
ได้รับอนุโมทนา 4,407,076 ครั้ง ใน 34,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปีนี้ทางด้านห้องเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ของวัดปรังกาสี ซึ่งเป็นห้องเรียนแยกออกมาจากวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ มีนิสิตเรียนในระดับประกาศนียบัตร ฯ อยู่ทั้งหมด ๔๗ รูป กระผม/อาตมภาพเหมาจ่ายค่าเทอมรูปละ ๕,๔๕๐ บาทให้ทั้งสองเทอม แต่ถ้าหากว่าไปเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์ ฯ ก็ถวายปัจจัยสนับสนุนเดือนละ ๓,๐๐๐ บาทต่อรูปเท่านั้น ทำให้มีพระภิกษุสามเณรบางท่าน ที่ต้องการจะศึกษาจริง ๆ มีการย้ายสังกัดมาขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เพื่อให้ได้โอกาสในการเรียนเช่นกัน

เรื่องของการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าการศึกษาเปิดโลกทัศน์ เปิดทางชีวิต ทำให้เรามีสายตาที่กว้างไกล มีวิสัยทัศน์ที่รู้ว่าควรจะก้าวเดินไปทางใด และมีโอกาสในชีวิตมากกว่าคนอื่น

ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นปริยัติธรรม คือการเรียนตำรา หรือว่าเรียนทางโลก และปฏิบัติธรรม คือการน้อมนำเอา ศีล สมาธิ ปัญญา มาทำให้เกิดผล ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำทั้งสิ้น แต่ถ้าหากว่าเราเน้นในด้านปฏิบัติเป็นหลัก ก็จะทำให้ปริยัติของเรามั่นคง เพราะว่ากำลังใจเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยง่าย ๆ จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย ควรที่จะพิจาณาว่าจะเดินไปในทางโลกหรือทางธรรม

แต่ถ้าให้กระผม/อาตมภาพถวายคำแนะนำต่อพระภิกษุสามเณร ก็อยากให้ปฏิบัติทั้งสองด้านไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะเน้นในทางธรรมให้มากกว่าทางโลก ท่านก็จะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงในเส้นทางพระพุทธศาสนานี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2024 เมื่อ 00:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว