|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑
ถาม : การที่มีคนมากมายที่ผ่านประสบการณ์ตายแล้วฟื้น เป็นเพราะท่านพระยายมราชท่านตั้งใจเอาไปผิดตัวหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านเองครับ ถาม : ทำไมประสบการณ์การตายแล้วฟื้นของแต่ละคน มักจะไปเจอกับสถานที่ระหว่างทางที่ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไรครับ ? ตอบ : ไปคนละทาง จะเหมือนกันได้อย่างไร ? คนหนึ่งมาทางเซ็นทรัลเวสต์เกต คนหนึ่งมาทางถนนราชพฤกษ์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2019 เมื่อ 13:05 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนที่ผมฝึกมโนมยิทธิโดยใช้คาถา นะ มะ พะ ธะ เท่าที่ผมเคยพบมา คือ ทำไมเวลาเห็นภาพพระถึงเห็นเป็นภาพพระพุทธรูป ไม่เห็นเป็นองค์จริงของพระองค์ท่านครับ ?
ตอบ : พระพุทธรูปไม่ใช่องค์จริงหรือ ? ตาถั่วเองต่างหาก...! แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ข้าขึ้นพระจุฬามณีครั้งแรก เห็นพระจุฬามณีเป็นเจดีย์ปูนธรรมดา" แสดงว่าสติ สมาธิยังไม่เพียงพอ วิปัสสนาญาณยังน้อยไป ก็เห็นได้แค่นั้นแหละ ถาม :ในระหว่างทางที่ขึ้นไป ปรากฏว่าไปเจอบ้านหลังหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เป็นบ้านรูปทรงธรรมดาเหมือนบ้านคนทั่วไป ภายในบ้านว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย มองที่พื้นก็เป็นพื้นสีน้ำเงินเข้ม แต่เงางาม ไม่ทราบว่าบ้านที่ผมเห็นนั้นเป็นวิมานหรือเปล่าครับ แล้วทำไมข้างในถึงว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยครับ ? ตอบ : ก็คือวิมานนั่นแหละ ยังไม่มีเจ้าของจะไม่ให้ว่างเปล่าได้อย่างไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:31 |
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถาม : พญาจระเข้งาโมย่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน เขาบำเพ็ญเพียรด้วยวิธีไหนถึงสามารถแปลงกายเป็นคนได้ครับ ?
ตอบ : พญางาโมย่าเป็นอชคราทิเปรต ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานทั่วไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:32 |
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : ความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนว่าให้ทำความรู้สึกแบบนี้อยู่เสมอเพื่อการละสังโยชน์ ๓ ข้อแรกนั้น เป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับตอนอยู่ในสนามรบ อยู่ในป่าช้า หรือตอนป่วยหนักหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นคุณปล่อยวางได้แค่ไหน ? ถ้าในสนามรบส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะไปตายเอาดาบหน้า ไม่ได้เป็นการปล่อยวางเพราะเห็นความตายอย่างลึกซึ้งจริง ๆ ตอนอยู่ในป่าช้าก็มักจะเห็นความตายของคนอื่น ไม่ได้เห็นความตายของตนเอง ตอนป่วยหนัก ถ้าสามารถที่จะเห็นว่าความตายมาถึงเราอย่างแน่นอนและชัดเจน รีบเอาใจเกาะความดีไว้ จะมีประโยชน์มากที่สุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:32 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถาม : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า คือ การที่เรานึกถึงการที่ท่านนำเอาธรรมะที่ท่านได้ตรัสรู้แล้วมาสอนแก่ชาวโลก อย่างนี้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า มีพระพุทธเจ้าสององค์นั่งถามตอบกันว่าพระพุทธเจ้ามีความดีขนาดไหน ? สิ้นเวลาเป็นกัปก็ยังตอบไม่หมด เพราะฉะนั้น...คุณจะนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าแบบไหนก็อยู่ในนั้นแหละ ไม่หนีไปไหนหรอก ถาม : ต้องทำอย่างไรถึงจะนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าได้ทั้งวันโดยที่ไม่เบื่อครับ ? ตอบ : ทรงสมาธิอย่างน้อยให้เป็นปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังไม่เพียงพอ จะโดนกิเลสลากไปเสียก่อน ถาม : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ถือเป็นการละสังโยชน์ข้อที่ ๒ หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ถ้าเห็นแต่ความดีโดยส่วนเดียว โดยไม่ได้มองกลับว่าตัวเราเองก็ต้องตาย ท้ายสุดก็ต้องไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการละสังโยชน์ ถึงสามารถที่จะนึกได้ในลักษณะนั้น ถ้าสภาพจิตยังไม่ตัดละจริง ๆ ก็ยังไม่ใช่การละสังโยชน์ การละสังโยชน์เป็นการใช้กำลังสมาธิและปัญญาเข้าห้ำหั่นกิเลสที่อยู่ในใจของเรา แปลว่าเราต้องปราศจากความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ชนิดที่มอบกายถวายชีวิตได้ทุกเวลาจึงจะเป็นการตัดสังโยชน์ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:34 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาที่ผมต้องการแผ่เมตตา ผมใช้วิธีคิดว่าขอให้คนทั้งโลกมีแต่ความสุข เมื่อนึกเสร็จก็เข้าสมาธิทันที แบบนี้เป็นวิธีแผ่เมตตาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นนิดหนึ่ง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:34 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : ชื่อของหลวงพ่อวัดท่าซุง คือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ มีที่มาอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไปอ่านดูในประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เดี๋ยวก็เจอเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:34 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : ไม้ถือที่วัดท่าขนุนสร้างนี้ จะมีพิธีพุทธาภิเษกในงานเป่ายันต์เกราะเพชรหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเสร็จก็มี ถ้าไม่เสร็จก็ไม่มี ถาม :ไม้ถือ ไม้ครู สามารถนำไม้มงคลมากลึงเป็นไม้ถือ ไม้ครูได้หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ได้ ถาม : ควรใช้ไม้มงคลอะไรบ้างที่สามารถนำมาใช้ทำไม้ถือ ไม้ครูให้มีอานุภาพได้บ้างครับ ? ตอบ : ไม้ไผ่ตันที่เกิดบนต้นโพธิ์ ถาม :ขอความเมตตาหลวงพ่อแนะนำว่าควรนำมวลสารใดมาบรรจุในไม้ถือ ไม้ครูได้บ้างครับ ? ตอบ : ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห และผงมหาราช ถาม : เนื่องจากไม้ถือหลวงพ่อมีให้บูชามีราคาสูง ลูกหลานหลายคนอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้ไว้บูชา จึงจักขออนุญาตหลวงพ่อนำไม้ถือ ไม้ครูที่ทำจากไม้มงคลเข้าร่วมงานพุทธาภิเษก เสาร์ ๕ ที่จะถึงนี้ได้หรือไม่ครับ ? และจะทำอย่างไรให้มีอานุภาพเป็นไม้ถือ ไม้ครู สำหรับนำมาบูชาได้บ้างครับ ? ตอบ : อาตมาทำวัตถุมงคลตามที่พระท่านสั่งเท่านั้น ท่านสั่งแค่ไหนก็ทำแค่นั้น ก็แปลว่าท่านสงเคราะห์แค่นั้น เราจะทำอะไรไปเข้าพิธีก็ทำไปตามสบาย ก็เป็นได้แค่วัตถุมงคลชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม้ครู คือ ไม้ที่ครูสร้างให้กับลูกศิษย์ ไม่ใช่ลูกศิษย์ไปสร้างกันเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:36 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : อยากถามเรื่องอายตนะภายในและภายนอก อันที่ ๖ เกี่ยวกับเรื่องจิตและธรรมารมณ์ คืออารมณ์ที่จิตไปนึกคิด สมมติว่าผมเดิน ๆ อยู่ แล้วตาไปมองเห็นรูป แล้วรูปที่เห็นเป็นรูปผู้หญิง ณ จุด ๆ นี้ถ้าผมหยุดคิดทันที กิเลสตัวราคะจะไม่เกิดใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เกิดตั้งแต่เอ็งเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้ว ถาม : แต่ถ้าผมคิดต่อไปอีกว่า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีทรวดทรงดี เราต้องการผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้กิเลสเกิดขึ้นแล้วใช่ไหมครับ ? ตอบ : ก็บอกว่าเกิดตั้งแต่เอ็งเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้ว การที่จะไม่ให้กิเลสเกิดได้ สติ สมาธิ ปัญญาต้องเฉียบคมว่องไว ถึงขนาดสักแต่เห็นว่าเป็นรูปเป็นธาตุเท่านั้น ถ้ายังแบ่งเพศเป็นหญิงเป็นชายก็เจ๊งตั้งแต่ยกแรกแล้ว ถาม : แล้วกิเลสตัวนี้เกิดมาจาก "จิตไปรับรู้อารมณ์ธรรมารมณ์ที่เป็นราคะและพอใจผู้หญิงสวย" ใช่หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ทันทีที่นึกคิด สภาพจิตก็เกิดจิตสังขาร คือ การปรุงแต่งขึ้น แปลว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่ใช่เกิดขึ้นตอนเห็นว่าผู้หญิงสวย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:36 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : นักปฎิบัติส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมต้องเคยเจออารมณ์ที่อยากปรามาสพระรัตนตรัย หรือปกติเป็นคนไม่โกรธคน แต่อยากด่าคน อยากโกรธทั้ง ๆ ที่ ไม่มีสาเหตุ อยากถามว่าถ้าอารมณ์ธรรมารมณ์ที่อยากด่าพระ หรืออยากโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเรารับรู้อารมณ์เลว ๆ นี้ทัน แล้วจิตไม่ไปเอาอารมณ์นั้นมาด่าหรือโกรธในใจ แล้วกำหนดรู้ลมหายใจแทน แปลว่าตอนนี้กิเลสเกิดไม่ได้ เฉาตายไปชั่วขณะใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เกิดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ากิเลสเกิดทางใจ เกิดทางวาจา เกิดทางกาย ในเมื่อเราคิด แปลว่ากิเลสกินเราไปแล้ว ๑ ใน ๓ ถ้าพูดออกมาก็หมดไป ๒ ใน ๓ ถ้าทำไปด้วยก็ครบทุกส่วนเลย ถาม :แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อารมณ์ที่อยากปรามาสพระ หรืออยากโกรธพระกำเริบครับ ? ตอบ : เป็นพระโสดาบัน ถาม : จากข้อดังกล่าว ทำให้ผมเห็นความสำคัญของการมีสติมาก เพราะปกติจิตจะไปฟุ้งซ่านกรรมชั่วในอดีตและฟุ้งในอนาคต แต่ถ้าสติเรามีความไวเท่าทันจิต สติจะสามารถหยุดจิตที่จะไปนึกถึงอดีตและอนาคตได้ ณ จุด ๆ นี้ผมเลยสงสัยว่า การฝึกมหาสติปัฏฐานสูตร คือการฝึกให้มีสติใหญ่ สมมติว่าผมเดินอยู่ผมต้องเอาสติไปรับรู้ ๒ สิ่งขณะเดียวกัน ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก และเอาสติรับรู้อีกว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาหรือเปล่าครับ หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ ? และผมลองเอาสติไปรับรู้สองสิ่งนี้ ผมสับสนมาก สติไม่ไวพอ แปลว่าผมต้องฝึกอีกเยอะใช่หรือเปล่าครับ ? ตอบ : แปลว่าตอนนี้คุณกำลังเข้าอนุบาล ๑ แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ...! การที่เราจะฝึกสติ อย่างเดินอยู่แล้วนึกถึงลมหายใจเข้าออกไปด้วย ส่วนใหญ่จะเดินไม่ได้ เพราะว่าทันทีที่เราจับลมหายใจเข้าออกได้มั่นคง จิตกับประสาทจะเริ่มแยกออกจากกัน ถ้าไม่ใช่คนที่คล่องตัวจริง ๆ จะบังคับร่างกายไม่ได้ ถึงได้บอกว่าของคุณแค่อนุบาล ๑ แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ ก็หาเรื่องลำบากเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 04:38 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : ผมอ่านวิปัสสนาญาณที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอน ให้เอาบารมี ๑๐ กับสังโยชน์ ๑๐ มาวัดว่าเราอยู่จุดไหน และตรงวิปัสสนาญาณข้อเกือบจะสุดท้าย ท่านให้พิจารณาปฏิจจสมุปบาท ให้หาปลายเหตุมาหาต้นเหตุของการเกิด และจากต้นเหตุไปหาปลายเหตุของความทุกข์ ผมติดใจตรงข้อท้าย ๆ ที่ว่าด้วย "เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี " อยากทราบว่า "สังขาร" ข้อนี้ภาษาไทยแปลว่า ความคิดใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เอาข้อแรกก่อน หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนไว้ตรงไหนวะ ? ช่วยบอกกูที ตำราทั้งเทปกูฟังจนปรุแล้ว ไม่เคยเจอตรงนี้...! สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง คำว่า สังขาร ในปฏิจจสมุปบาทตัวนี้ หมายถึง จิตสังขารที่ปรุงแต่งไปในทั้งทางดีและทางชั่ว เพราะฉะนั้น...อย่าอ่านตำรามากไปและอย่าสับสนด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นกล่าวตู่พระอริยเจ้าอีก หลวงพ่อท่านไม่เคยเขียนถึงปฏิจจสมุปบาทไว้เลย ถาม : แล้ววิญญาณในข้อนี้ หมายถืง เจตสิกคือการรับรู้ของจิต จะด้านดีหรือด้านชั่วใช่หรือเปล่าครับ ? ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแปลง่าย ๆ ว่า ประสาทร่างกาย ก็แปลว่า ไม่ว่าจะเป็น ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ล้วนใช่หมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 08:52 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : ผมอยากทราบว่าสังขารุเปกขาญาณในระดับปุถุชนอย่างผม เวลาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปเจออาการกระทบในสถานการณ์จริง อย่างเช่นเวลากินอาหารหรือคุยกับเพศตรงข้าม ถ้าผมสักแต่ว่ากินโดยมีสติ และสักแต่ว่าคุยกับเพศตรงข้ามโดยมีสติ ไม่ได้ไปคิดหรือดำริในใจว่าอาหารนี้กรอบอร่อย หรือคิดว่าเพศตรงข้ามคนนี้หน้าตาดี นิสัยดี ถ้าโสดเราจะได้จีบ อยากทราบว่าผมไม่ได้ไปจุดเชื้อเพลิงให้กิเลสได้กำเริบ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทันทีที่กินหรือคุย กิเลสก็กำเริบไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น เพราะว่าเป็นกิเลสบางเบาที่ฝังอยู่ในสันดานของเรา ส่วนที่เรากันได้เป็นแค่กิเลสหยาบ ๆ ที่จะล้นออกมาทางกาย ทางวาจาเท่านั้น ถาม : ยังเป็นสังขารุเปกขาญาณแบบปุถุชนอ่อน ๆ ใช่หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ต้องบอกว่าอ่อนเสียยิ่งกว่าปัญญาอ่อนอีก...! นักปฏิบัติช่วงแรกให้หลีกจากหมู่ เพื่อจะได้ไม่กระทบกระทั่งกับสิ่งต่าง ๆ จนกิเลสเกิดขึ้นได้ แต่เราเองไปคลุกคลีในหมู่ แถมยังเป็นเพศตรงข้ามอีกด้วย จึงได้กล่าวว่าปัญญาอ่อนชัด ๆ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 08:53 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : ปัจจุบันผมอายุ ๒๑ ปี พวกอารมณ์โกรธหรือโลภรู้สึกไม่ยากในการละ เพราะเห็นโทษภัยชัดเจน แต่บางครั้งอารมณ์ทางเพศ ต่อให้ผมจะกำหนดรู้ลมหายใจหรือจะเอาจิตดูจิต สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ไปคิดต่อ แต่อย่างไรร่างกายก็ไม่เห็นด้วยร่างกาย ยังคึกเพราะฮอร์โมน จิตยังพอใจในกามคุณอยู่ แล้วลึก ๆ ผมก็อยากมีแฟนสวย ๆ แต่ก็ยังอยากจะทรงฌาน ๔ เพราะเคยได้ฌานแต่เสื่อม เลยรู้ว่าอารมณ์ความสุขจากฌานนั้นสุขมาก และบางครั้งผมคุยกับผู้หญิงที่กิเลสในใจผมรู้สึกพอใจในรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น ก็พยายามจะจีบเธอ
ผมเลยสงสัยว่า อยากทราบว่าการกระทำแบบที่กล่าวมา ผมอยากจะทรงฌาน ๔ เพื่อกำจัดนิวรณ์ให้หมดได้ทุกเมื่อตามใจนึก และอยากถอดกายในไปพระนิพพานสักครั้งก่อนผมจะตาย พอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนการกระทำ ? ตอบ : จุดมุ่งหมายกับการกระทำค้านกันเอง บอกว่าจะมุ่งหน้าแต่ตัวเองกลับพยายามถอยหลัง เพราะฉะนั้น...ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงการกระทำ ก่อนตายถ้าทำได้ก็ถือว่าบังเอิญมาก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 08:54 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : สังโยชน์เบื้องสูงตัวมานะ สมมติว่าผมมีความมั่นใจว่าผมสามารถทรงอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หรือสามารถเป็นพระอรหันต์ได้แบบท่านอื่น ๆ เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีบารมี ๑๐ เต็ม ผมก็มีบารมี ๑๐ แต่ผมยังไม่เต็ม แต่มั่นใจว่าถ้าทำตามคำสั่งสอนของท่าน อย่างไรสักวันบารมีเราก็เต็มเอง การคิดแบบนี้เป็นสังโยชน์ตัวมานะหรือเป็นกุศโลบายครับ ?
ตอบ : แบกมานะไว้เต็ม ๆ ยังไม่พอ ยังแบกความโง่ไว้อีกมากด้วย พยายามไปทรงปฐมฌานให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยมาพูดถึงเรื่องทั้งหลายเหล่านี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 08:55 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : ผมเคยอ่านจากเว็บวัดท่าขนุนที่หลวงพ่อเล่าว่า มีอิสลามท่านหนึ่งท่องหนังสือของศาสนาของเขาจนเกิดอภิญญาขึ้นมา สมมติว่าผมมีความคิดว่า แหม่...เราเกิดมาในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีหลวงปู่หลวงพ่อ ท่านก็สอนเรื่องอภิญญา ถ้าเราทำไม่ได้ ขายขี้หน้าคนนอกศาสนาแน่ แล้วผมก็เอาความคิดนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างอภิญญาขึ้นมา อยากทราบว่าความคิดที่ว่าเป็นมานะหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างหัวมันเถอะ...! ทำให้ได้ก่อนก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 09:50 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : ผมสงสัยครับว่า ถ้ามีคู่รักคู่หนึ่ง สามีพยายามทำสมาธิเพื่อจะทรงฌาน ๔ แต่ใน ๑ สัปดาห์สามีจะหลับนอนกับภรรยา ๒ - ๓ ครั้ง อยากทราบว่าสามีมีโอกาสจะทรงฌาน ๔ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มีสัก ๐.๐๐๐๑ เปอร์เซ็นต์..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2018 เมื่อ 09:50 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ถาม : จากเดือนก่อนที่ผมถามหลวงพ่อว่า ผมเล่นเกมหลายชั่วโมงแล้วเอาเวลามาทำสมาธิสัก ๑๐ นาที จะสามารถทรงฌานสมาบัติได้ไหม หลวงพ่อตอบว่าไม่ได้ ผมเลยกลับมาดูตัวเอง จิตผมไม่สามารถเข้าฌานเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีนิวรณ์ตัวฟุ้งซ่านที่อยากจะได้ดีเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ณ ปัจจุบันผมก็นั่งสมาธิ แต่ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็อยากจะลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นหรือหาอะไรอ่าน และผมลองหาเหตุผลดูทำไมนั่งไม่ได้นาน เพราะว่าขาดอาการปีติที่เป็นเหมือนอาหารหล่อเลี้ยงจิตให้นั่งสมาธิได้นาน แต่เวลาเล่นเกมผมกลับมีปีติเล่นได้เป็นชั่วโมง หรืออ่านกระทู้ต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน ก็สามารถอ่านติดต่อกันได้หลายชั่วโมงเพราะรู้สึกสนุกและพอใจ เหมือนกับว่าเราต้องหางานให้จิตเราจดจ่อ แล้วต้องรู้สึกพอใจในสิ่งที่ทำ ถึงจะทำได้นาน ณ จุด ๆ นี้หลวงพ่อช่วยแนะนำทีครับ
ตอบ : แนะนำว่าให้เอ็งพอใจเสียก่อน...ไม่ใช่ปีติ ถ้าไม่มีฉันทะ เราก็ไม่นึกอยากจะทำ ขาดวิริยะก็ไม่พยายามที่จะทำ ขาดจิตตะ กำลังใจไม่ปักมั่น จ้องแต่จะไปเล่นเกม ไม่ต้องพูดถึงวิมังสา ซึ่งเป็นการไตร่ตรองทบทวนการกระทำของตัวเอง แปลว่าอิทธิบาทของคุณพร่องตั้งแต่ต้นยันปลาย ไม่มีอะไรเหลือดีสักนิดเดียว แล้วจะไปหวังให้อะไรสำเร็จได้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2018 เมื่อ 16:35 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : ตามที่หลวงพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับหมอไสยศาสตร์ที่หลวงพ่อเคยโดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัวกระผมอยากทราบว่าหลวงพ่อใช้คาถาอะไร ? แล้วต้องมีสมาธิเข้าฌานระดับไหนถึงจะสู้ชนะหมอไสยศาสตร์ตั้ง ๓๐ คน ?
ตอบ : "โดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัว" ตูก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็น "ตัว" ลักษณะนามนี้ยินดีรับไว้...! ตอนนั้นมีอะไรก็ต้องงัดมาใช้ทั้งหมดแหละ ไม่อย่างนั้นก็โดนเขายำตาย ไม่ใช่มัวแต่ไปคิดอีกว่าจะใช้อะไร สถานการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้นต้องการอะไรก็ต้องเอามาใช้ให้ทัน ถาม : แล้วที่หลวงพ่อปล่อยผีกะเหรี่ยงไป ๓๐ กว่าตัว อยากทราบว่าหลวงพ่อปล่อยอย่างไรหรือครับ ? ตอบ : ปล่อยแบบปล่อยผีไปนั่นแหละ ถาม : ผมสงสัยมาก พวกหมอผีพวกนี้สามารถทรงฌานเสกคาถาและทำของขึ้นได้อย่างไร ? ในเมื่อท่านเหล่านี้นิวรณ์ ๕ ตัวโทสะยังเยอะอยู่ และเจตนาทำสมาธิเพื่อจะมุ่งทำร้ายคนอื่น โดยเฉพาะพระดี ๆ แบบหลวงพ่อ ตอบ : เขาไม่ได้โง่เหมือนคุณ...! ตอนทำ รัก โลภ โกรธ หลง ของเขาไม่มี มีเฉพาะตอนไม่ได้ทำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2018 เมื่อ 16:36 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : วัวธนูวัดโขงขาวของกระผมโดนคนในบ้านขโมยไปทิ้งลงส้วม เหตุเพราะว่าคนในบ้านฝันว่าสู้กับวัวธนูทุกคืน แต่ว่าคืนนี้มีวัวหลาย ๆ ตัววิ่งเข้ามาในบ้าน เอาพร้าฟันคอฟันขา ฟันแบบไหนก็ไม่ตาย วัวธนูนี้มีโทษตามที่กล่าวหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาตมาไม่ทราบ อาตมาทราบแต่ว่าหลวงพ่อวัดโขงขาวไปเล่นไสยศาสตร์มาเสียยกใหญ่เหมือนกัน ก็เลยไม่รู้ว่าท่านเสกด้วยวิธีไหน..! ถาม : ผมตื่นขึ้นมาปวดตัวไป ๑ อาทิตย์ เกี่ยวกับวัวธนูหรือไม่ครับ ? ตอบ : อาจจะนอนผิดท่าแล้วปวดเมื่อยก็ได้...! ถาม : วัวธนูที่ทิ้งลงส้วมยังมีอานุภาพเหมือนเดิมไหมครับ ? ตอบ : น่าจะมีนะ แต่อาจจะลำบากหน่อยกว่าจะตะกายขึ้นจากส้วมมา...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2018 เมื่อ 16:36 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
ถาม : หลายปีที่ผ่านมา กระผมเคยหลงด่าพระสงฆ์หลายท่านโดยความไม่รู้ ด้วยความคิดที่ว่าท่านประพฤติตัวไม่ดี โดยฟังมาจากคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นตัวท่าน แต่ต่อมา กระผมมารู้ทีหลังว่า แท้จริงแล้วมีพระสงฆ์หลายท่านด้วยกันที่กระผมได้เคยหลงปรามาสไปนั้น ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ซึ่งตอนนี้บางท่านก็มรณภาพไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถเข้าไปกราบขอขมาโทษจากท่านได้อีกแล้ว ไม่ทราบว่า กระผมจะกราบขอขมาโทษจากพระพุทธรูปที่บ้านแทนได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นไปได้ควรที่จะขอขมาโดยตรงกับท่าน เมื่อทราบว่าท่านมรณภาพแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ตามไปขอขมาท่านที่นั่นก่อน หลังจากนั้นค่อยไปขอขมากับพระพุทธเจ้า ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ขอขมากับพระพุทธรูปที่บ้านเราก็ได้ แต่ว่าเป็นการแก้ปลายเหตุไปแล้ว ถาม : แล้วจำเป็นต้องจัดขันธ์ ๕ ในการกราบขอขมาโทษทุกครั้งไหมครับ ? ตอบ : การขอขมาโทษ ถ้างบน้อยก็ใช้แค่ธูปเทียนแพ ถ้างบมากหน่อยก็ทำบายศรีไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2018 เมื่อ 16:37 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|