กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-05-2019, 08:58
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default เรื่องปริยัติและการภาวนา

๑.ผมอ่านเรื่องกรรมในวิกิพีเดีย และเขาอธิบายว่าอโหสิกรรมคือ กรรมที่เลิกให้ผล ไม่มีผลอีก แปลว่าถ้ามีโจรไปขโมยของจากผู้ชายคนหนึ่งแล้วโจรก็สำนึกผิด และผู้ชายคนนั้นก็อโหสิ แปลว่าโจรคนนี้ก็ไม่ต้องเสวยผลแห่งกรรมที่จะทำให้ตกนรก และของหายไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามหรือเปล่าครับ

๑.๑ และผมอ่านเรื่องในสมัยพุทธกาลที่มีนายพรานที่ถือหอกอยู่ได้เดินสวนกับพระ และนายพรานก็กะจะโยนหอกทิ้งเพื่อไม่ให้พระท่านกลัว แต่ดันไปโดนพระและพระท่านก็มรณะ ในข้อมูลที่ผมอ่านมา เขาบอกว่าเป็นเพราะอดีตชาติชาติ พระกับนายพรานเคยมีเวรมีกรรมกันมาก่อน เลยอยากถามว่าถ้าจะป้องกันไม่ให้เวรกรรมแบบนี้จะเกิดทำอย่างไรครับ และถ้าเราอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร โดยที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มาขอร้องอยากทราบว่าจะมีผลอะไรหรือเปล่าครับ

๒. อุปฆาตกรรม เขาอธิบายประมาณว่าเป็นกรรมตัดรอนและเป็นกรรมที่ร้ายแรงมาก และในพุทธกาลก็มีเด็กที่โดนอุปฆาตกรรมจะมาตัดชีวิตและจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านช่วยสวดมนตร์ ๗ วันแล้วเด็กก็รอด และบวชเป็นพระอรหันต์จนอายุ ๑๒๐ ปี ผมอยากทราบว่าที่พระท่านสวด อุปฆาตกรรมนั้นได้หมดไป หรือว่าแค่เลื่อนวาระครับ

๓. กรรมสามารถแยกได้ ๓ การกระทำ หนึ่งในนั้นคือ มโนกรรม ไม่ว่าจะคิดดีหรือคิดชั่วจัดว่าเป็นมโนกรรมหมด ผมอยากทราบว่า ถ้าเราแค่คิดแต่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด จะได้รับผลกรรมของการคิด จะเรื่องดีหรือเรื่องเลวหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างผมอยากมีมโนกรรมที่ดี เลยคิดไว้ว่าจะสร้างพระพุทธรูปทำด้วยเพชรใหญ่เท่าภูเขา และจะสร้างวัด สร้างโรงเรียน อยากถามว่าผมจะได้รับอานิสงส์ของการคิดในด้านดีหรือเปล่าครับ หรือได้แค่จิตใจเป็นกุศลถ้าตายตอนนั้นก็ไปสู่สวรรค์

๔. อาสันนกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในช่วงที่ใกล้จะตาย ผมอยากทราบว่าการกระทำแบบไหนถึงเป็นอาสันกกรรมครับ เท่าที่ผมทราบคือ การติดหนี้สงฆ์สามารถทำให้เราเห็นภาพไม่ดีตอนจะตายได้ และ การสร้างพระพุทธรูปจะทำให้เราเห็นภาพพระ หรือภาพที่สวย ๆ งาม ๆ ก่อนจะตายได้

๔.๑ ผมเข้าใจถูกหรือไหมครับว่า ถ้าเราทำกรรมจะด้านดีหรือชั่ววาระกรรมจะส่งผลช้าลง และวาระกรรมจะส่งผลเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับเจตนาตั้งใจมากน้อยเพียงใด ใช่ไหมครับ

๕. ผมอ่านหนังสือและดูสารคดีต่างประเทศชื่อว่าTop secret เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ให้มโนภาพไว้ เช่นถ้าอยากรวยประสบความสำเร็จ ก็มโนภาพว่าเรามีเงินมีทอง และก็มีตัวอย่างว่ามีหลายคนทำแบบนี้และรวยตามที่สารคดีบอก และเขาก็ยกตัวอย่างว่ามี ผู้ชายที่เป็นนักวาดรูป เขาต้องการมีสาว ๆ เยอะ เขาเลยมโนภาพว่ามีตัวเองถูกล้อมรอบไปด้วยสาว ๆ และก็วาดภาพที่อยู่ในหัวออกมา และเขาก็มีสาวเยอะแต่ผมก็ยังไม่เชื่อเพราะอาจจะเป็นหน้าม้าก็ได้ และในสารคดีอธิบายว่ามันมีพลังงานจักรวาลสามารถตอบรับพลังด้านบวกของความคิดได้ และผมลองเอาไปเปรียบเทียบพระพุทธศานาที่บอกว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าใจผ่องใสแล้ว จะพูดก็ตาม จะทำก็ตาม ความสุขย่อมติดตามไป เพราะเหตุนั้น เหมือนเงาตามตัวฉะนั้น แปลว่า ทฤษฎีของฝรั่งอันนี้ก็สามารถเป็นไปได้ใช่ไหมครับ เพราะสามารถสำเร็จด้วยใจได้ หรือว่ามีเรื่องบุญในอดีต มาเกี่ยวด้วยครับ

๖. เวลาผมฝึกดูลมหายใจเข้าออก และตอนจิตอยู่อุปจารสมาธิผมก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ภาษาคน แต่ผมไม่เห็นเจ้าของเสียงแต่แค่ได้ยินเฉย ๆ แปลว่าผมไม่มีทิพจักขุญาณหรือเปล่าครับ และการเข้าถึงอุปจารสมาธิแต่ละกรรมฐานสามารถเห็นผีเห็นเทวดา ได้หมดหรือเปล่าครับ

๗.ในด้านวิปัสสนา ผมอยากทราบว่า ๑ ในอายตนภายนอกคือธรรมารมณ์ และในวิกิพีเดียเขาอธิบายว่า "สิ่งที่ใจคิด ความคิด จินตนาการ สิ่งที่ใจเก็บมาคิด ที่เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต แล้วหน่วงดึงมาเป็นอารมณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ สัมผัสด้วยใจ" ผมสงสัยว่าจิตสังขารกับธรรมารมณ์ คืออันเดียวหรือเปล่าครับ และ ธรรมารมณ์สามารถรับรู้ได้ด้วยใจ ผมเลยสงสัยว่าธรรมารมณ์ ไม่มีวิธีที่จะกันไม่ให้เกิดใช่ไหมครับ

๗.๑ บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าอารมณ์ชั่ว และอารมณ์ที่จะทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน กำลังเข้ามาหาเรา ถ้าสติผมรู้เท่าทันก็สามารถต่อต้านไม่ให้เก็บความคิดพวกนี้มาคิด เพราะสติรู้ทันว่าถ้าเก็บมาคิดจะทำให้ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านแล้วจิตใจจะไม่สงบ พอไม่สงบแล้วก็จะคิดไปอีกยาวไม่มีจุดจบ บางครั้งผมก็รู้ตัวช้า ก็หยุดคิดแล้วทำอานาปานสติควบกับมรณสติ ผมอยากทราบว่าอาการที่ผมเล่ามา จะมีวิธีแก้แบบถาวรแบบไม่ต้องเจออารมณ์พวกนี้อีกไหมครับ

๗.๒ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ไฟ คือ ราคะ โทสะ และ โมหะ ตอนนั้นผมคิดว่าพระองค์ท่านอุปมาเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่หลังจากผมทำสมาธิและได้ทรงฌาน ๑ ครั้งแรกมันสุขมาก และจิตใจมันเบามาก มันไม่หนักอะไรเลยครับ ตอนนั้นเลยเข้าใจว่า พระพุทธองค์ท่านไม่ได้เปรียบเทียบแต่พูดจริง ๆ คำถามคือ พระอรหันต์ท่านตัดกิเลส ดับไฟกิเลสหมดแล้วเวลาท่านไม่เข้าฌานสมาบัติ ท่านรู้สึกสุขมากกว่าการเข้าฌานหรือเปล่าครับ และพระอรหันต์ท่านเข้าฌานเป็นปกติหรือเปล่าครับ

๗.๓ ผมอ่านมาว่าพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติเพื่อเสวยสุขเพื่อสงเคราะห์ญาติโยม ผมอยากถามว่านิโรธสมาบัติกับฌานในสมาบัติ ๘ ในแง่ของความสุขอันไหนสุขกว่ากันหรือครับ หรือสุขเท่ากันครับ

๘. หนึ่งในสัปปายะ ๗ คือ การที่ได้กินอาหารที่เหมาะสม ผมอยากทราบว่าพอจะมีอาหารอะไรที่กินแล้ว ช่วยส่งผลให้ปฎิบัติก้าวหน้าไหมครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : 19-05-2019 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-06-2019, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านเรื่องในสมัยพุทธกาลที่มีนายพรานถือหอกอยู่เดินสวนกับพระ นายพรานกะจะโยนหอกทิ้งเพื่อไม่ให้พระท่านกลัว แต่ดันไปโดนพระและพระท่านมรณภาพ เขาบอกว่าเป็นเพราะในอดีตชาติ พระกับนายพรานเคยมีเวรมีกรรมกันมาก่อน อยากทราบว่า ถ้าจะป้องกันไม่ให้เวรกรรมแบบนี้เกิดต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเกิด รีบไปพระนิพพาน ถ้าเกิดเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้นแหละ พระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ด้วย ต่างคนต่างเดินป่ามา มองเห็นกันตรงทางโค้ง สมัยก่อนเขาเชื่อว่านักบวชหัวโล้นคือตัวกาลกิณี พระท่านก็เกรงใจว่า ถ้านายพรานเจอตัวกาลกิณีจะหากินไม่ได้ ถ้ามากล่าวโทษท่านเขาก็จะเป็นบาป ท่านก็เลยหลบไปซ่อนในพุ่มไม้ ส่วนนายพรานเดินไปแถว ๆ นั้นก็คิดว่า เมื่อครู่นี้เราเห็นสมณะ ถ้าถืออาวุธไปท่านก็อาจจะรู้สึกไม่ดี เพราะว่าท่านเป็นผู้มีบาปอันลอยแล้ว ก็เลยเอาหอกพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อที่จะซ่อนเอาไว้ รอให้พระเดินผ่านไป แล้วค่อยเก็บขึ้นมาใหม่ ปรากฏว่าพระท่านหลบอยู่ในพุ่มไม้นั่นพอดี เรียกว่าเวรกรรมจัดสรร..! โดนอนันตริยกรรมไปตามระเบียบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร โดยที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มาขอร้อง อยากทราบว่าจะมีผลอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่มีผลอะไรเลย เพราะว่าการอโหสิกรรมก็คือ การโจทย์และจำเลยทั้งสองฝ่ายต้องมาอยู่ต่อหน้ากัน เอ่ยปากอโหสิกรรมต่อกัน ต่างฝ่ายต่างยกโทษให้กันจึงจะมีผล คุณไปเอ่ยอยู่ฝ่ายเดียว ก็เหมือนกับฝ่ายเราตัดโซ่ตรวนออก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิก ก็ตามจองเวรไปเรื่อยนั่นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อุปฆาตกรรมเป็นกรรมตัดรอนและเป็นกรรมที่ร้ายแรงมาก ในสมัยพุทธกาลก็มีเด็กที่โดนอุปฆาตกรรมจะมาตัดชีวิต และจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านมาสวดมนต์ ๗ วันแล้วเด็กก็รอด และบวชเป็นพระอรหันต์จนอายุ ๑๒๐ ปี ผมอยากทราบว่าที่พระท่านสวด อุปฆาตกรรมนั้นได้หมดไป หรือว่าแค่เลื่อนวาระครับ ?
ตอบ : อุปฆาตกรรม...ถ้าถึงวาระก็จะสนอง ถ้าพ้นวาระไปแล้วก็พ้นไป คราวนี้ตอนช่วงนั้นพระท่านอยู่ ก็เลยทำให้วาระกรรมช่วงนั้นไม่สามารถที่จะสนองท่านได้ เมื่อเวลาเลยไปแล้วก็จบกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การคิดดีหรือคิดชั่ว จัดเป็นมโนกรรมทั้งหมด อยากทราบว่า ถ้าเราแค่คิดแต่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด จะได้รับผลกรรมของการคิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้ทันที เพราะว่าจิตเศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้นมีสิทธิ์ไปอบายภูมิ

ถาม : แล้วถ้าผมคิดว่าจะสร้างพระพุทธรูปทำด้วยเพชรใหญ่เท่าภูเขา และจะสร้างวัด สร้างโรงเรียน อยากทราบว่าผมจะได้รับอานิสงส์ของการคิดในด้านดีหรือเปล่าครับ หรือได้แค่จิตใจเป็นกุศล ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจคิดจะเอากุศลถือว่าคิดชั่ว..! เพราะว่าเป็นโลภเจตนา อยากได้กุศลแล้วก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยโดยไม่ได้ทำ สิ่งที่คิดเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่าสิ่งที่คิดต้องเป็นไปได้ด้วย จึงจะเป็นกุศล

กำลังฟุ้งอยู่ตอนนั้น อาจจะได้ยินเสียงถามว่า “เจ้าเป็นอะไรตาย ?” แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นยังมีโอกาสรอดอบายภูมิสูงมาก เพราะว่าพระยายมท่านสอบถามละเอียดจริง ๆ อย่างน้อยเราน่าจะคิดออกว่าทำความดีอะไรมาบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 28-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อาสันนกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในช่วงที่ใกล้จะตาย อยากทราบว่า การกระทำแบบไหนถึงเป็นอาสันนกรรมครับ ?
ตอบ : ทุกประเภทของกรรมที่วาระนั้นมาถึงพอดี จัดเป็นอาสันนกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่ว วิธีที่จะพ้นจากอาสันนกรรมได้ก็คือต้องทรงจิตชนิดที่มีความคล่องตัวสูงมาก พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถทรงสมาธิได้ทุกเวลาที่ต้องการ โอกาสที่จะพ้นถึงจะมีได้ แต่บางคนทรงสมาธิจิตอยู่ กำลังต่ำไปนิดเดียวก็ยังโดนกรรมแกล้งจนหลุด แล้วก็โดนอาสันนกรรมครอบงำได้ เพราะฉะนั้น..โปรดระวังให้ดี ใครที่คิดว่าตนเองดีแล้ว โอกาสรอดยังน้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 28-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราทำกรรมไม่ว่าจะด้านดีหรือชั่ว วาระกรรมจะส่งผลเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเจตนาว่าตั้งใจมากน้อยเพียงใด ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?

ตอบ : เป็นแค่ส่วนเดียว สำคัญว่ากรรมที่คุณทำเป็นกรรมหนักหรือกรรมเบา ถ้าเป็นกรรมหนักที่เขาเรียกว่า ครุกรรม ก็ให้ผลเร็ว ถ้าเป็นกรรมเบาที่เรียก พหุลกรรม ก็ให้ผลช้า เพราะว่ากรรมมีอยู่ทั้งหมด ๔ หมวด ๑๒ ประเภท ถ้าต้องการจะศึกษาไปดูในกรรมทีปนีของหลวงพ่อวิลาศ ญาณวโร วัดยานนาวาก็ได้ รู้สึกสมณศักดิ์สุดท้ายของท่านคือพระพรหมโมลี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 28-06-2019, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านหนังสือและดูสารคดีต่างประเทศชื่อว่า Top secret เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ให้มโนภาพไว้ เช่น ถ้าอยากรวย ก็มโนภาพว่าเรามีเงินมีทอง แล้วก็มีตัวอย่างว่ามีหลายคนทำแบบนี้และรวยตามที่สารคดีบอก แต่ผมยังไม่เชื่อเพราะอาจเป็นหน้าม้าก็ได้ ในสารคดีอธิบายว่า มีพลังงานจักรวาลสามารถตอบรับพลังด้านบวกของความคิดได้ ผมลองเอาไปเปรียบเทียบกับพระพุทธศาสนาที่บอกว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าใจผ่องใสแล้ว จะพูดก็ตาม จะทำก็ตาม ความสุขย่อมติดตามไป เหมือนเงาตามตัว ฉะนั้น ทฤษฎีของฝรั่งนี้เป็นไปได้ใช่ไหมครับ หรือว่ามีเรื่องของบุญเก่ามาเกี่ยวด้วยครับ ?

ตอบ : มีเรื่องของบุญเก่ามาเกี่ยวด้วย ถ้าคุณคิดอยู่อย่างเดียว โดยไม่มีส่วนประกอบของปุพเพกตปุญญตา คือบุญเดิมที่เคยสร้างไว้ คิดให้ตายก็ไม่สำเร็จ ตามที่คุณบอกมาว่า มีบางคนที่คิดแล้วประสบความสำเร็จ ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง “ต้องทุกคนคิดแล้วประสบความสำเร็จ” ก็แปลว่าทุกคนที่คิดแล้วประสบความสำเร็จ เพราะว่ามีทานบารมีเก่ารองรับอยู่ ถึงวาระแล้วทานนั้นให้ผล เพราะว่ากำลังใจของเรามุ่งมั่น แต่ถ้าไม่มีส่วนของทานบารมีอยู่ ก็จะไปให้ผลในด้านอื่นแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 28-06-2019, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมฝึกดูลมหายใจเข้าออก ตอนจิตอยู่อุปจารสมาธิก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ภาษาคน แต่ผมไม่เห็นเจ้าของเสียง แค่ได้ยินเฉย ๆ แปลว่าผมไม่มีทิพจักขุญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นทิพโสตญาณแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 28-06-2019, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเข้าถึงอุปจารสมาธิของแต่ละกรรมฐาน สามารถเห็นผีเห็นเทวดา ได้ทั้งหมดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้เฉพาะในส่วนของกสิณบางกอง เช่น เตโชกสิณ คือ กสิณไฟ โอทาตกสิณ คือ กสิณสีขาว อาโลกกสิณ คือ กสิณแสงสว่าง หรือถ้าบุคคลนั้นเคยมีพื้นฐานทิพจักขุญาณมาจากด้านอื่น ๆ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว ก็จะสามารถรู้เห็นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 28-06-2019, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าอารมณ์ชั่ว และอารมณ์ที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน กำลังเข้ามาหาเรา ถ้าสติผมรู้เท่าทัน ก็สามารถต่อต้านไม่ให้เก็บมาคิด เพราะรู้ว่าจะทำให้ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านแล้วจิตใจไม่สงบ พอไม่สงบก็จะคิดไปไม่มีจุดจบ บางครั้งผมรู้ตัวช้า ก็หยุดคิดแล้วทำอานาปานสติควบกับมรณานุสติ อยากทราบว่าอาการที่ผมเล่ามา มีวิธีแก้ถาวรแบบไม่ต้องเจออารมณ์พวกนี้อีกไหมครับ ?
ตอบ : พยายามปฏิบัติให้ถึงสังขารุเปกขาญาณ ถ้าปฏิบัติถึงตรงจุดนั้น สติ สมาธิ ปัญญาที่ทรงตัว โดยเฉพาะตัวปัญญา รู้ว่าสิ่งใดคิดแล้วจะเกิดโทษ สิ่งใดคิดแล้วจะเกิดประโยชน์ ก็จะเลือกรับแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ วางในส่วนที่เป็นโทษ หรือถ้าอยากอยู่ในสุขวิหาร ก็ปล่อยวางทั้งในสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นโทษเลย โดยไม่ปรุงแต่งใด ๆ ก็แปลว่าต้องเป็นพระอริยเจ้าระดับสูงทีเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
พรรวินท์ (10-02-2023), พุทธภูมิ (05-03-2024), สุธรรม (29-06-2019)
  #12  
เก่า 28-06-2019, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ไฟคือราคะ โทสะ และโมหะ ตอนนั้นผมคิดว่าพระองค์ท่านอุปมาเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่หลังจากทำสมาธิและได้ทรงฌาน ๑ ครั้งแรกมันสุขมาก จิตใจเบามาก ตอนนั้นเลยเข้าใจว่า พระพุทธองค์ไม่ได้เปรียบเทียบแต่พูดจริง ๆ คำถามคือ พระอรหันต์ท่านตัดกิเลส ดับไฟกิเลสหมดแล้ว เวลาท่านไม่เข้าฌานสมาบัติ ท่านรู้สึกสุขมากกว่าการเข้าฌานหรือเปล่า หรือว่าท่านเข้าฌานเป็นปกติครับ ?
ตอบ : พระอรหันต์ต่อให้ไม่เข้าฌาน สภาพจิตก็เว้นจากการปรุงแต่งแล้ว ไฟรัก โลภ โกรธ หลง ดับหมดแล้ว แต่ด้วยความที่ท่านทรงความไม่ประมาทเป็นปกติ ก็ยังคงใช้อานาปานสติคือประกอบด้วยฌานเป็นปกติ พูดง่าย ๆ ก็คือ กำลังของฌานสามารถกดกิเลสเบื้องต้นได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็เลยไม่ยอมเว้นจากฌาน เพราะว่าไม่ประมาท ถ้าถามว่าพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกทรงฌานได้หรือ ? ขอยืนยันว่าพระอริยเจ้าทุกระดับทุกรูปแบบต้องทรงฌานได้ ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังจะไม่พอในการตัดกิเลส แต่เป็นการทรงฌานที่บางทีท่านก็ไม่รู้ตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 28-06-2019, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ เพื่อเสวยสุข เพื่อสงเคราะห์ญาติโยม อยากทราบว่า นิโรธสมาบัติกับฌานในสมาบัติ ๘ ในแง่ของความสุข อันไหนสุขกว่ากันครับ ?
ตอบ : นิโรธสมาบัติหยุดจากการปรุงแต่งทั้งปวง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สัญญาเวยิตนิโรธ ก็แปลว่าปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ส่วนในเรื่องของอรูปฌาน แม้จะเป็นในสัญญาเนวสัญญายตนฌานก็ตาม ต้องใช้กำลังของฌานกดกิเลสเอาไว้ จึงจะเข้าถึงความสุข จัดเป็นวิกขัมภนวิมุติ คือการหลุดพ้นโดยใช้กำลังฌานข่มเอาไว้ ดังนั้น...ในส่วนนี้ต่างกันมหาศาล คนหนึ่งต้องนั่งทับเอาไว้ อีกคนไม่ต้องทำอะไรแล้ว สบายกว่ากันเยอะเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 28-06-2019, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ๑ ในสัปปายะ ๗ คือ การได้กินอาหารที่เหมาะสม อยากทราบว่า พอจะมีอาหารอะไรที่กินแล้วช่วยส่งผลให้การปฏิบัติก้าวหน้าไหมครับ ?
ตอบ : พระกระโดดกำแพง..! อาหารทุกอย่างต้องดูว่าเหมาะกับธาตุขันธ์ของตนเองหรือไม่ อาตมาอยู่ภาคอีสานไม่ได้ เพราะว่าแพ้ข้าวเหนียว ฉันเข้าไปแล้วร้อนในปากพองเลย ฉะนั้น...อาหารแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับธาตุขันธ์ของตน ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนไป ในส่วนที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ โภชเนมัตตัญญุตาจึงสำคัญที่สุด ต้องรู้ประมาณในการกิน กินล้นกินเกินเมื่อไร ต่อให้อาหารเหมาะกับธาตุขันธ์เพียงใดก็เกิดโทษได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว