กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-06-2011, 09:06
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default เวลาของนักปฏิบัติมีค่ามาก

เวลาของนักปฏิบัติมีค่ามาก
จริง ๆ แล้วมีแค่ชั่วขณะจิตหนึ่งเท่านั้น

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้

๑. “นักปฏิบัติธรรมมีเวลาเดียวคือ แค่ชั่วขณะจิตหนึ่ง ๆ พร้อมตาย-พร้อมดับกิเลส อันเป็นข้าศึกของจิตอยู่เสมอ (รู้ลม-รู้ตาย-รู้นิพพาน) ปีใหม่ ปีเก่าไม่สำคัญ รู้อยู่เสมอว่าจักทำอย่างไร ให้ถึงความไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เวลายิ่งล่วงไปความตายก็ใกล้เข้าทุกที”

๒. “ชีวิตของร่างกายมันเกิดขึ้นแล้ว ก็เดินทางสู่ความเสื่อมตลอดเวลา ในที่สุดก็ถึงความเป็นอนัตตา ผู้ปฏิบัติจักต้องรู้หนทางโคจรของจิต อย่าปล่อยอารมณ์ตามใจมากเกินไป จุดนี้หมายถึงจิตที่มีกิเลสครอบงำ จักต้องหมั่นดูเอาไว้ หาเหตุหาผลให้พบ จุดไหนที่จิตบกพร่องอยู่โดยมีสังโยชน์ ๑๐ เป็นเครื่องวัด มีบารมี ๑๐ เป็นเครื่องช่วย ไม่ทิ้งหลักอริยสัจ กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุเป็นหลักสำคัญ

๓. “ที่เจ้าว่ายังมีอารมณ์หนัก ๆ อยู่นั้น เพราะใช้อารมณ์เบื่อมากเกินไป จิตเกาะงานทางโลกมากไป มันเป็นปกติของชาวโลก อุปสรรคของงานมันก็เป็นของธรรมดา หนักใจไปก็ไร้ประโยชน์ ร่างกายอ่อนเพลียก็เป็นธรรมดา สักวันตื่นแล้วอาจลุกไม่ไหว แม้อาจเป็นศพอยู่คาที่ ก็ยังเป็นธรรมดา ให้กำหนดรู้ไว้เสมออยู่อย่างนี้ เห็นความไม่เที่ยงของร่างกายนี้เป็นปกติธรรม จิตจักได้ไม่ดิ้นรน

๔. “อย่าปล่อยใจให้เบื่ออย่างเดียว ใช้ปัญญาหาเหตุให้พบแล้วรีบแก้ไขที่ต้นเหตุ หากตายในขณะจิตนั้น จักต้องเสียใจที่ตนเองโง่ขาดปัญญา ที่จิตเกาะทุกข์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทุกข์ เลยจมอยู่กับทุกข์นั้น ๆ เพราะขาดพรหมวิหาร ๔ สองข้อแรกคือ เมตตา-กรุณา เคยสอนไว้แล้วไม่เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ พิจารณาอะไรให้พิจารณาว่า หากมีพรหมวิหาร ๔ จักเป็นเช่นไร และหากไม่มีพรหมวิหาร ๔ จักเป็นอย่างไร หากปฏิบัติตามนั้น จิตก็จะทรงอารมณ์วางเฉยได้ (มุทิตาและอุเบกขาได้) เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาไปหมด จิตก็เบา

๕. “จริง ๆ แล้ว ในขณะที่จิตหนักก็เพราะนิวรณ์ ๕ กวนจิต ทำปัญญาให้ถอยหลัง คือโง่ขาดปัญญาในขณะนั้น หากระงับนิวรณ์ได้ จิตก็ฉลาด จิตมีปัญญา จิตบริสุทธิ์ชั่วคราว จิตเป็นทิพย์ชั่วคราว จิตหลุดพ้นจากกรรมชั่วทั้งมวลชั่วคราวเรียกว่า ตทังควิมุติ วิมุติหรือหลุดพ้นชั่วคราว ทุกอย่างเคยสอนไว้แล้วทั้งสิ้น ต้องหมั่นทบทวนไว้เสมอ มิฉะนั้นจักประมาทเกินไป อย่าลืมผู้ใดที่ประมาทในความตาย ผู้นั้นเท่ากับประมาทในพระธรรมคำสั่งสอนของตถาคตทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

๖. “คนโง่เท่านั้นที่คิดจักเอาชนะร่างกาย เวลาของนักปฏิบัติมีค่ามาก ซึ่งหาใช่เรา หาใช่ของเราไม่ เริ่มต้นก็เป็นมิจฉาทิฐิแล้ว ยิ่งคิดยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งเข้าป่าเข้ารกไป หาดีไม่พบ อย่าลืมทุกข์สัจ ตถาคตสอนให้มีสติกำหนดรู้อยู่เสมอว่ามันเป็นทุกข์ ทุกข์ของกายไม่กำหนดก็ไม่รู้ว่าเป็นทุกข์ และให้รู้ว่าธรรมดามันก็ทุกข์ของมันอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมดา ไม่มีใครจักไปขวางมันได้ เพราะมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราจึงบังคับมันไม่ได้ ส่วนสมุทัย ต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์หรือตัณหา ๓ นั้นเป็นทุกข์ของใจ ใจเป็นของเรา เราจึงต้องอบรมมันให้ได้ด้วยศีล-สมาธิ-ปัญญา อันเป็นทางที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ตามลำดับ จนถึงพระนิพพาน ต้องหมั่นทบทวนเข้าไว้ด้วยความไม่ประมาทในความตาย ที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุก ๆ ขณะจิต


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 02-06-2011 เมื่อ 12:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว