กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-08-2017, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๐

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ สิ่งที่อยากจะบอกกล่าวพวกเราในวันนี้ ก็คือ การปฏิบัติธรรมนั้น เราทำแล้วต้องหวังผล เพราะถ้าเราทำแล้วไม่หวังผล ก็จะอยู่ในลักษณะ "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง"

เราต้องมีสติระลึกรู้อยู่เสมอว่า เราอาจจะต้องตายลงไปภายในวันนี้ ถ้าหากว่าเราตายลงไปในวันนี้ คติคือที่ไปของเรา แน่นอนแล้วหรือไม่ ? ถ้าหากว่าคติคือที่ไปของเรา ยังไม่แน่นอน แล้วทำอย่างไรที่จะเร่งรัดให้ที่ไปของเรามีความแน่นอน ก็อยู่ที่ว่าเราต้องตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นล่วงศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นล่วงละเมิดในศีลนั้น ๆ

ในระยะแรกสติสัมปชัญญะของเรายังไม่สมบูรณ์ ความระมัดระวังตัวย่อมบกพร่อง โอกาสที่ศีลจะขาดก็มีมาก วิธีสังเกตว่าศีลของเราขาดหรือไม่ขาดอย่างแท้จริง ให้ดูว่าเรารู้ว่าสิ่งนั้นผิดศีลหรือไม่ ? เมื่อรู้แล้วเราตั้งใจละเมิดหรือไม่ ? ละเมิดแล้วสำเร็จสมดังเจตนาหรือไม่ ? ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดศีล เราตั้งใจล่วงละเมิด เรากระทำสำเร็จ ส่วนใหญ่แล้วนี่จะเป็นหลัก ๆ ในการพิจารณาว่าศีลของเราขาดหรือศีลของเราพร่อง ถ้าหากว่าศีลของเรายังพร่องอยู่ ไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ โอกาสที่เราจะพ้นจากอบายภูมิก็มีน้อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2017 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 31-08-2017, 08:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทบทวนศีลของเราทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาของเราไป อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกาย ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า "ช่างมัน" ตอนนี้เราทำความดีอยู่ ถึงจะตายลงไปตอนนี้เราก็ยอม

ถ้าเป็นเช่นนี้ลักษณะอาการต่าง ๆ ที่มารบกวน อย่างเช่นว่าขันธมาร เป็นต้น ต่อให้บังเกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าเราไม่หวั่นไหวเขาก็จะเลิกไปเอง ในขณะเดียวกันก็ให้ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก จะกำหนดภาพพระไปด้วยก็ได้ กำหนดคำภาวนาไปด้วยก็ได้ หรือจะรู้เฉพาะลมหายใจเข้าหรือลมหายใจออกก็ได้ จนกระทั่งสมาธิของเราทรงตัวตั้งมั่น ก้าวเข้าสู่ฌานสมาบัติระดับอัปปนาสมาธิ ได้แก่ ปฐมฌานละเอียดขึ้นไปจนถึงฌาน ๔ หรือถ้าใครมีความสามารถจะกำหนดทำต่อในส่วนของสมาบัติ ๘ ก็ย่อมได้

เมื่อสมาธิของเราทรงตัวตั้งแต่ระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป เราก็มาใช้ปัญญาพินิจพิจารณาตัดละร่างกายนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง มองให้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง สลายไปในทึ่สุด ขณะที่ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป ไม่มีตัวตนอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายได้

ร่างกายของเราก็เป็นเช่นนี้ ของคนอื่นก็เป็นเช่นนี้ ของสัตว์อื่นก็เป็นเช่นนี้ วัตถุธาตุต่าง ๆ ก็เป็นเช่นนี้ พยายามมองให้เห็นอย่างชัดเจน จนสภาพจิตของเรายอมรับ เมื่อร่างกายนี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2017 เมื่อ 09:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 31-08-2017, 08:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าสภาพจิตของเรายอมรับ ก็ให้ตั้งกำลังใจสุดท้ายว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยง เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีกแล้ว ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว

จากนั้นก็ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตัวเอง หรือกำหนดใจแน่วนิ่งอยู่กับภาพพระ หรือถ้าท่านใดสามารถยกจิตขึ้นสู่พระนิพพานได้ เอาจิตไปจดจ่ออยู่ต่อหน้าองค์พระบนพระนิพพาน พยายามทบทวนรักษากำลังใจของเราไว้อย่างนี้ทุกวัน ๆ นึกขึ้นมาเมื่อใดก็สามารถกำหนดกำลังใจให้อยู่ในระดับนี้ได้ทันที ถ้าเป็นเช่นนี้โอกาสที่เราจะรอดจากอบายภูมิถึงจะมีขึ้นมาได้

ลำดับต่อไป ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2017 เมื่อ 09:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว