กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-03-2020, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เป็นการปฏิบัติธรรมช่วงต้นเดือน ในบรรยากาศร้อนแรงของการระบาดจากไวรัส COVID-๑๙ ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้สามารถทำให้เราตระหนักได้ว่า ความตายนั้นอยู่กับเราอย่างใกล้ชิด

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า สัตว์โลกเกิดมาเท่าไร ตายหมดเท่านั้น แม้กระทั่งคนเรา เกิดมาเท่าไร ก็ตายหมดเท่านั้น แต่การที่เกิดเราใช้เวลาแค่ ๙ เดือน ๑๐ เดือนในท้องแม่ กว่าจะตายก็หลายสิบปี

เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจะรู้สึกว่าเกิดมากกว่าตาย แต่ความจริงแล้วเกิดและตายนั้นเท่ากัน เพราะว่าเกิด ๑ คน ก็ตาย ๑ คน เกิด ๒ คน ก็ตาย ๒ คน ในเมื่อเรารู้ว่าความตายอยู่กับเราอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ บุคคลที่ไม่ประมาทก็ย่อมมองไกลไปถึงโลกหลังความตาย ว่าตายแล้วจะมีสุคติที่ดี ๆ ให้ไป หรือมีทุคติที่ไม่ดีให้เราไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2020 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-03-2020, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อมองไปถึงโลกหลังความตาย บุคคลที่มีปัญญาก็จะเห็นความยาวนานไม่เห็นต้นเห็นปลายของการเวียนว่ายตายเกิด ก็ย่อมต้องเร่งในการสั่งสมคุณงามความดี ที่เรียกว่ากุศลบ้าง เรียกว่าบุญบ้าง เพื่อให้ตัวเรามีความพร้อมสมบูรณ์ในการที่จะเดินทางข้ามชาติข้ามภพ

หรือว่าท่านใดที่เบื่อหน่ายไม่ต้องการการเกิดอีกแล้ว เพราะว่าเกิดมาเมื่อไรก็มีแต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้ เกิดมาเมื่อไรก็ต้องเจอความเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ ก็ต้องใช้ศีล สมาธิ และปัญญาในการถอนตนออกจากความยึดมั่นถือมั่น ทั้งในร่างกายนี้ ทั้งในโลกนี้ และในสรรพสิ่งทั้งหลาย

ถ้าเราสามารถถอนความยึดมั่นถือมั่น ว่าร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเราได้ การที่จะถอนตนออกจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอื่นก็จะกลายเป็นของง่าย เพราะว่าการยึดติดในร่างกายนี้เป็นการยึดติดที่เหนียวแน่นที่สุด ถอนตัวออกมาได้ยากที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2020 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-03-2020, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น...ถ้าท่านยังไม่พร้อมในการที่จะเดินทางไกล ไม่พร้อมที่จะดิ้นรนถอนตนให้หลุดพ้น ก็ต้องเร่งสั่งสมคุณความดีให้มากไว้ หลักใหญ่ ๆ ก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา เราต้องระมัดระวังชำระศีลทุกสิกขาบทของเราให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นล่วงศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นล่วงศีล

สมาธินั้น อย่างน้อยเราต้องปฏิบัติภาวนาให้ทรงถึงระดับปฐมฌานละเอียด จะได้มีกำลังเพียงพอในการตัดกิเลส ถ้ายังทำไม่ถึงปฐมฌานละเอียด เราก็มีกำลังไม่พอในการตัดกิเลส ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบกันต่อไป และท้ายที่สุดการใช้ปัญญานั้น ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปอยู่ที่พระนิพพานที่เดียว

ถ้ากำลังใจสุดท้ายของเราเกาะตรงจุดนี้ได้ ก็แปลว่าท่านมีสุคติเป็นที่หวัง หรือถ้ามากกว่านั้นก็อาจจะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้เลย ดังนั้น..ในบรรยากาศที่ทุกคนหวาดกลัวเชื้อไวรัส COVID-๑๙ ก็ขอให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วก็คือเรากลัวตาย เมื่อเรากลัวตายก็ต้องดิ้นรนขวนขวายให้พ้นจากการตายการเกิด ก็คือพยายามหาทางหลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน ด้วยกฎเกณฑ์กติกาดังที่กล่าวมาแล้ว

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านบ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2020 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว