กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-10-2018, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ที่อยากจะบอกกับพวกเราในวันนี้ก็คือว่า การปฏิบัติของเรานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหวังผล การปฏิบัติจะหวังผล ต้องเลียนแบบราชสีห์จับเหยื่อ พระพุทธเจ้าตรัสว่าราชสีห์เมื่อจับเหยื่อไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่แค่ไหนก็ตาม จะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเสมอ โอกาสที่พลาดก็จะมีน้อยมาก

คราวนี้เราจะเลือกอะไรเป็นเหยื่อในการปฏิบัติของเรา ? ถ้านับจากการที่อาตมาปฏิบัติมาด้วยตนเอง ก็ใช้กรรมฐานหลายกองปนกันทีเดียว ถามว่าทำกรรมฐานหลายกองปนกันทีเดียวได้หรือ ? ขอตอบว่าได้..ถ้ามีความเข้าใจพอ

อาตมาใช้อานาปานสติหรือลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก กำหนดภาพพระพุทธรูปเป็นกสิณ พระพุทธรูปนั้นเป็นพระพุทธรูปแก้วคืออาโลกกสิณ การกำหนดภาพพระพุทธเจ้าของเรานั้น ถ้าหากว่าเรามีพระพุทธรูปองค์ที่เรารักเราชอบอยู่ หรือว่ามีพระเครื่องที่เป็นรูปพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบอยู่ ก็ให้ใช้รูปนั้นเป็นหลัก ก็คือนำพระพุทธรูปหรือพระเครื่องนั้นมาไว้ในสถานที่ซึ่งเรามองเห็นได้ง่าย สะดวก ไม่ต้องก้มมากเกินไป เงยมากเกินไป ลืมตามองภาพพระ พร้อมกับหลับตาลงนึกถึง และใช้คำภาวนาว่าพุทโธ

การกำหนดภาพพระนี้เราจะเห็นได้แค่ชั่วครู่เดียว ภาพพระก็จะเลือนไป เราก็ต้องลืมตาขึ้นมองภาพพระนั้นใหม่ แล้วหลับตานึกถึงอีก อาตมาขอยืนยันว่า วิธีการทำกสิณหรือเพ่งกสิณก็ทำแบบนี้ ลืมตามอง นึกถึงภาพพระ หลับตาลงแล้วนึกถึง ภาพพระจะติดตาเราอยู่ชั่วคราว จนกว่าสมาธิเราจะทรงตัว ภาพพระถึงจะติดตาเราได้นานขึ้น ใหม่ ๆ อย่าไปเอารายละเอียด เอาแค่ให้กำหนดนึกถึงภาพพระได้ก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 15:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-10-2018, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกำหนดภาพพระควบกับลมหายใจเข้าออก ก็คือเป็นอานาปานสติในพุทธานุสติและเป็นกสิณด้วย ก็ให้ประคับประคองภาพเหล่านี้เอาไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด พอเลือนไปก็ลืมตามองใหม่ ถ้าเราดูในคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านใช้คำว่า หลับตาลงนึกถึง เมื่อภาพเลือนไปก็ลืมตามองใหม่ แล้วหลับตาลงนึกถึง ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง

อาตมาก็ไม่ทราบว่าตัวเองทำไปกี่หมื่นกี่แสนครั้ง เพราะว่าใช้เวลาอยู่ ๓ ปี แต่ที่ต้องใช้เวลาอยู่ ๓ ปีเพราะว่าทำแล้วอยากได้ ตัวอยากก็เลยไปกีดกันเสียจนแทบจะเข้าไม่ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ว่าต่อให้นานกี่ปีก็ตาม ถ้าทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก

ถามว่าคุ้มค่าตรงไหน ? เมื่อภาพพระนั้นติดตาติดใจเรา ไม่ต้องมองก็นึกออก ก็ให้กำหนดภาพพระพร้อมกับลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาไปตามปกติ ภาพพระนั้นจะใสขึ้น สว่างขึ้น ไปตามลำดับ ยิ่งสมาธิทรงตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งใสสว่างมากเท่านั้น จนกระทั่งภาพพระนั้น สว่างไสวเหมือนกับพระอาทิตย์ยามเที่ยง เราก็กำหนดนึก ขอให้ภาพพระนั้นใหญ่ขึ้นหรือว่าเล็กลง ให้ปรากฏขึ้นหรือว่าหายไปได้อย่างใจของเรา ถ้าทำอย่างนั้นได้ เราก็สามารถใช้อำนาจกสิณในพุทธานุสติได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 15:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-10-2018, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถามว่าจะใช้กสิณในพุทธานุสติตรงนี้อย่างไร ? อาโลกกสิณนั้นมีอานิสงส์พิเศษคือ สร้างทิพจักขุญาณให้เกิด เราเห็นภาพพระได้ชัดเจนแจ่มใสเท่าไร เราก็สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้ชัดเจนแจ่มใสเท่านั้น เมื่อเห็นชัดเจนแจ่มใส จัดเป็นทิพจักขุญาณแล้ว ญาณอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้

เราใช้ทิพจักขุญานไปดูอดีต เรียกว่า อตีตังสญาณ ดูอนาคตเรียกว่า อนาคตังสญาณ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในปัจจุบันนี้ เรียกว่า ปัจจุปปันนังสญาณ ใช้ในการระลึกชาติเรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ กำหนดรู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน และตายแล้วไปไหน เรียกว่า จุตูปปาตญาณ รู้ว่าคนและสัตว์ทำกรรมอะไรไว้ ถึงวาระ ถึงเวลาต้องได้รับกรรมดีกรรมชั่วอย่างไร เรียกว่า ยถากัมมุตาญาณ และท้ายที่สุดถ้าสามารถชำระจิตให้ปราศจากกิเลสได้ เรียกว่า อาสวักขยญาณ

สรุปว่าสิ่งที่เราอดทนทำมา จะเนิ่นนานเท่าไรก็ตาม ถ้าทำได้จะคุ้มค่าอย่างยิ่ง สิ่งที่ต้องการรู้เราจะได้รู้ สิ่งที่ต้องการเห็นเราจะได้เห็น และเมื่อได้พื้นฐานกสิณกองหนึ่งแล้ว อีก ๙ กองที่เหลือก็เป็นเรื่องง่าย แค่เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการกำหนดเท่านั้นเอง ดังนั้น ถ้าหากว่าใครยังไม่มั่นใจว่าจะจับกรรมฐานกองไหน อาศัยที่พวกเราทำกันมานานแล้ว มีพื้นฐานเพียงพอแล้ว ก็ขอแนะนำให้เราใช้อานาปานสติ ควบกับพุทธานุสติ ให้เป็นกสิณในอาโลกกสิณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 20:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-10-2018, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถึงวาระท่านทั้งหลายก็กำหนดจิตสุดท้ายของเราไว้ที่พระนิพพานให้เป็นปกติ กำหนดว่าภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้คือพระพุทธนิมิตแทนองค์ท่าน พระองค์ท่านไม่อยู่ที่ใดนอกจากอยู่บนพระนิพพาน

เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ให้ทุกคนวางอารมณ์สุดท้ายในการปฏิบัติอย่างนี้ไว้เสมอ ถ้าสามารถทำให้ทรงตัวได้ ๓ นาที ๕ นาทีต่อกันทั้งเช้าและเย็น อาตมาขอยืนยันว่า ถ้าท่านตายลงไปจะสามารถเข้าสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2018 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว