#1
|
||||
|
||||
เก็บตกงานทอดผ้าป่าสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวง วันพุธที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔
วันนี้เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันสวรรคตปีที่ ๕ ทางราชการก็เปิดโอกาสให้พสกนิกรได้ร่วมบุญกุศล ด้วยการจัดผ้าป่าสมทบทุนกองทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งมอบหมายให้ทางคณะสงฆ์ดำเนินการ
แรก ๆ กระผม/อาตมภาพก็คัดค้าน คัดค้านเพราะคำว่า "กองทุนเล่าเรียนหลวง" ความหมายเป็นไปได้แค่ ๒ ประการเท่านั้น ประการแรกก็คือ ได้รับเงินทุนจากในหลวง ประการที่ ๒ ก็คือ เป็นงบประมาณที่ทางราชการจัดสรรปันส่วนมาให้ เพราะคำว่า หลวง ในความเข้าใจของญาติโยมทุกคน ถ้าไม่ใช่ในหลวง ก็คือราชการ เมื่อโดนคัดค้านไปสองรอบในที่ประชุม ก็เลยทำให้มหาเถรสมาคมต้องกลับไปเปลี่ยนใหม่ กระผม/อาตมภาพภูมิใจเหมือนกันที่ "งัด" เจ้านายได้สำเร็จ เปลี่ยนเป็นว่า "ร่วมทอดผ้าป่าสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวง" ลื่นไปจนได้..ใช่ไหม ? ในส่วนของทองผาภูมินี้ กระผม/อาตมภาพได้รับมอบหมายจากท่านเจ้าคณะอำเภอ ก็คือ หลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ ให้เป็นประธานดำเนินการมาทุกปี แต่ว่าปีนี้มีปัญหาตรงที่ว่า เจ้าคณะใหญ่หนกลางเป็นรูปใหม่ เจ้าคณะใหญ่ไม่ยินดีที่เห็นรองเจ้าคณะอำเภอทำหน้าที่นี้ ก็เลยมีบัญชาลงมาว่า ให้เจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอเป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่ แต่ว่าญาติโยมของทองผาภูมิรู้กันทั่วหมดแล้วว่า วัดท่าขนุนจะจัดทอดผ้าป่าสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวง เราก็เลยต้องดำเนินการไปตามปกติ เพียงแต่ว่าเมื่อได้เงินมาแล้วก็เอาไปร่วมกับทางจังหวัดอีกทีหนึ่ง คาดว่าทางจังหวัดคงจะยินดี เพราะว่ายอดที่เพิ่มเติมขึ้นมา ก็ต้องบอกว่าเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดเราเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 11:41 |
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
คราวนี้ในเรื่องของสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวง เท่ากับว่าท่านทั้งหลายได้บุญธรรมทานไปเต็ม ๆ เพราะว่ากองทุนเล่าเรียนหลวง เป็นกองทุนสำหรับพระภิกษุสามเณรที่เรียนบาลี แล้วก็เรียนปริยัติสามัญ ก็คือ ปริญญาตรี โท เอก
ท่านเริ่มแจกตั้งแต่รุ่นที่กระผม/อาตมภาพเริ่มเรียนปริญญาตรี ตอนที่เรียนปริญญาตรีคือ ปี ๒๕๔๙ เหลือเชื่อไหมว่าจบด็อกเตอร์ตอนไหน ? อาตมาเรียนปริญญาตรีสองปีครึ่ง เรียนปริญญาโทหนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือน เรียนปริญญาเอกสองปีครึ่ง ใช้เวลาไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ตอนนั้นอาตมภาพได้สองทุน ก็คือทุนเรียนเก่งกับทุนทางไกล ก็คือ ต้องเดินทางไปไกลมาก เพื่อไปเรียนที่วัดไร่ขิง ปรากฏว่าไม่ได้สักบาท...! ทั้ง ๆ ที่เซ็นรับไปเรียบร้อยแล้ว มีเหตุผลจากผู้ที่เอาเงินมาส่งบอกว่า "วัดท่าขนุนรวยแล้ว ไม่ต้องเอาหรอก" ส่วนของพระครูแสง (พระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล) พระน้องชาย ท่านได้ทุนทางไกล ๑ ทุน ๒๐,๐๐๐ บาท แต่เหลือถึงมือแค่ ๑๕,๐๐๐ บาท ไม่รู้โดนชักไปตอนไหน ๕,๐๐๐ บาท...! อาตมาก็เลยหวาดเกรงว่า ถ้าไม่ใช่ฆราวาสทำ แต่เป็นพระทำ..ได้มีหวังปาราชิกกันบ้าง เพราะว่ากินกันกระจายซะขนาดนี้..! ฉะนั้น...กองทุนเล่าเรียนหลวงนี่น่าภูมิใจมากว่า กระผม/อาตมภาพเป็นนักเรียนทุนรุ่นแรกเลย และเซ็นรับไปทั้งสองทุนด้วย แต่ว่าไม่ได้เงินสักบาทเดียว เจ็บใจขึ้นมาก็เลยทอดผ้าป่าสมทบไปเยอะ ๆ เขาจะได้ไปกินกันต่อ...! พูดแบบนี้ประชดชีวิตชัด ๆ โบราณท่านว่า หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว เคยเห็นหมากินอะไรอิ่มไหม ? พักเดียวก็มาขอกินใหม่ หุงข้าวประชดหมาก็หาเรื่องสิ้นเปลืองชัด ๆ ปิ้งปลาประชดแมวก็พอ ๆ กัน ไม่เหลือหรอก แมวกินเกลี้ยง ฉะนั้น...ภาษาโบราณนี้พวกเราต้องเข้าใจไว้บ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 11:44 |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ตอนอาตมภาพเรียนภาษาอังกฤษช่วงปริญญาเอก โดนท่านอาจารย์หักหลัง ก็คือที่เรียนมาท่านอาจารย์ไม่เอามาออก ท่านอาจารย์ให้แปลคำพังเพยไทยเป็นภาษาอังกฤษ โห...คำพังเพยไทยนี่ คนไทยบางคนยังแปลไม่ออกเลยว่าคืออะไร
งมเข็มในมหาสมุทร พระอาจารยเล็กแปลว่า "Mission Impossible." ท่านอาจารย์ชอบใจใหญ่เลย เพราะงมเข็มในมหาสมุทรเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะหาเจอ..ใช่ไหม ? หมาเห่าใบตองแห้ง "No action, Talk only." ท่านอาจารย์บอกว่า ต้องคนที่เข้าใจคำพังเพยจริง ๆ จึงจะแปลได้ แล้วก็ตั้งอาตมาเป็นที่ปรึกษาในการออกหนังสือเล่มนี้ ก็คือหนังสือแปลคำพังเพยไทยเป็นภาษาอังกฤษ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2021 เมื่อ 18:08 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวมาก ๆ เลยก็คือ นายกรัฐมนตรีเปิดประเทศ รับประกันว่าจะได้โควิดสายพันธุ์ใหม่ ๆ มาอีกเยอะเลย ความจริงเราน่าจะภูมิใจนะ เรามีสายพันธุ์ไทยเป็นของตัวเองแล้ว..! แต่จะได้สายพันธุ์อื่นมาเพิ่มด้วย
ภายในสองปีนี้ห้ามการ์ดตกเด็ดขาด ไปไหนก็ต้องรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ อย่าอยู่ในที่ชุมชนแออัด เนื่องเพราะว่ากว่าที่ร่างกายเราจะคุ้นเคยและมีภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมา เป็นเรื่องที่ยาก เราจะสังเกตว่าต่อให้ไม่ใช่โควิด ๑๙ เราก็เป็นหวัดปีหนึ่งหลายครั้งอยู่แล้ว ยิ่งถ้าใครเป็นโรคภูมิแพ้ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเป็นง่ายขึ้น แต่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ น่าสงสารมาก มาถึงเมืองไทยไร้พิษสงไปเยอะเลย พอถึงคอไม่ทันจะเข้าปอด คนก็ไปกินส้มตำซะตายเกลี้ยง..! อีกคนหนึ่งไม่กินส้มตำ พอถึงเวลาซดต้มยำกุ้งลงไป..ตายเรียบอีก..! อีกรายหนึ่งไม่กินส้มตำ ไม่กินต้มยำ ไปกินผัดกระเพรา โควิด ๑๙ ก็ม่องเท่งอีกตามเคย สรุปว่าภายในสี่วันแรกกินของพวกนี้ลงไปเถอะ เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ตายหมด ไม่ต้องไปกลัวหรอก ถึงไม่ฉีดวัคซีนก็อยู่ได้ แต่ถ้าฉีดวัคซีนสามารถปลอบใจตัวเองได้ คืออย่างน้อย ๆ เหมือนอย่างกับว่าเรามีเกราะป้องกันตัวอยู่ ถึงโดนแทงก็เข้าไม่ลึกนัก ก็คงไม่ถึงตายใช่ไหม ? หรือว่าเลือดตกในตายเหมือนกัน ...(หัวเราะ)... ฉะนั้น...ในส่วนนี้พวกเรายังต้องระมัดระวังกันเป็นปี ๆ รอให้คนรอบข้างเราเป็นกันครบทุกคนก่อน แล้วเราก็จะมีภูมิคุ้มกันเอง แต่อย่ารอให้เราเป็นก่อน แล้วคนอื่นได้ภูมิคุ้มกันไป ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2021 เมื่อ 10:14 |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ทองผาภูมิระยะนี้ระบาดมาก โดยเฉพาะแพร่มาจากทางด้านชายแดน เพราะว่าอยู่ติดกับสังขละบุรี และพี่น้องมอญพม่านี่ถึงเวลาก็โทรหากัน คิดถึงกันมาก ต้องไปหากันทุกวัน เจอหน้ากันเมื่อไรก็ "เอาโควิดมาฝาก" แล้วพวกนี้เขาไม่กลัว เพราะเขารู้ว่าเดี๋ยวเราก็รักษาให้เขา..!
อย่างวัดท่าขนุนแจกอาหารอยู่ทุกวัน อย่างของท่านนายกฯ ประเทศก็ ATK กี่ชุดไม่รู้ ? ไปตรวจให้เขา ตรวจทีหนึ่ง ๕๐๐ คน เจอไปที ๕๐-๖๐ คน โห..สิบเปอร์เซ็นต์ของที่ตรวจเลยนะ ตรวจ ๒๐๐ คน เจอ ๓๐ คน จะประสาทกิน..! งบประมาณไม่ควรที่จะสูญเสียเลย ถ้าเรารู้จักระมัดระวังตัวเอง แต่บรรดาพี่น้องมอญพม่าเขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าเขาเป็น..เราไม่ปล่อยให้เขาตายหรอก เขาก็เลยสบายใจที่จะแพร่เชื้อกันต่อไป ไม่รู้จะว่าอย่างไร ถ้ามารักษาที่ท่าขนุนก็อาจจะมี "การเบิร์ดกะโหลก" ให้ได้สำนึกกันไปบ้าง..! แต่คราวนี้เขาไม่ยอมให้เข้าไปในโรงพยาบาลสนามอีก ขนาดหลวงพ่อเขายังให้อยู่แค่ตรงหน้ากระจกแล้วชะโงกหน้าไปดูแค่นั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2021 เมื่อ 10:16 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ฉะนั้น...เราระมัดระวังรักษาตัวเองไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการชุมนุม ช่วงนี้จะเป็นช่วงตักบาตรเทโวและกฐิน ทางวัดขออนุญาตสงวนสิทธิ์ ใครที่มาร่วมงานถ้าไม่ใส่หน้ากากอนามัยนี่ไม่ให้เข้าวัดเลยนะ เข้ามาแล้วจะมี อสม. คอยคัดกรอง และถ้าเป็นไปได้พยายามเว้นระยะกันหน่อยหนึ่ง
เรื่องของธรรมเนียมประเพณี โดยเฉพาะกฐิน เกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัยด้วย ไม่สามารถที่จะเลี่ยงได้ แต่เราต้องพยายามจัดในลักษณะที่ให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เป็นเรื่องแปลกมากที่ทางราชการออกข้อกำหนดมาบังคับพระ บังคับวัดตลอด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเจอคลัสเตอร์ที่ระเบิดจากในวัดแบบจริงจังสักที มีแต่บาร์ ผับ วงเหล้า วงการพนันที่เกิดเหตุ แต่บังคับพระไว้ก่อน..สบายใจ ถ้าบังคับพระได้ ไปบังคับโยมคงไม่ยาก คิดผิดเสียแล้วแบบนั้น..! พระเราเหมือนกับลูกเมียน้อยนะ เมียน้อยคนสุดท้ายเลยด้วย ก็ต้องทนรับความขมขื่นกันต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2021 เมื่อ 10:17 |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
วันนี้ต้องเจริญพรขอบคุณท่านนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ ก็คือท่านประเทศ บุญยงค์ ท่านนายกเทศมนตรีตำบลท่าขนุน ท่านจิตรกร ว่องประเสริฐ ผู้นำชุมชนของเรา ไม่ว่าจะเป็นป้าตุ่น (บุญสนอง บุญยงค์) ป้ามอญ (พนอ จันทจิตร) แล้วก็แม่มณี (มณี เทพวงษ์) ช่วยกันพร้อมใจกัน ทำกิจกรรมเพื่อในหลวงรัชกาลที่ ๙
ระยะนี้ถ้าใครเปิดไลน์ เปิดโทรทัศน์ ดูเฟซบุ๊ก จะมีแต่เนื้อหาที่ชวนให้รำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทั้งนั้น แต่เป็นที่น่าเสียดายมาก คนไทยเรารักในหลวงรัชกาลที่ ๙ แต่รักแบบบูชา ก็คืออยู่ในลักษณะกราบไหว้บูชาเป็นเทพเป็นเทวดาไปเลย แต่ไม่ได้รักแบบที่ตั้งใจปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์ท่านสอน ตรงจุดนี้เป็นข้อบกพร่องของเรามาก ต้องบอกว่ารักในหลวงในทางที่ผิด สิ่งที่พระองค์ท่านต้องการที่สุด ก็คือพวกเราทั้งหลายปฏิบัติตาม โดยเฉพาะในส่วนของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อาละวาดนี่เห็นอย่างชัดเจน คนทองผาภูมิของเราส่วนใหญ่แล้วไม่เดือดร้อน ที่ไม่เดือดร้อนคือไม่เดือดร้อนเรื่องการทำมาหากิน เพราะว่าส่วนใหญ่มีไร่มีสวนเป็นของตนเอง และในขณะเดียวกัน ท่านที่ยังค้าขายอยู่ในตลาด ก็ยังมีไร่มีสวนสำรองอยู่ ถึงแม้จะต้องปิดร้านไปสักระยะหนึ่ง ก็ไปอยู่ในไร่ในสวนของตนเองได้ ส่วนพี่น้องมอญพม่านั้นไม่ต้องห่วงเลย รวยกว่าเราอีก เพราะว่าขยันหมั่นอดออม ได้เงินมาก็ซื้อทองเก็บทันที ตำราเขาบอกว่าตามหลักแล้วเราต้องเก็บออมประมาณ ๒๐-๒๕ เปอร์เซ็นต์ของเงินได้ ก็คือ ๑๐๐ บาท เก็บ ๒๐ บาทหรือ ๒๕ บาท แต่พี่น้องมอญพม่านี่น่าจะเก็บถึง ๘๐ บาท..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2021 เมื่อ 10:23 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
เพราะว่าตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ ที่อาตมภาพมาทองผาภูมิ เจอพี่น้องมอญพม่าในระยะนั้น ยิ่งซื้อทองหนักกว่าสมัยนี้อีก เพราะว่าสมัยนั้นเงินของพม่าไม่แน่นอนเลย พร้อมที่จะโดนรัฐบาลยกเลิกได้ตลอดเวลา พี่น้องมอญพม่าก็เลยชินกับการเก็บทองคำไว้ ทำให้เป็นผู้เคยชินที่มีเศรษฐกิจดี
เพราะฉะนั้น..ถ้าเห็นพี่น้องมอญพม่าทำตัวจน ๆ จริง ๆ นั่นผ้าขี้ริ้วห่อทองทั้งนั้น พวกเราลองสังเกตว่ากิจการในตลาดทองผาภูมิ พี่น้องมอญพม่าค่อย ๆ กินไปทีละร้านสองร้าน ขยายออกมาเรื่อย ตัวอยู่ในศูนย์ บ้านอยู่ในศูนย์ แต่มีร้านค้าอยู่ในตลาด เช่าตึกแถวอย่างหรูเลย ระวังเอาไว้ว่า ถ้าเรายังไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบหรือว่าทำตนในลักษณะพอเพียงแบบในหลวงรัชกาลที่ ๙ สอนเราเอาไว้ อีกไม่นานลูกหลานของเราจะกลายเป็นลูกน้องของเถ้าแก่ที่เป็นมอญเป็นพม่ากันหมด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2021 เมื่อ 10:25 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
สมัยที่อาตมภาพเป็นเด็ก ๆ สมัยนั้นพ่อแม่มาจากเมืองจีน ไม่กี่ปีหลายครอบครัวกลายเป็นเถ้าแก่ เป็นเจ้าของร้าน เป็นหลงจู๊ แล้วท้ายสุดก็มายึดกุมเศรษฐกิจต่าง ๆ ไปจนหมด สมัยนี้ลองไปดูเศรษฐกิจหลัก ๆ ไม่ต้องอะไรมากมายหรอก ที่ร่ำรวยเป็นแสน ๆ ล้านอย่างซีพี ถามดูสิ..รุ่นเดียวเท่านั้นแหละ รับประกันได้ว่าเจอ "แซ่" แน่นอน
หรือไม่ก็ตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อสุรา หรือบรรดาตระกูลต่าง ๆ ที่เป็นนายธนาคาร เชื้อสายจีนทั้งนั้น นั่นคือความขยันของคนรุ่นเก่า ทำอย่างไรที่พวกเราจะสอนลูกหลานของเราให้รู้จักความลำบาก รู้จักเริ่มต้นอย่างมั่นคง ไม่ใช่เริ่มกิจการด้วยการก่อหนี้ กิจการที่เริ่มด้วยการก่อหนี้ เป็นเศรษฐศาสตร์ของฝรั่ง อาตมาจะบอกความลับให้ว่า ปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาตายแน่ มีทางเดียวที่จะรอดตายก็คือต้องทำสงคราม เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเศรษฐกิจอเมริกาไปไม่รอด พิมพ์เงินขึ้นมาแบบไม่บันยะบันยัง พอเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เกิดขึ้น เงินนั้นไม่สามารถหมุนเวียนไปลงทุนได้ ต้องบอกว่าตอนนี้กำลังจะสำลักเงินตาย มีวิธีเดียวที่ผ่องถ่ายให้เงินหมุนเวียนได้ ก็คือต้องหาเรื่องก่อสงครามและต้องไปรบที่นอกบ้านตัวเอง แต่สมัยนี้คนเราฉลาด อยากจะก่อสงครามก็ก่อไปคนเดียว เราจะเห็นว่าประเทศจีนโดนยั่วยุทุกอย่าง แต่พยายามอดทนไว้ เพราะถ้าก่อสงครามเมื่อไรก็เข้าทางเมื่อนั้น ถ้าจีนกัดฟันทนไปสักสามปี อเมริกาจะเหี่ยวตายเอง เพราะว่าระบบเศรษฐกิจพังหมด ส่วนอาตมาไม่ต้องห่วง เงินดอลลาร์อาตมาแลกเป็นเงินไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ถือดอลลาร์แล้ว ไม่ได้รังเกียจ แต่ปลอดภัยไว้ก่อน ฉะนั้น...ในส่วนที่ยังมาไม่ถึง อาตมาพูดไปคนก็ว่าฟุ้งซ่าน บอกให้พี่น้องระวังน้ำท่วม ตอนนั้นน้ำยังไม่มีเลย ตอนนี้ท่วมกันแทบตาย เรื่องบางอย่างบอกก่อนก็เหมือนกับบอกคำตอบให้โดยที่ยังไม่มีโจทย์ให้เห็น คนก็จะรู้สึกว่าไม่ใช่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2021 เมื่อ 12:10 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ในส่วนนี้ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าเราอยู่ในวิถีพอเพียง ถ้าเป็นโบราณก็แบ่งเงินเป็นสี่ส่วน
ทรัพย์มีสี่ส่วนไซร้..............ปูนปัน ภาคหนึ่งพึงเกียดกัน...........เก็บไว้ สองส่วนคิดควรผัน.............การกิจ งานนา เหลืออีกส่วนควรใคร่...........ไว้ใช้ ยามจน ถ้าพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดๆ ว่า อันดับแรก...ใช้หนี้เก่า ก็คือเลี้ยงดูพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา ท่านเปรียบเสมือนกับเจ้าหนี้ ข้อที่สอง...เป็นเจ้าหนี้ใหม่ เลี้ยงดูลูกหลานญาติพี่น้องของตนเองให้ดี ข้อที่สาม...ทิ้งใส่เหว ไปแล้วไปเลย ก็คือบริโภคใช้สอย กินใช้ตามปกติ อันที่สี่....ฝังดินไว้ อย่าไปฝังดินให้ปลวกกินนะ ท่านบอกว่าให้สร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ เหมือนกับฝังทรัพย์เอาไว้ จะใช้เมื่อไรก็ขุดขึ้นมา ก็คือลักษณะอย่างที่พวกเรามาทำบุญกันในวันนี้ ก็คือฝังดินไว้ ฝังอริยทรัพย์ของเราเอาไว้ เป็นสิ่งเดียวที่สามารถติดตัวเราข้ามชาติข้ามภพไปได้ ของอื่นเอามาเราต้องทิ้งคืนให้กับทางโลก ทรัพย์สินที่ดินเงินทองมีเท่าไร ปล่อยให้ลูกหลานทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงกันไป ตัวเราที่เอาไปได้จริง ๆ ก็คือต้นทุนบุญกุศลที่ได้ทำเอาไว้ ทำไว้มากก็สบาย เหมือนกับคนมีเสบียงพร้อม เดินทางไกลแค่ไหนก็ไม่หวั่น ทำไว้น้อยก็ลำบาก เพราะว่าในโลกหน้านั้นเราพึ่งพาใครไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2021 เมื่อ 12:11 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
เนื่องจากบุญกุศลเป็นสมบัติเฉพาะ ของใครของคนนั้น ไม่สามารถแบ่งปันกันได้ หลายคนอาจจะเคยศึกษาเรื่องราวของคนตาย ตนเองไม่เคยสร้างบุญสร้างกุศล ไม่เคยใส่บาตรไว้ เห็นคนอื่นเขามีกิน หิวขึ้นมา..ไปขอเขาก็ให้ แต่พอเขาส่งให้มาถึงมือตนเองก็หายหมด ไม่สามารถที่จะให้กันได้ในโลกหน้า
เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ ถ้าต้องเกิดใหม่นอกจากที่จะช่วยให้เราสบายแล้ว ผลของ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่เราได้ทำเอาไว้นั้น เมื่อถึงเวลาแล้วยังส่งผลสูงสุด คือให้เราหลุดพ้นกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด มาลำบากกันอีก พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. งานทอดผ้าป่าสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวง วันพุธที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2021 เมื่อ 12:12 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|