กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 05-12-2018, 21:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปัจจุบันนี้คนพม่าที่อาตมารู้จักมีรถกระบะทุกคน คนไทยยังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่เลย เมื่อสามวันก่อน "มะ" กลับไปงานกฐินทางบ้าน เขาไปตั้งแต่ช่วงกฐิน แต่เพิ่งเอารูปมาอวด รถกระบะแหกโค้งตกข้างทางเละทั้งคัน..! ปรากฏว่าสามคนพ่อแม่ลูกไม่เป็นอะไร ไม่มีแม้แต่รอยแมวข่วน เขาบอกว่าพวกเขาคลานออกจากรถ เหมือนหนูออกจากรูเลย เพราะว่าตกเหวลงไป

ถามว่าแขวนวัตถุมงคลอะไร ? "ของวัดท่าขนุน" ก็แสดงว่าวัตถุมงคลของวัดท่าขนุนดี ตกเหวไม่เป็นอะไร อาตมามั่นใจอยู่อย่างว่า ถ้าตกเหววัตถุมงคลไม่เป็นอะไร ส่วนอย่างอื่นแล้วแต่ดวง...!

มะแขวนพระไว้หลายองค์ องค์ที่อาตมาเหลือบไปเห็นถนัดมากที่สุดก็คือพระนาคปรก ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตี วัดท่าขนุน ไม่ต้องวิ่งไปหาพระนาคปรกหรอก น่าจะหมดไปนานแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 03:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 05-12-2018, 21:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร “เดี๋ยววันที่ ๗ จะเอาแบบแผ่นใหญ่ไปเข้าพิธีที่วัดสี่แยกเจริญพรหรือไม่ก็วัดไร่แตงทอง ไม่รู้ว่าเขาจัดที่ไหน เริ่มพุทธาภิเษกตอน ๔ โมงเย็น แจ้งท่านอาจารย์เทพไปแล้วว่าขอฝากเข้าพิธีด้วย

ถ้าหากว่ารอจนกระทั่งเสาร์ ๕ จะไม่ทัน ญาติโยมมีความต้องการกันมาก แบบแผ่นใหญ่น่ารักมาก อาตมาพกติดตัวอยู่ เหมือนบัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มเลย”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 03:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 05-12-2018, 22:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกทหารส่วนใหญ่เขาต้องการวัตถุมงคลประเภทยิงไม่ออก หรือยิงออกแต่ไม่เข้า หรือยิงออกแต่ไม่ถูก บังเอิญทางทหารกะเหรี่ยงเขาไปใช้แล้วได้ผล อาตมาเองก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก น่าจะเป็นพระสงเคราะห์เขานั่นแหละ พาให้อาตมาเหนื่อยเพิ่มขึ้นเยอะ"

ถาม : พวกกะเหรี่ยงคริสต์เขาพกของเราไหมครับ ?
ตอบ : พวกกะเหรี่ยงคริสต์ส่วนใหญ่เขาพกของแต่เขาไม่ให้ดู ใส่ ๆ ไว้ตามสายคาดเอว เพราะว่าเป็นคริสต์ไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 05-12-2018, 22:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หมอพิพิธพรไปทำวิจัยมาว่า การดื่มน้ำร้อนทำให้ผอม มิน่า..อาตมาถึงอ้วนยากอ้วนเย็น หลักการก็คือ คนเราพอออกกำลังกาย ร่างกายจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงระดับหนึ่งก็เริ่มผลาญแคลอรี่

การกินน้ำร้อนหมอเขาบอกว่า ถ้าจิบยาว ๆ ร่างกายเริ่มร้อนขึ้นก็จะอยู่ในสภาวะการผลาญแคลอรี่แบบหลอก ร่างกายก็รีบผลาญใหญ่เพราะนึกว่าต้องใช้พลังงาน ที่ไหนได้..แค่นั่งซดน้ำร้อนเท่านั้น

มีโยมคนหนึ่งคือคุณชนินทร ไปลองอยู่ ๑ เดือน บอกว่าลดไป ๑๐ กว่ากิโลกรัม แต่นั่นเขามีให้ลดเยอะนะ อย่างพวกเราถ้าไปลด ๑๐ กว่ากิโลกรัมแล้วจะเหลืออะไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 05-12-2018, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกิน หลังบ่ายสามไปแล้วไม่จำเป็น ไม่ต้องกินก็ได้ ส่วนใหญ่ที่อ้วนเพราะว่าไปกินมื้อค่ำ แถมยังนอนดึก ต้องกินมื้อดึกเพิ่มไปอีก วัดท่าขนุนสองทุ่มนี่หายเงียบเข้ากุฏิกันแล้ว อยู่ต่อไม่ได้เดี๋ยวหิว รีบนอนสงวนพลังงานเอาไว้ มีปานะให้หลังทำวัตรค่ำ ๑ แก้วต่อรูป หรือไม่ก็นมเปรี้ยวเป็นขวดเล็ก ๆ อาตมาก็ฉันไม่เป็น ได้แต่นั่งมอง

ห้ามถวายน้ำชา ห้ามถวายกาแฟ ห้ามถวายของที่เป็นเครื่องดื่มชูกำลัง พวกนี้ฉันแล้วนอนไม่หลับ มักจะไปหลับเอาตอนที่เขาตื่นขึ้นมาสวดมนต์ทำวัตรกัน อาตมาก็เลยสั่งห้ามไปเลย ไม่อย่างนั้นชอบกันนัก สงสัยว่าพระท่านทำอะไรกันนักหนา ถึงต้องฉันยาชูกำลังกันขนาดนั้น

โรงพยาบาลสงฆ์เขาส่งรายงาน มีพระรูปหนึ่งตับแข็งตาย สืบประวัติย้อนหลังไปไม่เคยแตะต้องอะไรที่เป็นแอลกอฮอล์เลย เพียงแต่ฉันยาชูกำลังวันหนึ่ง ๖-๘ ขวด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 06-12-2018, 18:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ไปพุทธาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วาระ ๒๕๐ ปีกรุงธนบุรี รู้ไหมว่าเขาออกเนื้อละ ๔๙๙ องค์ แล้วพระอาจารย์เล็กออก ๑๐,๐๐๐ องค์ ลองคิดดูแล้วกันว่ายอดต่างกันแค่ไหน ? ๔๙๙ องค์ จะเหยียบกันตาย ไม่เป็นไรหรอก...อาตมาได้มา ๓๐-๔๐ องค์ เดี๋ยวเอามาลงในตู้ เขาจำหน่ายเท่าไรก็ช่าง ของเราก็ ๑๐๐-๒๐๐ บาทเหมือนเดิม

ปลุกเสกครั้งนี้สบาย กำหนดใจขึ้นไปกราบพระขออาราธนาท่านเพื่อช่วยพุทธาภิเษก ท่านชี้ไปโน่น...เจ้าของเขามี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท่านเป็นพระแท้ไปแล้ว พระท่านก็เลยให้ท่านลงมาเสกเอง ตอนแรกอาตมาก็คิดว่าด้วยอารมณ์ระดับของท่าน ก็น่าจะมาทางประเภทมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี ปรากฏว่ามาสักพักหนึ่งทำไมอันนี้แปลก ๆ ? มีประเภทเมตตาค้าขายอะไรตามมาด้วย ท่านบอกสมัยนี้คนหากินยาก ต้องช่วยสงเคราะห์เขาหน่อย

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านไม่ได้ตั้งใจจะเป็นกษัตริย์ ไม่ได้ตั้งใจกู้แผ่นดิน เพียงแต่ตกกระไดพลอยโจน พวกเราจะเห็นว่าเมื่อพระองค์ท่านกู้แผ่นดินได้แล้ว ก็สละให้กับในหลวงรัชกาลที่ ๑ แล้วก็ไปบวช สถานที่จำพรรษาของท่านก็คือที่ถ้ำของวัดเขาขุนพนมที่นครศรีธรรมราช อาตมาตามไปดูถึงพื้นที่มาแล้ว ต้องบอกว่าท่านหาที่ได้สุดยอดมาก ลงไปใต้ดิน พอลงไปเสร็จแล้วก็มีทางเหมือนทางหมาลอดคลานเข้าไป ยาวหลายเมตรกว่าจะไปถึงโถงถ้ำใหญ่ข้างใน"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 06-12-2018, 18:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ท่านหาทางแบบนั้นเพราะว่าถ้ามีคนทำผิดคิดร้ายอะไร เจ้าพระยาพิชัยสงครามที่ตามไปอารักขา แค่คนเดียวอุดประตูอยู่นี่ ศัตรูมาเป็นหมื่นก็เข้าไม่ได้ ถามว่าต้องระวังขนาดนั้นเลยหรือ ? เหตุที่ต้องระวังขนาดนั้นเพราะว่า ต่อให้ในหลวงรัชกาลที่ ๑ ไม่คิดร้าย ก็จะมีพวกเสือก คิดว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วพระองค์ท่านจะพอใจ เดี๋ยวช่วยจัดการให้ เพราะฉะนั้น...ท่านก็เลยต้องระวังตัวสุดชีวิต

โดยเฉพาะท่านที่เสียสละมาก ๆ เลยคือเจ้าพระยาพิชัยสงคราม หรือเจ้าพระยาพิชัยดาบหัก เจริญกรรมฐานด้วยกันแล้วตัวลอย...ปีติเกิด ไม่ทำต่อ ถามว่าทำไม ? ท่านบอกเดี๋ยวลอยไปที่อื่นไม่มีใครอยู่ดูแลรับใช้ ท่านเสียสละมากเลย

ส่วนใหญ่แล้วต้องบอกว่าแม่ทัพนายกองขุนศึกสมัยก่อน กำลังสมาธิสมาบัติดีอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่แล้วก็คือพวกเล่นของ เล่นคาถาอยู่ยงคงกระพันกันมาก่อน เมื่อหันกลับมาประพฤติปฏิบัติธรรมก็ได้เร็ว อย่างพระยาพิชัยฯ ท่านกลัวว่าถ้าลอยไปเดี๋ยวไม่มีใครอยู่ถวายการรับใช้ ก็เลยเลิกปฏิบัติ ขนาดเลิกปฏิบัติแล้วเวลานั่งอยู่ยังต้องเอาเชือกล่ามติดพื้นไว้...กลัวจะลอย

คนที่เข้าถึงปีติใหม่ ๆ นี่แค่นึกก็จะเป็นแล้ว ก็เลยต้องเอาเชือกล่ามตัวเองติดไว้ ถึงเวลาก็ผูกกับก้อนหินไว้ หลวงพ่อสินถามว่าทำอะไร ? ท่านบอกว่า ถ้าไม่ผูกไว้เดี๋ยวลอยไปที่อื่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 06-12-2018, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พักเดียวเท่านั้นธนบุรี ๒๕๐ ปีแล้ว พระที่นั่งสมาธิกัน ประพฤติปฏิบัติกัน กลายเป็นเครื่องมือหากิน ถามว่าทำไมถึงเรียกว่าเครื่องมือหากิน ? ก็ออกวัตถุมงคลไว้จำหน่าย เสร็จแล้วก็เอาพวกเราเป็นเครื่องมือหากิน ถึงเวลาก็นิมนต์ไปเสก

อาตมาเองนั่งอยู่ตรงกลาง ทางด้านขวามีหลวงพ่อป้อม วัดหนองม่วง ทางด้านซ้ายก็หลวงปู่ตี๋ ท้ายสุดต้องคุยกับหลวงพ่อป้อมคนเดียว หลวงปู่ตี๋ไม่ได้ยิน ถ้าต้องตะโกนก็เสียมารยาท ก็เลยตัดใจไม่คุยกับหลวงปู่ หลวงปู่ตี๋ วัดหูช้าง ก่อนหน้านั้นก็หลวงปู่กี๋ วัดหูช้าง ชื่อคล้ายกันเลย

ถามหลวงพ่อป้อมว่ากฐินเป็นอย่างไรบ้าง ? ท่านว่าปีนี้ไม่ดีเลย ได้แค่ ๙๐๐,๐๐๐ กว่าบาท อาตมาก็เออ...ถ้าระดับพระเกจิอาจารย์ดังแล้วยังได้แค่ ๙๐๐,๐๐๐ กว่าบาทก็แปลว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ทำไมคสช.หรือรัฐบาลเขาบอกว่าดีมาก ? ใช้ตำราคนละเล่มกันหรือ ?

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านน่าจะอยู่ในฐานะเทพเจ้าไปแล้ว จะเห็นว่าพระบรมราชานุสาวรีย์ที่วงเวียนใหญ่ มีคนไปบนกันเยอะแยะ เอ้า...บนไปเถอะ ก่อนหน้านั้นท่านเป็นเทวดา เป็นพรหม ขึ้นไปตามลำดับ ก็ต้องบอกว่าช่วยเขาแต่ก็ไม่ได้มาก ตอนนี้เป็นพระแล้วน่าจะช่วยได้มากขึ้น แต่ก็คงจะจำกัดเรื่องที่ช่วย เพราะว่าพอเป็นพระแล้วต้องเอากฎของกรรมเป็นใหญ่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 06-12-2018, 18:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อวัดท่าซุงสร้างรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไว้หลังเหรียญ เรียกว่าเหรียญกูผู้ชนะ ท่านบอกว่าพระเจ้าตากไม่เคยแพ้...ก็ใช่นะ ไม่เคยรบแพ้ใคร แต่ถามว่าเคยถอยทัพให้ใครไหม ?...เคย ตอนไปตีก๊กเจ้าพระฝาง ต้องพระแสงปืนที่พระชงฆ์ก็คือหน้าแข้ง ถามว่าหน้าแข้งซ้ายหรือขวา ? ซ้าย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าเรื่องอะไรให้ฟังท่านถามอาตมาหมด อย่างเช่นถามว่า สมเด็จพระศรีสุริโยทัยโดนฟันขาดสะพายแล่งนี่บ่าขวาหรือบ่าซ้าย ? พระยาพิชัยดาบหัก ดาบซ้ายหรือขวาหัก ?

อาตมาต้องตอบได้ก่อน ตอบไม่ได้ก็ไม่ได้ฟังต่อ พอท่านทดสอบแบบนี้บ่อย ๆ ก็เลยไม่กลัวการทดสอบ ถึงเวลาเข้าโบสถ์แต่ละที หลวงพ่อบอกว่าจะทดสอบมโนมยิทธิ ทุกคนก็ตั้งใจเข้าสมาธิก้มหน้าดูดินกันหมด ไม่มีใครกล้าสบตาท่านเลย ถามว่า "วันนี้ทดสอบดีไหมวะเล็ก ?" “ดีครับ” พวกมองตาเขียวปั๊ดเลย จำไว้ว่าอย่ากลัวครูและอย่าอายครู เราจะได้รู้ว่าผิดตรงไหน จะได้แก้ไขให้ถูก ต่อไปก็ทำได้ถูกเอง ถ้ามัวแต่กลัวครู อายครู หน้าไม่ด้านพอ ไม่เก่งหรอก

การรบกับเจ้าพระฝางต้องบอกว่าท่านเป็นพระจริง ๆ เป็นพระแล้วมีความสามารถ มีอภิญญาสมาบัติ คนเคารพกันมาก ก็เลยยกท่านขึ้นเป็นใหญ่ ตั้งตัวขึ้นมาก๊กหนึ่ง ท่านน่าจะมีพวกคาถาคัดของ ก็เลยทำให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบประเภทเนื้อดี หนังดี ฟันไม่เข้า แทงไม่เข้า โดนยิงที่หน้าแข้งเป็นแผลได้ ก็เลยต้องถอยให้ก่อน หลังจากนั้นค่อยบุกไปตีใหม่แล้วก็ชนะ แต่ว่าจับตัวไม่ได้

พวกได้อภิญญานี่เดินทะลุไปไหนก็ไม่รู้ รบชนะแต่จับตัวหัวหน้าข้าศึกไม่ได้ เพราะว่าหัวหน้าข้าศึกเป็นพระแถมได้อภิญญาด้วย เป็นก๊กเดียวที่ไม่สามารถจะปราบปรามได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 06-12-2018, 18:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ต้องบอกว่าพระองค์ท่านถึงที่จริง ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นผู้หญิง ความที่ตั้งใจจะช่วยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไร ไสช้างพุ่งเข้าไปเลย ปรากฏว่าไปอยู่ในจุดที่เขาถนัดพอดี เอี้ยวตัวได้ก็จ้วงเต็มที่เลย ถ้าหากว่าเข้าทางด้านขวาโอกาสรอดมีสูง เพราะว่าเป็นข้างที่พระเจ้าแปรฟันไม่ถนัด ไปเข้าทางด้านซ้าย อีกฝ่ายเบี่ยงตัวนิดเดียวก็เหวี่ยงมาเต็ม ๆ ขาด ๒ ท่อนเลย

รุ่นพวกเราคงไม่ต้องสอบหรอกนะ สอบไปก็ตก...! มี ๒ อย่างก็คือเดา ไม่ดูเลยใช้วิธีเดา อาตมาไม่เดาเพราะรู้ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรู้จริง เดาไม่ได้ เดาเมื่อไรโดนด่าอีก

โบราณเขาบอกว่า ‘วิชาแม้เกียจคร้านการหัด เกิดสนิมจับถนัดนักตื้อ’ เพราะฉะนั้น..เรื่องของมโนมยิทธิจะศึกษาให้คล่องตัว ต้องซักซ้อมบ่อย ๆ เมื่อวานนี้ท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา เป็นอาจารย์ผู้ประสานงานการสอบธรรมศึกษาของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา บอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมขึ้นไปนั่งสมาธิที่พระเจดีย์วัดท่าขนุน เห็นพระฤๅษีมา ผมควรจะทำอย่างไรต่อ ?” ก็เลยบอกว่า “อาจารย์จำให้ได้ก่อนว่าเราปฏิบัติไปเพื่ออะไร ไม่อย่างนั้นจะหลงทาง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 06-12-2018, 18:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันก่อนไปประชุมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ก็นั่งปรารภกันว่า ที่ประชุมเขาจัดเหมือนอย่างกับจะสอบพระอุปัชฌาย์ ทางด้านรองเจ้าคณะอำเภอ พระครูกาญจนาปัญญาวุฒิ วัดเขื่อนวชิราลงกรณถามว่า “อาจารย์เล็ก..ปีนี้ส่งพระสอบคู่สวดหรือเปล่า ?” ตอบว่า “ไม่ได้ส่งครับ เพราะว่าต้อง ๗ พรรษา ถ้าหากว่าระเบียบของพระพุทธเจ้าคือ ๕ พรรษา แล้วหลังจากนั้นของเรามาขยับกันเองว่าต้อง ๖ พรรษา ปัจจุบันนี้เอา ๗ พรรษา”

ก็เลยบอกท่านว่า “รุ่นเก่า ๆ ผมส่งหมดแล้ว เหลือแต่รุ่นใหม่กำลังเข้าพรรษา ๗ กันอยู่ ก็คงต้องรอส่งปีหน้า” ท่านบอกว่า “พระอาจารย์เล็กส่งเขาอยู่แล้ว ต่อไปผมขอใช้บริการด้วยนะ” ก็ถามว่าอะไรหรือ ? “บริการคู่สวด ของอาจารย์มีคู่สวดเต็มวัด ถึงเวลาถ้าผมมีบวชจะได้โทรไปบอกเลขาฯ ว่าให้ส่งคู่สวดมาช่วยบ้าง” ก็เรียนท่านไปว่าด้วยความยินดี แล้วถามท่านว่าคิดอย่างไร ? ท่านก็ว่าอาจารย์เล็กอบรมพระเก่ง ก็บอกไปว่า“ผมก็ไม่ได้อบรมเท่าไรหรอก นอกจากด่า...!” บอกว่าอบรมพระเก่ง เพราะพระมักจะทำนั่นทำนี่ได้มากกว่าวัดอื่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 06-12-2018, 18:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องของการอบรมพระมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ‘ทำให้ดู อยู่ให้เห็น’ ทำให้ดูอยู่ให้เห็นคือ ตัวเราต้องเป็นตัวอย่างเอง คราวนี้การที่ตัวเราต้องเป็นตัวอย่างเองจะเหนื่อยมาก ถามว่าเหนื่อยตรงไหน ? เพราะว่าบุคคลที่ถอดแบบไปมักจะไม่ได้เท่าต้นแบบ ในเมื่อไม่ได้เท่าต้นแบบ สมมติว่าเราต้องการจะให้เขาได้ ๑๐๐% เราต้องแสดงให้เขาดู อาจจะต้อง ๑๒๐% หรือ ๑๕๐% เพราะฉะนั้น..จะเหนื่อยมาก ก็คือคุณตะกายได้ไม่เท่านี้หรอก แต่จะ ๑๐๐% พอดี ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเหนื่อยมาก

ทางเจ้าคณะอำเภอเขามอบให้ดูแลงานธรรมศึกษาทีหนึ่ง ๓-๔ โรงเรียน ถึงเวลามีงานอะไรที่เป็นส่วนกลางก็มักจะขอให้พระทางวัดท่าขนุนไปช่วย ท่านบอกว่าพระอาจารย์เล็กโชคดีมีทีมงาน อื้อหือ...ถ้าหากบอกว่าโชคดีนี่ ก่อนจะโชคดีอาตมาก็เหนื่อยลิ้นห้อยเลย เพราะว่าหลังงานทุกครั้งเราต้องมาสรุปงาน บอกเขาว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน ถึงเวลาก็ต้องแก้ไข จะได้มีประสบการณ์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-12-2018 เมื่อ 08:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 06-12-2018, 18:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเปิดกระทู้คนมีเงินฯ ได้มา ๒๑ ล้านกว่าบาท ค่าก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ ๔๓ ล้าน ๒ แสนบาท ก็น่าจะเหลืออยู่อีกประมาณ ๒๐ ล้านเศษ ๆ แต่ตั้งใจว่าเปิดอีกแค่เดือนเดียว เนื่องจากว่ากฎหมายใหม่ออกแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ จะบังคับใช้ เพราะฉะนั้น..เราก็ต้องปิดกระทู้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 06-12-2018, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปอบรมก่อนสอบของนักธรรมชั้นตรี อาตมาก็นั่งสองแถวไป นั่งสองแถวกลับ คนขับสองแถวก็ถามว่า "อาจารย์นั่งรถอย่างนี้จริง ๆ หรือ ?" อะไรวะ...นั่งมาตั้งเท่าไรแล้ว นี่เห็นอาตมาเท้าไม่ติดดินหรือ ? เลยบอกว่า ถ้าไม่เกรงใจว่าต้องเดินตั้งครึ่งค่อนชั่วโมงจะไม่ทันเวลานี่ก็เดินไปแล้ว

เมื่อวานนี้ไปคุมสอบที่โรงเรียนก็เดินไป แต่งวดนี้โรงเรียนเขารู้แกว เขาเอารถไปดัก กลัวพระอาจารย์จะเดินไกล ระยะทางไม่ยากสำหรับอาตมา เดินจนชิน แต่คนอื่นเขาบ่นกัน ออกไปข้างนอกแต่ละทีเดี๋ยวรถคันโน้นก็จอดรับ รถคันนี้ก็จอดรับ บอกว่าขอบคุณเป็นอันขาด ขอเดินเองบ้าง เดี๋ยวจะเป็นง่อยตาย...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2018 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 06-12-2018, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พาราณสีเป็นเมืองสำคัญมาก เป็นที่เดียวที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วไม่มายุ่งด้วยเลย จะสังเกตว่าทุกวันนี้ยังเหมือนกับโบราณ เพราะว่าอยู่ริมแม่น้ำคงคา เป็นสถานที่ฮินดูฝังรากลึกมาก พระพุทธเจ้าท่านไม่อยากขุดรากเขาให้เสียเวลา ไปที่อื่นได้ประโยชน์มากกว่า

พระองค์ท่านจำพรรษาแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันกรุงพาราณสี หลังจากนั้นก็แทบจะไม่ไปแตะพาราณสีเลย ไปลุยที่อื่นดีกว่า พาราณสีต้องบอกว่าเป็นรากแก้วของฮินดู มัวแต่ไปขุดรากอยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2018 เมื่อ 08:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 06-12-2018, 23:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "มีพระปิดตาอยู่องค์หนึ่ง เข้าไปในตลาดแล้วเห็นเขากำลังส่อง กำลังถกกันอุตลุดว่าไม่เคยเห็น อาตมาแหย่ไปแหย่มา ท้ายสุดไม่มีใครซื้อก็เลยคว้าไว้เอง ราคาไม่แพงมาก พอได้มาเสร็จสรรพแล้วค่อยเฉลยให้เจ้าของว่า นี่แกะจากกะโหลกผี..!"

ถาม : ไม่มีใครเอา ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่มีใครเอา พวกเขาไม่รู้ พวกเล่นของนี่ถ้าไม่รู้เขาจะไม่แตะเลย เพราะว่ากลัวของปลอม เวลามีวัตถุมงคลแปลก ๆ ก็ไปนั่งส่องกัน ถ้าสรุปไม่ได้ว่าคืออะไรเขาจะไม่เปิดราคาให้ ต้องบอกว่าเป็นสันดานเซียน อะไรที่เอาไปแล้วตัวเองไม่รู้ว่าจะออกได้หรือเปล่า เขาจะไม่แตะ อาตมาเองก็ไปมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่ง พอเขาว่างก็หยิบมาถามราคาเท่าไร ? เห็นไม่แพงก็เอามา ซื้อมาเสร็จสรรพค่อยบอกเขานี่กะโหลกผีตายโหง ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เขาเอามาทำวัตถุมงคล

ถาม : ต้องบอกเจ้าของกะโหลกไหมคะ ?
ตอบ : มาถึงอาตมาอุทิศส่วนกุศลให้หมด ถ้าเป็นผี
แบบเดิมจะช่วยเราได้หน่อยเดียว

ถาม : บางคนเขาทำเพื่อใช้งานผี ?
ตอบ : บางคนผูกเอาไว้จนไปไหนไม่ได้ กี่ปี ๆ ก็ต้องอยู่อย่างนั้น...น่าสงสาร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2018 เมื่อ 08:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 06-12-2018, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาเอากะโหลกตรงส่วนไหนคะ ?
ตอบ : เขาเอาตรงแค่ช่วงกลางหน้าผากนี้ ตรงนี้เป็นแหล่งพลังงาน ทางอินเดียเขาเรียกกุณฑาลินี เป็นแนวของตาที่สาม ก็เลยกลายเป็นว่าพอถึงเวลาก็เล่นเฉพาะกะโหลกตรงนั้น

มีปั้นเหน่งกะโหลกผีอยู่ ๓ อัน กำลังรอดูอยู่ว่าเมื่อไรจะมีอีก ของพวกนี้ถ้าเราไปแล้วคนเขาไม่รู้ก็ได้เปรียบเขา แต่ถ้าคนเขารู้นี่โก่งราคา ตอนก่อนนี้ยังราคาไม่แพง ไปแพงสมัยอาจารย์วิลักษณ์ ศรีป่าซาง แกทำงานวิจัย แกเจอแล้วซื้อหมด เขาเลยรู้ว่ามันขายได้ พอรู้ว่าขายได้ก็โก่งราคากันใหญ่

อาจารย์วิลักษณ์มีจนจะท่วมบ้านอยู่แล้ว เข้าไปนี่เฉพาะฟันม้าที่เขาเอาไว้ทำเป็นสายสร้อยคล้องเอวของพวกชาวเขา อาจารย์วิลักษณ์น่าจะมีเป็นร้อยเส้นแล้วกระมัง ฟันคนนี่มีแกะเป็นพระพุทธรูปด้วย แกะเป็นพระองค์จิ๋วเดียว แต่ขอโทษ...เจ้าของเขาเห็นว่าเป็นฟันบรรพบุรุษอย่างไรเขาก็ไม่ปล่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-12-2018 เมื่อ 08:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 06-12-2018, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันคุมสอบวันสุดท้าย ก็คือพระจะมีสอบนักธรรมสนามหลวงก่อน คำว่าสนามหลวงก็คือสมัยก่อนในหลวงเป็นเจ้าของสนามสอบ พระองค์ท่านจะจัดสอบความรู้ของพระเณร ก็สอบกันแถวระเบียงพระบรมมหาราชวังนั่นแหละ เขาก็เลยเรียกว่าสนามหลวงมาจนทุกวันนี้

สอบชั้นโทแล้วก็สอบชั้นเอก อาตมาจริง ๆ แล้วเป็นประธานกำกับห้องสอบนักธรรมชั้นโทห้องที่ ๗ แต่ปรากฏว่าห้องที่ ๔, ๕, ๖, ๗ ฝากพระอาจารย์เล็กหมดเลย หลังจากนั้นก็มาสอบธรรมศึกษาของฆราวาส คราวนี้ธรรมศึกษาปีนี้เป็นการสอบแบบหลักสูตรใหม่ คือของเก่านี่เขามีธรรมศึกษาชั้นตรี ธรรมศึกษาชั้นโท ธรรมศึกษาชั้นเอก เรียนเกือบเท่าพระ คราวนี้ยกเว้นอย่างเดียวก็คือวิชาพระวินัย คือศีลพระ ธรรมศึกษาตรีเขาไปเรียนเบญจศีล-เบญจธรรม ธรรมศึกษาโทไปเรียนอุโบสถศีล แล้วธรรมศึกษาเอกไปเรียนกรรมบถ ๑๐

เขาเห็นว่าความรู้ชาวบ้านจะเยอะไปก็เลยเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนเป็นหลักสูตรธรรมศึกษาตรี-โท-เอกระดับประถม ตรี-โท-เอกระดับมัธยม ตรี-โท-เอกระดับอุดมศึกษา แล้วก็ตรี-โท-เอกสำหรับคนทั่วไป กลายเป็นซอยส่วนที่เคยเรียนไปเป็น ๔ ชั้น ก็เลยเหลือให้เรียนชั้นละนิดเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2018 เมื่อ 08:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 06-12-2018, 23:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปรากฏว่าปัญหาใหญ่ที่อาตมาเจอก็คือ นักเรียนขาดสอบทั้งห้อง ห้องละ ๓๐ คนไม่มาเลย บางทีห้องละ ๓๐ คน มากัน ๓-๔ คน ก็ถามเหตุผลเขาว่าทำไม ? เขาบอกว่าเรียนมาแล้ว ในเมื่อเขาเรียนของเก่ายากกว่า แล้วจะมาบังคับให้เขาสอบของใหม่ทำไม ?

ปัญหาใหญ่คือกรรมการอย่างพวกอาตมา ต้องมาขีดฆ่ารายชื่อที่ไม่ได้สอบ แล้วก็เขียนว่าหมายเลขไหนไม่ได้สอบ เขาไม่ให้เขียนว่าหมายเลขไหนสอบ ก็แปลว่าห้องนั้นถ้าขาด ๓๐ คน ก็คือเขียน ๓๐ หมายเลข ปีก่อนโน้นอาตมาเจอทีหนึ่งตอนเอา กศน. เข้ามาสอบใหม่ ๆ เพราะว่าเป็นงานของเขตพื้นที่การศึกษาของเขา ในเมื่อเป็นของเขตพื้นที่การศึกษา พวกหน่วยงานเกี่ยวกับการศึกษาทั้งหมดก็ต้องส่งมาเรียน ส่งมา ๑,๐๐๐ กว่ารายชื่อ มาสอบ ๑ คน อาตมาแค่เขียนว่าใครขาดสอบก็จะเป็นลมแล้ว เมื่อวานนี้กว่าจะเลิกก็เลยเกือบค่ำ กว่าจะตะกายมาถึงบ้านเติมบุญนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเวลา

บางทีการจัดสอบของเขาก็ต้องบอกว่า ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เรากำหนดล่วงหน้าเป็นปี อย่างงานสอนกรรมฐานกับรับสังฆทาน อาตมาเองก็ต้องสละเวลาส่วนตัวให้กับส่วนรวมเขาไป โดยเฉพาะอาตมาโดนไม่เหมือนกับชาวบ้าน ก็คือโดนเป็นประธานกำกับห้องสอบธรรมะศึกษา ๓ โรงเรียน ของคนอื่นเขาจะ ๑ โรงเรียน ที่ ๓ โรงเรียนเพราะว่าวัดท่าขนุนอยู่ในเขตเทศบาล โรงเรียนทั้งหมดในเขตเทศบาลก็เป็นของวัดท่าขนุนไป

นี่ยังดีนะว่าโรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิยังไม่ยอมนำส่งเด็กสอบ คือโรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิค่อนข้างจะเน้นด้านการศึกษา เขาบอกว่าการที่เรียนแค่ไม่กี่วันแล้วให้เด็กสอบ เด็กเขายังไม่รู้จริง เพราะฉะนั้น..รอให้เด็กโตกว่านี้หน่อย ก็คือเขามีแค่ระดับ ป. ๖ เพราะว่าธรรมะศึกษาระดับประถมศึกษานี่ให้ประถม ๔ ประถม ๕ ประถม ๖ สอบได้ ก็คือประถม ๔ ถ้าสอบตรีได้แล้วประถม ๕ จะได้สอบโท ประถม ๖ จะได้สอบเอก เสร็จแล้วพอไปมัธยม ๑ ก็สอบตรี มัธยม ๒ สอบโท มัธยม ๓ สอบเอก ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะโดน ๔ โรงเรียน วิ่งรอกกันขาหักไปข้างหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-12-2018 เมื่อ 08:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 06-12-2018, 23:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,188 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อวานนี้ระดมสรรพกำลังที่มีอยู่ออกไปเพื่อคุมสอบหมดเลย ก็คือพระหนึ่งรูปคุมหนึ่งห้อง เฉพาะของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ๑๖ ห้อง อนุบาลทองผาภูมิ ๑๒ ห้อง แล้วยังมีโรงเรียนจันเดย์ ยังมีโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศที่พระวัดท่าขนุนไปเป็นเจ้าอาวาส ก็ต้องแบ่งพระให้เขาไปอีก...หมดวัดเลย ขนาดมีพระ ๔๐ กว่ารูปนะ เหลือหลวงตาแก่หนึ่งรูปกับเณรเฝ้าวัด

มีคนเขาบอกว่าเอาแม่ชีไปบ้าง ไปคุมสอบ บอกว่าไม่ได้ เกรงใจเจ้าภาพ ก็คือพระไปคุมสอบเขามีเจ้าภาพเลี้ยง บอกแม่ชีกับเณรว่าไม่ต้องไป เพราะว่าแม่ชีกับเณรต้องฉันแยกต่างหาก เขาต้องจัดอีกโต๊ะหนึ่งไปเลย ลำบากเขา พวกอาตมาเองประเภทไปกัน ๑๖ รูป ให้เขาจัดแค่ ๓ โต๊ะ ไม่อย่างนั้นเขาจะจัด ๔ โต๊ะให้ บอกว่าไม่ต้อง..เยอะไป นั่งเบียดกันหน่อยก็ได้ เขากะให้ซ้ายขวาหน้าหลัง ๔ รูปต่อหนึ่งโต๊ะ..มากไป อย่างไรก็ฉันไม่หมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..แบ่ง ๆ แย่ง ๆ กันหน่อยก็ดูท่าจะอร่อยมากขึ้น

งานคณะสงฆ์เยอะมากย่อมต้องการผู้เสียสละ โดยเฉพาะเรื่องของธรรมศึกษา ปัจจุบันนี้จริง ๆ แล้วกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพ เขตพื้นที่การศึกษาต้องรับผิดชอบ แต่ปรากฏว่าแทบจะทั้งหมดปัดงานมาให้คณะสงฆ์ คือพวกเรามีความชำนาญมาตั้งแต่ต้น เป็นเจ้าของงานมาตั้งแต่ต้น เขาก็เลยไม่ยอมให้พระวางมือ พระเรามีหน้าที่เข้าไปสอนแล้วก็เป็นพี่เลี้ยงดูอยู่ห่าง ๆ ให้เขาจัดกันเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น พระต้องเป็นกำลังหลักอยู่ตลอดเวลา แล้วทางด้านแม่กองธรรมสนามหลวง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนรับงบประมาณมาก็ประหยัดงบโคตร..! ถามว่าประหยัดแบบไหน ? แทบทุกอย่าง ตอนเวลาสอบอย่างของอาตมานี่ กระดาษ ปากกา ตัวเย็บกระดาษ กาว สารพัด ต้องซื้อกันเอง แล้วตัวรับงบประมาณนั่งยิ้มเฉย ถึงเวลาก็สั่งการ โน่น...สอบได้เมื่อไรค่อยคิดค่าหัวให้ ถ้าเด็กสอบตกเราก็ไม่ได้อะไรเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2018 เมื่อ 08:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว