กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-08-2009, 15:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,374 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยญาติโยมทุกท่านด้วย ที่ต้องเลื่อนวันรับสังฆทานช้าลงไป ๑ วัน เนื่องจากว่ามีงานประชุมพระนวกะประจำปี ๒๕๕๒ ของคณะสงฆ์ทองผาภูมิ ซึ่งเขากำหนดในวันที่ ๓๑ ที่ผ่านมาพอดี จึงต้องเลื่อนมารับสังฆทานในวันนี้ กลายเป็นว่าเดือนนี้รับสังฆทานวันเสาร์ที่ ๑ วันอาทิตย์ที่ ๒ และวันจันทร์ที่ ๓ สิงหาคม ถือว่าเป็นข้อผิดพลาด แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายคงจะให้อภัย เพราะว่าเป็นเรื่องจำเป็นจริง ๆ

งานคณะสงฆ์เป็นเรื่องของส่วนรวม แสดงออกซึ่งความสามัคคีกลมเกลียวในหมู่สงฆ์ด้วยกัน จำเป็นที่จะต้องไปร่วมงาน โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรา ในปีนี้มีพระบวชใหม่มากกว่า ๓๐ รูป อย่างไรเสียก็ต้องไปร่วมงาน

สำหรับวันนี้เมื่อญาติโยมทั้งหลายนั่งกรรมฐานแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้คือลมหายใจเข้าออก เพราะเป็นพื้นฐานใหญ่ ให้ทุกคนหายใจเข้าออกยาว ๆ สักสองสามครั้ง เพื่อระบายลมหายใจหยาบออกไปเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยกำหนดรู้ลมหายใจไปตามปกติ หายใจเข้ากำหนดรู้ตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกกำหนดรู้ตามลมหายใจออกมา เมื่อกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็ให้ตั้งใจแผ่เมตตาออกไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า ตั้งกำลังใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วทั้งโลก

ในวันนี้มีญาติโยมหลายท่านด้วยกันได้ถวายหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ที่กำลังระบาด การที่ญาติโยมทั้งหลายตื่นตัวในเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากว่าไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ นี้นอกจากจะระบาดได้ง่ายแล้ว ถ้าหากรักษาไม่ทัน โอกาสที่จะเสียชีวิตยังมีสูงอีกด้วย แต่ว่าความตื่นตัวอย่าให้เป็นความตื่นกลัว เพราะว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยทุกประเภท เกิดจากเศษของกรรมเก่าที่เราสร้างมาในชาติก่อน ๆ เมื่อถึงวาระที่ผลกรรมนั้นจะสนองในชาตินี้ ผลกรรมเหล่านั้นก็จะแสดงผลทันที ต่อให้ป้องกันขนาดไหนก็ตาม ถ้าวาระมาถึงจริง ๆ ท้ายสุดฝ่ายป้องกันก็ต้องพลาดจนได้ ฝ่ายที่ตามสนองอยู่ก็จะได้โอกาสแสดงผลของกรรมนั้น ๆ

ดังนั้น..การป้องกันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรที่จะกลัวจนเกินไป ถ้าหากรู้จัก "พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส" เราก็มาพิจารณาดูว่า ในเรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นธรรมดาของร่างกายนี้ เมื่อมีร่างกายขึ้นมา ถ้าหากเราบริหารดูแลมันไม่ดี ความเจ็บป่วยก็จะมาเยือนบ่อย โดยเฉพาะถ้าเศษกรรมเก่ามีมากแล้ว ก็ยิ่งเจ็บป่วยบ่อยกว่าคนอื่นเขา ขึ้นชื่อว่าร่างกายที่เต็มไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ เรายังมีความปรารถนาหรือไม่ ถ้าหากว่าเราต้องตายลงไปเพราะไข้หวัด ๒๐๐๙ นี้ เราพร้อมแล้วหรือไม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2009 เมื่อ 13:59
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-08-2009, 15:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,374 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายรู้จักพิจารณา เห็นธรรมดาว่าเกิดมาแล้วก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ และมีความตายเป็นที่สุดแห่งปกติเหมือนกัน ถ้าเห็นดังนั้นญาติโยมทั้งหลายก็จะมีใจที่สงบ ไม่แตกตื่น ไม่ตื่นกลัว ระมัดระวังป้องกันตามหน้าที่ของเราสุดความสามารถ ถ้าหากระมัดระวังแล้วยังเจ็บป่วยอยู่ ก็ถือว่าเป็นกฎของกรรม ถึงแม้จะเป็นกฎของกรรม ก็อย่าทิ้งไว้เฉย ๆ เราก็ต้องรีบเร่งไปหาหมอ เป็นหน้าที่ของหมอที่ต้องดูแลรักษาเรา ถ้ากรรมเก่าไม่ได้หนักมากนัก ก็จะรักษาหายได้ง่าย ถ้ากรรมเก่ามีมาก อาจจะถึงแก่ชีวิตไปเลย

ดังนั้น..ในเมื่อเราเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ โลกนี้มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อน เราไม่มีความปรารถนาที่จะเกิดมามีร่างกายนี้อีก เราไม่มีความปรารถนาที่จะเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้อีก ถ้าเช่นนั้นเราควรที่จะไปที่ไหน คำตอบก็จะได้ว่าเราควรจะไปพระนิพพาน เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

การจะไปนิพพานนั้นไปอย่างไร ? เราก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพในพระธรรมจริง ๆ เคารพในพระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ข้อต่อไปก็คือต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำการละเมิดในศีล ท้ายที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ธรรมดาของร่างกายนี้เป็นอย่างนั้น มันก้าวไปหาความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หายใจออก....ไม่หายใจเข้ามันก็ตาย หายใจเข้า....ไม่หายใจออกมันก็ตาย ความตายมีอยู่กับเราเป็นธรรมดา ในเมื่อมันจะตาย มันจะพังก็ช่างเถิด เราดูแลมันอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้ารักษาไว้ไม่ได้เราก็ส่งร่างกายคืนโลกนี้ไป เพราะว่าร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลกไม่ใช่สมบัติของเรา เรามาอาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมที่สร้างไว้ชั่วคราวเท่านั้น เราเอาจิตใจของเราเกาะพระนิพพานไว้ดีกว่า

เมื่อเป็นดังนี้เราก็กำหนดใจให้นึกถึงภาพพระ ให้สว่างไสวชัดเจนอยู่บนศีรษะของเรา หายใจเข้าให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจเข้าไปในร่างกาย หายใจออกให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจออกมา หายใจเข้าให้ภาพพระใหญ่ขึ้นสว่างขึ้น หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้นสว่างขึ้นก็ได้ หรือหายใจเข้าให้ภาพพระเล็กลง หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้นก็ได้ อยู่ที่ว่าเราชอบที่จะกระทำแบบไหน จากนั้นให้กำหนดความรู้สึกว่า พระพุทธเจ้านั้นพระองค์ท่านไม่ได้อยู่ที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน เมื่อเราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เมื่อเราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน

เมื่อเป็นดังนี้แล้วก็เอาจิตจดจ่ออยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่กับความสว่างไสว สะอาด สงบ เยือกเย็นนั้น อยู่กับพระนิพพานตรงหน้าของเรานั้น ถ้าหากยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ กำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ลมหายใจออกตามสภาพของมัน ถ้ายังภาวนาอยู่ก็ให้กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าหากว่าไม่มีคำภาวนาหรือว่าไม่มีลมหายใจก็ให้กำหนดรู้ว่ามันไม่มีคำภาวนา มันไม่มีลมหายใจ กำหนดตามดูตามรู้อยู่อย่างนี้ โดยตั้งใจว่าถ้ามันต้องตายลงไปตอนนี้ เราขอมาอยู่ที่นี่ที่เดียวคือพระนิพพาน เอาใจจดจ่อแน่วแน่ไว้อย่างนี้ จนกว่าจะหมดเวลาและได้ยินสัญญาณบอกว่าให้เลิกได้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กท้ายแถว : 08-08-2009 เมื่อ 18:10
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว