กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 25-01-2011, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฤกษ์โสฬส เขาใช้ประกอบพิธีมงคลทั่วไปได้หรือเปล่า ?
ตอบ : สมัยก่อนเขาจะใช้ฤกษ์โสฬสในการสร้างอาวุธคู่มือ หรือถ้าเป็นทางสายของวัดสะพานสูง จะใช้เป็นฤกษ์จารตะกรุดโสฬส

ถาม : พวกงานพิธีมงคลทั่วไปอย่างขึ้นบ้านใหม่เล่าครับ ?
ตอบ : คิดจะทำก็ได้ เพียงแต่ว่าถ้าใช้ฤกษ์ที่เหมาะกับงานจะได้ผลมากกว่า เราจะใช้หมอไปถางหญ้าก็ได้เหมือนกัน แต่ก็ถางหญ้าได้ไม่ดีเท่ากับกรรมกร

ถาม : เกรงว่าจะมีผลลัพธ์ทางด้านร้าย เพราะญาติผมจะจัดงานสมรส
ตอบ : งานมงคงสมรส ถ้าตามสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านให้เว้นวันพฤหัสกับวันเสาร์ และโดยเฉพาะโบราณถือมากว่า อย่าแต่งงานวันพระ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-01-2011 เมื่อ 19:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 25-01-2011, 15:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ถ้ายังไม่ถึงขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ อย่าเพิ่งถือว่าเป็นปีเถาะนะจ๊ะ ยังเป็นปีขาลอยู่ เด็กที่เกิดก่อนวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ จะใช้ปีขาล ถ้าหลังขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ไปแล้ว ถึงจะเป็นปีเถาะ

พวกเราพอเห็นขึ้น พ.ศ.ใหม่ เราก็คิดว่าเป็นปีเถาะไปแล้ว ไม่ใช่หรอกจ้ะ...ถ้าไปให้หมอดูดวงก็จะผิดไปคนละโลกเลย เราต้องรู้ว่าโบราณเขาเปลี่ยนปีกันช่วงไหน โบราณเขาเปลี่ยนปีกันช่วงเดือน ๕ โดยเฉพาะถ้าขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๕ ถือว่าเป็นปีใหม่

แต่มาระยะหลังเขาเห็นว่า ๑๕ ค่ำเดือน ๕ ของแต่ละปีไม่ตรงกัน เขาก็เลยกำหนดให้วันที่ ๑๓ เมษายน วันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ไปเลย ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนปี แต่ทางโหราศาสตร์ก็ยังใช้วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นวันเปลี่ยนปีอยู่ ดังนั้น..ใครเกิดแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ถือว่าเป็นปลายปีขาล พอขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ก็เป็นต้นปีเถาะ

บางคนเกิดคนละ พ.ศ. แต่ทำไมเกิดปีเดียวกัน ? อย่างคนหนึ่งเกิดปลายปี ๕๓ และอีกคนหนึ่งมาเกิดต้นปี ๕๔ ยังไม่ถึงวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ก็ยังเป็นปลายปีขาลอยู่ทั้งคู่ ไม่อย่างนั้นเวลาดูหมอ จะดูผิด ทำนายได้ไม่แม่น เพราะเราไปบอกปีเกิดให้ผิด ๆ


อีกประการหนึ่ง โบราณถือว่า ต้องได้อรุณ คือ แสงเงินแสงทองขึ้นแล้ว จึงจะนับเป็นวันใหม่ ไม่ใช่หลัง ๒๔ นาฬิกาแล้วเป็นวันใหม่นะ นั่นเป็นหลักสากล ไม่ใช่หลักโหราศาสตร์ ดังนั้น..ถ้าเราแจ้งกับทางด้านหมอดู ต้องบอกเวลาเกิดให้ชัด ๆ ไปเลย เขาจะได้รู้ว่าควรจะเป็นวันเก่าหรือวันใหม่

บางคนเกิดตีหนึ่งของวันพุธ เราจะไปนับว่าเป็นวันพฤหัสบดี ถือว่ายังไม่ใช่ ยังเป็นวันพุธอยู่ จนกว่าจะได้อรุณ คือพระออกบิณฑบาต เขาจึงนับเป็นวันพฤหัสบดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-01-2011 เมื่อ 19:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 25-01-2011, 15:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ความรู้พวกนี้ศึกษาเอาไว้หน่อยก็ดีจ้ะ พอไม่มีใครบอก ไม่มีใครกล่าว ก็จะหลงลืมไปเรื่อย ๆ พอท้ายสุดก็จะไม่รู้อะไรเลย โบราณเขาบอกว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม คือ รู้เอาไว้ก็ไม่ได้แบก ไม่หนักอะไรหรอก เรียนเอาไว้สักนิดหนึ่งก็ดี

จำหลักง่าย ๆ ว่า เดือนที่เป็นเลขคี่ คือ เดือนอ้าย เดือน ๓ เดือน ๕ เดือน ๗ เดือน ๙ เดือน ๑๑ ถ้าไม่ใช่ปีที่เป็นอธิกวาร คือ ปีที่มีวันเพิ่มขึ้นมา จะมีแค่แรม ๑๔ ค่ำเท่านั้น

ถ้าเป็นเดือนคู่ คือ เดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือน ๘ เดือน ๑๐ เดือน ๑๒ ถึงจะมีแรม ๑๕ ค่ำ ข้างแรมที่หายไปวันหนึ่งนั้น พอรวมกันประมาณสามปี ก็จะกลายเป็นปีที่เป็นอธิกมาส คือ มีเดือนเพิ่มขึ้นมาเดือนหนึ่ง คือ มีเดือนแปดสองหน

แต่ถ้าไปเจอปีพิเศษที่เป็นอธิกวาร จะมีแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ โผล่มาวันหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคำนวณกันจนตาเหล่ อย่างปีก่อนอาตมาคำนวณฤกษ์พรหมประสิทธิ์ผิดไปครึ่งปีเลย เพราะอยู่ ๆ มีวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ โผล่ขึ้นมา เป็นปีที่มีอธิกวารก็คือมีวันเพิ่ม ถ้าอธิกมาสคือเดือนเพิ่ม ถ้าปกติมาส ปกติวารก็คือทั่ว ๆ ไป

เราจะดูว่าเป็นปกติมาสหรืออธิกมาส ก็ดูจากเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าเดือนกุมภาพันธ์มี ๒๘ วันก็เป็นปกติมาส แต่ถ้าเดือนกุมภาพันธ์มี ๒๙ วันจะเป็นอธิกมาส คนจีนก็มีเหมือนกัน แต่คนจีนเขาไม่นับเดือนแปดสองหนอย่างเรา คนจีนเขาจะนับเดือนสามสองหน

ในเรื่องปฏิทิน ถ้าไม่ได้ยึดปฏิทินร้อยปีเป็นหลัก แล้วคำนวณเอง บางทีโหรสมัยใหม่ก็ไม่รอบคอบ ยังโชคดีทีโหรบางท่านขยัน คำนวณปฏิทินร้อยปีออกมา แต่อาตมาก็เจอที่ผิดเหมือนกัน ดูไปดูมา ปฏิทินของห้องโหรศรีมหาโพธิ์แม่นที่สุด พยายามจะจับผิดแล้ว แต่บางทีเขาผิดแค่สลับผิดขึ้นแรม แต่วันเวลายังตรงอยู่ คนพิมพ์คงพิมพ์เพลินไป พวกกี่ค่ำยังถูกต้องอยู่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2011 เมื่อ 16:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 25-01-2011, 15:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนเกิดความสงสัยในเรื่องหมอดู กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า "เชื่อได้ไหมครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "ถ้าหมอดูตามตำราเชื่อได้ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าหมอดูทิพจักขุญาณเชื่อได้ ๘๐ เปอร์เซ็นต์" อาตมาก็สงสัยว่าขนาดใช้ตาทิพย์ดู ทำไมเชื่อได้แค่ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ?

หลวงพ่อท่านบอกว่า "จะมีประมาณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ที่กำลังใจล้น นอกเหตุเหนือผล ถึงบอกว่าไม่ดี พวกนี้ก็มุเอาดีจนได้" เพราะฉะนั้น..ต่อให้ทิพจักขุญาณเลิศขนาดไหน ถ้าเจอคนประเภทนี้ ก็ไม่แน่ว่าเป็นไปตามที่เห็น ท่านแนะนำว่า "แกลองไปซ้อมดูก็ได้" จึงกราบเรียนถามท่านว่า "ผมควรจะยึดตำราใดเป็นหลักดีครับ ?"

ท่านบอกว่า "พรหมชาติฉบับราษฎร์ ให้ไปลองดู จะเป็นเลข ๗ ตัวหรือมหาทักษาก็ได้" อาตมาก็ลองไปซ้อมดู ปรากฏว่าพอทำได้ก็แม่นจริง ๆ จึงยอมรับ ที่รู้ว่าแม่นเพราะขอดวงคนรอบข้างตัวเองมาดูก่อน คนที่เรารู้จักเขาแน่ ๆ อย่างพี่น้องตัวเอง ปรากฏว่าเป็นไปตามตำราเขาว่าจริง ๆ

พอดูไปดูมา คนรู้มากเข้าเขาก็มากวนอยู่เรื่อย กวนไปกวนมาจนเวลาจะกินจะนอนก็ไม่มี เพราะคนพวกนี้เวลาเขามา เขาจะเอาแต่ธุระของเขา เขาไม่สนใจหรอกว่าเราว่างหรือไม่ว่าง แบบเดียวกับคนไข้ พอไปถึงมือหมอแล้วก็ต้องรักษา

ท้ายสุด ก็ต้องโยนตำราทิ้ง เลิกดูไปโดยปริยาย ถ้าพวกเราอยากจะลองดูก็ได้ โดยเฉพาะเลข ๗ ตัว อาตมาดูไปดูมา ถึงขนาดไม่ต้องตีตาราง ตั้งเลขสามแถวเสร็จ สามารถบวกลบคูณหารออกมาได้เลย พอมีความคล่องตัวมากแล้ว สามารถที่จะอ่านรายละเอียดได้มากกว่าปกติที่เห็นอีกด้วย"

ถาม : ถ้า ปัตตนิ ตก มรณะ แปลว่าอะไรคะ ?
ตอบ : แปลว่าไม่มีคู่ ปัตตนิ หมายถึง คู่ ส่วนใหญ่ปัตตนิถ้าตกมรณะ จะเป็นคนประเภทปากพาจน พอเขาได้ยินคำพูดของเรา เขาก็เดินหนีแล้ว

สำหรับอาตมา อริ ตก มรณะ เป็นดวงที่หายากจริง ๆ ใครตั้งตัวเป็นศัตรูจะแพ้ภัยไปเอง อาตมาไม่ต้องเสียเวลาไปทำอะไร พอหมอดูถอดดวงเสร็จ เขาเห็นอริเป็นมรณะ ถึงกับร้องโอ้โฮ..! เขาเตือนอยู่อย่างเดียวว่า อย่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับใครเลย สงสารเขาเถอะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 26-01-2011 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 25-01-2011, 20:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อช่วงที่อาตมาไปเข้ากรรมฐานที่นครปฐม พระที่วัดฉวยโอกาสช่วงที่อาจารย์ไม่อยู่ ไปธุดงค์กันแล้วก็หลงป่า หลงอยู่ประมาณ ๑๐ วัน หลังจากที่ค้นหาตัวจนเจอแล้ว สรุปได้ความว่า พระ ๒ รูปไปด้วยกัน ตั้งใจจะเดินขึ้นอุ้มผาง ซึ่งจะต้องข้ามภูเขาลูกหนึ่งที่เขาเรียกว่า เขาก่องก๊อง

แต่เนื่องจากพวกเขาใจร้อนเกินไป รีบออกมาตั้งแต่ยังไม่หมดฝนดี แล้วหน้าฝนป่าจะเปลี่ยนสภาพไปเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ เถาวัลย์ ขึ้นจนปิดทางหมด หรือว่าต้นไม้ล้มจนปิดทาง หรือด่านสัตว์เปลี่ยนทางก็ตาม ทำให้พวกเขาจำทางไม่ได้ ในเมื่อจำทางไม่ได้ ก็ให้เพื่อนรุ่นน้องเฝ้าของไว้ แล้วตัวเองก็ไปเดินหาทาง

ปรากฏว่าเมื่อย้อนกลับมา เพื่อนรุ่นน้องหายไป ตัวเองเลยต้องเดินกลับย้อนไปจนถึงหมู่บ้าน ไปขอให้ชาวบ้านและตชด.ช่วยกันตาม ตามอยู่ ๒ วันไม่เจอ ถึงได้กล้าโทรมาวัด เพื่อขอให้พระไปช่วยตามให้ เรื่องไปถึงอาตมาหลังจากเลิกกรรมฐาน ได้พักผ่อนแล้ว เพราะช่วงปฏิบัติท่านให้เริ่มจากตี ๔ แล้วไปเลิกตอน ๔ ทุ่ม

พระท่านไม่กล้ารายงาน จึงเขียนโน้ตแปะไว้หน้าห้อง เราตื่นเช้าขึ้นมาดู ก็เท่ากับว่าพวกเขาหลงไป ๒ วันแล้ว นับถึงวันนี้ก็วันที่ ๓ แล้วสินะ อันดับแรกที่นึกถึงก่อน คือ แม่ธรณี สรรพชีวิตทั้งหลายอาศัยอกแม่ธรณีเป็นที่อาศัยที่เกิดทั้งนั้น ไปขอฝากท่านเอาไว้ก่อน ขอให้พระของเราปลอดภัย

ลำดับต่อไป ก็ยังมีแม่อีก ๔ ท่าน ก็คือ แม่คงคา แม่พระพาย แม่พระเพลิง และ แม่โพสพ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกี่ยวกับอาหารทั้งนั้น คือ อาหารทางร่างกาย และอาหารทางใจ เป็นทั้งกวฬิงการาหาร คืออาหารที่เป็นคำข้าวและน้ำ และผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 26-01-2011 เมื่อ 03:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 25-01-2011, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การฝากแม่ธรณี อาตมาไปได้วิธีมาจากหลวงปู่จันทร์ วัดป่าข่อย ที่สวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไม่นาน ท่านสอนว่า ถ้าลำบากขึ้นมา หมดหนทางจริง ๆ ให้ตั้งใจนึกถึงแม่ธรณี แล้วว่าคาถา

คาถาเป็นคำพูดธรรมดาว่า "พระธรณีแม่เอ๋ย บัดนี้แม่มาอยู่หรือยัง ?" แล้วให้เราขานรับเอง อย่างเช่นว่า "อยู่แล้วลูก"
แล้วว่าคาถาต่อไป "โปรดมาช่วยคลายทุกข์ลูกบ้าง แม่สังขะตัง โลกะวิทู" หลังจากนั้นเรามีความทุกข์อะไรก็บอกท่านไป อยากให้ท่านช่วยอย่างไรก็ว่าไป

หลวงปู่จันทร์ท่านบอกไว้ไม่นานท่านก็มรณภาพ เมื่อฝากฝังแม่ธรณีท่านเสร็จเรียบร้อย ก็ถามท่านดู ท่านบอกว่า "ไม่เป็นไร ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มีกรรมเก่าบางอย่างที่มาบังอยู่ ต้องทนลำบากนิดหน่อย"

ปรากฏว่าท่านกอล์ฟที่โทรมารายงาน ท่านฟันธงเลยว่า "ผมว่าท่านไบท์ (รุ่นน้องที่เฝ้าของ) ไม่ได้หลงหรอก ท่านก้อง (รุ่นพี่ที่ไปดูทาง) นั่นแหละตัวหลงเลย..!" พระที่เฝ้าของอยู่ไม่ได้หลงหรอก แต่พระที่ไปหาทางน่าจะหลงมากกว่า อาตมาก็คิดว่าน่าจะใช่ เพราะเคยมีตัวอย่างว่า ท่านก้องหลงป่ามาก่อนแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 25-01-2011, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เขาขออนุญาตนำพระไปช่วยค้นหา ก็ให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสคือพระครูน้อย พาพระไปด้วยกัน ๕ รูป เดินทางเข้าไปช่วยค้นหา ก็ปรากฏว่าทางในทุ่งใหญ่เละมาก เละขนาดรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ไม่มีเครื่องกว้านก็ไปไม่ได้

รถจึงไปส่งพระได้แค่หน่วยพิทักษ์ป่าทินวยเท่านั้น แล้วที่เหลือก็เดินกันเอง ๒ วัน ๒ คืน เพื่อเข้าไปให้ถึงจุดนั้น ก็แปลว่า กว่าจะไปถึงพระท่านก็หลงไปแล้ว ๕ วัน พอท่านไปค้นหากัน ๒ วัน ก็รวมเป็น ๗ วัน

ไม่มีใครส่งข่าวออกมา ทางด้านแม่ของพระก็ร้อนใจ ไปแจ้งความว่าคนหาย ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยตามหา เผอิญว่าเขามีเส้นสายเป็นถึงรัฐมนตรีด้วย เรื่องก็เลยบรรลัยตอนนี้ สารพัดหน่วยงานจากที่ไม่ได้คิดอยากจะช่วย ก็แห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน ปรากฏว่าไปไม่ทัน เพราะว่าพระของเราโผล่ออกมาเสียก่อน

ที่เหลือเชื่อก็คือท่านไม่ได้หลงจริง ๆ ท่านนั่งรอเพื่อนอยู่ตรงนั้น เพื่อนที่ไปหาทางออกนั่นแหละที่หลงทาง กลับไปหาท่านไม่เจอ เตลิดไปไหนทางไม่รู้ จึงไปขอให้ชาวบ้านช่วยกันตาม แล้วก็ตามไม่เจอด้วย

ตอนหลังที่มาเจอเพราะว่า ชาวบ้านที่เขาปล่อยควายไปเลี้ยงในป่า ถึงเวลาเขาก็ไปตามควายของเขา ปรากฏว่าไปเจอที่ไม่ใช่ควายแทน..! ก็เลยพาพระออกมาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 26-01-2011, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอพวกพาพระออกมา คราวนี้ก็เป็นเรื่อง ทั้งตชด. ทั้งป่าไม้ ทั้งตำรวจ ดาหน้ากันเข้าไปทุกทิศทุกทางแล้ว พอพระของเราอาศัยรถของชาวบ้านที่เข้าไปซื้อพริกในทุ่งใหญ่ออกมา ก็โดนป่าไม้กักเอาไว้ที่ด่านเซซาโหว่ เพื่อที่จะให้เป็นผลงานของเจ้านายตัวเอง

แทนที่พระของเราจะได้ออกมา ก็ต้องไปติดอยู่ตรงนั้น โชคดีที่ท่านผู้กำกับหัวหน้าสถานีตำรวจทองผาภูมิ คือ พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รอดมา ท่านพาลูกน้องเข้าไปตั้งแต่ตี ๔ กว่าจะเข้าไปถึงหน่วยเซซาโหว่ก็บ่าย ๓-๔ โมงแล้ว พอเข้าไปสอบถามรายละเอียดว่าพระหายไปที่ไหน ? อย่างไร ? ก็ไปเจอพระของเราถูกกักตัวอยู่ที่นั่นพอดี เมื่อสอบถามได้ความแล้ว ท่านผู้กำกับก็ขอพระคืน ป่าไม้เขาไม่ให้ เขาบอกว่าต้องรายงานเจ้านายก่อน

ท่านผู้กำกับเขาว่า "ผมให้เวลา ๑๐ นาที ให้คุณติดต่อวิทยุบอกเจ้านายของคุณเดี๋ยวนี้ ถ้า ๑๐ นาทีแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมจะจับพวกคุณดำเนินคดี ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวพระ..!" ท่านเอาจริงนะ เพราะว่ารีบเข้าทุ่งใหญ่มาตั้งแต่ตีสี่ พอไปเจอพระแล้วเอาออกมาไม่ได้ ก็ไม่พอใจสิ พออีกฝ่ายติดต่อเจ้านายไม่ได้ ท่านผู้กำกับก็คว้าเอาพระของเราขึ้นรถออกมาเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 26-01-2011, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คนที่อยู่ด้านนอกอย่างอาตมา เข้ากรรมฐานอยู่ก็ไม่เป็นสุขแล้ว เพราะว่ามีโทรศัพท์จากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จากผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธจังหวัดกาญจนบุรี จากเจ้าคณะปกครองตามสายงานของพระ จากนักข่าว โทรกันเข้ามาอุตลุด โดยเฉพาะนักข่าว เขาบอกว่า "ขอสัมภาษณ์หน่อยครับอาจารย์ พระที่หลงทาง ๘ รูป มีใครบ้าง ?"

จึงบอกเขาไปว่า "พ่อคุณเอ๊ย..ที่หลงจริง ๆ มีรูปเดียว ที่เหลือเขาเข้าไปช่วยกันค้นหา และตอนนี้ก็หากันเจอแล้ว กำลังเดินทางกันออกมา" คิดดูแล้วกันว่า ข่าวออกไปเละได้ขนาดนั้น กลายเป็นว่าพระหลงทางกันถึง ๘ รูป..!

และที่น่าสงสารที่สุดคือ ท่านรองหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ ท่านเข้ามาทำธุระที่กระทรวงพอดี โชคร้ายจริง ๆ เลย โดนเจ้านายบี้อยู่คนเดียว ทางกระทรวงถามอะไรมาก็ไม่รู้สักเรื่อง ท่านรองหัวหน้าจึงต้องโทรมาหาอาตมาอีกคน "ช่วยผมหน่อยเถิดครับพระอาจารย์ ช่วยอธิบายให้เจ้านายผมฟังทีเถอะ ว่าอะไรเป็นอะไร"

อาตมาต้องอธิบายให้เขาฟังไปว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วก็ขอโทษขอโพยเขาด้วย "ต้องขอโทษเป็นอย่างมากที่ทำให้คุณลำบากไปด้วย แต่อยากรบกวนหน่อยเถอะ คือให้คุณช่วยประสานงานเข้าไปข้างในทุ่งใหญ่ว่า ถ้าหน่วยป่าไม้เขามีพาหนะอะไร ที่พออาศัยให้พระออกมาได้ คุณรีบสั่งให้เขารับพระออกมาโดยด่วนเลย เมื่อพระออกมาถึงข้างนอกได้ นักข่าวจะได้หายบ้ากันเสียที..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 26-01-2011, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วน ผอ. สำนักพุทธจังหวัดฯ บอกว่า "พระอาจารย์เละแน่ครับงานนี้" ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า "พวกหัวอนุรักษ์ไม่อยากให้พระเข้าไปธุดงค์ในเขตอุทยาน หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่แล้ว เขาพยายามที่จะหาข้ออ้างไม่ให้พระเข้าไป ตอนนี้เราไปเตะลูกเข้าทางตีนเขาพอดี เขาขอให้ทางคณะสงฆ์ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อที่เขาจะนำไปประชุมและตกลงว่าจะจัดการกับเรื่องนี้กันอย่างไร"

อาตมาจึงต้องชี้แจงกับท่านไปว่า "ทางคณะสงฆ์ของเรา มีการจัดการที่รัดกุมอยู่แล้ว ก็คือว่า พระที่จะออกธุดงค์ต้องไปขอหนังสืออนุญาตจากเจ้าคณะจังหวัดก่อน เมื่อจะเข้าไปธุดงค์ในพื้นที่ไหน ต้องไปหาเจ้าคณะตำบลเจ้าของพื้นที่ ให้ทำหนังสือขออนุญาตต่อหน่วยป่าไม้เพื่อ ขอผ่านทางเข้าไป"

ตอนอาตมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล ซึ่งตำบลชะแลนี้เป็นปากทางเข้าทุ่งใหญ่พอดี อาตมาก็ต้องเซ็นหนังสือพวกนี้เยอะมาก แต่เนื่องจากว่าบรรดาท่านที่ไปธุดงค์ นอกจากจะรู้เรื่องธรรมเรื่องวินัยไม่ครบแล้ว บางทีสมณสารูปก็ยังไม่ค่อยจะมี

พระส่วนหนึ่งที่เข้าไปทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้ง เข้าไปแล้วก็ไปทำไฟป่าไหม้ทุกปี โดยเฉพาะที่ห้วยขาแข้ง จะมีต้นไม้เขียว ๆ แค่ริมห้วยเท่านั้น นอกนั้นเป็นป่าดิบแล้ง ถึงเวลาถ้าไฟไหม้ ก็จะลามเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ทุกครั้ง และส่วนใหญ่ของสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้ป่าก็เป็นฝีมือพระธุดงค์นี่แหละ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 26-01-2011, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่อาตมาธุดงค์ ขากลับเดินออกมาทางห้วยแม่ดี ห้วยกรึงไกร เพื่อที่จะทะลุออกมาด้านศรีสวัสดิ์ ไปเจอกองไฟที่กำลังลามอยู่ จึงจัดการฟาดให้ดับ ดับเสร็จกว่าจะเขี่ยไม่ให้มีเชื้อเพลิงลามต่อได้ ก็หมดเวลาไปครึ่งค่อนชั่วโมง แล้วก็รีบจ้ำตามรอยไป เพราะว่ารอยยังใหม่อยู่

คิดว่าพระธุดงค์ท่านคงจะอยู่ไม่ไกล แล้วก็จริง เดินตามไปประมาณ ๔๕ นาที เจอพระธุดงค์ ๔ รูปอยู่ข้างหน้า คว้าแขนท่านหนึ่งได้ก็ถามว่า "คณะของคุณใช่ไหมที่ก่อไฟอยู่ตรงนั้น ?" เขาบอกว่า "ใช่ครับ" อาตมาถามว่า "ในเมื่อคุณเลิกใช้งานแล้ว ทำไมจึงไม่ดับไฟ ผมไปเจอกำลังลามเป็นไฟป่าอยู่ เดี๋ยวก็เดือดร้อนกันบรรลัยอีก ผมต้องไปดับให้พวกคุณ กว่าจะดับได้เหนื่อยแทบตายห่..!"

ท่านบอกว่า "ความจริงผมดับแล้วครับ แต่เพื่อนท่านโยนฟืนเพิ่มเข้าไป ผมจึงโกยซ้ำเลย..!" แหม..เจริญ..นิสัยดีมาก ประเภทนี้แหละ..ที่ทำให้ไฟป่าไหม้ห้วยขาแข้งทุกปี แล้วทำให้บรรดาพิทักษ์ป่าไม่อยากให้พระเข้าไป

ที่ทุเรศกว่านั้น เกิดจากพระธุดงค์คณะหนึ่ง ๖ รูป หรือ ๘ รูป จำไม่ได้ ท่านเข้าไปในห้วยขาแข้ง ไปเจอควายป่าตัวหนึ่งล้มอยู่ในห้วยเพราะถูกเสือกัดตาย ปรากฏว่าเปลี่ยนจากพระธุดงค์กลายเป็นแร้งลง..! ท่านไปช่วยกันเถือเนื้อควายป่ามาทำอาหาร โดยที่ไม่รู้ว่าคุณเชน (ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ) ตั้งเต็นท์ซุ่มรอถ่ายภาพเสืออยู่

จึงได้ถ่ายภาพแร้งกำลังลงซากควายป่ามาเต็ม ๆ..! แสดงถึงความประพฤติของบรรดาพระธุดงค์ว่าไม่เอาไหน น่าทุเรศอย่างไร แล้วภาพทั้งหลายนี้ ก็เชื่อว่ายังติดอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กลายเป็นตัวอย่างทุกครั้งที่เขายกขึ้นมา เพื่อห้ามพระไม่ให้เข้าห้วยขาแข้ง

ทางคณะสงฆ์เราก็พยายามชี้แจงทุกครั้งว่า การธุดงค์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะว่า ต้องอาศัยสภาพป่าเพื่อไปสร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง แต่ถ้าหากไปเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้า อาจกลายเป็นตัวอย่างชัดเจนที่เขาจะไม่ให้พระเข้าไปอีก

อาตมาก็รอวันรอคืนอยู่ ว่าเมื่อไรจะมีหนังสือมาเรียกตัวให้ไปชี้แจง หรือจะให้ทำเอกสารชี้แจงไปเสียที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 26-01-2011, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วันนี้เพิ่งจะคุยกัน ท่านกอล์ฟ (พระศราวุธ ฐานิสฺสโร)บอกว่า "ท่านอาจารย์นนท์ (พระครูสังฆรักษ์คำรณ ฉนฺทกาโม) วัดเขาขลุง ได้ข่าวว่าท่านอาจารย์ทวน วัดตีนตก เจ้าพ่อห้วยขาแข้ง โดนควายป่าขวิดตายไปแล้ว" อาตมายืนยันว่าไม่ใช่ท่านอาจารย์ทวนที่โดนควายป่าขวิด แต่จริง ๆ เป็นท่านอาจารย์เป้า วัดไกรเกรียง

ปีนั้น คณะอาตมาตั้งใจไปดูนกยูง เพราะเป็นช่วงนกยูงผสมพันธุ์ โดยเฉพาะท่านพระครูปลัดปรีชาเก็บหางนกยูงออกมาหอบเบ้อเร่อเลย พอออกมาข้างนอก เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเห็นเขาก็ร้อง "เฮ้ย..!" ท่านต้องรีบบอกว่า "เก็บที่ตกมา ไม่ได้กินมันหรอก" เขาคิดว่าหางเยอะขนาดนี้ สงสัยกินไปหลายตัวแล้ว

จริง ๆ แล้ว ถ้าพระเข้าไปในป่า ส่วนใหญ่สัตว์จะไม่ค่อยกลัวและไม่ค่อยหนีกัน ช่วงที่คณะอาตมาเดินทางอยู่ พอเจอลำห้วยที่โค้ง เราก็จะตัดโค้ง อาตมาเดินนำหน้า เดินก้าวพรวดขึ้นไป เห็นบั้นท้ายสัตว์ใหญ่ตัวหนึ่ง ทีแรกคิดว่าเป็นช้าง ไม่คิดว่าจะเป็นควายป่า เพราะตัวใหญ่มาก กำลังหากินซุกหัวเข้าไปอยู่ในกอพงที่สูงท่วมหัวเราไปประมาณ ๓-๔ เท่า

ท่านจันทร์ เจ้าอาวาสวัดซายากง ที่หงสาวดี เดินตามขึ้นมา ท่านจันทร์เดินเหยียบหิน พลิก "แกร๊ก..!" ควายป่าหันขวับมา เห็นเขายาวเป็นวา อาตมาก็นึกว่า ตายละวา..ควายป่าเป็นสัตว์ที่มุทะลุดุเดือดมาก ไม่ไว้ใจอะไรเลย เห็นอะไรเป็นขวิดไว้ก่อน กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี

พอดีท่านมหาเคเดินตามมา ด้วยความที่ท่านมหาเคมีรูปร่างอ้วน พอขึ้นมาชายตลิ่งเลยพังครืนลงไป ควายป่าก็ตกใจ คงนึกว่าท่านมหาเคตัวใหญ่ขนาดเหยียบตลิ่งพังได้ จึงหนีดีกว่า..! ควายป่าเลยเปิดแน่บ

พอควายป่าวิ่ง จึงได้เห็นกวางกระโดดตามไปประมาณ ๔-๕ ตัว แสดงว่าเขาหากินอยู่ใกล้ ๆ กัน ถ้าสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งเจออันตราย ที่เหลือจะได้อาศัยหนีไปด้วยกันได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 12:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 26-01-2011, 09:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้คณะของพระอาจารย์เป้าตามหลังไป จริง ๆ ท่านอาจารย์เป้าเป็นพระวัดเศวตฉัตร ก็คือท่านพระครูใบฎีกาอุเทน อุฏฺฐานโรจโน ก่อนหน้านี้ท่านดูแลศูนย์บริขารธุดงค์ที่วัดเศวตฉัตรอยู่ แต่ทีนี้ผลประโยชน์ตรงนั้นมาก ท่านเองเป็นคนตรงเป็นไม้บรรทัด ก็เลยไปขัดคอเขา ท้ายสุดจึงโดนเขางัดกระเด็นออกมา ท่านน้อยใจก็เลยธุดงค์เข้าป่าไปเลย

แต่เป็นเวรเป็นกรรมอะไรไม่ทราบ ท่านธุดงค์ครั้งแรกก็เข้าทุ่งใหญ่เลย แล้วท่านไม่รู้จักทุ่งใหญ่ ตอนที่อาตมาไปเจอ ท่านพักอยู่ที่บริเวณห้วยเซซาโหว่ ท่านเสบียงหมดมาเป็นวันที่สองแล้ว หิวจนหมดสภาพแล้ว

ในทุ่งใหญ่ ตลอดระยะทาง ๙๓ กิโลเมตร จะมีบ้านคนที่บ้านทุ่งเสือโทน (คลิตี้บน) แล้วถัดมาอีก ๘ กิโลเมตร คือบ้านทินวย จะมีบ้านอยู่แค่ ๙ หลัง แล้วหลังจากนั้น พื้นที่ยาวมา ๒๕ กิโลเมตร จะเป็นหน่วยป่าไม้คือหน่วยทิคอง แล้วหลังจากนั้นอีก ๔๕ กิโลเมตร จะเป็นหน่วยซ่งไท้ แล้วจะยาวไปสุดทุ่งใหญ่คือหน่วยแม่กะสะ แล้วถึงจะเข้าบ้านจะแก

ท่านอาจารย์เป้าเข้ามาทางด้านบ้านกองม่องทะ บ้านทิไล่ป้า พอมาถึงบ้านจะแก ท่านเห็นว่ายังมีเวลาเหลือ ก็เดินเลยไป ในเมื่อเดินเลยไป หมดหมู่บ้านแล้ว เวลาเช้าขึ้นมาจึงไม่มีที่ให้บิณฑบาต ก็ต้องอดข้าว เดินไปจนหมดเรี่ยวหมดแรง จึงค่อยพัก พอสว่างก็เดินต่ออีกวันหนึ่ง ไปได้แค่ห้วยเซซาโหว่ ยังไปไม่ถึงหน่วยซ่งไท้

ท่านไม่มีอะไรจะฉัน หิวจนหมดสภาพจึงนอนหมอบอยู่ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรพาให้อาตมาไปเจอท่านเข้าพอดี ก็เลยไปต้มน้ำร้อนชงบะหมี่ถวายท่าน แล้วอธิบายให้ท่านฟังว่า ระยะทางจากไหนถึงไหน จึงจะมีบ้านคนให้บิณฑบาตได้ ต่อให้ใกล้ขนาดไหนก็ตาม เมื่อไปถึงแล้วท่านอาจารย์ก็ต้องพัก ถ้าไม่พักเดินเลยไปแล้ว จะเกินระยะเดินที่เป็นบ้านคน ถ้าไม่รู้จักทางไปอย่างนี้ เดี๋ยวก็ตายเปล่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 12:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 26-01-2011, 11:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลังจากนั้นหลายปี ไปเจอท่านอีกทีตอนท่านมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดไกรเกรียง พอเจอหน้าก็เข้าไปทักท่าน ท่านก็ถามว่า " เอ๊ะ..เรารู้จักกันหรือ ?" ตอบท่านไปว่า "ผมรู้จักท่านอาจารย์นะครับ พระปื๊ดยังอยู่กับท่านไหมครับ ?" พอท่านได้ยินคำว่าพระปื๊ด "เอ๊ะ..นี่ท่านรู้จักผมจริง ๆ แน่เลย รู้จักท่านปื๊ดด้วย"

"รู้จักสิครับ ท่านอาจารย์จำได้ไหมว่า ที่ไปอดเกือบตายอยู่ในทุ่งใหญ่ ใครเป็นคนช่วยเอาไว้ ?" ท่านจึงนึกขึ้นมาได้ "ตายห่...๑๐ กว่าปีแล้ว ท่านยังจำผมได้อีก"

"จำได้ครับ ท่านพระครูใบฎีกาอุเทน อุฏฺฐานโรจโน วัดเศวตฉัตร" ท่านบอกว่า "ผมละกลัวใจเลย เจอกันครั้งเดียวสิบกว่าปีแล้ว ยังจำชื่อผมได้อีกด้วย"

เมื่อคราวที่ท่านตามหลังคณะอาตมาเข้าไปครั้งนั้น ไปแล้วไม่ได้ดั่งใจ ท่านขัดใจกับเพื่อน ท่านก็เลยแยกทาง ออกจากทางเดินที่สะดวก ลุยป่าเข้าไป คราวนี้ท่านลุยป่าไป ก็คงจะเป็นเวรเป็นกรรมของท่านพอดี ลุยพรวด ๆ ไปเจอควายป่าที่นอนตีแปลงอยู่ ควายป่าเห็นท่านอาจารย์เป้าก็ขวิดโครม..! กระเด็นหายเข้าไปในดงไม้

ยังโชคดีที่ว่า เขาควายป่านั้นยาวเกินไป ตอนที่ขวิดท่านอาจารย์เป้า ร่างท่านก็เลยไม่โดนปลายเขา แต่แขนท่านกับกระดูกซี่โครงหักไปทั้งแถบเลย..!

พอควายป่ามองไม่เห็นท่าน เพราะว่ากระเด็นไปจมอยู่ในพงหญ้า ก็ไปตามทางของตัว พระที่เป็นพรรคพวกต้องช่วยกันหามท่านออกมารักษาตัวอยู่ข้างนอก รักษาตัวอยู่เป็นเดือน สุดท้ายก็มรณภาพไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 12:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 26-01-2011, 13:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ดังนั้น..ข่าวที่พระครูแสง (พระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล) ได้มา แล้วเล่าให้ท่านอาจารย์นนท์ฟัง จริง ๆ คือ พระอาจารย์เป้าที่มรณภาพเพราะควายป่าขวิด ไม่ใช่ท่านอาจารย์ทวน ท่านอาจารย์ทวนท่านยังอยู่

พระอาจารย์ทวน ท่านเดินธุดงค์เฉพาะในป่าห้วยขาแข้งน่าจะเกิน ๓๐ ปี ท่านเดินจนกระทั่งหลับตาก็รู้ว่ามุมไหนเป็นอย่างไร อาตมาเองยังอาศัยใช้เส้นทางของท่านบ่อย ๆ เพราะว่าท่านจะใช้ฝาจีบน้ำอัดลม ทาสีแดง ๆ แล้วตอกติดต้นไม้ไว้อันหนึ่ง ผ่านไปอีกสัก ๑๐๐–๒๐๐ เมตร ก็ตอกไว้อีกอันหนึ่ง พออาตมาจำทางได้ก็เดินตามได้เลย

จริง ๆ แล้ว แม้จะเป็นป่าในยุคนี้ก็ตาม คืบก็ป่า ศอกก็ป่า ขนาดพระของเรานั่งอยู่กับที่แท้ ๆ ยังหลงได้ ขอบอกให้ทุกคนเป็นประสบการณ์ว่า ถ้าหากว่าเราเดินทางในป่าไปสัก ๕ ก้าว ๗ ก้าว ให้เหลียวหลังดูครั้งหนึ่ง ถ้าเราเดินขึ้นหน้าอย่างเดียว เวลามองกลับมา จะเป็นคนละภูมิประเทศกัน เราจะจำทางไม่ได้ทันทีเลย

ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็น ๓ ก้าว ๕ ก้าว ๗ ก้าว อย่างไร เราต้องเหลียวหลังดูตลอด พูดง่าย ๆ คือ ซ้ายขวา สูงต่ำ ดูให้ทั่ว แล้วค่อยเดินทางต่อ เราถึงจะจำทางได้ หรือไม่ก็ต้องใช้วิธีที่อาตมาเรียนมาจากอาจารย์โมเช่ (พระประสงค์ สุนฺทโร) คือ พับกิ่งไม้ไว้เป็นระยะ ๆ ไป

ถ้าหากเราเดินขึ้นหน้า เวลาพับกิ่งไม้ให้พับขึ้นหน้า รอยพับของจะได้ชี้ไปข้างหลัง ทำให้เราจะรู้ว่าเดินมาจากทางไหน ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่หลง สามารถเดินตามรอยกลับที่เดิมได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-01-2011 เมื่อ 14:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 26-01-2011, 13:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าหากหลงทางเข้าจริง ๆ ให้หยุดอยู่กับที่ทันที อย่าไปไหน แล้วก่อกองไฟเอาไว้ เอาพวกใบไม้สด หญ้าสด หมกเข้าไปเยอะ ๆ ให้เกิดควันมาก ๆ คนที่เขามาช่วยจะได้หาง่าย ๆ หาท่อนไม้ใหญ่ยัดเข้าไปสักท่อนสองท่อน ให้ไฟคุไว้ได้ทั้งคืน

อย่าให้ไฟดับ คณะที่มาช่วยจะได้หาเราเจอง่าย และขณะเดียวกันพวกสัตว์ร้าย ถ้าได้กลิ่นควันไฟจะไม่เข้ามายุ่งด้วย โดยเฉพาะช้างจะกลัวไฟมากเป็นพิเศษ ต่อให้ส่งเสียงอยู่ใกล้ ๆ ก็จะไม่เข้ามาบริเวณนั้น

เรื่องการเดินป่า ถ้าไม่เก่งถึงขนาดแกะรอยได้ อย่าเสี่ยงไป ขนาดอาตมาแกะรอยได้ ยังเคยหลงมาแล้ว ก่อนที่จะพาคุณหมอนพพร (พ.อ.น.พ.นพพร กลั่นสุภา) เข้าไปที่บ้านแม่สาน ตัวเองก็พาเพื่อนไปหลงมาแล้ว ๒ วัน ๒ คืน อดแทบตาย แล้วมารู้ทีหลังว่า พวกที่ไปด้วยตั้งใจจะไปเอาทองคำของพวกลับแลเขา ในเมื่อตั้งใจไปเอาทอง เจ้าของที่เขาเหม็นขี้หน้า จึงทำให้หลงทางไปตาม ๆ กัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 14:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 26-01-2011, 13:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคาถาย่นระยะทางไหมคะ ?
ตอบ : จริง ๆ ไม่ได้ย่นระยะทางหรอก คือ ระยะทางยังคงไกลเท่าเดิม แต่เราไปถึงเร็วกว่าเดิม อาตมาเคยลองมาสองสามครั้ง คนเขาบอกว่าขับรถไล่ตามยังไม่ทัน เพราะฉะนั้น..เรียกว่าย่นระยะทางก็น่าจะใช่ แต่อาตมาเองยังรู้สึกว่าทางไกลเท่าเดิมและเหนื่อยเท่าเดิม

ตอนนั้นถึงคราวจำเป็น เพราะว่าอาตมาขึ้นไปเยี่ยมสถานีวิจัยเพื่อรักษาต้นน้ำแม่กลอง แล้วเจ้าหน้าที่เขาพาดูงาน ก็เดินดูกันไปเรื่อย ๆ ห่างจากสำนักงานใหญ่ไป ๔ กิโลเมตรแล้ว เขาถึงได้บอกว่า "นิมนต์ฉันเพลด้วยครับ" เหลืออีก ๑๐ นาทีเท่านั้นก็จะถึงเพลแล้ว มีใครเดิน ๑๐ นาทีได้ ๔ กิโลเมตรบ้าง ?

อาตมาจึงบอกเขาไปว่า "คุณเดินตามมาก็แล้วกัน เดี๋ยวอาตมาจะเดินนำหน้า ไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น" แล้วอาตมาก็เดินไปเลย พอไปถึงสถานีวิจัยยังไม่ทันจะเพล แสดงว่า ๔ กิโลเมตรอาตมาเดินไม่ถึง ๑๐ นาที..!

พอไปถึง รถของหน่วยเขาวิ่งสวนมาตรงปากทาง เขาบอกว่า "อ้าว..อาจารย์มาถึงแล้วหรือ ?" ตอบไปว่า "เออ..ข้ามาแล้ว แต่หัวหน้าแกอยู่ข้างหลัง ไปรับหัวหน้าแกก็แล้วกัน" ปรากฏว่าพวกเขาวิ่งไล่จนเลือดกำเดาไหล เขายังไล่ไม่ทัน..!

เราก็ไม่ได้รู้สึกหรอกว่า เดินแล้วจะใกล้หรือเดินแล้วไม่เหนื่อย ความเหนื่อยมีเท่าเดิมและไกลเท่าเดิม แต่ถึงเร็วเท่านั้น ก็เลยไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี

ถาม : อย่างคนธรรมดาทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ากำลังใจถึง ทำได้ทุกคน เรื่องของคาถาสำคัญตรงสมาธิ ถ้าสมาธิทรงตัวจะได้ผลทุกคน ส่วนใหญ่สมาธิไม่ค่อยจะทรงตัว พอถึงเวลาจำเป็นจริง ๆ ก็กลัว ๆ กล้า ๆ การที่เรากลัว ๆ กล้า ๆ กำลังใจนั้นก็ไปหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 14:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 26-01-2011, 14:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คุณแม่ท่านไม่สบาย เขาเคยทำแท้งมา เคยไปบวชชีพราหมณ์แล้ว พยายามทำบุญแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น ไม่ทราบพอจะมีคำแนะนำไหมคะ ?
ตอบ : ต้องปล่อยชีวิตคืนเขาไป ให้แม่ปล่อยพวกสัตว์ที่เขาฆ่า อย่างเช่นปลาในตลาด ปล่อยทุกเดือน ๆ เดือนหนึ่งสัก ๕ ตัว ๑๐ ตัว แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขาไปเรื่อย ๆ ต้องใช้กันด้วยชีวิต จนกว่าเขาจะหายจากการถือโกรธและอโหสิกรรมให้

ถ้าทำอย่างอื่นไม่สำเร็จหรอก ต้องคืนเขาด้วยชีวิต แต่ต้องเป็นสัตว์ที่เขาจะฆ่าจริง ๆ อย่างเช่นปลาที่เขาขายในตลาด ไปขอซื้อเขามาเลย แล้วก็เอาไปปล่อย ให้แม่ปล่อยทุกเดือน ๆ

ถาม : ไปผ่าแล้วอาการก็แย่ยิ่งกว่าเดิม
ตอบ : บอกแม่ให้ทำวิธีนี้ ถ้ายังสามารถไปไหนได้สะดวก ให้แม่ไปปล่อยเอง สักระยะหนึ่งเดี๋ยวเจ้ากรรมนายเวรเขาใจอ่อนก็ยอมอโหสิกรรมให้เอง เรื่องของเจ้ากรรมนายเวรต้องเอาใจกันหน่อย เพราะเราเป็นคนไปทำเขาไว้ก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2011 เมื่อ 14:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 26-01-2011, 14:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกแร่ จะทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้ทุกคนจ้ะ

ถาม : จะต้องทำอย่างไรคะ?
ตอบ : เข้าไปในสถานที่นั้นสามารถจัดเครื่องบวงสรวงได้ไหม ? ถ้าไม่ได้ให้คนอื่นจัดแทน

ถาม : ได้ค่ะ แต่ไม่รู้จะสมบูรณ์หรือเปล่า ?
ตอบ : จะเป็นข้าวพล่าปลายำ หัวหมู บายศรีอะไรก็ได้ ให้มีก็แล้วกัน อันดับแรก จุดธูปบอกกล่าวแม่พระธรณี ขออนุญาตทำแร่ตรงนี้ บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางทั้งหมด ให้ช่วยกันสงเคราะห์ในการทำแร่ อย่าให้ปิดอย่าให้บัง พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าสามารถดึงมารวมอยู่ได้ที่เดียวกันได้ยิ่งดี

แล้วเราจะทำบุญถวายสังฆทานหรือทำบุญเลี้ยงพระ ๙ องค์ให้เขาทุกปี หรือจะทำบุญใหญ่อะไรให้ก็ว่าไป ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ จะรุ่งทั้งนั้น นี่ไม่ใช่การติดสินบนนะจ๊ะ เขาเรียกว่า ทำอย่างไรจะให้ทำงานได้สะดวก

ถาม : จำเป็นต้องทำทุกที่ที่เราไปดูไหมคะ ?
ตอบ : เฉพาะที่ที่เราจะทำ

ถาม : แต่ขอครั้งเดียว ?
ตอบ : ขอครั้งเดียวแต่ทำบุญให้ทุกปี ต้องมีสักวันหนึ่งในปีนั้น ที่เราจะทำบุญเป็นประจำ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไปก็นิมนต์พระ ๙ รูปไปสวดมนต์ฉันเพล แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน แต่ถ้าไม่สะดวกเราก็นำสังฆทานไปถวายที่ไหนก็ได้ แล้วจุดธูปบอกกล่าวอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน

ถาม : สมมติว่าที่เป็นของคนอื่น แล้วเราไปซื้อ ?
ตอบ : เจ้าของที่ใหญ่ที่สุดคือแม่ธรณี รองลงมาเป็นในหลวง เป็นเรื่องแปลกมากนะ ในหลวงคือพระเจ้าแผ่นดิน บางคนขายที่ไม่ได้สักที อาตมาถามว่าเคยบูชาในหลวงไหม ? เขาบอกว่าไม่เคย อาตมาจึงให้เขาไปตั้งโต๊ะหมู่บูชา เอารูปในหลวงไปตั้งเลย เพราะว่าพื้นที่ทุกแห่งในประเทศไทยเป็นของในหลวง ต่อให้คุณมีโฉนดก็ตาม ก็ต้องออกโดยพระบรมราชานุญาต

ให้เขาไปบูชาในหลวงเพื่อขออนุญาตขายที่ เขาไปลองทำดูก็ได้ผล ของบางอย่างก็เหมือนกับเส้นผมบังภูเขา ถ้ารู้ก็ง่าย เพราะฉะนั้น..อย่างของเรา ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนที่ใดก็ตาม เจ้าของใหญ่สุดคือแม่ธรณี แล้วหลังจากนั้นคือเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายที่ท่านดูแลสถานที่นั้นอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-02-2019 เมื่อ 22:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 26-01-2011, 14:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,411,982 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะย้ายศาลเจ้าที่ จากที่เดิมมาตั้งที่ใหม่ ?
ตอบ : ที่เดิมเป็นอย่างไรจ๊ะ จึงจะไปย้าย ?

ถาม : เป็นศาลเจ้า อยู่นานแล้ว
ตอบ : ถ้าอยู่ในทิศที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องไปย้ายหรอกจ้ะ เพียงแต่ว่าให้จุดธูปบอกกล่าวท่าน ขอเปลี่ยนเป็นศาลหลังใหม่ ส่วนของเดิมเราก็เอาไปไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือเอาไปไว้ที่วัด

ถาม : ควรจะไว้ที่เดิมดีกว่าใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าทิศเดิมถูกต้องอยู่แล้ว เรื่องของศาลเจ้าที่ คือ ศาลพระภูมิ ถ้าเป็นศาลของบ้าน เขาให้ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวบ้าน เอาตัวบ้านเป็นหลัก มีข้อแม้ว่า ถ้าอยู่ใกล้บ้านมาก อย่าให้อยู่ใกล้หน้าต่างและอย่าให้อยู่ใกล้ส้วม เพราะเทวดาท่านรักความสะอาด ขืนไปทำอย่างนั้นเดี๋ยวเป็นเรื่อง..!

ถาม : ของเดิมอยู่ใกล้กับทางเดิน หันหน้าออกหน้าบ้าน
ตอบ : หน้าศาลหันไปด้านไหนไม่เกี่ยว เกี่ยวเฉพาะอยู่ทิศไหนของตัวบ้าน

ถาม : ที่เดิมเป็นปุ่นเถ่ากง อยู่สูงไป
ตอบ : ปุ่นเถ่ากงกับเจ้าที่คืออย่างเดียวกัน เพียงแต่เป็นของจีนกับไทยเท่านั้นเอง ยิ่งถ้าตี่จู้เอี๊ยยิ่งชัดเลย ตี่จู้เอียะ คือ พระภูมิเจ้าที่ , ตี่จู้ แปลว่า เจ้าของที่ , ส่วนพระภูมิ ภูมิ คือ พื้นดิน ส่วนปุ่นเถ่ากงก็คืออากาศเทวดา เป็นผู้ดูแลสถานที่เขตนั้นเหมือนกัน

ถาม : มีสองศาลค่ะ
ตอบ : ถ้าหากมีศาลสี่เสานะจ๊ะ ให้ตั้งไว้ทางด้านทิศใต้หรือทิศตะวันตกของตัวบ้าน แล้วจุดธูปอัญเชิญทั้งเจ้าที่และปุ่นเถ่ากง บอกว่าขอให้มาอยู่ที่ศาลนี้แทน และถวายเครื่องสังเวยหรือเครื่องบวงสรวงท่านไป

ถ้าเป็นศาลเพียงตา คือ ศาลพระภูมิ ให้อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ส่วนจะหันหน้าศาลไปทิศไหนท่านไม่ว่าจ้ะ ถ้ามีตี่จู้เอี๊ยะอยู่ด้วย ก็จุดธูปบอกท่านเชิญไปด้วยทีเดียวกันเลย หมดเรื่อง..เราจะได้ไม่ต้องไหว้หลายที่

เพราะความจริง ก็คือ พระภูมิเจ้าที่เหมือนกัน แต่คนไทยเรียกอย่างหนึ่ง คนจีนเรียกอย่างหนึ่ง แต่ความหมายก็คือพระภูมิเจ้าที่อย่างเดียวกันชัด ๆ เลย แสดงว่าทุกชาติทุกภาษาก็มีท่านที่รู้เรื่องเหล่านี้จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว