กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-07-2023, 18:18
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,658 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-07-2023, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงแค่อุตรดิตถ์ เนื่องเพราะว่าค่ำเสียก่อน จึงต้องหาที่พักกลางทาง แต่ว่าที่พักซึ่งตั้งใจพักที่อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ นั้นเต็มเสียก่อน จึงต้องวิ่งต่อมาจนถึงเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงได้ที่พัก

ครั้นรุ่งเช้าก็วิ่งต่อมา จากอุตรดิตถ์ ขึ้นแพร่ พะเยา เชียงราย แวะฉันเพลที่บริเวณบ้านนางแล ซึ่งมีสับปะรดอร่อยมาก แล้วภายหลังสับปะรดสองสายพันธุ์ ก็คือสายบ้านนางแล จังหวัดเชียงรายกับสายภูเก็ต ทั้งเหนือใต้ถูกจับมาผสมกัน กลายเป็นสับปะรดภูแล

ในระหว่างที่เดินทางช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าอบรมออนไลน์ในโครงการ Upskills การสอนวิชาพระพุทธศาสนา ซึ่งในช่วงเช้าก็คือวิชาพระไตรปิฎกวิเคราะห์ บรรยายโดยพระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร, รศ.ดร. รองอธิการบดี
ฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ช่วงบ่าย
เมื่อมาถึงที่พักแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเข้าระบบซูมออนไลน์ เพื่ออบรมในช่วงบ่ายต่อไป ซึ่งท่านอาจารย์ผู้บรรยายในช่วงบ่ายนี้ก็คือ ศ.ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ บรรยายในหัวข้อ "พระพุทธศาสนากับฟิสิกส์ใหม่" ซึ่งความจริงหัวข้อหลักก็คือพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ แต่ว่าท่านอาจารย์ ศ.ดร.วัชระ ท่านบรรยายเรื่องพุทธศาสนากับฟิสิกส์ใหม่ ซึ่งกล่าวถึงทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ มาจนกระทั่งถึงทฤษฎีควอนตัม

คราวนี้ในช่วงเย็นที่จบลงนั้น มีการถามคำถาม ซึ่งผู้ถามนั้นได้ปรารภว่า "ถ้าหากว่าสถานที่นั้นว่าง อย่างเช่นว่าอรูปพรหม แล้วมีที่อยู่ได้อย่างไร ?" ท่านอาจารย์ ศ.ดร.วัชระ ก็สนองด้วยว่า "แม้กระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถที่จะติดต่อกับคนอื่น สัตว์อื่น ด้วยเจโตปริยญาณ คือสามารถที่จะสื่อสารกันด้วยใจ แล้วทำไมไม่สามารถที่จะสื่อสารกับอรูปพรหมได้ ?"

ขณะเดียวกัน ก็มีผู้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องพระนิพพาน ว่า "พระนิพพานนั้นเป็นสถานที่หรือไม่ ?" ขอให้ท่านอาจารย์แสดงทัศนะส่วนตัวด้านนี้ขึ้นมาสักหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2023 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-07-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองเกรงว่าจะพากันออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป จึงได้ยกมือแสดงความเห็นไปว่า "ในเรื่องของอรูปพรหมที่ว่าว่างนั้น เป็นการว่างจากรูป คือร่างกายเท่านั้น แต่ว่าสถานที่สำหรับอรูปพรหมอยู่นั้นมีอยู่ ลักษณะเหมือนกับว่าบ้านว่าง หรือว่าห้องว่าง แล้วอรูปพรหมซึ่งเป็นลักษณะของดวงจิตไปอาศัยอยู่ในสถานที่นั้นได้ ก็แปลว่าอรูปพรหมนั้นว่างเฉพาะรูป ไม่ได้ว่างจากจิต แล้วขณะเดียวกัน สถานที่อยู่ของอรูปพรหม ก็ไม่ใช่ไม่มีสถานที่ หากแต่ว่าเป็นที่ว่างสำหรับจิตทั้งหลายเหล่านั้นอาศัยอยู่ได้

เพียงแต่ว่าสภาพจิตทั้งหลายเหล่านั้น ท่านตั้งใจทิ้งการติดต่อโดยอายตนะทั้งปวง เนื่องเพราะว่าท่านเป็นผู้ที่ไม่ปรารถนาในรูป ไม่ปรารถนาในวิญญาณ ก็คือประสาทความรู้สึก แล้วก็ไม่ปรารถนาในสัญญา คือความรู้ได้หมายจำ จึงไม่มีใครสามารถที่จะติดต่อได้ เหมือนอย่างกับว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่ว่าโทรศัพท์มือถือนั้นแจ้งปิดการใช้งานไป ก่อนที่จะได้รับการเปิดใช้งานใหม่ โทรศัพท์เบอร์นั้นย่อมไม่สามารถที่จะติดต่อกับใครได้

เมื่อแสดงทัศนะมาถึงตรงนี้ ก็มีผู้กล่าวถึงเรื่องของอายตนะนิพพาน จนหมดเวลาเสียก่อน กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะแสดงความเห็นเพิ่มเติมได้ เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าหมดเวลาแล้ว เรายังไปอวดรู้อยู่ ก็อาจจะเป็นที่เบื่อหน่ายของบุคคลที่เข้าฟังการอบรมมาแล้วทั้งวัน

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนว่า เรื่องของพระนิพพานที่ว่าสูญนั้น คือสูญจากกิเลส ตัณหา อุปาทานทั้งปวง ที่ว่าว่างนั้นก็คือ ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทานทั้งปวง แต่ว่าพระนิพพานนั้นมีอยู่
ถ้าท่านทั้งหลายสงสัย ไปดูได้ใน
พระไตรปิฎก ภาษาบาลี อักษรไทย เล่มที่ ๒๕ หรือถ้านับเฉพาะ พระสุตตันตปิฎกก็เป็นเล่มที่ ๑๗ อยู่ในขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ และธัมมปทัฏฐกถา หรือว่าธรรมบทในส่วนของอุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนมากว่า
"ฯลฯ อตฺถิ ภิกฺขเว ตทายตนํ ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่" คำว่าอายตนะในที่นี้ไม่ใช่เครื่องมือในการติดต่อ แต่หมายถึงอายตนะอันเป็นที่อยู่ ก็คือสถานที่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2023 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-07-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่พระองค์ท่านตรัสต่อไปว่า ยตฺถ เนว ปฐวี น อาโป น เตโช น วาโย ก็คือ สถานที่นั้น ไม่ใช่ดิน ไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่ไฟ ไม่ใช่ลม

น อากาสานญฺจายตนํ น วิญฺญานญฺจายตนํ น อากิญฺจญฺญายตนํ น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ไม่ใช่ทั้งอากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ ซึ่งเป็นอรูปพรหม

นายํ โลโก น ปรโลโก ก็คือไม่ใช่ทั้งโลกนี้และไม่ใช่ทั้งโลกอื่น

น อุโภ จนฺทิมสุริยาไม่ใช่ทั้งพระอาทิตย์พระจันทร์ทั้งสอง

ตมหํ ภิกฺขเว เนว อาคตึ วทามิ น คตึ ก็คือไม่ใช่ทั้งที่เคลื่อนไป และที่ไม่ได้เคลื่อนไป

น ฐิตึ น จุตึ ไม่ได้ตั้งอยู่ ไม่ได้จุติ

น อุปฺปตฺตึ ไม่ได้อุบัติ คือเกิดขึ้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นอัจฉริยะมนุษย์สุดประเสริฐ อธิบายในส่วนที่เป็นปัจจัตตัง คือการรู้เฉพาะด้วยใจของตนเอง ออกมาได้ดีที่สุดแล้ว

เนื่องเพราะว่าธรรมะหรือสภาวธรรมนั้นเป็นของละเอียด ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ด้วยคำพูดหรือว่าตัวหนังสือที่เป็นของหยาบได้ ต้องสัมผัสด้วยใจของตนเอง
ที่ภาษาบาลีว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ก็คือวิญญูชนผู้ตั้งใจปฏิบัติแล้วจักรู้ได้เฉพาะตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2023 เมื่อ 03:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-07-2023, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อสภาวธรรมไม่สามารถที่จะอธิบายเป็นคำพูดหรือตัวอักษรให้ชัดเจนได้ จึงไม่ใช่สิ่งที่เราจะมาแสดงโวหารในการคิดว่า คาดว่า เนื่องเพราะว่าตัวเราทั้งหลายส่วนใหญ่แล้วก็เป็นปุถุชนผู้หนาไปด้วยกิเลส ขนาดสุดยอดพระอรหันต์อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังตรัสเอาไว้ได้เพียงแค่นี้ แล้วตัวเราเป็นใคร ? เปรียบเหมือนกับเด็กอนุบาลที่ยังไม่ทันจะสะกด ก.ไก่ ข.ไข่ บุคคลที่จบด็อกเตอร์ปริญญาเอกมาแล้ว ยังอธิบายได้แค่นี้ ถ้าท่านทั้งหลายสามารถอธิบายได้ดีกว่า ก็ประหลาดเกินไปแล้ว..!

เปรียบเหมือนอย่างกับเต่าและปลา เมื่อเต่าขึ้นไปบนบก กลับลงมาบอกกับปลาว่า บนแผ่นดินนั้นประกอบไปด้วยไม้ใบ ไม้ดอก มีหมู่สัตว์ต่าง ๆ มากมาย มีทั้งกรวดหินดินทรายเหมือนกับในน้ำ แต่ว่าก็มีสิ่งที่ไม่เหมือนอีกมากมายมหาศาล แม้กระทั่งภูเขาลูกหนึ่งก็สามารถที่จะถมลำธารนี้ให้เต็มได้ไม่รู้เท่าไรแล้ว ท่านทั้งหลายคิดว่าปลานั้นจะเข้าใจหรือไม่ว่าสภาพบนบกเป็นอย่างไร ? เนื่องเพราะว่าปลาไม่ได้ขึ้นไปสัมผัสด้วยตนเอง

จึงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เราทั้งหลายจะเอากิเลสมาชนะคะคานกัน เอากิเลสมาชนกัน หากแต่ว่าเป็นสิ่งที่เราทั้งหลายพึงจะเร่งปฏิบัติ เพื่อเข้าให้ถึงในสิ่งที่เป็นเพชรยอดมงกุฎของพระพุทธศาสนาของเรา ก็คือพระนิพพาน ขณะจิตใดที่ท่านทั้งหลายสามารถสัมผัสอายตนะนิพพานได้ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็จะเข้าใจเองว่าพระนิพพานนั้นคืออะไร

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง บอกกล่าวเอาไว้ชัดเจนที่สุด แต่ว่าบุคคลที่ฝึกมโนมยิทธินั้น ร้อยละ ๙๙ ก็เอาไปใช้ผิด..!

ทางสายธรรมกายนั้น หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญก็ดี หลวงป๋า (พระเดชพระคุณพระเทพญาณมงคล วิ.) อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามก็ตาม อธิบายเอาไว้ชัดเจนมากแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2023 เมื่อ 03:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-07-2023, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,079 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือแม้กระทั่งหลวงปู่ดู่ ซึ่งปัจจุบันนี้ลูกศิษย์สายตรงคือหลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร) วัดถ้ำเมืองนะ ท่านก็อธิบายเอาไว้อ้อม ๆ ในลักษณะที่ใช้คำว่า ภูติพระพุทธเจ้า

หรือสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สายวัดป่ากรรมฐาน ในประวัติที่เขียนโดยหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ก็กล่าวไว้ชัดว่า แม้กระทั่งตอนที่หลวงปู่มั่นปฏิบัติธรรม ก็ยังมีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์มาเยี่ยมเยือน

แล้วท่านทั้งหลายจะเสียเวลาไปถกเถียงกันในเรื่องเหล่านี้ ว่านิพพานสูญ นิพพานว่าง นิพพานไม่ใช่อายตนะ กระผม/อาตมภาพขอบอกว่าท่านทั้งหลายจะตายเปล่า โดยไม่ได้รับความดีอะไรเข้าสู่ตัวเลย..!

ท่านทั้งหลายที่ชอบใจปฏิปทาสายวัดป่าของหลวงปู่มั่น ก็เร่งปฏิบัติไปเถิด

ท่านทั้งหลายชอบใจปฏิปทาสายหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ก็ปฏิบัติตามที่หลวงตาม้าท่านสอนเถิด

ท่านทั้งหลายที่ชอบใจปฏิปทาสายธรรมกาย ก็ปฏิบัติตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่สด (พระมงคลเทพมุนี) ก็ดี หลวงปู่วีระ (พระราชพรหมเถร วิ.) ก็ดี หรือว่าพระเดชพระคุณหลวงป๋า (พระเทพญาณมงคล วิ.) ก็ตาม ท่านสอนไว้อย่างไรก็เร่งปฏิบัติตามไปเถิด

หรือถ้าท่านทั้งหลายเลื่อมในในปฏิปทาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็เร่งปฏิบัติไปตามนั้น

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายได้สร้างสมปุพเพกตปุญญตามาแต่ปางก่อน ก็สามารถที่จะสัมผัสอายตนะนิพพานได้ในวันใดวันหนึ่ง เมื่อเข้าใจได้ชัดเจนแล้ว ก็จะเกิดความศรัทธามหาศาลในพระพุทธศาสนาของเราขึ้นมาในจิตในใจเอง โดยไม่ต้องเสียเวลาไปถกเถียงกับใคร

สำหรับวันนี้ก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2023 เมื่อ 04:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว